ผมยอมรับว่า ก่อนดูหนังเรื่องนี้ ภาพที่ลอยขึ้นมาตอนนึกถึงปู่จิโร่ ก็คือเชฟที่ "เฮี้ยบ เนี้ยบ หยิ่ง แต่โคตรเก่ง" ในสไตล์คล้ายๆกับ Gordon Ramsay เชฟขาโหดจอมสบถจากรายการ Hell's Kitchen หรือผู้ร้ายในการ์ตูนแนวทำอาหารที่ทรนงว่า "คนกินต้องง้อฉัน"
ที่นึกแบบนี้ก็เพราะผมอ่านเจอมาว่า ทางร้านมีขั้นตอนการจองที่จัดว่าเข้มงวดมาก ราคาอาหารแพง ในแต่ละวันก็รับลูกค้าไม่มาก แถมยังมีข้อตกลงกับคนขายวัตถุดิบบางเจ้าว่าให้ขายของเฉพาะร้านตัวเองเท่านั้น นอกจากนี้ ใน trailer ปู่จิโร่เองก็หน้าดูนิ่งๆ (ส่วนลูกชายคนโตก็ดูคล้ายอาจารย์คาราเต้) และคำพูดก็สะท้อนให้เห็นถึงความเป็น perfectionist และพวก perfectionist ที่ผมเคยเจอมาในชีวิตก็ล้วนมีนิสัยชวนปวดหัวทั้งนั้น
แต่พอได้ดูจริงๆแล้ว ภาพที่ได้เห็นต่างกับที่คาดไว้ ในหนัง จิโร่เฮี้ยบ เนี้ยบและเป็น perfectionist จริง แต่กลับให้ความรู้สึกที่ติดดินและสบายๆ ตอนให้สัมภาษณ์ก็พูดแบบสบายๆ แต่งตัวก็ไม่ได้หรูเริดมาก เวลาไปไหนมาไหนก็ขึ้นรถไฟเหมือนคนปกติ
ถึงจิโร่จะฝึกลูกศิษย์ในร้านหนักมาก ใช้เวลากว่า 10 ปี หากทำไม่ได้มาตรฐานก็ให้ทำใหม่เรื่อยๆจนกว่าจะสำเร็จ แต่จิโร่และลูกชายคนโตจะเฮี้ยบกับลูกน้องแบบอธิบายไปตามเนื้อผ้ามากกว่าที่จะอาละวาดใส่ ตอนพักงานก็ให้กินของดีๆด้วยเพื่อที่ให้พัฒนา sense ด้านรสชาติให้ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น แถมยังรับฝึกงานให้ฟรีๆ (หากแต่ต้องอดทนพอที่ทนฝึกหนักไปเป็นเวลานับ 10 ปี)
แม้แต่ตอนท้ายเรื่อง ปู่จิโร่ก็พูดแบบถ่อมตัวว่า ตำแหน่งปั้นซูชิที่ทำอยู่นั้นนับว่าเป็นตำแหน่งโชคดีที่สุดในร้าน เพราะงานส่วนใหญ่ก็เป็นสิ่งที่ลูกมืิอช่วยเตรียมเอาไว้แล้ว (ภายใต้การคุมคุณภาพแบบเฮี้ยบ)
กับลูกค้า จิโร่ก็ให้ความใส่ใจทั้งตำแหน่งการนั่ง มือที่ถนัด หรือเพศของคนกิน การพูดการจาตอนส่งลูกค้าออกจากร้านก็สุภาพ มีโค้งให้ แม้ตอนมีคนที่ไม่ได้จองไว้ก่อนเข้ามาถาม ก็อธิบายไปตามเนื้อผ้าเท่านั้นว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ของราคาเท่าไร ไม่ได้ออกอาการหยิ่งเลย
ดูจบแล้ว ต้องยอมรับว่าปู่จิโร่นิสัยดีกว่าที่คาดไว้เยอะเลย หากมีคนมาพูดว่าร้านซูชิร้านนี้หยิ่ง หัวสูง ผมคงไม่เห็นด้วยครับ
ดู Jiro Dreams of Sushi แล้ว ปู่จิโร่นิสัยดีกว่าที่คิดแฮะ [spoil]
ที่นึกแบบนี้ก็เพราะผมอ่านเจอมาว่า ทางร้านมีขั้นตอนการจองที่จัดว่าเข้มงวดมาก ราคาอาหารแพง ในแต่ละวันก็รับลูกค้าไม่มาก แถมยังมีข้อตกลงกับคนขายวัตถุดิบบางเจ้าว่าให้ขายของเฉพาะร้านตัวเองเท่านั้น นอกจากนี้ ใน trailer ปู่จิโร่เองก็หน้าดูนิ่งๆ (ส่วนลูกชายคนโตก็ดูคล้ายอาจารย์คาราเต้) และคำพูดก็สะท้อนให้เห็นถึงความเป็น perfectionist และพวก perfectionist ที่ผมเคยเจอมาในชีวิตก็ล้วนมีนิสัยชวนปวดหัวทั้งนั้น
แต่พอได้ดูจริงๆแล้ว ภาพที่ได้เห็นต่างกับที่คาดไว้ ในหนัง จิโร่เฮี้ยบ เนี้ยบและเป็น perfectionist จริง แต่กลับให้ความรู้สึกที่ติดดินและสบายๆ ตอนให้สัมภาษณ์ก็พูดแบบสบายๆ แต่งตัวก็ไม่ได้หรูเริดมาก เวลาไปไหนมาไหนก็ขึ้นรถไฟเหมือนคนปกติ
ถึงจิโร่จะฝึกลูกศิษย์ในร้านหนักมาก ใช้เวลากว่า 10 ปี หากทำไม่ได้มาตรฐานก็ให้ทำใหม่เรื่อยๆจนกว่าจะสำเร็จ แต่จิโร่และลูกชายคนโตจะเฮี้ยบกับลูกน้องแบบอธิบายไปตามเนื้อผ้ามากกว่าที่จะอาละวาดใส่ ตอนพักงานก็ให้กินของดีๆด้วยเพื่อที่ให้พัฒนา sense ด้านรสชาติให้ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น แถมยังรับฝึกงานให้ฟรีๆ (หากแต่ต้องอดทนพอที่ทนฝึกหนักไปเป็นเวลานับ 10 ปี)
แม้แต่ตอนท้ายเรื่อง ปู่จิโร่ก็พูดแบบถ่อมตัวว่า ตำแหน่งปั้นซูชิที่ทำอยู่นั้นนับว่าเป็นตำแหน่งโชคดีที่สุดในร้าน เพราะงานส่วนใหญ่ก็เป็นสิ่งที่ลูกมืิอช่วยเตรียมเอาไว้แล้ว (ภายใต้การคุมคุณภาพแบบเฮี้ยบ)
กับลูกค้า จิโร่ก็ให้ความใส่ใจทั้งตำแหน่งการนั่ง มือที่ถนัด หรือเพศของคนกิน การพูดการจาตอนส่งลูกค้าออกจากร้านก็สุภาพ มีโค้งให้ แม้ตอนมีคนที่ไม่ได้จองไว้ก่อนเข้ามาถาม ก็อธิบายไปตามเนื้อผ้าเท่านั้นว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ของราคาเท่าไร ไม่ได้ออกอาการหยิ่งเลย
ดูจบแล้ว ต้องยอมรับว่าปู่จิโร่นิสัยดีกว่าที่คาดไว้เยอะเลย หากมีคนมาพูดว่าร้านซูชิร้านนี้หยิ่ง หัวสูง ผมคงไม่เห็นด้วยครับ