[ขออนุญาตตั้งกระทู้เดิม]ชีวิตพังมา 5 ปีขอคำปรึกษาหน่อยครับ

กระทู้สนทนา
(พอดีกระทู้เก่าใน Pantip ลิ้งค์เสียกระทู้เลยหายไป ไม่รู้ว่าต้องเก็บเข้าคลัง เลยขออนุญาตมาแปะเก็บไว้อีกครั้งเอาไว้ให้คุณหมออ่าน และอยากเก็บไว้ปรึกษาเพื่อนเค้าจะได้เข้าใจ T T ปัจจุบันผมย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพแล้วครับ มีนัดพอคุณหมอจิตแพทย์วันที่ 8 มกราคมนี้)

http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:Zx5lini5r3QJ:www.pantip.com/cafe/pda/readtopic.php%3Furl%3D/cafe/lumpini/topic/L12964700/L12964700.html+&cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th

ขอคำปรึกษาหน่อยนะครับ ชีวิตผมพังมา 5 ปี ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปผมไม่มีวันเรียนจบและมีงานดีๆ ทำแน่เลย ไม่รู้จะปรึกษาใคร เสียใจมากครับT_______T

**ถ้ายาวไปก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ อาการที่ผมเป็นปัจุุบันอยู่ด้านล่างสุดเลย ไม่เคยระบายความอึดอั้นให้ใครฟังมาก่อนเลย แต่ตอนนี้มันคงถึงเวลาจำเป็นที่ต้องหาทางแก้ละคับ

ปัจจุบันอายุ 20 ปีครับ อาการแบบนี้เป็นมาตั้งแต่อายุประมาณ 15 เริ่มเป็นมาตั้งแต่ที่ผมจบ ม.3 โรงเรียนใกล้บ้านที่นักเรียนไม่เยอะมากเท่าไร
ช่วงนั้นปิดเทอมก็ไม่รู้จะไปไหน เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ตอน ม.4 ก็สอบติดโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึง(เป็นโรงเรียนชายล้วน) ผมเข้าไปวันแรกคุณครูและเพื่อนๆในห้องก็โหวตให้เป็นหัวหน้าห้องทั้งๆที่ตัวเองไม่เต็มใจเพราะกลัวจะทำได้ไม่ดี ผมไม่คุ้นกับ บรรยากาศแบบนี้เลย คนเยอะมาก มีทั้งคนที่มีลักษณะเป็นเด็กเรียน และเด็กเกเร ผมจะรู้สึกกลัวคนประเภทหลังมาก (ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย) ผมกลัวว่า เค้าจะไม่ชอบหน้าเราหรือเปล่า กลัวเดินผ่านกลุ่มใหญ่แล้วโดนแซว ผมระแวงไปเองและชอบมองเค้าเพราะกลัวไปเอง จนทำให้หลายคนไม่ชอบหน้าผม ต่างจากเพื่อนในห้อง ที่เค้าจะดีกับผมมากเพราะรู้ว่าผมเป็นคนยังไง...ทำให้ผมยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ผมจะบอกแม่ว่าผมไม่อยากเรียนแล้ว บอกว่าเรียนไม่ไหว แต่ก็ไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริง อาจารย์ส่งเกรดเฉลี่ยมาที่บ้าน สรุปว่าได้เกรด 3.2 กว่าๆ แม่ผมพยายามพูดทุกอย่างที่จะให้ผมเรียนต่อให้จบ แต่ผมก็ไม่ยอม ผมเรียนที่นี่แค่เทอมเดียว จึงตัดสินใจลาออกมาเพราะเข้ากับเพื่อนข้างห้องไม่ได้เลย บวกกับความกลัวด้วย ผมก็รู้ว่าแม่ก็เสียใจแต่ผมสู้กับความกลัวไม่ไหวจริงๆ ผมอยู่บ้านว่าง ประมาณ 1 เทอมเต็มๆ (นี่คือจุดเริ่มต้นของอาการที่ผมเป็น และรุ้สึกเสียใจที่ทำให้แม่เสียใจ)

    ผ่านไปหลายเดือนแม่ผมก็บอกให้ไปสมัครเรียนใหม่ ผมจึงสินใจไปสอบเข้าที่โรงเรียนเตรียมอุดม(ประจำภาค)เป็นโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดที่ผมอยู่ เพราะคิดว่าน่าจะมีแต่เด็กเรียนและทำให้เรากลัวน้อยลงบวกกับเป็นโรงเรียนสหะไม่ใช่ชายล้วนเหมือนที่เคยอยู่ รอบนี้ผมเตรียมตัวมาดีมากคิดไว้แล้วว่าจะเลิกกลัวและเลิกมองหน้าคนอื่นไปเรียนวันแรกเหมือนเดิม อาจะด้วยบุคลิกภายนอกที่เป็นคนตัวสูง บุคลิคดี เลยถูกเพื่อนๆในห้องและอาจารย์โหวตให้เป็นหัวหน้าห้องอีกครั้ง เรียนในช่วงอาทิตย์แรกผมรู้สึกมีความสุขมากมาย เพราะมีคนมาชอบ มาปลื้มเยอะ ทั้งรุ่นพี่และรุ่นเพื่อน เพื่อนก็เยอะ ไปเรียนทุกวันไม่เคยขาด ผมจึงมั่นใจและสัญญากับแม่ว่าจะเรียนที่นี่ให้จบแน่นอน

    แต่มันไม่ราบรื่นแบบนั้น อาการชอบมองหน้าคนอื่นของผมกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว (ผมคิดว่าสายตาที่ผมมองคนอื่นมันคงดูแบบว่าไม่พอใจคนที่เรากำลังมองอยู่) ไม่รู้เป็นอะไรผมควบคุมมันไม่อยู่ ผมพยายามไม่มองแล้วแต่มันทำไม่ได้ ผมเริ่มกลัวอีกแล้ว ยิ่งกลัวยิ่งดูเหมือนเป็นคนเก็บกด จนเพื่อนในห้องเรียนสังเกตุได้เรียนไปได้ประมาณ 2 เดือนผมรู้สึกได้เลยว่ามีคนไม่ชอบผมเยอะมาก (ทั้งหญิงและชาย) ด้วยบุคลิกที่ดูเหมือนคนเก็บกดชอบก้มหน้าบวกกับอาจจะชอบมองหน้าคนอื่นด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ(แต่ผมไม่ได้ไม่พอใจใครเลย) ผมไม่เคยทักหรือคุยกับใครที่ไม่รู้จักรเพราะเดินก้มหน้าอย่างเดียว พอเป็นแบบนี้ผมยิ่งกลัว ผมนั่งเรียนผมไม่เคยมองกระดานเพราะกลัวว่าสายตาเรามันจะไปโดนคนในห้องที่นั่งอยู่ข้างหน้าและข้างๆ กลัวว่าเพื่อนในห้องที่เรียนด้วยกันจะไม่ชอบเราเพิ่มเข้าไปอีก ผมนั่งเรียนก้มหน้าตลอดหากระดาษมานั่งทำเป็นแอ๊บเนียนวาดรูปเล่น ทำเป็นนั่งเล่นเกมส์โทรศัพท์จนหมดชั่วโมงทัังที่ก็อยากมองกระดานและตั้งใจเรียนเหมือนคนอื่น ไม่กล้ามองหน้าอาจารย์ที่สอน เดินไปโรงอาหารก็ก้มหน้าเดินตามเพื่อนจนไปถึงโรงอาหารเกือบทุกวัน ต่อแถวซื้ออาหารก็ก้มหน้าเหมือนกันเพราะไม่รู้จะมองไปทางไหนพอซื้อเสร็จมานั่งกินข้าวกับเพื่อนผมก็นั่งก้มหน้าตลอดไม่รู้จะมองไปทางไหนเพราะคนเยอะมากอยากมองไปทางที่ไม่มีคน หนักใจสุดตรงที่บางครั้งเราเดินออกจากห้องทีหลัง ก็ต้องเดินไปเรียนที่ตึกอื่นคนเดียว พอเห็นคนนั่งกันเป็นกลุ่มก็จะไม่กล้าเดินผ่านต้องเดินอ้อมอีกตึกไปเข้าเรียนอีกที เดินสวนกับใครก็ก้มหน้าตลอด จนบางทีเดินสวนกับเพื่อนในห้องก็ยังมองไม่เห็น(เพราะก้มหน้าอยู่) จนเพื่อนต้องเป็นฝ่ายทักเอง ยิ่งตอนเข้าแถวยิ่งไปอะไรที่สุดๆเพราะคนเยอะมาก ไม่กล้ามองหน้าคนนำสวดมนต์ ร้องเพลงชาติ พยายามมองไปทางคนที่ไม่มีคน แต่ผมก็ยังรู้สึกเลยว่า หางตาตัวเองเห้นคนข้างๆ อยู่นิดๆ ผมก็รู้สึกได้เลยว่า คนข้างๆเค้าก็รู้สึกเหมือนกันว่าผมไปเหล่ มองเค้าทำไม ผมไม่สามารถบังคับสายตาตัวเองได้แล้ว หรือบางทีเวลามีคนมานั่งข้างๆ ผมไม่สามารถบังคับให้ผมมองแบบคนปกติได้เลย มันกังวลตลอดเวลา ทำไมจิตใจมันไปกังวลอยู่กับคนข้างๆตลอด จนหางตา มันก็เหมือนไปเหล่เค้า จนคนข้างๆเค้าก็รู้สึกเหมือนกัน จนสุดท้ายก็ต้องนั่งท่าสบายที่สุดคือ ก้มหน้าตามเคยหรือไม่ก็นั่งเล่นเกมส์โทรศัพท์พยายามให้สติมันจดจ่ออยู่กับเกมส์ไป พยายามแก้แล้วแต่มันทำไม่ได้ ไม่รู้ทำไม ผมเครียดมาก แล้วก็เป็นแบบนี้เลื่อยมาจนจบ ม.4 เทอม 1


    ขึ้นเทอม 2 (จุดเปลี่ยนเรื่องการเรียนของผม) ผมคิดว่ายิ่งไปเรียนเหมือนยิ่งไปเรียนก็ยิ่งมีคนไม่ชอบเราเพิ่มขึ้นทุกวัน ผมไม่อยากไปเข้าแถว ไม่อยากไปกินข้าวในโรงอาหาร ไม่อยากเดินเปลี่ยนตึกเรียนเพราะมันอึดอัดสุดๆ ช่วงเทอม 2 ผมพยายามไปโรงเรียนให้สายเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเข้าแถว ผมจะไปถึงโรงเรียนประมาณ 8.30 ทุกวัน จากเดิมไปโรงเรียนไม่เคยเกิน 7.10 ปีนเข้าทางรั้วด้านหลังโรงเรียนเกือบทุกวัน อย่างน้อยไปเรียนกับเพื่อนในห้องอย่างเดียวก็ยังดีไม่ต้องไปเจอใครๆเพราะเพื่อนในห้องเข้าใจเราดีที่สุด ฝืนไปเรียนทุกวัน (สัญญากับแม่ไว้แล้วว่าจะเรียนให้จบ) ตอนนั้นก็คิดว่าไปเรียนทุกวันแบบทุกวันจนเรียนจบก็ไม่เห็นเป็นไรอย่างน้อยก็ไม่ได้ขาดเรียนสักหน่อยแค่ไม่เข้าแถว เพราะมีรองหัวหน้าที่เป็นผู้หญิงเค้าคอยเช็คชื่อให้ผมว่าผมไปเข้าแถวทุกวันผมจึงสบายใจในเรื่องนี้เค้าดีกับผมมาก ผ่านไปเลื่อยๆ ถึงจะไม่ต้องเข้าแถวก็จริง แต่มันก็ยังต้องเดินเรียนเปลี่ยนตึก เดินไปห้องน้ำ ไหนจะพักกลางวันต้องไปกินข้าวอีก ทุกสถานการณ์มันเป็นอะไรที่อึดอัดมากสำหรับผม เป็นแบบนี้ทุกวันจนผมเริ่มไม่ไปเรียนบ้าง เริ่มจากแค่ไม่ไปเข้าแถว ก็เพิ่มเป็นขาดอาทิตย์ละ 1 วัน สลับวันขาดไปเลื่อยๆ บางวันมีคาบว่างเพื่อให้ไปติวหนังสือกัน ผมกลับต้องไปนอนฟุบ (บนโต๊ะ) เพราะไม่รู้จะไปไหน ไม่ใช่ว่าเข้ากับเพื่อนในห้องไม่ได้ เพื่อนในห้องดีกับผมมาก แต่ผมกลัวว่าถ้าไปนั่งล้อมวงคุยกัน ผมไม่รู้จะมองไปทางไหน ไม่รู้จะโฟกัสตรงไหน คนปกติเค้านั่งคุยกันแบบไหน แล้วสายตามองไปทางไหน กลัวไปหมด กลัวว่าจะไปทำให้เค้าอึดอัดและไม่ชอบผมเข้าไปอีก ไม่กล้าร่วมกิจกรรมอะไรที่มีคนเยอะๆเลย วันที่ขาดเรียนผมแต่งตัวชุดนักเรียนออกจากบ้านทุกวันแม่ไม่รู้ ไม่อยากให้แม่รู้ แต่งตัวมาแต่ไม่เข้าโรงเรียน พอไม่รู้จะไปไหนก็ไปนั่งร้านเกมส์ จนกลายเป็นเด็กติดเกมส์ในที่สุด จากขาดเรียนแค่ประมาณ อาทิตย์ละ 1 วัน ก็เพิ่มเป็นขาดเรียนอาทิตย์ละ 2 วัน ขาดเรียนจนโดนเรียกพบผู้ปกครอง และโดนอาจารย์ผู้หญิงที่เค้าเป็นอาจารย์ประจำระดับที่แต่งตั้งให้ผมเป็นหัวหน้า ชกหน้าเข้าเต็มๆ เพราะเค้าคงก็ผิดหวังในตัวผม เค้าก็ถามทำไมเธอเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ผมก็ไม่ได้ตอบเหตุผลที่แท้จริงทีทำให้ผมไม่อยากไปโรงเรียน ไม่กล้าไปโรงเรียน เพราะผมไม่รู้จะตอบยังไงมันคือโรคอะไร ไม่รู้จะอธิบายยังไง ***ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันอึดอัดขนาดไหน ขนาดแค่พิมพ์แล้วย้อนถึงเรื่องเก่าๆผมยังเสียใจเลย ผิดหวังกับตัวเองมาก ผมเรียนมาแบบนี้จนจบ ม.4 ได้เกรดเฉลี่ยไม่ถึง 1.5 ติดศูนย์ประมาณ 2 ตัว ติด ร อีกประมาณ 3 ตัว เพราะว่าในเทอม 2 แทบจะไม่ได้เข้าเรียนเลย (ทำแม่เสียใจอีกแล้ว T_____T) ตกต่ำที่สุดในช่วงชีวิตในตอนนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่