ถือโอกาสปีใหม่ในการเริ่มต้นทำบทความในนี้ซะหน่อย จริงๆบทความนี้ก็ไม่ใช่ของใหม่อะไรเพราะผมเขียนไว้ใน Blog สักพักแล้วแต่อาจจะเป็นมุมเล็กๆไม่เป็นที่แพร่หลายนัก และก็ได้พบว่ามีหลายๆที่เอาไปใช้ใน Web โดยไม่ได้แจ้งและไม่ให้เครดิตกัน เลยคิดว่าเอามาลงไว้ที่นี่ดีกว่า เพื่อจะได้เป็นที่แพร่หลายบ้าง บ่นมาซะยาวเข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่ามันคืออะไร ส่วนการจะแก้ให้มันเป็นสีดำเหมือนชาวบ้านทั่วไปจะต้องทำยังไงผมจะกล่าวถึงในตอนท้ายๆนะครับ สำหรับคุณสมบัติในการบีบอัดไฟล์นี้เป็นคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติมซึ่งมีอยู่เฉพาะ Partition ที่เป็นแบบ NTFS เท่านั้นนะครับ FAT32 ไม่มีครับ เพราะหน้าที่ของมันโดยหลักๆก็คือใช้บีบอัดไฟล์เพื่อจัดเก็บลงใน HD ที่มี Partition แบบ NTFS นั่นล่ะครับ คือทำให้การจัดเก็บไฟล์ลงใน HD นั้นใช้เนื้อที่ในการจัดเก็บน้อยลงนั่นเอง แต่จะน้อยลงแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับประเภทของไฟล์ล่ะครับ อาจจะฟังดูแล้วคล้ายๆกับการ Zip ไฟล์นะครับ แต่ความแตกต่างระหว่างการบีบอัดไฟล์แบบนี้กับการ Zip ที่เห็นชัดก็คือไฟล์ที่บีบอัดโดยใช้การ Zip เมื่อจะเปิดไฟล์นั้นๆจะต้องมีการ Unzip ออกมาก่อนไม่ว่าจะด้วยคุณสมบัติของ Windows XP เองซึ่งสามารถจัดการกับไฟล์ Zip ได้หรือแม้แต่การใช้โปรแกรม WinZip โดยสรุปก็คือถ้าเป็นการ Zip ไฟล์ เมื่อต้องการใช้หรือแก้ไขไฟล์ที่ Zip นั้นก็จะต้องมีการแตกไฟล์ออกมาก่อน เมื่อจัดการแก้ไขเรียบร้อยถ้าต้องการบีบอัดอีกครั้งก็จะต้องทำการ Zip ใหม่ แต่สำหรับการบีบบอัดไฟล์ด้วยคุณสมบัติของ NTFS ที่เรากำลังพูดถึงนั้นไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นครับ คือไฟล์หรือ Folder ที่บีบอัดแบบนี้ไม่จำเป็นต้องทำการ Unzip ก่อนใช้งานหรือแก้ไขใดๆครับ ดังจะเห็นได้ว่าไฟล์หรือ Folder ที่บีบอัดด้วยวิธีนี้จะยังแสดง Icon เป็นปกติและนามสกุลทุกอย่างก็ยังปกติไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป นอกจากชื่อไฟล์ซึ่งแสดงเป็นสีน้ำเงินเท่านั้นเองครับ
นั่นเป็นเพราะว่าในการบีบอัดไฟล์ด้วยวิธีนี้ไม่ได้ทำการบีบอัดตัวไฟล์ลงจริงๆเหมือน Winzip แต่เป็นการบีบข้อมูลในการจัดเก็บลง HD ซึ่งถ้าเรา Click ชวาที่ไฟล์แล้วเลือก Properties จะเห็นว่ามีขนาดของไฟล์ 2 แบบคือ Size และ Size on disk ขออธิบายแบบคร่าวๆนะครับว่า Size ก็คือขนาดที่แท้จริงของไฟล์นั้นๆ ส่วน Size on disk นั้นเป็นขนาดของเนื้อที่ใน HD ที่ใช้เก็บไฟล์นั้นๆ สำหรับใครที่สนใจรายละเอียดลึกๆลองหาอ่านเรื่อง Sector และ Cluster ของ Harddisk ดูนะครับ เมื่อการบีบอัดวิธีนี้ไม่ได้เป็นการบีบอัดที่ตัวไฟล์โดยตรง ในการใช้งานจึงไม่จำเป็นต้องแตกไฟล์แบบซับซ้อนอะไรมากมายจึงทำได้รวดเร็วกว่าโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยว่ามีการบีบอัดหรือแตกไฟล์ขณะทำงานร่วมกับมัน เพราะเป็นหน้าที่ของ Windows ซึ่งทำงานอยุ่เบื้องหลังครับแต่แน่นอนครับว่าขนาดในการบีบนั้นน้อยกว่าการบีบแบบ Zip พอสมควรครับเพราะการ Zip นั้นเป็นการบีบที่ตัวไฟล์ตรงๆทำให้ขนาดของไฟล์ลดลงไปจริงๆไม่ใช่แค่เนื้อที่ในการจัดเก็บ แต่คงไม่ใช่ประเด็นใหญ่เพราะจุดมุ่งหมายมันต่างกัน สำหรับการบีบแบบ NTFS นั้นจุดประสงค์หลักก็คือบีบไฟล์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน คือนานๆใช้ทีเพื่อประหยัดเนื้อที่การเก็บใน HD ไม่ได้มุ่งหวังไปที่การบีบไฟล์ให้มีขนาดเล็กสุดเหมือน Winzip ครับ สำหรับความแตกต่างของขนาดในการบีบนั้นลองดูรูปประกอบนะครับ ย้ำว่าเราดูที่ Size on disk นะครับเพราะเรากำลังพูดถึงขนาดของเนื้อที่ใน HD ที่ใช้ในการจัดเก็บ ไม่ได้ดูขนาดของไฟล์ครับ
เมื่อรู้จักกันแล้วว่าเจ้าไฟล์สีน้ำเงินคืออะไร คราวนี้มาดูกันครับว่าสำหรับคนที่สนใจจะใช้บริการนี่จะทำได้ยังไงกันบ้าง วิธีการเรียกใช้บริการก็ง่ายๆเลยครับ ไปที่ไฟล์หรือ Folder ที่ต้องการบีบอัด Click ขวาเลือก Properties เลือก Advanced แล้วติ๊กถูกตรงช่อง Compress contents to save disk space แล้ว OK 2 ครั้งก็เรียบร้อยครับ จะเห็นว่าไฟล์เป็นสีน้ำเงินแล้ว และถ้า Properties ดู Size on disk จะลดลงไปครับ ลองดูรูปประกอบอีกทีนะครับ *** หมายเหตุนิดนึงว่า ถ้าจะทำการบีบอัดแบบนี้ควรทำกับไฟล์หรือ Folder ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานนะครับ เพราะถ้าเป็น Folder หรือไฟล์ที่ใช้บ่อยๆ ถึงแม้ว่าการบีบอัดและขยายจะไม่ส่งผลจนรู้สึกได้ แต่ถ้าหลายๆไฟล์และเป็นไฟล์ที่ใช้บ่อยๆก็อาจจะส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมของระบบลดลงได้ครับ! ***
สำหรับเรื่องสุดท้ายในหัวข้อนี้ก็ต้องเป็นเรื่องของการทำให้เจ้าไฟล์สีน้ำเงินกลับมาเป็นสีดำเหมือนๆชาวบ้านเค้าล่ะครับ ซึ่งมีอยู่ 2 วิธี แบบแรกเอาแบบกำปั้นทุบดินเลยคือในเมื่อเรารู้ว่ามันเป็นสีน้ำเงินเพราะเป็นไฟล์ที่มีการบีบอัด เราก็ไปยกเลิกการบีบอัดมันออกซะก็แค่นั้นเองมันก็กลายเป็นสีดำแล้ว ซึ่งวิธีนี้ผมไม่แนะนำครับ เพราะจะทำให้ต้องเสียเนื้อที่ใน HD มากขึ้น ทิ้งมันไว้แบบนั้นล่ะครับดีแล้ว แต่ถ้าเราเห็นแล้วรู้สึกไม่สบายตาหรือไม่สบายใจที่สีมันไม่เหมือนชาวบ้านเค้า เราก็ไปปิดการแสดงสีของมันซะครับ โดยไปที่ Folder Options ตรง Tab View ในส่วนของ Advanced settings เลื่อนลงมาข้างล่างๆจะเห็น Show encrypted or compressed NTFS file in color เอาเครื่องหมายถูกออกซะแล้ว OK แค่นี้มันก็จะเป็นสีดำเหมือนชาวบ้านเค้าแล้วล่ะครับ ลองดูรูปประกอบนะครับ
เจ้ารูปเล็กๆที่แสดงให้เราเห็นนี่ล่ะครับที่ผมบอกไว้ในตอนต้นว่าเป็นสิ่งที่เจ้า Thumbs.db เก็บไว้ คงมองเห็นภาพกันแล้วนะครับว่าเจ้า Thumbs.db มีความเป็นมาอย่างไรและมีไว้เพื่ออะไร คราวนี้มาดูกันว่าถ้าเราไม่ต้องการมันล่ะจะทำยังไง มี 2 แนวทางครับ เอาแบบตรงไปตรงมากำปั้นทุบดินเลยถ้าแค่ไม่อยากเห็นมันก็ไปปิดไม่ให้แสดงไฟล์ซ่อนซะมันก็ไม่เห็นแล้วล่ะครับ เพราะมันเป็นไฟล์ซ่อนอยู่แล้ว แต่ถ้าเราไม่ต้องการมันเลยล่ะคืออยากเปิดแสดงไฟล์ทั้งหมดแต่ไม่อยากเห็นมัน และไม่อยากให้ Windows สร้างขึ้นมาอีกเพราะรู้สึกว่าเปลืองเนื้อที่ใน HD จะทำยังไง
วิธีการก็คือไปที่ Folder Options ตรง Tab View ให้ติ๊กถูกตรง Do not cache thumbnails แล้ว OK เจ้า Windows ก็จะไม่สร้างมันขึ้นมารบกวนสายตาเราอีกแล้วครับ แต่ของเก่าๆที่ Windows เคยสร้างไว้นี่เราต้องตามลบทิ้งเอาเองนะครับ
ความเป็นมาของมันก็คือว่าถ้าใครที่ใช้ Windows รุ่นเก่าๆมา เช่น Windows 98 Windows NT หรือกระทั้ง Windows 2000 รุ่นแรกๆ คงจำคุณสมบัติ View as Web Page ของเจ้า Windows กันได้ ด้วยคุณสมบัตินี้ทำให้เราสามารถที่จะปรับแต่งการแสดงผลของ Folder เป็นรูปแบบต่างๆเหมือนหน้า Web ได้ เหมือน Folder เราเป็นหน้า Web หน้านึงน่ะครับ ปรับแต่งได้เต็มที่ รวมไปถึงการใส่ Script ต่างๆเข้าไปได้ด้วย พูดให้เห็นภาพกันง่ายๆว่าเหมือนเราเอา Icons ต่างๆใน Folder ไปแปะไว้บนหน้า Web นั่นล่ะครับ
เมื่อสะดวกแบบนี้ปัญหาจึงเกิดขึ้น คือเจ้าไวรัสที่กล่าวถึงด้านบนนั้นก็อาศัยช่องทางนี้ล่ะครับในการแฝงตัวเข้าไปอยุ่ใน Code ด้วย ถึงแม้จะไม่ได้ทำอันตรายร้ายแรงอะไรกับเครื่องมากมายเพราะเป็นข้อจำกัดของ Web Script แต่ก็สร้างความรำคาญได้ไม่น้อย เพราะพวกเล่นสร้างในเกือบทุก Folder เลย โดย Script ที่เจ้าพวกไวรัสไปแอบอยู่นี่ไม่ได้อยู่ใน Desktop.ini นะครับ แต่มันจะแอบในไฟล์ที่ผมบอกว่าเป็นสมุนคู่ใจคือ Folder.htt ซึ่งจะเห็นว่าใน Folder ที่มีปัญหานั้นมันจะมีไฟล์ทั้ง 2 ตัวนี้อยู่คู่กันครับ ถ้าเราเปิดดูในไฟล์ Folder.htt ก็จะพบว่ามันเป็น Code HTML ผสมกับ Script เหมือนกับ Web ทั่วๆไปล่ะครับ ผมขอสรุปสั้นๆในขั้นนี้เพียงว่าเจ้า Redrof.A ทำงานโดยอาศัยคุณสมบัติ View as Web Page ของ Windows โดยให้เจ้าไฟล์ Desktop.ini ไปทำการอ่าน Script ที่ทำตัวเป็นไวรัสซึ่งอยู่ในไฟล์ Folder.htt ขึ้นมาทำงานครับ มันจึงต้องอยู่คู่กันขาดตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้ครับ
เข้าใจผิด! คิดว่าไวรัส
File และ Folder ใสๆสีจางๆ
ซึ่งโดยหลักๆแล้ว ชีวิตเราก็จะยุ่งเกี่ยวอยู่แค่ 3 ตัวคือ R H และ S ส่วน A เราไม่ค่อยได้ยุ่งเกี่ยวกับมันหรอกครับ เรามาดูกันแต่ละตัวเลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามากจนเกินไป
ไปที่ Start => Run พิมพ์ Cmd แล้ว OK เลยครับ ก็จะพบกับหน้าต่างของ Dos แล้ว คิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักกันดีแล้วคงไม่ต้องแนะนำมาก มาเข้าคำสั่งกันเลยครับ สำหรับคำสั่งในการกำหนด Attribute ของไฟล์หรือ Folder นั้นก็คือคำสั่ง Attrib ครับ ซึ่งถ้าเป็นการพิมพ์ Attrib เพียงอย่างเดียวโดยไม่มีอะไรต่อท้ายก็จะเป็นการสั่งให้แสดง Attribute ของไฟล์ต่างๆตาม Path ที่อยู่ในขณะนั้น ซึ่งจะเห็นว่าตัวอักษรที่อยู่ด้านหน้าชื่อนั่นล่ะครับค่า Attribute ของมันถ้าว่างๆเลยก็เป็นไฟล์ธรรมดาสามัญ ถ้า H ก็เป็นไฟล์แอบ ถ้าพิเศษหน่อย SH ก็ทั้งแอบทั้งเป็นไฟล์ระบบล่ะครับ มาถึงตรงนี้ผมขอแถมที่ติดไว้ข้างต้นเลยว่าตอนนี้ถ้าเราพิมพ์ Dir แล้ว Enter จะเห็นชื่อไฟล์และ Folder แต่ไม่ทั้งหมดนะครับ สังเกตุว่าจะไม่เห็นไฟล์บางตัวที่ Attribute เป็น H หรือ SH จากที่เราเห็นตอนใช้คำสั่ง Attrib ในขั้นต้น นั่นเพราะมันจะไม่แสดงไฟล์ที่แอบไว้ให้เราเห็นครับ ถ้าเราต้องการดูทั้งหมดทั้งไฟล์ธรรมดาและไฟล์ซ่อนด้วย ให้ใช้คำสั่ง Dir /a นะครับ
Folder ชื่อ Recycler และ Recycled
ชื่อ File เป็นสีน้ำเงิน
ไฟล์ Thumbs.db มายังไง
คราวนี้มาดูกันว่าถ้าเราไม่ต้องการมันล่ะจะทำยังไง มี 2 แนวทางครับ เอาแบบตรงไปตรงมากำปั้นทุบดินเลยถ้าแค่ไม่อยากเห็นมันก็ไปปิดไม่ให้แสดงไฟล์ซ่อนซะมันก็ไม่เห็นแล้วล่ะครับ เพราะมันเป็นไฟล์ซ่อนอยู่แล้ว แต่ถ้าเราไม่ต้องการมันเลยล่ะคืออยากเปิดแสดงไฟล์ทั้งหมดแต่ไม่อยากเห็นมัน และไม่อยากให้ Windows สร้างขึ้นมาอีกเพราะรู้สึกว่าเปลืองเนื้อที่ใน HD จะทำยังไง
ไฟล์ Desktop.ini คืออะไร
1. เริ่มจากสร้าง Folder ขึ้นมาผมขอสร้างไว้ใน C: แล้วกันนะครับจะได้สะดวกตอนใช้ Command ภายหลัง ผมขอใช้ภาพประกอบนะครับจะได้ไม่ต้องพิมพ์ยาวมาก
2. สร้างไฟล์ชื่อ Desktop.ini ไว้ใน Folder DKDC โดยใส่ข้อความภายในดังนี้
[.ShellClassInfo]
IconFile=%SystemRoot%system32shell32.dll
IconIndex=-22
LocalizedResourceName=@shell32.dll -12693
InfoTip=@Shell32.dll -12689
3. ทำการกำหนดให้ Folder DKDC มี Attribute แบบ System ด้วย Command
4. เราจะเห็นว่า Folder DKDC ของเราได้เปลี่ยนไปทั้ง icon และชื่อที่แสดงด้วย ถ้าไม่มั่นใจว่านี่คือ Folder DKDC จริงๆลองเปิดเข้าไปดูก็ได้ครับ จะเห็นว่าตรง Address Bar ก็ยังแสดงเป็น C:DKDC อยู่ครับ แถมด้วยเมื่อเรานำ Mouse ไปชี้ตรง Folder ก็จะแสดงข้อความซึ่งเหมือนกับที่เราชี้ที่ Folder C:Documents and Settingsชื่อ UserMy DocumentsMy Music เลยล่ะครับ
5. อันนี้เป็น icon ที่จะแสดงให้เห็นครับ จะเห็นว่า -22 ใน ไฟล์ Desktop.ini คือลำดับที่ 22 ของ icon ที่เก็บไว้ในไฟล์ Shell32.dll นั่นเองครับ
6. สำหรับอีก 2 จุดก็เช่นเดียวกันครับ ดูรูปประกอบเอานะครับ หมายเหตุไว้นิดนึงว่าในส่วนของ IconFile และ InfoTip ถ้าเราไม่อยากอ้างถึงไฟล์ Shell32.dll เราสามารถระบุชื่อไฟล์หรือข้อความที่ต้องการลงไปตรงๆได้เลยครับเช่น
IconFile=e:iconFinder.ico
IconIndex=0
InfoTip=ทดสอบครับผม
ยังมีอีกหลายๆจุดที่น่าสนใจในไฟล์ Desktop.ini ซึ่งเราสามารถนำมาใช้ไว้ผมมีโอกาสแล้วจะรวบรวมมาเขียนแบบละเอียดอีกทีนะครับ สำหรับตอนนี้พอแค่นี้ดีกว่า ยาวไปเดี๋ยวจะน่าเบื่อครับ
หมายเหตุ:
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ