ชวนชม : Motorola XOOM อีกหนึ่งแท็บเล็ต สเป็คแรง

กระทู้สนทนา

ตั้งแต่ส่งสมาร์ทโฟนสุดอึด Motorola DEFY ออกมาทำตลาดในบ้านเราเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และพกเอากระแสตอบรับที่เรียกได้ว่าดีพอสมควรกลับบ้านไป หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าข่าวคราวของโมโตโรล่าจะซาลงไปเสียเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ดี ถ้าใครที่ได้ไปงาน Thailand Mobile Expo Hi-End 2011 ที่จัดขึ้นเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา และแวะเวียนไปที่บูธของโมโตโรล่า ก็อาจจะเกิดอาการติดใจกับหน้าตาของแท็บเล็ต สินค้าไอทีสุดฮิต ที่มีชื่อว่า Motorola XOOM อยู่ไม่น้อย และยิ่งเป็นแท็บเล็ตที่มีจุดเด่นกับการทำงานบนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ 3.0 (HoneyComb) รวมถึงยังเป็นแท็บเล็ตที่ได้รับรางวัล Best of Show จากงานซีอีเอส 2011 เมื่อต้นปีที่ผ่าน ยิ่งทำให้เจ้าแท็บเล็ตจากสหรัฐฯ เครื่องนี้ทวีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า และเมื่อทางโมโตโรล่าใจดีส่งแท็บเล็ตเครื่องนี้มาให้เราทดสอบ ด้านล่างต่อจากนี้ไปคือความคิดเห็นจากเราที่ได้ทดลองเล่นมาประมาณหนึ่งสัปดาห์ (ซึ่งต้องขอออกตัวก่อนว่า เป็นมือใหม่หัดรีวิว อาจจะมีข้อบกพร่องรวมถึงความผิดพลาดใดๆ  ก็ขอน้อมรับทุกความเห็น )

ก่อนอื่น เรามาดูข้อมูลจำเพาะของ Motorola XOOM กันเสียก่อน โดยเครื่องที่เราได้รับมาทดสอบนั้นเป็นรุ่น MZ601 ซึ่งเป็นรุ่นที่รองรับทั้งการใช้งานเครือข่ายสามจี และไว-ไฟ แต่ถ้าใครที่ต้องการใช้งานแต่เฉพาะไว-ไฟ ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะทางโมโตโรล่าได้วางจำหน่ายแท็บเล็ต รุ่น MZ604 ซึ่งเป็นรุ่นที่สามารถเชื่อมต่อผ่านไว-ไฟ เพียงอย่างเดียวมาด้วย พร้อมกับราคาค่าตัวที่ถูกกว่า ส่วนเรื่องสเป็คหลักๆ ของทั้งสองรุ่นไม่มีความแตกต่างกัน จะมีไม่เหมือนกันอยู่เพียงเรื่องเดียวก็คือ เรื่องของน้ำหนักที่เบากว่าเล็กน้อย โดยตัวที่เราได้มาทดสอบนั้น หนักราว 730 กรัม ขณะที่เวอร์ชั่นไว-ไฟ จะอยู่ที่ 708 กรัม

** อ้างอิงจากเว็บไซต์โมโตโรล่า

และหลังจากที่เราพอทราบกับสเป็คคร่าวๆ แล้ว ต่อไปเรามาเริ่มต้นดูปุ่มต่างๆ ที่อยู่บนตัวเครื่องกัน

เริ่มต้นกันที่ภาพรวมของตัวเครื่อง Motorola XOOM โดยด้านหน้าจะโดดเด่น ด้วยพื้นที่หน้าจอสีดำ บอดี้ตัวเครื่องทำจากวัสดุอลูมิเนียม การประกอบอยู่ในเกณฑ์แน่นหนา ให้ความรู้สึกแข็งแรง ส่วนการจับก็ถนัดมือ แต่ด้วยความที่ตัวเครื่องค่อนข้างมีน้ำหนัก อาจจะทำให้ถือด้วยมือเดียวไม่ค่อยสะดวกนัก และถ้าสังเกตจะเห็นได้ว่า บนตัวเครื่องไม่มีปุ่มใดๆ ให้กดเลย นอกจากปุ่มที่อยู่บนพื้นที่หน้าจอเท่านั้น

เมื่อพลิกกลับมาที่ด้านหลัง โมโตโรล่าได้เพิ่มลูกเล่นให้ตัวเครื่องด้วยการเลือกใช้สีทูโทน คือสีเงิน ซึ่งเป็นวัสดุที่ประกอบตัดกับสีดำด้านบนที่มีลักษณะคล้ายยาง จึงทำให้ไม่ดูอึมครึมเกินไปนัก ตัวเครื่องด้านหลังมีลักษณะโค้งมนตรงด้านข้างซ้ายขวา จึงทำให้เวลาการจับแท็บเล็ตที่วางอยู่พื้นราบมีลักษณะช้อนขึ้น ซึ่งก็ทำให้สะดวกเมื่อต้องการหยิบใช้งานอย่างรวดเร็ว

ถัดมาเรามาดูตำแหน่งต่างๆ ที่อยู่บนตัวเครื่องกันบ้าง

จุดตรงกลางด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นกล้องหน้าขนาดความละเอียด 2 ล้านพิกเซล

ส่วนด้านข้างของตัวเครื่อง จะมีความหนาประมาณ 1 เซนติเมตรกว่าๆ จากการวัด ซึ่งก็ถือว่าเป็นแท็บเล็ตที่มีความหนามากกว่าค่ายอื่นๆ และจากรูปนี้ถ้าสังเกตจะเห็นได้ว่า ด้านหลังตัวเครื่องมีลักษณะโค้ง ซึ่งเป็นข้อดีที่ทำให้หยิบจับสะดวกดังที่กล่าวไปตอนแรก

ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง จะเป็นพอร์ทสำหรับการเชื่อมต่อต่างๆ อันได้แก่ MicroUSB, พอร์ท HDMI สำหรับการเชื่อมต่อภาพไปแสดงผลบนหน้าจอขนาดใหญ่ และที่ชาร์ตแบต

สำหรับ ส่วนนี้จะเป็นด้านบนของตัวเครื่อง โดยด้านซ้ายจะเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ตามมาด้วยช่องใส่ MicroSD Card (ด้านบน) และซิมการ์ด (ด้านล่าง) โดยที่เสียบซิมการ์ดจะเป็นลักษณะสอด สามารถดึงออกมาเพื่อใส่การ์ดเข้าไปได้

สำหรับสองปุ่มนี้เป็นปุ่มสำหรับการปรับเพิ่ม-ลดเสียง

มาถึงส่วนสุดท้ายกับด้านหลังตัวเครื่อง โดยเรียงจากซ้ายไปขวา จะพบกับกล้องความละเอียดห้าล้านพิกเซล ถัดมาเป็นแฟลช LED แบบคู่  ส่วนที่เป็นช่องมีหลายรู ไม่ต้องบอกก็คงทราบกันดีว่าเป็นลำโพง ซึ่งโมโตโรล่าก็ได้ใส่ลำโพงมาให้ทั้งซ้ายขวา สำหรับใครที่ชอบความดัง คงสะใจไม่ใช่เล่น และปิดท้ายกับปุ่มพาวเวอร์ โดยกดค้าง 2 วินาทีจะเป็นการสั่ง shut down เครื่องเพื่อปิดใช้งาน หรือกดเบาๆ เพื่อล๊อกหน้าจอ 

และหลังจากที่เรารู้จักกับตำแหน่งต่างๆ ที่อยู่บนตัวเครื่องไปแล้ว ต่อจากนี้ไปเรามาดูส่วนต่างๆ ที่อยู่บนหน้าจอโฮมสกรีนกันบ้าง Motorola XOOM เครื่องนี้มาพร้อมกับหน้าจอไวด์สกรีนขนาด 10.1 นิ้ว โดยด้านซ้ายของหน้าจอ จะเป็นการแสดงตำแหน่งพาแนล (Panel) ส่วนรูปกลมๆ ถัดมาคือนาฬิกา ส่วนรูปแว่นขยายและตามด้วยคำว่ากูเกิลด้านบน คือ ช่องสำหรับการค้นหาด้วยตัวอักษรแบบทันใจ และรูปไมโครโฟน ก็คือการค้นหาด้วยเสียง ซึ่งเมื่อเราได้ทดสอบการค้นหาด้วยเสียงก็พบว่ามันทำงานได้ดีทีเดียว (แต่ทั้งนี้ก็ต้องออกสำเนียงภาษาอังกฤษให้ชัดนะ)

ถัดมาที่ด้านล่างของหน้าจอ ตรงแถบที่มี Gmail, Brower, Google Talk ตรงส่วนนี้จะเรียกว่าซ็อตคัท ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแต่งแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานบ่อยมาไว้ตรงส่วนนี้ได้ ส่วนสามปุ่มที่ปรากฏด้านล่าง ถือว่าเป็นไฮไลท์เด็ดของแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ 3.0 (HoneyComb) ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นการเฉพาะ โดยสามปุ่มจากด้านซ้ายไปขวาประกอบด้วย ปุ่ม Back สำหรับกลับไปยังหน้าที่ผ่านมา, Home สำหรับกลับสู่หน้าโฮมสกรีน  และ Recent appsสำหรับการเรียกดูแอพพลิเคชั่นทีเพิ่งใช้งานล่าสุดโดยจะแบ่งเป็นห้าหมวด ซึ่งการมาของสามปุ่มนี้ทำให้ผู้ใช้งานสะดวกสบายมากขึ้นเป็นอย่างมาก พอๆ กับการใช้งานบนคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว ซึ่งจุดนี้เองทำให้เจ้าซูมเครื่องนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องมีปุ่มที่ตัวเครื่องไว้สำหรับกดออกเหมือนอย่างเจ้าอื่น

ย้ายมาดูที่ฝั่งขวากันบ้าง รูปสี่เหลี่ยมบอกชื่อเว็บไซต์นั้น เป็นหน้าแสดงเว็บเบราเซอร์ที่เราเข้าใช้บ่อยๆ ซึ่งตรงนี้ทำให้สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเว็บฯ ประจำ ไม่ต้องคอยเข้าจากเมนูเบราเซอร์หลักแล้วพิมพ์หน้าเว็บที่ต้องการลงไป ส่วนคำว่า Apps ที่มุมบน จะเป็นการเข้าสู่หน้ารวมแอพพลิเคชั่นทั้งหมดในตัวเครื่อง ส่วนเครื่องหมาย + จะเป็นฟีเจอร์สำหรับการตกแต่งหน้าจอ เลือกวิดเจ็ต, ช็อตคัท และเปลี่ยนวอลเปเปอร์สวยๆ

ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องเมื่อแตะที่มุมล่างก็จะแสดงหน้าต่าง เวลา วันที่ สัญญาณไว-ไฟ รวมถึงแบตเตอรี่ พร้อมแถบเลื่อนสถานะ สำหรับการปรับตั้งค่าต่างๆ ที่จำเป็น อย่างการล๊อกหน้าจอ ปรับแสงสว่าง และการแจ้งเตือน

มาถึงความรู้สึกจากการใช้งานกันบ้าง

ซอฟท์แวร์

จุดเด่นของแท็บเล็ตตัวนี้คงเป็นจะเป็นเรื่องแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ 3.0 (HoneyComb) ที่ซึ่งกูเกิลระบุว่าเป็นเวอร์ชั่นที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานบนแท็บเล็ตมากที่สุด ดังจะเห็นได้จากว่า มันมีปุ่มเสมือนสามปุ่มที่ทำให้การใช้งานได้สะดวกขึ้น ส่วนชิฟประมวลผลระดับดูอัลคอร์ 1GHz ที่โมโตโรล่า ใส่มาให้นั้น ก็ทำให้การทำงานราบรื่น ไม่มีสะดุด ส่วนการทัชหน้าจอต่างๆ ก็ตอบสนองดี ไม่มีหน่วง ขณะที่ฟีเจอร์การหมุนหน้าจออัตโนมัติ ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดี

การแสดงผล

หน้าจอของ Motorola XOOM เป็นหน้าจอไวด์สกรีนขนาด 10.1 นิ้ว ความละเอียด 1280x800 พิกเซล เหมาะสำหรับการดูหนัง ฟังเพลง ท่องเว็บฯ สามารถเปิดเว็บไซต์ยูทูปเพื่อดูคลิปหนังความละเอียดสูงได้ แต่จุดหนึ่งที่เราคิดว่าเป็นข้อด้อยของ Motorola XOOM ก็คือเรื่องของสีที่หน้าจอที่ไม่จัดจ้านเหมือนค่ายอื่น ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะไม่โดดเด่นมากนัก แต่ไม่ถึงกับแย่จนแบบรับไม่ได้ ส่วนภาพที่แสดงในรูป เราได้คัดเลือกรูปภาพที่มีสีสดๆ ใส่เข้าไปในตัวเครื่องแล้วเปิดดู ก็โอเคเลยทีเดียว

สำหรับโหมดถ่ายภาพ โมโตโรล่าได้ใส่ ลูกเล่นมาให้ใช้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโหมดภาพสี 5 แบบ และโหมดฉากให้เลือกถ่ายถึง 12 โหมด นอกจากนี้ยังสามารถซูมได้ถึง 8 เท่า ซึ่งสามารถเลือกตั้งค่าโหมดถ่ายรูปที่ชอบได้จากหน้าจอ ไม่ต้องเข้าไปตั้งค่าที่จุดอื่นๆ ส่วนคุณภาพรูปที่ถ่ายออกมาด้วยความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เป็นดังนี้

รูปทางด้านซ้าย เป็นรูปที่ถ่ายด้วยโหมดปกติ ไม่มีการปรับแต่งภาพใดๆ ซึ่งก็จะเห็นว่าสีอาจจะยังไม่โดนใจสักเท่าไหร่ ขณะที่รูปทางด้านขวาเป็นรูปที่ถ่ายโดยใช้แฟลชภายในห้องที่ปิดไฟมืด ซึ่งคุณภาพที่ได้ส่วนตัวแล้วอยู่ในระดับที่พอใจมาก เนื่องจากเป็นเพราะแฟลช LED แบบคู่ที่โมโตโรล่าให้มา จึงทำให้คุณภาพรูปที่ถ่ายในความมืดน่าประทับใจ

ท่องเว็บฯ

เชื่อว่า คนส่วนใหญ่ที่ซื้อแท็บเล็ตนั้น ต้องการที่จะใช้งานทางด้านความบันเทิงเป็นอันดับแรก ดังนั้นแอนดรอยด์จึงได้ทำการพัฒนาแพลตฟอร์มเวอร์ชั่นนี้เพื่อให้รองรับการใช้งานด้านความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการเล่นแฟลช ที่ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการท่องเว็บฯ ซึ่งเมื่อเราได้ทดลองเข้าหน้าเว็บเพจที่มีแฟลช ก็พบว่ามันทำงานได้ดี  และสำหรับใครที่ติดพันกับการ เลี้ยงหมู หรือทำร้านอาหาร บนเฟซบุ๊ค ก็ไม่ต้องห่วง เพราะเจ้าแท็บเล็ตเครื่องนี้สามารถเล่นได้ แต่อาจจะมีกระตุกบ้างเล็กน้อย (และบางครั้งการโหลดแฟลชก็ขึ้นอยู่ความเร็วอินเทอร์เน็ตด้วย)

สำหรับตัวเครื่องที่ได้มาทดสอบนั้น ไม่มีแป้นพิมพ์ไทยมาด้วย แต่จากการทดลองพิมพ์แป้นพิมพ์นั้นก็ถือว่าดีมาก เพราะกดเพียงแค่เบาๆ ก็ติดครบทุกตัวอักษร ไม่ต้องมีการกดย้ำ

แบตเตอรี่

จากตารางจะเห็นได้ว่า Motorola XOOM สามารถแสตนบายด์การใช้งานได้นานถึง 14 วัน ซึ่งจากการที่เราชาร์ตแบตประมาณ 3 ชั่วโมง และหลังจากนั้นก็เชื่อมต่อด้วยไว-ไฟตลอดเวลา มีทั้งการเข้าเว็บฯ บ้าง เล่นเกม ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น แบตเตอรี่จะอยู่ได้ประมาณ 2 วันกว่า ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่า เป็นข้อดีที่ไม่ต้องมีการชาร์ตบ่อยๆ และด้วยแบตที่อึดก็อาจจะเป็นสาเหตุให้มันมีน้ำหนักเครื่องที่มากนั่นเอง

ข้อดี


1. การทัชเมนูต่างๆ มีการตอบสนองที่ดีมาก
2. บอดี้มีการประกอบที่แน่นหนา ดูแข็งแรง
3. รองรับการเล่นแฟลช
4. แฟลชLED สำหรับการถ่ายรูปให้ความสว่างมาก

ข้อเสีย


1. การแสดงผลความละเอียดและสีสันของภาพไม่จัดจ้าน อยู่ในเกณฑ์พอใช้ได้
2. ตัวเครื่องมีน้ำหนักพอสมควร ซึ่งถ้าถือนานๆ อาจจะเกิดอาการเมื่อยล้าได้
3. ตัวเครื่องที่ส่งมาทดสอบไม่มีแป้นพิมพ์ภาษาไทย (แต่คิดว่าตัวที่วางขายน่าจะติดตั้งภาษาไทยมาให้พร้อมใช้)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่