Doctor Strange (2016)
Director: Scott Derrickson
อาจจะต้องบอกว่านี่เป็นหนังมาร์เวลในรอบสองปีที่เรากล้าพูดว่า "ค่อนข้างชอบ" เนื่องจากเนื้อแท้ของหนังเรื่องนี้จริงมันพูดชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งที่สิ้นหวังและออกเดินทางตามหาความหวังอีกครั้ง ถ้าโยนเรื่องพลังพิเศษ (ซูเปอร์ฮีโร่) และภาพ (ซีจี) ที่ตระกาลตาแล้วมันพูดถึงคนตัวเล็กๆคนหนึ่งในจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลต่างหาก
เราจะไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่บรรดาคอหนังมาร์เวลจะเกิดอาการไม่ชอบ หรือรู้สึกว่า Doctor Strange สนุกน้อยเกินไป เพราะหนังให้เวลากับการเล่าชีวิตของ ดร.แสตรงค์ ในอัตราส่วนราวๆชั่วโมงกว่า เมื่อเทียบกับปริมาณของฉากต่อสู้ ที่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการะเตะต่อย หรือจริงๆ ถ้าพูดในสไตล์หนังกังฟูแล้ว เฮ้ยมันยังกับศิษย์ในสำนักตีกัน คนหนึ่งหลงผิดอีกคนอยู่ในฝั่งสว่าง แต่ระหว่างทางมันก็ยังทำให้เราเห็นว่าเออทุกอย่างไม่ได้ขาวกับดำไปหมด มันมีพื้นที่สีเทา ซึ่งก็มีเหตุผลในตัวมันเองอยู่เหมือนกันนะ
สิ่งที่เรามั่นใจว่ามันเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่น คือบรรดาทีมนักแสดงที่แต่ละคนดีกรีก็ไม่ธรรมดา เบเนดิกซ์ คัมเบอร์แบช (ชิงออสการ์มาแล้ว) , ชิเวเทล จิฟเฟอร์ (ชิงออสการ์มาแล้ว), ราเชล แมคอดัมส์ (ชิงออสการ์มาแล้ว) และทิลด้า สเวนตัน (คว้าออสการ์มาแล้ว) ดังนั้น แทบจะบอกได้เลยว่า การแสดงของเหล่านักแสดงนำนั้นคือสิ่งสำคัญที่ทำให้ Doctor Strange เป็นมากกว่าหนังฮีโร่โชว์ความเท่อย่างเดียว แต่พลังทางการแสดงนั้นแค่ฉากเล็กๆน้อยๆ ก็ยังเป็นภาพจำที่อยู่ในหัวเราหลังหนังจบลง
แม้หลายคนจะติติงว่างานวิชวลของ Doctor Strange ไม่สดใหม่ เพราะฉาก "ม้วนตึก" นั้นเป็นภาพที่คริสโตเฟอร์ โนแลนเคยทำมันมาก่อนใน Inception ซึ่งจะว่าไปแล้ว เราไม่ปฏิเสธว่ามันไม่ใหม่ แต่มันก็สามารถรองรับการเล่าเรื่อง "มิติกระจก" ได้น่าสนใจ หรือพูดง่ายๆว่ามันหยิบเอาสไตล์ที่มีอยู่มาปรุงแต่งต่อได้สอดรับกับเรื่องราวของมัน
ยิ่งไปกว่านั้น แก่นแท้ของ Doctor Strange คือความพยายามค้นหาทางออกของชีวิตของตัว ดร.แสตรงค์ว่าถ้าหากวันหนึ่งชีวิตมนุษย์เราต้องผกผัน เปลี่ยนแปลง พบเจอความเลวร้ายในชีวิต เราจะรับมือกับมันอย่างไร เราจะจุดไฟที่มอดดับในตัวเองอย่างไร และเราจะโอบกอดความทุกข์แล้วเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ให้เรามองโลกในมุมที่ต่างจากเดิมอย่างไร
ถ้าคุณจะมองหาหนังฮีโร่ที่แทรกปรัชญาตะวันออก (แบบ HE101) แล้ว เราเชื่อว่า Doctor Strange เป็นมากกว่าหนังฮีโร่กลวงๆแน่นอน ^^
#DoctorStrange
#DoctorStrangeTH
#PRETTYPLASALID
WESTWORLD - AI ในโลกคาวบอยตะวันตก :
http://pantip.com/topic/35670811
Snowden - มีแฟนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง :
http://pantip.com/topic/35670786
The Girl on the Train - เอมิลี่ บลันท์กับการตีบทแตกกระจุย :
http://pantip.com/topic/35670801
Deepwater Horizon - หายนะในน้ำมือมนุษย์ :
http://pantip.com/topic/35641088
Blair Witch - "ตำนานบางเรื่อง เราก็ไม่ควรไปยุ่มย่ามกับมัน" :
http://pantip.com/topic/35620555
SEOUL STATION - ด้านมืดของ TRAIN TO BUSAN :
http://pantip.com/topic/35616947
Bridget Jones's Baby คนยุค90ที่โตมาพร้อมกับหนังรอมคอมจะต้องรักหนังเรื่องนี้ :
http://pantip.com/topic/35596595
ถ้าชอบงานเขียนของเราฝากกดไลค์เพจ ตามมาเป็นเมาท์มอยพูดคุยกันครับที่
https://www.facebook.com/PrettyPlaSalid/
[SR] [ดูหนังกับพริตตี้ปลาสลิด] Doctor Strange - เมื่อพบเจอความเลวร้ายในชีวิต เราจะรับมือกับมันอย่างไร
Doctor Strange (2016)
Director: Scott Derrickson
อาจจะต้องบอกว่านี่เป็นหนังมาร์เวลในรอบสองปีที่เรากล้าพูดว่า "ค่อนข้างชอบ" เนื่องจากเนื้อแท้ของหนังเรื่องนี้จริงมันพูดชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งที่สิ้นหวังและออกเดินทางตามหาความหวังอีกครั้ง ถ้าโยนเรื่องพลังพิเศษ (ซูเปอร์ฮีโร่) และภาพ (ซีจี) ที่ตระกาลตาแล้วมันพูดถึงคนตัวเล็กๆคนหนึ่งในจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลต่างหาก
เราจะไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่บรรดาคอหนังมาร์เวลจะเกิดอาการไม่ชอบ หรือรู้สึกว่า Doctor Strange สนุกน้อยเกินไป เพราะหนังให้เวลากับการเล่าชีวิตของ ดร.แสตรงค์ ในอัตราส่วนราวๆชั่วโมงกว่า เมื่อเทียบกับปริมาณของฉากต่อสู้ ที่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการะเตะต่อย หรือจริงๆ ถ้าพูดในสไตล์หนังกังฟูแล้ว เฮ้ยมันยังกับศิษย์ในสำนักตีกัน คนหนึ่งหลงผิดอีกคนอยู่ในฝั่งสว่าง แต่ระหว่างทางมันก็ยังทำให้เราเห็นว่าเออทุกอย่างไม่ได้ขาวกับดำไปหมด มันมีพื้นที่สีเทา ซึ่งก็มีเหตุผลในตัวมันเองอยู่เหมือนกันนะ
สิ่งที่เรามั่นใจว่ามันเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่น คือบรรดาทีมนักแสดงที่แต่ละคนดีกรีก็ไม่ธรรมดา เบเนดิกซ์ คัมเบอร์แบช (ชิงออสการ์มาแล้ว) , ชิเวเทล จิฟเฟอร์ (ชิงออสการ์มาแล้ว), ราเชล แมคอดัมส์ (ชิงออสการ์มาแล้ว) และทิลด้า สเวนตัน (คว้าออสการ์มาแล้ว) ดังนั้น แทบจะบอกได้เลยว่า การแสดงของเหล่านักแสดงนำนั้นคือสิ่งสำคัญที่ทำให้ Doctor Strange เป็นมากกว่าหนังฮีโร่โชว์ความเท่อย่างเดียว แต่พลังทางการแสดงนั้นแค่ฉากเล็กๆน้อยๆ ก็ยังเป็นภาพจำที่อยู่ในหัวเราหลังหนังจบลง
แม้หลายคนจะติติงว่างานวิชวลของ Doctor Strange ไม่สดใหม่ เพราะฉาก "ม้วนตึก" นั้นเป็นภาพที่คริสโตเฟอร์ โนแลนเคยทำมันมาก่อนใน Inception ซึ่งจะว่าไปแล้ว เราไม่ปฏิเสธว่ามันไม่ใหม่ แต่มันก็สามารถรองรับการเล่าเรื่อง "มิติกระจก" ได้น่าสนใจ หรือพูดง่ายๆว่ามันหยิบเอาสไตล์ที่มีอยู่มาปรุงแต่งต่อได้สอดรับกับเรื่องราวของมัน
ยิ่งไปกว่านั้น แก่นแท้ของ Doctor Strange คือความพยายามค้นหาทางออกของชีวิตของตัว ดร.แสตรงค์ว่าถ้าหากวันหนึ่งชีวิตมนุษย์เราต้องผกผัน เปลี่ยนแปลง พบเจอความเลวร้ายในชีวิต เราจะรับมือกับมันอย่างไร เราจะจุดไฟที่มอดดับในตัวเองอย่างไร และเราจะโอบกอดความทุกข์แล้วเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ให้เรามองโลกในมุมที่ต่างจากเดิมอย่างไร
ถ้าคุณจะมองหาหนังฮีโร่ที่แทรกปรัชญาตะวันออก (แบบ HE101) แล้ว เราเชื่อว่า Doctor Strange เป็นมากกว่าหนังฮีโร่กลวงๆแน่นอน ^^
#DoctorStrange
#DoctorStrangeTH
#PRETTYPLASALID
WESTWORLD - AI ในโลกคาวบอยตะวันตก : http://pantip.com/topic/35670811
Snowden - มีแฟนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง : http://pantip.com/topic/35670786
The Girl on the Train - เอมิลี่ บลันท์กับการตีบทแตกกระจุย : http://pantip.com/topic/35670801
Deepwater Horizon - หายนะในน้ำมือมนุษย์ : http://pantip.com/topic/35641088
Blair Witch - "ตำนานบางเรื่อง เราก็ไม่ควรไปยุ่มย่ามกับมัน" : http://pantip.com/topic/35620555
SEOUL STATION - ด้านมืดของ TRAIN TO BUSAN : http://pantip.com/topic/35616947
Bridget Jones's Baby คนยุค90ที่โตมาพร้อมกับหนังรอมคอมจะต้องรักหนังเรื่องนี้ : http://pantip.com/topic/35596595
ถ้าชอบงานเขียนของเราฝากกดไลค์เพจ ตามมาเป็นเมาท์มอยพูดคุยกันครับที่
https://www.facebook.com/PrettyPlaSalid/