
เปรียบเทียบ i Phone 3G และ i Phone 3G S
จากการประกาศเปิดตัว i Phone ตัวใหม่ที่ใช้โค้ทเนมว่า 3G S ในงาน WWDC (World Wide Developer Conference) โดยตัวอักษร "S" ที่เพิ่มขึ้นมานั้น ทาง Apple ได้ให้คำจำกัดความและที่มาไว้ว่ามาจากอักษรตัวแรกของคำว่า "Speed" ซึ่งก็หมายถึงความเร็วในการประมวลผล และความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่เพิ่มขึ้นจากโมเดลเดิมกว่าเท่าตัว (ของเดิม 3.6MBps/ ของใหม่ 7.2MBps) นอกจากนั้นก็ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ มาอีกมากมาย (ดูได้จากรูป)

โดยฟังค์ชั่นเด่นๆ ที่เพิ่มมาและน่าสนใจก็คือ
- หน่วยความจำที่เพิ่มมากขึ้น (มีให้เลือกทั้งแบบ 16 และ 32 GB)
- ระบบ Voice Control ที่พัฒนาความสามารถให้มากกว่าเดิม (ใช้สั่งงานด้านการโทรและมัลติมีเดียได้),
- ชิบประมวลผลแบบใหม่ (ยังไม่ระบุ)
- รองรับฟีเจอร์ถ่ายวีดีโอพร้อมทั้งโปรเเกรมตัดต่อในตัว,
- กล้อง Build In ตัวใหม่ที่พกพาความสามารถมามากกว่าเดิม (3 Megapixels พ่วงด้วยระบบ Auto Focus และ Auto White Balance ที่ดีชึ้น)
- หน้าจอสัมผัสที่มีการพัฒนาเพิ่มขี้น (เพิ่มการป้องกันน้ำและน้ำมัน รวมไปถึงรอยนิ้วมือ)
- สนับสนุนกับเทคโนโลยี Nike+ (เก็บข้อมูลระยะทางการวิ่ง ระดับคอเลสเตอรอลที่เผาผลาญไป)
- พ่วงด้วยเข็มทิศอิเล็คโทรนิคส์ Build In ที่ใช้งานคู่กับ Google Maps ได้ (คุณจะไม่หลงป่าอีกต่อไป
)
และ แบตเตอรี่ใหม่ที่อึดกว่าเดิม (เล็กน้อย)
ซึ่งสิ่งที่พูดถึงทั้งหมดนั้นจะต้องแลกมาด้วยราคาที่เพิ่มมากขึ้น (100 ดอลล่าห์สหรัฐ หรือประมาณ 3,000-4,000 บาทไทย) ซึ่งในความคิดส่วนตัวของผมนั้นฟังค์ชั่นที่เพิ่มมานั้นน่าสนใจทีเดียว แต่มันก็เหมือนกับการหักหลังให้กับผู้ที่ซื้อ i Phone ไปก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน เพราะทาง Apple ยังไม่มีนโยบายอัปเกรด i Phone รุ่นเก่า ดังนั้นมันจึงดูเหมือนกับการบังคับให้ซื้อเครื่องใหม่ไปโดยบริยาย
i Phone 3G S จะเริ่มออกวางจำหน่ายในวันที่ 18 มิถุนายนที่จะมาถึงนี้ โดยเริ่มจากประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรก และจะขยายการจัดจำหน่ายออกไปประเทศอื่นๆ ในเดือนสิงหาคม
เครดิต รูปภาพจากเวปไซต์ gizmodo.com
เปรียบเทียบ i Phone 3G และ i Phone 3G S !!
เปรียบเทียบ i Phone 3G และ i Phone 3G S
จากการประกาศเปิดตัว i Phone ตัวใหม่ที่ใช้โค้ทเนมว่า 3G S ในงาน WWDC (World Wide Developer Conference) โดยตัวอักษร "S" ที่เพิ่มขึ้นมานั้น ทาง Apple ได้ให้คำจำกัดความและที่มาไว้ว่ามาจากอักษรตัวแรกของคำว่า "Speed" ซึ่งก็หมายถึงความเร็วในการประมวลผล และความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่เพิ่มขึ้นจากโมเดลเดิมกว่าเท่าตัว (ของเดิม 3.6MBps/ ของใหม่ 7.2MBps) นอกจากนั้นก็ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ มาอีกมากมาย (ดูได้จากรูป)
โดยฟังค์ชั่นเด่นๆ ที่เพิ่มมาและน่าสนใจก็คือ
- หน่วยความจำที่เพิ่มมากขึ้น (มีให้เลือกทั้งแบบ 16 และ 32 GB)
- ระบบ Voice Control ที่พัฒนาความสามารถให้มากกว่าเดิม (ใช้สั่งงานด้านการโทรและมัลติมีเดียได้),
- ชิบประมวลผลแบบใหม่ (ยังไม่ระบุ)
- รองรับฟีเจอร์ถ่ายวีดีโอพร้อมทั้งโปรเเกรมตัดต่อในตัว,
- กล้อง Build In ตัวใหม่ที่พกพาความสามารถมามากกว่าเดิม (3 Megapixels พ่วงด้วยระบบ Auto Focus และ Auto White Balance ที่ดีชึ้น)
- หน้าจอสัมผัสที่มีการพัฒนาเพิ่มขี้น (เพิ่มการป้องกันน้ำและน้ำมัน รวมไปถึงรอยนิ้วมือ)
- สนับสนุนกับเทคโนโลยี Nike+ (เก็บข้อมูลระยะทางการวิ่ง ระดับคอเลสเตอรอลที่เผาผลาญไป)
- พ่วงด้วยเข็มทิศอิเล็คโทรนิคส์ Build In ที่ใช้งานคู่กับ Google Maps ได้ (คุณจะไม่หลงป่าอีกต่อไป
)
และ แบตเตอรี่ใหม่ที่อึดกว่าเดิม (เล็กน้อย)
ซึ่งสิ่งที่พูดถึงทั้งหมดนั้นจะต้องแลกมาด้วยราคาที่เพิ่มมากขึ้น (100 ดอลล่าห์สหรัฐ หรือประมาณ 3,000-4,000 บาทไทย) ซึ่งในความคิดส่วนตัวของผมนั้นฟังค์ชั่นที่เพิ่มมานั้นน่าสนใจทีเดียว แต่มันก็เหมือนกับการหักหลังให้กับผู้ที่ซื้อ i Phone ไปก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน เพราะทาง Apple ยังไม่มีนโยบายอัปเกรด i Phone รุ่นเก่า ดังนั้นมันจึงดูเหมือนกับการบังคับให้ซื้อเครื่องใหม่ไปโดยบริยาย
i Phone 3G S จะเริ่มออกวางจำหน่ายในวันที่ 18 มิถุนายนที่จะมาถึงนี้ โดยเริ่มจากประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรก และจะขยายการจัดจำหน่ายออกไปประเทศอื่นๆ ในเดือนสิงหาคม
เครดิต รูปภาพจากเวปไซต์ gizmodo.com