เป็นธรรมดาของทุกๆ ปีที่มีหนังไทยออกใหม่อยู่สม่ำเสมอ แม้ว่าตลอดปี 2555 ..ปีแห่งความสุขสมหวัง แต่ตลาดหนังไทยกำลังวิกฤติ! หนัีงไทยหลายต่อหลายเรื่องยังอาศัยดารานักแสดงที่มีชื่อคุ้นเคยอยู่แล้วของคอหนัง แต่ใช่ว่าจะเป็นได้ทุกเรื่อง เรายังได้เห็นบางเรื่องที่ใช้นักแสดงหน้าใหม่เกือบทั้งชุด หรือหน้าใหม่มาร่วมแสดงกับหน้าเก่าด้วย คงจะช่วยให้อาการวังเวงของคนดูหนังลอยหายไปได้บ้าง
ปีนี้จึงมีหนุ่มๆ สาวๆ ตบเท้่าก้าวมาชิมลางบนจอเงินกันหลายราย โดยส่วนมากอาจจะเคยผ่านงานแสดงโฆษณา มิวสิกวิดีโอ ละครโทรทัศน์ บ้างผ่านการประกวด เป็นการประกันในความสามารถที่ฝึกปรือมา แม้กระทั่งดาราที่โด่งดังจากสายอื่นมานานนับสิบปี แต่เพิ่งมาเล่นหนังในปีนี้ก็รวมอยู่ด้วย
ในส่วนของฝ่ายหญิง-ที่เอาใจเหล่าท่านชาย สำหรับส่วนนี้คงพอจะนับได้ว่า มีเธอหลายคนเลยทีเดียว ในจำนวนนี้ก็ได้ทั้งคนที่ "รุ่ง" และคนที่ "ร่วง" แต่ทว่าคนที่ร่วงนั้นก็ยังมีสิทธิ์ที่จะขึ้นมารุ่งในภายภาคหน้าก็เป็นได้ ถ้าได้รับการสนับสนุนอย่างจริงใจ
มาเริ่มด้วยหนังเรื่อง "เอทีเอ็ม เออรัก เออเร่อ" ที่นอกจากจะเป็นหนังประเดิมปีมังกรทองแล้วหนังก็กวาดเงินไปกว่า 150 ล้านบาท ถือเป็นสถิติสูงสุดของค่ายจีทีเอช เรื่องนี้ก็ได้นักแสดงหน้าใหม่มาประดับวงการ หนึ่งในนั้นคือ นางเอกของเรื่องที่ชื่อ "ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร" วัยเพียง 22 ปี เพียงเล่นหนังครั้งแรกแล้วฟลุคด้วยรายได้มหาศาล เธอจึงมีงานอีเว้นท์ งานถ่ายแบบ งานโฆษณาไม่หยุดหย่อน ล่าสุดได้เล่นละครซีรีส์หมวดโอภาส ปี 2 และถือเป็นใบหน้าใหม่ที่น่าจับตามองอย่างยิ่งของปีนี้เลยจริงๆ หวังว่าเราอาจจะได้เห็นเธอเล่นหนังอีกในระยะไม่ช้านานนัก
ดาวรายถัดมา เป็นนักแสดงสาวที่ผ่านงานแสดงละครจอแก้วมาหลายเรื่อง..ที่คุ้นหน้าคุ้นตาของแฟนๆ วิกหมอชิต เพราะเธอกำลังเซ็นสัญญากับช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณนี่เอง "ฉัตร-ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร" สาวจากรั้วนนทรี เกษตรศาสตร์ ก็เพิ่งได้ออกจอเงินด้วยเรื่อง "เดอะ เมโลดี้ รักทำนองนี้" ที่แสดงคู่กับ แดน-วรเวช ผกก.คนใหม่ของวงการหนัง แต่เรื่องนี้เค้าไม่ได้กำกับ นับว่าทางผู้ใหญ่ของช่อง 7 ก็ฉลาดที่ได้ให้โอกาสน้องๆ ในการไปโผล่บนจอเงินอย่างเต็มที่
เรื่องค่ายกับค่ายอาจไม่เป็นอุปสรรคอย่างใด แม้กระทั่งค่ายเพลงอาร์เอส ที่ถึงแม้จะหยุดสร้างหนังของตัวเองลง ก็ไม่ได้ทำให้เหล่าบรรดาศิลปินนักร้องในสังกัดต้องสะดุดตัว เพราะยังมีหลายๆ คนที่มีแววเป็นนักแสดงได้อย่างอ่อนช้อย เช่นเดียวกับบริษัทผู้สร้างรายต่างๆ ต่างก็หมายตากันทั้งนั้น ถ้าเป็นสำนวนก็เรียกว่าฟ้ามีตา ปีนี้เราก็ได้แฝดสาว "เนย-แจม" แห่ง "เนโกะ จัมพ์" มาประัเดิมด้วยเรื่อง "สาระแน โอเซกไก" ที่มาแบบไม่ได้ตั้งใจ เพราะเป็นหนังแนวกึ่งเรียลลิตี้ ตามแบบฉบับของสาระแนทางจอแก้ว จึงไม่ต้องเน้นบทเหมือนหนังทั่วไป และหนังเองก็เลยโกยเงินเก็บจากแฟนหนังไม่น้อย อีกหนึ่งรายที่ทำท่าจะแจ้งเกิดก็คือนักร้องสาวเปรี้ยวลุคส์ผมสั้น "พ้อย-พรวรา" ในเรื่อง "เวอร์จิ้น แอม ไอ รักแรกกระแทกจิ้น" แม้จะได้แสดงเพียงตอนหนึ่งของเรื่อง แต่ก็ไม่แน่ว่าเรื่องต่อๆ ไป เราอาจจะเห็นเธอเล่นหนังแบบตลอดเรื่องสักที ถ้าได้บทที่เข้ากับบุคลิกของเธอชนิดเดียวกับตอนที่เธอเป็นนักร้อง
มาถึงดาวอื่นๆ จำพวกไม่ซ้ายไม่ขวา ไม่รู้จะอยู่ค่ายไหน แต่พอเล่นหนัง ค่ายที่สร้างหนังก็เกิดดันขึ้นมาได้ มีอยู่หลายรายที่น่าจับตาเช่นกัน อย่างเช่น "ฝน-นลินทิพย์ เพิ่มภัทรสกุล" ที่ก้าวมาเป็นนางเอกในเรื่อง "ชัมบาลา" ซึ่งเป็นหนังว่าด้วยการเดินทาง เรื่องนี้ถ่ายทำไกลถึงดินแดนชัมบาลาจริงๆ แต่ด้วยลุคส์ที่ดูยังเป็นวัยรุ่นสดใส ก็พอจะสร้างความรู้สึกดีๆ ของหนุ่มๆ รุ่นๆ รวมถึงคนที่รักการเดินทางมาโชกโชนได้ไม่เบาเลย
รายถัดมาคือ "โบว์-ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์" กับเรื่อง "เค้าเรียกผมว่า..ความรัก" โดยเธอเป็นนางเอกคู่กับหนุ่มเป้ อารักษ์ นั่นเอง เป็นหนังรักสนุกๆ ก็ทำให้เธอเ้กิดในวงการได้สบาย แต่อัพเดทล่าสุด เธอเป็นอีกคนที่เซ็นสัญญากับช่อง 7 สีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเร็วๆ นี้คงจะมีงานแสดงละครให้หายคิดถึง แต่ก็อย่าทิ้งหนัง ตราบที่แฟนหนังชื่นชมฝีมือของเธออยู่
ปีนี้มีคนชื่อ "โบ"(คำอ่าน) มาประดับจอหนังอย่างน้อยสองคน อีกคนคือ "โบ-ณัฐชลัยย์ สุขะมงคล" สาวนักคิดโฆษณา ที่ก้าวมายืนเบื้องหน้าอย่างสง่างาม ในฐานะนักแสดงนำเรื่อง "ยอดมนุษย์เงินเดือน" ที่ยังคงเก็บตั๋วอยู่ขณะนี้แหละ
นอกจากนี้ยังมีสาวที่เพิ่งเล่นหนังเพียงปีแรกก็ออกมาถึงสองเรื่อง อย่างเช่น "แม็กกี้-อาภา ภาวิไล" กับเรื่อง "คน-โลก-จิต" และ "สูบคู่กู้โลก" ในค่ายสหมงคลฟิล์ม และคาดว่าปีหน้าเราอาจได้เห็นทายาทคนสวยของนักแสดงอารมณ์ดีนี้โผล่จอเงินอีกครั้ง กระนั้นก็ยังมีงานจอแก้วให้เธอเล่นอีกด้วย
จับตามอง "ดาวรุ่งหญิงในหนังไทย" ปี 55 >>
ปีนี้จึงมีหนุ่มๆ สาวๆ ตบเท้่าก้าวมาชิมลางบนจอเงินกันหลายราย โดยส่วนมากอาจจะเคยผ่านงานแสดงโฆษณา มิวสิกวิดีโอ ละครโทรทัศน์ บ้างผ่านการประกวด เป็นการประกันในความสามารถที่ฝึกปรือมา แม้กระทั่งดาราที่โด่งดังจากสายอื่นมานานนับสิบปี แต่เพิ่งมาเล่นหนังในปีนี้ก็รวมอยู่ด้วย
ในส่วนของฝ่ายหญิง-ที่เอาใจเหล่าท่านชาย สำหรับส่วนนี้คงพอจะนับได้ว่า มีเธอหลายคนเลยทีเดียว ในจำนวนนี้ก็ได้ทั้งคนที่ "รุ่ง" และคนที่ "ร่วง" แต่ทว่าคนที่ร่วงนั้นก็ยังมีสิทธิ์ที่จะขึ้นมารุ่งในภายภาคหน้าก็เป็นได้ ถ้าได้รับการสนับสนุนอย่างจริงใจ
มาเริ่มด้วยหนังเรื่อง "เอทีเอ็ม เออรัก เออเร่อ" ที่นอกจากจะเป็นหนังประเดิมปีมังกรทองแล้วหนังก็กวาดเงินไปกว่า 150 ล้านบาท ถือเป็นสถิติสูงสุดของค่ายจีทีเอช เรื่องนี้ก็ได้นักแสดงหน้าใหม่มาประดับวงการ หนึ่งในนั้นคือ นางเอกของเรื่องที่ชื่อ "ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร" วัยเพียง 22 ปี เพียงเล่นหนังครั้งแรกแล้วฟลุคด้วยรายได้มหาศาล เธอจึงมีงานอีเว้นท์ งานถ่ายแบบ งานโฆษณาไม่หยุดหย่อน ล่าสุดได้เล่นละครซีรีส์หมวดโอภาส ปี 2 และถือเป็นใบหน้าใหม่ที่น่าจับตามองอย่างยิ่งของปีนี้เลยจริงๆ หวังว่าเราอาจจะได้เห็นเธอเล่นหนังอีกในระยะไม่ช้านานนัก
ดาวรายถัดมา เป็นนักแสดงสาวที่ผ่านงานแสดงละครจอแก้วมาหลายเรื่อง..ที่คุ้นหน้าคุ้นตาของแฟนๆ วิกหมอชิต เพราะเธอกำลังเซ็นสัญญากับช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณนี่เอง "ฉัตร-ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร" สาวจากรั้วนนทรี เกษตรศาสตร์ ก็เพิ่งได้ออกจอเงินด้วยเรื่อง "เดอะ เมโลดี้ รักทำนองนี้" ที่แสดงคู่กับ แดน-วรเวช ผกก.คนใหม่ของวงการหนัง แต่เรื่องนี้เค้าไม่ได้กำกับ นับว่าทางผู้ใหญ่ของช่อง 7 ก็ฉลาดที่ได้ให้โอกาสน้องๆ ในการไปโผล่บนจอเงินอย่างเต็มที่
เรื่องค่ายกับค่ายอาจไม่เป็นอุปสรรคอย่างใด แม้กระทั่งค่ายเพลงอาร์เอส ที่ถึงแม้จะหยุดสร้างหนังของตัวเองลง ก็ไม่ได้ทำให้เหล่าบรรดาศิลปินนักร้องในสังกัดต้องสะดุดตัว เพราะยังมีหลายๆ คนที่มีแววเป็นนักแสดงได้อย่างอ่อนช้อย เช่นเดียวกับบริษัทผู้สร้างรายต่างๆ ต่างก็หมายตากันทั้งนั้น ถ้าเป็นสำนวนก็เรียกว่าฟ้ามีตา ปีนี้เราก็ได้แฝดสาว "เนย-แจม" แห่ง "เนโกะ จัมพ์" มาประัเดิมด้วยเรื่อง "สาระแน โอเซกไก" ที่มาแบบไม่ได้ตั้งใจ เพราะเป็นหนังแนวกึ่งเรียลลิตี้ ตามแบบฉบับของสาระแนทางจอแก้ว จึงไม่ต้องเน้นบทเหมือนหนังทั่วไป และหนังเองก็เลยโกยเงินเก็บจากแฟนหนังไม่น้อย อีกหนึ่งรายที่ทำท่าจะแจ้งเกิดก็คือนักร้องสาวเปรี้ยวลุคส์ผมสั้น "พ้อย-พรวรา" ในเรื่อง "เวอร์จิ้น แอม ไอ รักแรกกระแทกจิ้น" แม้จะได้แสดงเพียงตอนหนึ่งของเรื่อง แต่ก็ไม่แน่ว่าเรื่องต่อๆ ไป เราอาจจะเห็นเธอเล่นหนังแบบตลอดเรื่องสักที ถ้าได้บทที่เข้ากับบุคลิกของเธอชนิดเดียวกับตอนที่เธอเป็นนักร้อง
มาถึงดาวอื่นๆ จำพวกไม่ซ้ายไม่ขวา ไม่รู้จะอยู่ค่ายไหน แต่พอเล่นหนัง ค่ายที่สร้างหนังก็เกิดดันขึ้นมาได้ มีอยู่หลายรายที่น่าจับตาเช่นกัน อย่างเช่น "ฝน-นลินทิพย์ เพิ่มภัทรสกุล" ที่ก้าวมาเป็นนางเอกในเรื่อง "ชัมบาลา" ซึ่งเป็นหนังว่าด้วยการเดินทาง เรื่องนี้ถ่ายทำไกลถึงดินแดนชัมบาลาจริงๆ แต่ด้วยลุคส์ที่ดูยังเป็นวัยรุ่นสดใส ก็พอจะสร้างความรู้สึกดีๆ ของหนุ่มๆ รุ่นๆ รวมถึงคนที่รักการเดินทางมาโชกโชนได้ไม่เบาเลย
รายถัดมาคือ "โบว์-ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์" กับเรื่อง "เค้าเรียกผมว่า..ความรัก" โดยเธอเป็นนางเอกคู่กับหนุ่มเป้ อารักษ์ นั่นเอง เป็นหนังรักสนุกๆ ก็ทำให้เธอเ้กิดในวงการได้สบาย แต่อัพเดทล่าสุด เธอเป็นอีกคนที่เซ็นสัญญากับช่อง 7 สีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเร็วๆ นี้คงจะมีงานแสดงละครให้หายคิดถึง แต่ก็อย่าทิ้งหนัง ตราบที่แฟนหนังชื่นชมฝีมือของเธออยู่
ปีนี้มีคนชื่อ "โบ"(คำอ่าน) มาประดับจอหนังอย่างน้อยสองคน อีกคนคือ "โบ-ณัฐชลัยย์ สุขะมงคล" สาวนักคิดโฆษณา ที่ก้าวมายืนเบื้องหน้าอย่างสง่างาม ในฐานะนักแสดงนำเรื่อง "ยอดมนุษย์เงินเดือน" ที่ยังคงเก็บตั๋วอยู่ขณะนี้แหละ
นอกจากนี้ยังมีสาวที่เพิ่งเล่นหนังเพียงปีแรกก็ออกมาถึงสองเรื่อง อย่างเช่น "แม็กกี้-อาภา ภาวิไล" กับเรื่อง "คน-โลก-จิต" และ "สูบคู่กู้โลก" ในค่ายสหมงคลฟิล์ม และคาดว่าปีหน้าเราอาจได้เห็นทายาทคนสวยของนักแสดงอารมณ์ดีนี้โผล่จอเงินอีกครั้ง กระนั้นก็ยังมีงานจอแก้วให้เธอเล่นอีกด้วย