...เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องราวสมัยเรียนเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว... (แค่อยากจะบ่นหรือระบายเท่านั้น ไม่มีสาระใดๆ)
*********************************************************************************
ภาค 1 >>
http://www.pantip.com/topic/30002236
.... ในวันที่ 18 พ.ศ. วันนี้เป็นวันที่จะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้เขา โดยจะมีแต่เพื่อนๆของเขา
แต่ที่สำคัญมีแฟนของเขาไปด้วย และเขาเองก็ชวนผมไปด้วยเช่นกัน เราก็ตกลงกันอย่างดีว่าค่ำคืนนี้ในงานเลี้ยง
จะเป็นอย่างไร ผมเข้าใจดีว่าอย่างไง เขากับแฟนก็ต้องนั่งอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว
ทั้งๆที่ผมรู้ และก็รู้ว่าถ้าเราเห็นภาพนั้นเราจะต้องรู้สึกเจ็บ แต่ก็ไม่ยอมที่จะถอย ยังคิดที่จะไปงานเลี้ยง และเห็นภาพเขาอยู่ด้วยกัน
.... แต่ยังไม่ถึงเย็น ช่วงบ่ายๆ เป็นช่วงเลิกเรียน (คนเรียน ปวช. อาจจะรู้ดีว่าวันๆเลิกเรียนเร็วมาก บางวันเที่ยงก็ออกนอกโรงเรียนได้แล้ว)
เรานัดเจอกันที่ฝั่งตรงข้ามของโรงเรียน เป็นร้านขายของชำที่ไปเป็นประจำ ใบริเวณนั้นไม่มีใคร มีเพียงผม เขา และเพื่อนสนิทเขาที่เป็นทอมอีก 1 คนเท่านั้น
ในช่วงเวลาเช้าถึงบ่ายที่เราไม่ได้เจอกัน ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมรู้แต่ว่าตอนนั้น ผมเห็นเขาจ๋อยๆ นั่งหน้าหงอยเหมือนมีความเครียดอะไรอยู่
และแล้วคำพูดที่ไม่คาดคิดก็ออกมาจากปากของเขา เขาบอกกับผมราวกับข้อร้องไว้ได้โปรทำตามที่เขาพูดเถอะ
"อย่าไปงานเลี้ยงคืนนี้ได้ไหม" .... ตอนแรกที่ผมได้ยินก็รู้สึกช็อค และรู้สึกโกรธไปด้วยพร้อมๆกัน ว่าทำไมต้องมายกเลิกกลางคันแบบนี้
ผมได้แต่ทำหน้าตาหมดอารมณ์ หมดอะไรตายอยากใส่เขาไปเท่านั้น แล้วก็พูดว่าทำไม ไม่เอา จะไป จะไปอย่างเดียว...
เขาเองก็เหมือนจะรู้ว่าคำขอร้องของเขามันคงไม่ได้ผล เขาก็ได้แต่นั่งหน้าหงอย ราวกับคนเครียดมากๆ ไม่แม้แต่จะยิ้มออกมา หรือแค่อมยิ้มเล็กๆก็ไม่มี
ยิ่งผมเห็นหน้าเขาอย่างนั้น ผมยิ่งรู้สึกไม่ดี แล้วผมก็เริ่มใจอ่อน ยอมรับคำขอร้องของเขา
ผมเดินไปหาเพื่อนสนิทของเขา ยื่นเงินให้ก้อนหนึ่ง(ประมาณ 300 กว่าบาทผมจำไม่ได้) แล้วผมก็บอกกับเพื่อนว่าเขา
"นี่เป็นค่างานเลี้ยงคืนนี้นะ" ... แล้วผมก็เดินขึ้นรถตัวเอง แล้วขี่ออกไปอย่างเร็ว (เร็วมากเหมือนคนขาดสติกำลังขี่รถ)
แต่ระหว่างที่ผมขี่ไปได้สักพัก โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เป็นโทรศัพท์จากเขาที่โทรมาหา
ตอนนั้นผมควรที่จะไม่รับสาย เพื่อให้ปัญหาทุกอย่างมันจบๆลงไป แต่แล้ว.. ผมก็รับสายเขาจนได้
คำพูดของเขาคือ "กลับมานะ...กลับมานะเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่กลับมาไม่ต้องมาคุยกันอีก"
คำพูดนั้นทั้งกลัวจะเป็นจริง และทั้งดีใจที่เขายอมให้ผมไปงานเลี้ยงของเขา ผมวนรถกลับไปหาเขาที่เดิม และทุกอย่างก็กลับสู่สาวะปกติ
เมื่อถึงเวลา 16.00น. (ประมาณนี้แหละ) ทุกคนก็ไปเตรียมตัวกันที่บ้านของเพื่อนที่เป็นทอม
ตอนนี้มีคนหลายคน ทั้งหมดเป็นเพื่อนในกลุ่มของเขา (ไม่มีเพื่อนผมแม้แต่คนเดียว)
แต่ว่าในบ้านหลังนั้นไม่มีแฟนเขา เพราะเขาตกลงกันจะไปเจอที่งาน
เราไปกินเลี้ยงกันที่ร้านหมูกะทะชื่อดังแห่งหนึ่ง ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะชื่อ ร้านอาป๋า หมูกะทะ (เพราะว่ามันมีสาขาหลายจังหวัด)
ที่หน้าร้านเราก็ได้เจอกับแฟนเขา แต่ก็ไม่รู้สึกแปลก หรือตกใจอะไร เพราะเราสามคนเคยเจอกันบ่อยแล้ว
แต่แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิด เขาก็ไปนั่งกับแฟนเขา โดยที่ผมต้องนั่งอีกฝั่งหนึ่ง
สิ่งเดียวที่ผมนำคือ สั่งเบียร์ช้างมา 2 ขวดเพื่อกินคนเดียว ไม่แม้แต่จับหยิบหมูมากินเลย
(ผมเป็นคนไม่ค่อยกินเหล้าหรือเบียร์ จะกินเฉพาะมีงานสังสรค์เท่านั้น)
งานวันนั้นนอกจากจเป็นวันที่ผมรู้สึกแย่ที่สุด ยังเป็นวันแรกที่ผมกินเบียร์
ปกติผมกินอย่างมากก็แค่จิบๆในแก้วของเพื่อนเท่านั้น ผมกินเบียร์ไม่เก่ง กินทีไรก็รู้สึกขมตลอดเลยไม่ค่อยได้กิน
แต่วันนั้นผมกินเบียร์ราวกับกินน้ำเปล่า ผมไม่รู้สึกถึงความขมของมันเลย (ผมเป็นคนคออ่อนมาก)
หลังจากที่ผมกินหมด 2 ขวด ก็ทำให้ผมได้รู้ทันทีว่าอาการของคนเมามันเป็นอย่างไง มันรู้สึกตัวทุกอย่าง รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ แต่แค่ควบคุมตัวเองไม่ได้เท่านั้นเอง
เวลาผ่านไปถึงเที่ยงคืน งานเลี้ยงก็สิ้นสุดลง ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้าน
แต่ผมเมามาก กลับบ้านไม่ได้ เขาเลยต้องพาผมไปนอนที่บ้านเพื่อนเขาที่เป็นทอม
โดยเป็นที่นอนของเขาและแฟนเขา
.... ผมรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าคืนนี้เขากับแฟนเขาต้องไปนอนด้วยกัน และต้องมีอะไรด้วยกันแน่ๆ ผมถึงตัดสินใจที่จะไปงานเลี้ยงของเขา
และตั้งใจที่จะกินเบียร์ให้เยอะๆเพื่อให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ จะได้ไม่ต้องกลับบ้าน จะได้อยู่เป็นก้างขวางคอเขา
แล้วเหมือนสิ่งที่ผมทำมันจพสำเร็จไปตามที่คิด ผมได้เป็นก้างขวางคอเขาจริงๆ ในคืนนั้นเราต้องนอนกันสามคน
มีผม เขา และแฟนเขา ... ลักษณะการนอนคือแฟนเขาอยู่ตรงกลาง เขาอยู่ชินด้านใสุด และผมนอนด้านนอกสุด
แต่สิ่งร้ายๆที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเขามีอะไรกันข้างๆผม โดยไม่สนใว่าผมนอนอยู่ข้างๆเลย
ตอนนั้นถึงแม้ผมจะเมามาก ผมก็รู้ว่าเขากำลังมีอะไรกันอยู่ แต่ในขระที่ผมกำลังนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เขานอนจูบกันแฟนเขาโดนหันข้างเข้าหากัน แล้วมือของเขาที่อ้อมมาด้านหลังแหนเขา ก็เอื้อมมากุมมือผมไว้
เหมือนในการ์ตูนที่เห็นกันบ่อยๆ และแล้วเขาก็คุยกันเบาๆ ผมจำไม่ได้ว่าเขาคุยอะไรกัน
แต่คำหนึ่งที่ผมจำได้มาตลอด แฟนเขาพูดกับเขาว่า "ให้คบกับผมอีกคนก็ได้ รู้สึกว่าเขาทุ่มเทมากเหลือเกิน"
หลังจากเขาคุยกันเสร็จได้ไม่นาน สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกแล้ว มันอยู่นอกเหนือความคิดผมจนผมทำตัวไม่ถูก
เราทั้งสามคนมีอะไรกัน... (สวิงกิ้งสะงั้น) ผมก็ งงๆ แต่ผมก็ยินดีเพราะผมก็รู้สึกทนไม่ได้ที่เห็นเขามีอะไรกันข้างๆผม
โดยที่ผมได้แค่ฟังเท่านั้น ..........................................
.... และแล้วค่ำคืนนี้ก็ผ่านพ้นไป ทุกอย่างเหมือนจะดีหลังจากที่เราสามคนมีอะไรต่อมิอะไรกัน
วันรุ่ขึ้นผมมาโรงเรียนด้วยสภาพที่โทรมๆ จนเพื่อนๆมองออกว่าเมื่อคืนต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ
ช่วงเที่ยง เป็นช่วงที่ห้องเรียนของผมต้องขึ้นไปห้องประชุม (ขึ้นไปทำอะไรผมจำไม่ได้)
ในระหว่างที่เรานั่งคุยกัน (กับเพื่อนๆในกลุ่ม) ก็มีข้อความจากเขามาหาผมอีกครั้ง
"เราเลิกกันนะ ****ทำร้ายความรู้สึก***ไม่ได้อีกแล้ว อย่าคุยกันอีกเลย" (ประมาณนี้อะครับ ผมจำไม่ได้)
ผมเห็นแล้วผมก็ช็อคเหมือนเดิม และก็ร้องไห้ซบเพื่อนๆอีกเช่นเคย
.... แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ เขาตัดผมขาดได้จริงๆ เจอหน้ากันเขาก็ไม่มอง พยายามคุยเขาก็ไม่คุย
ราวกับเราเป็นศัตรูกันมานาน และเขาก็เริ่มใช้คำรุนแรง เช่น "อย่ามายุ่งกับกรุอีก"
ผมทั้งช็อค ทั้งเสีย จนเครียดมากๆ อารมณืคนอกหักแบบรุนแรง
เวลาผ่านไปหลายวันผมคิดมาก จนปวดหัว และเกิดอาการชักต่อหน้าเเพื่อนๆทั้งกลุ่ม
ตอนแรกเพื่อนคิดว่าสำออย คิดว่าแกล้ง ไม่มีใครสนใจเลยว่าผมจะเป็นหรือจะตาย
แต่แล้วมันก็เริ่มหนักขึ้น จนเพื่อนๆคิดว่าคงไม่แกล้งแล้วมั้ง ก็เลยหามไปส่งห้องพยาบาล
แต่ที่ห้องพยาบาลก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ จนต้องขึ้นรถตู้โรงเรียนไปโรงพยาบาลแทน
หลังจากหมอตรวจเสร็จก็สรุปอาการว่า เกิดจากการคิดมาก ฟุ่งซ่าน และเครียดมากจนร่างกายรับไม่ไหว
แต่อาการนั้นเหมือนอาการตัดสินชีวิต ผมรู้สึกแปลกใจมาก
หลังจากที่ผมหายจากอาการช็อคไป ผมก็ลืมเรื่องราวร้ายที่ผ่านมา ผมเห้นหน้าเขาก็ไม่คิดถึงเรื่องราวเก่าอีกเลย
ไม่แม้แต่จะเครียด หรือคิดอะไรถึงเขาอีกแล้ว แต่ผมก็ยังคงรักเขาอยู่ และก็พยายามง้อให้เรากลับมาคืนดีกัน
เราคุยกันใน Hi5 ผมพยายามง้อเขา ขอโทษเขา ขอคืนดีหลายๆอย่าง
แต่บางครั้งเขาก็พูดกลับมารุนแรงจนผมเก็บอาการโกรธไม่ไหว หลายครั้งที่ผมด่าเขาเหมือนกัน
หลายครั้งที่ผมพพูดแรงๆกับเขา ผ่านมาสักระยะผมก็ได้รู้ว่า
ทุกครั้งที่ผมด่าเขาหรือพูดแรงๆ เขาเซฟภาพทุกคำพูดของผมไปให้เพื่อนสนิทเขาดู
แต่เขาไม่เคยเอาคำพูดดีๆ คำพูดที่ผมง้อเขาไปให้เพื่อนๆเขาดูเลยส้กครั้ง
... ทุกอย่างที่ผมถามเขาว่าทำไมถึงโกรธเกลียดกันขนาดนี้ ผมได้คำตอบจากเขาเหมือนเดิม คำเดิมๆ แค่ว่า...
"มิงทำอะไรกับแฟนกุไว้ มิงน่าจะรู้แก่ใจดี"
ซึ่งผมคาใจมาตลอดว่าผมทำอะไร ผมไปทำอะไรแฟนเขา ผมทำอะไรงั้นหรอ
ผมพยายามถามเขา แต่เขาก็ไม่เคยที่จะบอกเลยสักครั้งว่าผมทำอะไร....
จนวันเวลาผ่านไป ผมก็เริ่มลืมเรื่องของเขา ลืมจนสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้
อีก 2 สัปดาห์ ก็จะปิดเทอม 1 แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะผ่านเรื่องร้ายๆนี่ไป
มันก็เกิดขึ้นเมื่อผมได้เจอกับ...........
(Y) อีกไม่เท่าไร..เรื่องร้ายๆก็จะจบ แต่ก็ไม่จบ (ภาค2)
*********************************************************************************
ภาค 1 >> http://www.pantip.com/topic/30002236
.... ในวันที่ 18 พ.ศ. วันนี้เป็นวันที่จะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้เขา โดยจะมีแต่เพื่อนๆของเขา
แต่ที่สำคัญมีแฟนของเขาไปด้วย และเขาเองก็ชวนผมไปด้วยเช่นกัน เราก็ตกลงกันอย่างดีว่าค่ำคืนนี้ในงานเลี้ยง
จะเป็นอย่างไร ผมเข้าใจดีว่าอย่างไง เขากับแฟนก็ต้องนั่งอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว
ทั้งๆที่ผมรู้ และก็รู้ว่าถ้าเราเห็นภาพนั้นเราจะต้องรู้สึกเจ็บ แต่ก็ไม่ยอมที่จะถอย ยังคิดที่จะไปงานเลี้ยง และเห็นภาพเขาอยู่ด้วยกัน
.... แต่ยังไม่ถึงเย็น ช่วงบ่ายๆ เป็นช่วงเลิกเรียน (คนเรียน ปวช. อาจจะรู้ดีว่าวันๆเลิกเรียนเร็วมาก บางวันเที่ยงก็ออกนอกโรงเรียนได้แล้ว)
เรานัดเจอกันที่ฝั่งตรงข้ามของโรงเรียน เป็นร้านขายของชำที่ไปเป็นประจำ ใบริเวณนั้นไม่มีใคร มีเพียงผม เขา และเพื่อนสนิทเขาที่เป็นทอมอีก 1 คนเท่านั้น
ในช่วงเวลาเช้าถึงบ่ายที่เราไม่ได้เจอกัน ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมรู้แต่ว่าตอนนั้น ผมเห็นเขาจ๋อยๆ นั่งหน้าหงอยเหมือนมีความเครียดอะไรอยู่
และแล้วคำพูดที่ไม่คาดคิดก็ออกมาจากปากของเขา เขาบอกกับผมราวกับข้อร้องไว้ได้โปรทำตามที่เขาพูดเถอะ
"อย่าไปงานเลี้ยงคืนนี้ได้ไหม" .... ตอนแรกที่ผมได้ยินก็รู้สึกช็อค และรู้สึกโกรธไปด้วยพร้อมๆกัน ว่าทำไมต้องมายกเลิกกลางคันแบบนี้
ผมได้แต่ทำหน้าตาหมดอารมณ์ หมดอะไรตายอยากใส่เขาไปเท่านั้น แล้วก็พูดว่าทำไม ไม่เอา จะไป จะไปอย่างเดียว...
เขาเองก็เหมือนจะรู้ว่าคำขอร้องของเขามันคงไม่ได้ผล เขาก็ได้แต่นั่งหน้าหงอย ราวกับคนเครียดมากๆ ไม่แม้แต่จะยิ้มออกมา หรือแค่อมยิ้มเล็กๆก็ไม่มี
ยิ่งผมเห็นหน้าเขาอย่างนั้น ผมยิ่งรู้สึกไม่ดี แล้วผมก็เริ่มใจอ่อน ยอมรับคำขอร้องของเขา
ผมเดินไปหาเพื่อนสนิทของเขา ยื่นเงินให้ก้อนหนึ่ง(ประมาณ 300 กว่าบาทผมจำไม่ได้) แล้วผมก็บอกกับเพื่อนว่าเขา
"นี่เป็นค่างานเลี้ยงคืนนี้นะ" ... แล้วผมก็เดินขึ้นรถตัวเอง แล้วขี่ออกไปอย่างเร็ว (เร็วมากเหมือนคนขาดสติกำลังขี่รถ)
แต่ระหว่างที่ผมขี่ไปได้สักพัก โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เป็นโทรศัพท์จากเขาที่โทรมาหา
ตอนนั้นผมควรที่จะไม่รับสาย เพื่อให้ปัญหาทุกอย่างมันจบๆลงไป แต่แล้ว.. ผมก็รับสายเขาจนได้
คำพูดของเขาคือ "กลับมานะ...กลับมานะเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่กลับมาไม่ต้องมาคุยกันอีก"
คำพูดนั้นทั้งกลัวจะเป็นจริง และทั้งดีใจที่เขายอมให้ผมไปงานเลี้ยงของเขา ผมวนรถกลับไปหาเขาที่เดิม และทุกอย่างก็กลับสู่สาวะปกติ
เมื่อถึงเวลา 16.00น. (ประมาณนี้แหละ) ทุกคนก็ไปเตรียมตัวกันที่บ้านของเพื่อนที่เป็นทอม
ตอนนี้มีคนหลายคน ทั้งหมดเป็นเพื่อนในกลุ่มของเขา (ไม่มีเพื่อนผมแม้แต่คนเดียว)
แต่ว่าในบ้านหลังนั้นไม่มีแฟนเขา เพราะเขาตกลงกันจะไปเจอที่งาน
เราไปกินเลี้ยงกันที่ร้านหมูกะทะชื่อดังแห่งหนึ่ง ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะชื่อ ร้านอาป๋า หมูกะทะ (เพราะว่ามันมีสาขาหลายจังหวัด)
ที่หน้าร้านเราก็ได้เจอกับแฟนเขา แต่ก็ไม่รู้สึกแปลก หรือตกใจอะไร เพราะเราสามคนเคยเจอกันบ่อยแล้ว
แต่แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิด เขาก็ไปนั่งกับแฟนเขา โดยที่ผมต้องนั่งอีกฝั่งหนึ่ง
สิ่งเดียวที่ผมนำคือ สั่งเบียร์ช้างมา 2 ขวดเพื่อกินคนเดียว ไม่แม้แต่จับหยิบหมูมากินเลย
(ผมเป็นคนไม่ค่อยกินเหล้าหรือเบียร์ จะกินเฉพาะมีงานสังสรค์เท่านั้น)
งานวันนั้นนอกจากจเป็นวันที่ผมรู้สึกแย่ที่สุด ยังเป็นวันแรกที่ผมกินเบียร์
ปกติผมกินอย่างมากก็แค่จิบๆในแก้วของเพื่อนเท่านั้น ผมกินเบียร์ไม่เก่ง กินทีไรก็รู้สึกขมตลอดเลยไม่ค่อยได้กิน
แต่วันนั้นผมกินเบียร์ราวกับกินน้ำเปล่า ผมไม่รู้สึกถึงความขมของมันเลย (ผมเป็นคนคออ่อนมาก)
หลังจากที่ผมกินหมด 2 ขวด ก็ทำให้ผมได้รู้ทันทีว่าอาการของคนเมามันเป็นอย่างไง มันรู้สึกตัวทุกอย่าง รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ แต่แค่ควบคุมตัวเองไม่ได้เท่านั้นเอง
เวลาผ่านไปถึงเที่ยงคืน งานเลี้ยงก็สิ้นสุดลง ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้าน
แต่ผมเมามาก กลับบ้านไม่ได้ เขาเลยต้องพาผมไปนอนที่บ้านเพื่อนเขาที่เป็นทอม
โดยเป็นที่นอนของเขาและแฟนเขา
.... ผมรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าคืนนี้เขากับแฟนเขาต้องไปนอนด้วยกัน และต้องมีอะไรด้วยกันแน่ๆ ผมถึงตัดสินใจที่จะไปงานเลี้ยงของเขา
และตั้งใจที่จะกินเบียร์ให้เยอะๆเพื่อให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ จะได้ไม่ต้องกลับบ้าน จะได้อยู่เป็นก้างขวางคอเขา
แล้วเหมือนสิ่งที่ผมทำมันจพสำเร็จไปตามที่คิด ผมได้เป็นก้างขวางคอเขาจริงๆ ในคืนนั้นเราต้องนอนกันสามคน
มีผม เขา และแฟนเขา ... ลักษณะการนอนคือแฟนเขาอยู่ตรงกลาง เขาอยู่ชินด้านใสุด และผมนอนด้านนอกสุด
แต่สิ่งร้ายๆที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเขามีอะไรกันข้างๆผม โดยไม่สนใว่าผมนอนอยู่ข้างๆเลย
ตอนนั้นถึงแม้ผมจะเมามาก ผมก็รู้ว่าเขากำลังมีอะไรกันอยู่ แต่ในขระที่ผมกำลังนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เขานอนจูบกันแฟนเขาโดนหันข้างเข้าหากัน แล้วมือของเขาที่อ้อมมาด้านหลังแหนเขา ก็เอื้อมมากุมมือผมไว้
เหมือนในการ์ตูนที่เห็นกันบ่อยๆ และแล้วเขาก็คุยกันเบาๆ ผมจำไม่ได้ว่าเขาคุยอะไรกัน
แต่คำหนึ่งที่ผมจำได้มาตลอด แฟนเขาพูดกับเขาว่า "ให้คบกับผมอีกคนก็ได้ รู้สึกว่าเขาทุ่มเทมากเหลือเกิน"
หลังจากเขาคุยกันเสร็จได้ไม่นาน สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกแล้ว มันอยู่นอกเหนือความคิดผมจนผมทำตัวไม่ถูก
เราทั้งสามคนมีอะไรกัน... (สวิงกิ้งสะงั้น) ผมก็ งงๆ แต่ผมก็ยินดีเพราะผมก็รู้สึกทนไม่ได้ที่เห็นเขามีอะไรกันข้างๆผม
โดยที่ผมได้แค่ฟังเท่านั้น ..........................................
.... และแล้วค่ำคืนนี้ก็ผ่านพ้นไป ทุกอย่างเหมือนจะดีหลังจากที่เราสามคนมีอะไรต่อมิอะไรกัน
วันรุ่ขึ้นผมมาโรงเรียนด้วยสภาพที่โทรมๆ จนเพื่อนๆมองออกว่าเมื่อคืนต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ
ช่วงเที่ยง เป็นช่วงที่ห้องเรียนของผมต้องขึ้นไปห้องประชุม (ขึ้นไปทำอะไรผมจำไม่ได้)
ในระหว่างที่เรานั่งคุยกัน (กับเพื่อนๆในกลุ่ม) ก็มีข้อความจากเขามาหาผมอีกครั้ง
"เราเลิกกันนะ ****ทำร้ายความรู้สึก***ไม่ได้อีกแล้ว อย่าคุยกันอีกเลย" (ประมาณนี้อะครับ ผมจำไม่ได้)
ผมเห็นแล้วผมก็ช็อคเหมือนเดิม และก็ร้องไห้ซบเพื่อนๆอีกเช่นเคย
.... แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ เขาตัดผมขาดได้จริงๆ เจอหน้ากันเขาก็ไม่มอง พยายามคุยเขาก็ไม่คุย
ราวกับเราเป็นศัตรูกันมานาน และเขาก็เริ่มใช้คำรุนแรง เช่น "อย่ามายุ่งกับกรุอีก"
ผมทั้งช็อค ทั้งเสีย จนเครียดมากๆ อารมณืคนอกหักแบบรุนแรง
เวลาผ่านไปหลายวันผมคิดมาก จนปวดหัว และเกิดอาการชักต่อหน้าเเพื่อนๆทั้งกลุ่ม
ตอนแรกเพื่อนคิดว่าสำออย คิดว่าแกล้ง ไม่มีใครสนใจเลยว่าผมจะเป็นหรือจะตาย
แต่แล้วมันก็เริ่มหนักขึ้น จนเพื่อนๆคิดว่าคงไม่แกล้งแล้วมั้ง ก็เลยหามไปส่งห้องพยาบาล
แต่ที่ห้องพยาบาลก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ จนต้องขึ้นรถตู้โรงเรียนไปโรงพยาบาลแทน
หลังจากหมอตรวจเสร็จก็สรุปอาการว่า เกิดจากการคิดมาก ฟุ่งซ่าน และเครียดมากจนร่างกายรับไม่ไหว
แต่อาการนั้นเหมือนอาการตัดสินชีวิต ผมรู้สึกแปลกใจมาก
หลังจากที่ผมหายจากอาการช็อคไป ผมก็ลืมเรื่องราวร้ายที่ผ่านมา ผมเห้นหน้าเขาก็ไม่คิดถึงเรื่องราวเก่าอีกเลย
ไม่แม้แต่จะเครียด หรือคิดอะไรถึงเขาอีกแล้ว แต่ผมก็ยังคงรักเขาอยู่ และก็พยายามง้อให้เรากลับมาคืนดีกัน
เราคุยกันใน Hi5 ผมพยายามง้อเขา ขอโทษเขา ขอคืนดีหลายๆอย่าง
แต่บางครั้งเขาก็พูดกลับมารุนแรงจนผมเก็บอาการโกรธไม่ไหว หลายครั้งที่ผมด่าเขาเหมือนกัน
หลายครั้งที่ผมพพูดแรงๆกับเขา ผ่านมาสักระยะผมก็ได้รู้ว่า
ทุกครั้งที่ผมด่าเขาหรือพูดแรงๆ เขาเซฟภาพทุกคำพูดของผมไปให้เพื่อนสนิทเขาดู
แต่เขาไม่เคยเอาคำพูดดีๆ คำพูดที่ผมง้อเขาไปให้เพื่อนๆเขาดูเลยส้กครั้ง
... ทุกอย่างที่ผมถามเขาว่าทำไมถึงโกรธเกลียดกันขนาดนี้ ผมได้คำตอบจากเขาเหมือนเดิม คำเดิมๆ แค่ว่า...
"มิงทำอะไรกับแฟนกุไว้ มิงน่าจะรู้แก่ใจดี"
ซึ่งผมคาใจมาตลอดว่าผมทำอะไร ผมไปทำอะไรแฟนเขา ผมทำอะไรงั้นหรอ
ผมพยายามถามเขา แต่เขาก็ไม่เคยที่จะบอกเลยสักครั้งว่าผมทำอะไร....
จนวันเวลาผ่านไป ผมก็เริ่มลืมเรื่องของเขา ลืมจนสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้
อีก 2 สัปดาห์ ก็จะปิดเทอม 1 แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะผ่านเรื่องร้ายๆนี่ไป
มันก็เกิดขึ้นเมื่อผมได้เจอกับ...........