ชวนชม : Motorola Razr ทายาทตำนานมือถือบางเฉียบ

กระทู้สนทนา
เมื่อเอ่ยถึงชื่อ Motorola Razr V3 เมื่อสักห้า-หกปีก่อน เชื่อว่าหลายๆ คนที่อยู่ในวงการโทรศัพท์มือถือหรือนักเล่น ล้วนไม่มีใครที่ไม่รู้จักมือถือรุ่นนี้ เนื่องจากความที่มันเป็นโทรศัพท์ดีไซน์ฝาพับฮอทฮิตที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ตราตรึงใจ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุประกอบที่หรูหรา ขนาดตัวที่บางเฉียบเพียง 13.9 มม.หรือแม้กระทั่งราคาที่เล่นเอาขนหัวลุกอยู่ไม่น้อยเมื่อครั้งเปิดตัว แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เทคโนโลยีใหม่ๆ ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ก็ส่งผลให้มันแปรสถานภาพจากอุปกรณ์พกพาที่เคยมีเสน่ห์เย้ายวนมาเป็นโทรศัพท์มือถือในตำนานอีกหนึ่งรุ่นที่ใครต่อใครคิดถึง ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้น กลางปีที่ผ่านมา โมโตโรล่าจึงได้เดินหน้าสานต่อความสำเร็จครั้งก่อน และเปิดตำนานหน้าใหม่ ด้วยการจับเอาชื่อซีรีส์ดังกล่าวมาตั้งเป็นชื่อรุ่นสมาร์ทโฟนสายพันธุ์แอนดรอยด์ตัวใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า Motorola Razr เพื่อตอกย้ำถึงความบางที่คุ้นเคย

อันดับแรกเมื่อเปิดถุงมา เราจะพบกับ Motorola Razr ที่มาพร้อมกล่องสีแดงเข้มขนาดกระทัดรัด (สีกล่องจริงจะเข้มกว่าในภาพ) โดยกล่องชั้นแรกจะมีลักษณะเป็นกล่องสอด เพิ่มลูกเล่นบนกล่องด้วยพื้นลายเลื่อม ตัดกันดีกับสัญลักษณ์โลโก้ตัว M ที่อยู่ตรงกลาง ขณะที่ด้านล่างใต้โลโก้จะเป็นตัวอักษรสกรีนชื่อรุ่นเสีเงิน

ซึ่งเมื่อเราเลื่อนกล่องชั้นแรกที่ห่อหุ้มอยู่ออก ก็จะพบกับกล่องด้านในสีแดงเข้มลวดลายเดียวกับกล่องชั้นนอก เด่นชัดด้วยรูปโทรศัพท์ขนาดใหญ่ในลักษณะหันข้างเพื่อแสดงให้เห็นถึงความบาง

ส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ที่แถมมาในกล่อง ได้แก่ หูฟัง Small Tallk ขนาด 3.5 มม. , สาย Micro USB, คู่มืออย่างย่อ , เอกสารความปลอดภัย,  ใบรับประกัน และหัวอะแดปเตอร์ สำหรับชาร์จไฟบ้าน ซึ่งการชาร์จแบบปกติ (ผ่านไฟบ้าน) เต็ม 100% หนึ่งครั้งจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 

สำหรับในส่วนของตัวเครื่อง Motorola Razr มาพร้อมกับหน้าจอทัชสกรีน ขนาดตัวกว้าง 69 มม. ยาว 131 มม. และบางเพียง 7.1 มม. มีน้ำหนัก 127 กรัม ตัวเครื่องมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เพิ่มความโค้งมนให้ดูไม่ทื่อเกินไปด้วยการลบมุมทั้งสี่ด้านบน-ล่างเล็กน้อย และเสริมความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นด้วยหน้าจอกระจกแบบ Gollira Glass

ส่วนด้านขวาของตัวเครื่องด้านบน จะเป็นปุ่มพาวเวอร์ กดค้างสำหรับการเลือกเมนูเพื่อปิดเครื่อง หรือกดแล้วปล่อยเพื่อเข้าสู่โหมด Sleep ส่วนสองปุ่มด้านล่าง เป็นปุ่มเพิ่มหรือลดเสียง

ขณะที่ฝั่งซ้ายของตัวเครื่อง จะมีเพียงช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Micro Sim และช่องใส่ MicroSD สำหรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอก

และสำหรับด้านบนสุดของตัวเครื่อง จะเป็นที่อยู่ของช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., พอร์ท Micro USB และHDMI สำหรับการต่อออกเพื่อใช้งานร่วมกับทีวี ซึ่งถ้าสังเกตจะเห็นว่าด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นส่วนที่มีความหนามากกว่าตัวเครื่องทั้งหมด 

เมื่อพลิกกลับมาที่ด้านหลัง ส่วนที่ปูดออกมาจะเป็นที่อยู่ของกล้องหลังที่มีความละเอียดมากถึง 8 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED  และสามารถถ่ายวีดีโความละเอียดระดับ HD ที่ 1080p ได้

สำหรับวัสดุด้านหลังจะทำขึ้นจากไฟเบอร์เคฟล่าร์แบบเลเซอร์คัทที่ให้ความทนทาน ส่วนพื้นที่นอกเหนือจากเคฟล่าร์จะเป็นแสตนเลสสตีล ขณะที่ตัวเครื่องหล่อขึ้นจากวัสดุชิ้นเดียวจึงทำให้ไม่สามารถถอดแบตฯ ออกเองได้ สำหรับแบตเตอรี่มีขนาด 1750 แอมป์ (ถือว่าพออยู่ได้ 1 วันสำหรับการใช้งานระดับปานกลาง) ส่วนในเรื่องของการประกอบค่อนข้างแน่นหนา และดูสมราคา

ย้อนกลับมาดูด้านบนของตัวเครื่องด้านหน้ากันบ้าง เหนือลำโพงขึ้นไปจะเป็นแถบแสตนเลสสีเงินขนาดเล็ก สลักคำว่า Motorola ตัดกับตัวเครื่องสีดำสนิท ส่วนสองจุดเล็กๆ ใต้แถบ จะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าขนาด 1.3 ล้านพิกเซล และไฟแสดงสถานะ ซึ่งเมื่อมีข้อความแจ้งเตือนต่างๆ เข้ามา จะกระพริบเป็นเป็นสีเขียว และเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อแบตเตอรี่ใกล้จะหมด

ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง จะเป็นปุ่มกำกับต่างๆ ตามมาตรฐานแอนดรอยด์ อันได้แก่ปุ่มเมนู, หน้าแรก, ย้อนกลับ และค้นหา

การใช้งาน

เริ่มแรกเมื่อเปิดใช้งานตัวเครื่อง เราจะพบกับหน้าจอโฮมสกรีนหลักๆ 6 หน้า อันได้แก่


หน้าที่1 จะเป็นหน้าสำหรับการปลดล็อคเพื่อเข้าใช้งาน ขณะที่แถบด้านบนสุดของหน้าจอจะเป็นตำแหน่งที่แสดงรายละเอียดทั่วไปของตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็น เครือข่ายสัญญาณที่ใช้ , การแจ้งเตือนต่างๆ, สัญญาณไวไฟ, แถบสถานะแบตเตอรี่ และเวลา
หน้าที่ 2 จะเป็นโฮมสกรีนสำหรับการแสดงรูปภาพแบบเรียลไทม์ที่จะซิงค์กับเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ
หน้าที 3 จะเป็นหน้าสำหรับการควบคุมเพลง ค้นหาด่วนจากกูเกิล และข่าวสารใหม่ๆ
หน้าที่ 4 จะเป็นหน้าที่แสดงในเรื่องของการโทรด่วน ที่สามารถเพิ่มรายชื่อเบอร์โทรที่หาบ่อยๆ  และตารางนัดหมาย
หน้าที่ 5 จะเป็นส่วนของโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่มีแถบสเตตัสให้เราอัพเดทผ่านได้ทั้งทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ค โดยไม่จำเป็นต้องเข้าแอพพลิเตคชั่นหรือเว็บไซต์นั้นๆ ส่วนหัวข้อ Social Networking ด้านล่าง ผู้ใช้จะสามารถเรียกดูการอัพเดทของเพื่อนฝูงได้อย่างเรียลไทม์โดยไม่ต้องเข้าแอพพลิเคชั่นโดยตรงด้วยเช่นเดียวกัน
หน้าที่ 6 จะเป็นหน้าสำหรับการเลือกใช้งานในโหมดต่างของเครื่องๆ อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นโหมดเครื่องบิน, เปิดบลูทูธ เปิดไว-ไฟ และ GPS

นอกจากนี้ ในพื้นที่ว่างของโฮมสกรีนทุกหน้า เราสามารถที่จะกดค้างไว้เพื่อเพิ่มหรือลบช็อตคัทหรือวิตเจ็ตที่ต้องการได้

ส่วนแอพพลิเคชั่นต่างๆ ทางโมโตโรล่าได้ติดตั้งมาให้ประมาณสองหน้า สำหรับการใช้งานขั้นพื้นฐาน ซึ่งก็สามารถโหลดแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้จากแอนดรอยด์มาร์เก็ต

ส่วนในเรื่องของการโทร Motorola Razr รองรับการใช้งานในคลื่นความถี่ GSM ทั้ง 850/900/1800/1900 และด้วยความที่หน้าจอมีขนาดใหญ่ถึง 4.3 นิ้ว ทำให้ตัวเลขบนแป้นมีขนาดใหญ่ตามหน้าจอไปด้วย เรียกว่าหลับตายังกดได้สบาย ส่วนในเรื่องของรายชื่อเบอร์โทรก็มีแบ่งตามหมวดหมู่  A-Z จึงทำให้ไล่ค้นหาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ส่วนการใช้งาน 2G/3G ก็สามารถเลือกการใช้งานเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้

กล้อง

(ดูรูปขนาดเต็มได้ที่ด้านล่าง)

สำหรับการใช้งานกล้อง ตัวเครื่องสามารถเลือกถ่ายภาพนิ่งได้ที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล แบบ Widescreen และ 6 ล้านพิกเซล สามารถปิดเสียงซัตเตอร์ เลือกฉากตามสภาพแวดล้อม มีโหมดพาโนราม่า, มัลติช็อต และตั้งเวลา รวมถึงการซูม และเปิด-ปิดแฟลช ซึ่งภาพที่เราได้จากการทดลองถ่ายบริเวณในร่มส่วนใหญ่ พบว่าสีสันไม่ค่อยสด ส่วนฟีเจอร์ของการถ่ายวีดีโอ ก็มีโหมดต่างๆ ให้เลือกใช้งานเช่นเดียวกับการถ่ายภาพนิ่ง และสามารถบันทึกวีดีโอในระดับ HD ที่ 1080p

การแสดงผล

Motorola Razr มีขนาดหน้าจอ 4.3 นิ้ว ความละเอียด 960x540 พิกเซล รองรับมัลติทัชถึง 10 จุด หน้าจอแบบ Super AMOLED Advance จึงทำให้การแสดงสีสันของภาพหน้าจอค่อนข้างจะสดใส และสว่างมาก สามารถเล่นโปรแกรมแฟลชได้เรียบรื่น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะโปรเซสเซอร์ระดับดูอัลคอร์ ส่วนในเรื่องของการซูมเข้าหรือออกก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ขณะที่เรื่องของภาษาไทย ทางโมโตโรล่ามีเมนูไทยมาให้พร้อมใช้ แต่สำหรับการพิมพ์ ยังคงต้องอาศัยการโหลดผ่านจากแอนดรอยด์มาร์เก็ต (ซึ่งแว่วๆ ว่าเฟิร์มแวร์ตัวใหม่มีคีย์บอร์ดไทยมาให้พร้อมใช้แล้ว)

สเป็คตัวเครื่อง

สำหรับรายละเอียดทางด้านฮาร์ดแวร์ Motorola Razr มาพร้อมกับแอนดรอยด์เวอร์ชั่นล่าสุด 2.3.5 โปรเซสเซอร์ระดับดูอัลคอร์ 1.2 กิกะเฮิตร์ซ แรมขนาด 1 กิกะไบต์ และหน่วยความจำภายในเครื่อง 16 กิกะไบต์ ที่จะแบ่งเป็นพื้นที่สำหรับเก็บแอพพลิเคชั่นต่างๆ และข้อมูลต่างๆ 8 กิกะไบต์ พื้นที่สำหรับเก็บมีเดียอีก 8 กิกะไบต์ พร้อมใส่การ์ด MicroSD เพิ่มเติมอีกถึง 32 กิกะไบต์  

ปิดท้ายด้วยภาพ จากการทดสอบด้วยแอพพลิเคชั่น Quadrant ซึ่งเป็นโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพของตัวเครื่อง จะเห็นได้ว่า Motorola Razr มีคะแนนสูงเป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากรุ่นอื่นๆ ส่วนใหญ่ที่นำมาเปรียบเทียบจะเป็นโปรเซสเซอร์แบบคอร์เดียวเท่านั้น 


สรุป
ข้อดี

1.ตัวเครื่องมีหน้าจอขนาดใหญ่ทำให้เวลาใช้งาน ดูเว็บฯ ได้สะดวกชัดเจนขึ้น
2.บอดี้ตัวเครื่องทำจากวัสดุแสตนเลสสตีลและเคฟล่าร์ รวมถึงหน้าจอกระจกแบบกอริลล่า กล๊าสจึงทำให้ทนทานต่อการใช้แบบสมบุกสมบัน

ข้อเสีย
1.สีสันของภาพที่ได้จากการถ่ายรูปออกแนวจืดๆ
2.ไม่มีคีย์บอร์ดภาษาไทยมาให้พร้อมใช้ ต้องหาไปโหลดจากแอนดรอยด์มาร์เก็ต

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่