ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกการเดินทางของพวกเรา StoryTripper By HD ค่ะ รีวิวนี้เป็นครั้งแรกของเรา ที่ขอถือโอกาสมาแนะนำตัวตนในโลก Pantip บ้าง แต่ไม่ใช่ทริปแรกของเรานะคะ #HD มาจาก H และ D เป็นอักษรนำหน้าชื่อของเรา 2 คนค่ะ เนื่องจากเราทั้งคู่รักและหลงใหลการเดินทางมากโดยเฉพาะการเดินป่าในเมืองไทย และถ้ามีโอกาสก็จะไปต่างประเทศบ้าง หลังจากนี้เราจะมารีวิวให้ได้ชมกันต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ
เราขอเปิดประเดิมทริปแรกกับการสำรวจเทือกเขาบรรทัด กับสุดยอดเส้นทางลี้ลับกับตำนานมากมาย ที่เล่าขานสืบทอดกันมาว่าเป็นที่อยู่ของเหล่าเทพเทวดาหรือที่เรียกกันว่าป่าหิมพานต์ โดยเฉพาะ “คนธรรพ์” ที่อาศัยอยู่บนยอดเขา ในโลกอีกมิติ เล่ากันว่าหากผู้ใดที่เล็ดลอดเข้าไปก็ยากที่จะออกมา และหากผู้ที่เข้าไปแล้วออกมาก็จักต้องมาอยู่ในโลกที่มีมิติกาลเวลาต่างกันแม้เพียงวันเดียวแต่เท่ากับหลายหลายสิบปี
เปิดตำนานนิราศสามภูสู่เขาเจ็ดยอด ทริปนี้ต้องขอขอบคุณคณะพัทลุงอีโคทัวร์ และการท่องเที่ยวพัทลุง ที่เปิดโอกาสให้เราเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่มีโอกาสได้เดินทางไปสำรวจทริปครั้งนี้ โดยใช้เวลา 6 วัน 5 คืน ในป่าดิบเทือกเขาบรรทัด โดยเทือกเขาแห่งนี้มีพื้นที่กว่าเจ็ดแสนไร่ ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดได้แก่ สตูล สงขลา ตรัง และ จังหวัดพัทลุง ช่วงเวลาที่เราเดินทางเป็ฯช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยการท่องเที่ยวพัทลุงได้เปิดทริปนี้เป็นทริปแรกที่ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสถึงธรรมชาติในผืนป่าแห่งนี้กับเส้นทางสำรวจที่ยังไม่มีใครเคยไปมาก่อนโดยจะเป็นเส้นทางจาก เขายอดสามภูมุ่งหน้าสู่เจ็ดยอด
การเดินทางเรามุ่งหน้าจากกรุงเทพด้วยรถทัวร์เที่ยว 17:30 พัทลุง ไปยัง แม่ขรี อ.ตะโหมด เนื่องจากเส้นทางถนนสายใต้ยังมีการซ่อมแซมจึงทำให้เราใช้เวลาเดินทางค่อนข้างมากโดยไปถึงเวลา 8โมงเช้า โดยมีพี่เลี่ยม ผู้จัดตั้งทริปนี้เป็นคนมารับและนำทางให้ด้วย เราจัดเตรียมของที่บ้านหมอหน่อย ซึ่งทราบว่าเป็นหมอยาสมุนไพร แน่นอนทริปนี้เราย่อมไม่พลาดกับการสำรวจสมุนไพรบนเทือกเขาบรรทัด และได้ชิมสมุนไพรแบบสด ๆ กันตลอดระยะเวลาการเดินทาง เราจัดแจงเปลี่ยนชุดเตรียมของใส่เป้เพื่อเดินทางไปยัง "น้ำตกลาดเตย"
น้ำตกลาดเตย
ทีมสตาฟที่จะพาเราเดินมี6คน พี่เลี่ยม,หมอหน่อย(หมอสมุนไพร),พี่ยุทธ(พรีเดเตอร์),พี่ห้อย,พีไพรวัล(เจ้าหน้าที่เกษตรพัทลุง มีความรู้เรื่องนกมาก),ไก่(ลูกชายหมอหน่อย) และเพื่อน ๆ ร่วมทริปประกอบไปด้วย อ.เอ(นักวิชาการด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม),แอ๊ด,ปอ,เช่,เอ็ม,อาร์ม(เป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรงครึ่งซีกด้านซ้าย น้องคนนี้ใจมาก) ,ฮ้อ-ดิ๋ม#HD ก่อนเริ่มเดิน พี่บรรเจิด หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ได้มากล่าวทักทายกลุ่มพวกเราก่อนพร้อมแนะนำเส้นทางการเดินทางคร่าว ๆ ก่อนเริ่มออกเดินทาง
#วันแรก เราเริ่มต้นเดินทางที่ "น้ำตกลาดเตย"

ความสูงราว90ม.) เริ่มเดินกันราว11:30 เดินมาได้ราว 3.5km. หรือราวชม.เราก็เจอ "น้ำตกทับหัวใจ" และ"น้ำตกโตนปลิวใต้น้อย" บริเวณนี้หมอหน่อยและพี่ไพรวัลย์ ได้ทำพิธีขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทาง ตามความเชื่อเพื่อขอให้ท่านช่วยเปิดทางและเป็นการสร้างขวัญกำลังใจทำให้การเดินทางครั้งนี้ปลอดภัยไม่มีอันตรายใด ๆ หลังจากนั้นเราจึงถือโอกาสพักกินมื้อเที่ยงเลย ต่อจากนั้นจึงเดินลัดเลาะทวนสายน้ำขึ้นไป จริงๆวันนี้เราจะได้ไปดู"น้ำตกโตนปลิวใต้ใหญ่" ซึ่งต้องเดินตัดลงไป แต่เนื่องจากวันนี้เราเดินออกกันสายจึงไม่ได้แวะไปดู เราถึงจุดแคมป์ราว4โมงกว่า แบบสบายไม่รีบมาก ระยะทางเดินราว7.4km. ที่ความสูงแค่400ม.คืนนี้แคมป์ริมน้ำ กับฝนโปรยๆ

ทำพิธีขออนุญาติเจ้าที่

บริเวณน้ำตกทับหัวใจ

เหตุผลที่เรียกน้ำตกทับหัวใจ

ผีเสื้อสีเขียวสวย

บริอเวณน้ำตกที่พักแค้มป์คืนแรก

บริเวณแค้มป์กลางคืนแรก
#เช้าวันที่สอง ตื่นมาฝนยังคงไม่หยุดยังคงตกโปรยๆอยู่ เช้านี้หมอหน่อย ต้มน้ำสมุนไพร 7พลังช้างสารให้กิน พอให้กระชุ่มกระชวยกันอุ่นๆ

สมุนไพร 7 พลังช้างสาร
มื้อเช้านี้ทางพี่ ๆ คณะได้จัดเตรียมปลาพวงจากลำธารที่จับมาสดๆ มาประกอบอาหารให้เรากิน กล่าวถึงอาหารในการเดินทางครั้งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นปลาสด ๆ และปลาตากแห้ง โดยจะเน้นไปทางต้ม และปิ้งย่าง เนื่องจากพี่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่อยากใช้น้ำมันเพื่อเป็นการรักษาผืนดินและน้ำ อีกทั้งยังเป็นการง่ายในการทำความสะอาดทริปนี้อาหารส่วนใหญ่เราจึงเน้นไปทางแนวคลีน ๆ แบบคิดเอาเองไม่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบในการทำอาหาร ส่วนปลาก็หาจากลำธารแถวนี้ น้ำดื่มเราดื่มจากลำธารเพราะเราต้องเดินผ่านลำน้ำแทบตลอดทั้งทริป

เหล่าปลาพวง

น้ำจากลำธารทั้งดื่ม ทั้งอาบ
พวกเราเริ่มออกเดินกันราว 9:30 ระหว่างทางหมอหน่อยจะคอยให้ความรู้เรื่องสมุนไพรต่างๆหลายชนิดมาก จำได้บ้างไมได้บ้าง ระหว่างทางหมอหน่อยเจอเถาวัลย์ "สะค้านเนื้อ" สรรพคุณบำรุงเลือด จึงฟันให้กลับไปเป็นที่ระลึก

สะค้านเนื้อ
เดินมาได้ราว11โมงฝนเริ่มตกลงมาอีกครั้งพร้อมกับลมแรงจังหวะนั้นเราได้ยินเสียงไม้ล้มต่อเนื่องติดต่อกัน เนื่องจากป่าบรรทัดเป็นป่าโบราณไม้ส่วนใหญ่จะค่อนข้างเปราะบางจึงทำให้เวลาเราเดินต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อลมพัดแรงขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงมรสุมเข้า เราจึงตัดสินใจหาที่พักหยุดพักกินข้าวเที่ยง ที่ความสูงราว600ม. เดินกันมาได้แค่ราว4km. และสักพักฝนก็กระหน่ำ ตอนนี้สภาพทุกคนเปียกปอนและหนาวสั่น ทีมพี่เลี่ยมจึงตัดสินใจทำแคมป์กลางเพื่อกินข้าวและหลบฝน หลังกินข้าวเสร็จ ฝนและลมยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ทางทีมพี่เลี่ยมจึงตัดสินใจว่า พวกเราคงต้องแคมป์กันที่นี้เพราะถ้าเดินลุยไป ทางจะลื่นมากเพราะจะเป็นช่วงเดินชัน+มีการปีนหน้าผาด้วยเพราะเป้าหมายของเราวันนี้ต้องขึ้นยอดสามภู และถ้าดันไปถึงยอด"สามภู"อาจจะเจอลมฝนที่หนักกว่านี้ เพราะขนาดอยู่ในหุบลมยังแรง และระหว่างทางอาจมีไม้หล่นลงมาทำให้เกิดอันตรายได้ เราจึงตัดสินใจไม่ดันทุรังไปต่อ รีบทำแคมป์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พักผ่อน จึงช่วยคลายหนาวได้ แต่กว่าฝนจะหยุดตกก็บ่ายสามอุณหภูมิตอนนี้เย็น ๆ 22องศา เวลาว่างเยอะจึงนั่งชิลๆฟังเพลง จิบกาแฟ พร้อมกับมีลมพัดแรงๆมาอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม หมอหน่อย และพี่เลี่ยม เล่าว่า “ปกติที่นี่ ลมจะไม่แรงขนาดนี้ เพิ่งเจอก็ครั้งนี้แหละ"
วิวระหว่างทาง

พักชิลด์ ๆ
มื้อเย็นนี้เรายังคงฝากท้องไว้กับฝีมือหมอหน่อยคนเดิม โดยมีของหวานเป็นถั่วดำต้มร้อนๆ คืนนี้หมอหน่อย สอนอะไรหลายๆอย่าง ก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้านอนตอน3ทุ่ม แต่ลมยังคงพัดแรงมากอยู่เป็นระยะๆ(แบบว่าฟลายชีสสะบัดและเปลที่นอนแกว่งกันเลย) คืนนี้ทำให้ผมรู้เลยว่าหมอหน่อยคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

มื้อค่ำ
#เช้าวันที่สาม เช้านี้ลมยังคงพัดแรงทั้งคืน ทำให้เมื่อคืนนอนได้ไม่เต็มที่ แต่โชคดีที่ไม่มีฝน เราเริ่มออกเดินกัน8:40 เดินกันมาได้สักพัก ได้ยินเสียงต้นไม้ใหญ่โค่นดังสนั่นเนื่องจากลมแรงมาก แต่ก็ช่วยให้เดินชิลมาก เพราะไม่ร้อน พวกเราค่อยๆเดินไต่ระดับความสูงขึ้นเรื่อย ๆ

วันนี้มีเดินขึ้นทางชัน

ตรงนี้เป็นเส้นทางใช้ในการค้าขายสมัยโบราณ

วิวระหว่างทาง
ช่วงก่อนถึงจุดพักที่ยอด"สามภู" ต้องมีการปีนป่ายหน้าผา ขนาดความชันเกือบ90องศา กันพอให้ได้สนุกและมันดี ที่ "ผาแดง"

มุมนี้หลังจากปีน"ผาแดง"ขึ้นมา

บริเวณผาแดง
ระยะทางจากแคมป์ถึงจุดชมวิว"สามภูฝั่งพัทลุง"ราว1.4km.ที่นี้สูงราว999ม.(สามภู:3ยอด 1.ภูพัทลุง 2.ภูสตูล 3.ภูตรัง) ตอน11โมง ด้านบนลมแรงชนิดว่ายืนไม่ค่อยอยู่กันเลย พวกเราพักกินมื้อเที่ยงที่นี้

มุมนี้ก่อนจะถึง"ยอดสามภู"

มุมมองจาก"ยอดสามภู"ฝั่งพัทลุง

วิวจากยอดสามภูอีกมุมหนึ่ง

มื้อเที่ยงบนยอดสามภู

ยอดด้านหน้าคือ"เขาสระ" ส่วนที่อยู่ด้านหลังไกลๆปลายยอดโดนเมฆปิดอยู่คือ"เขาเจ็ดยอด"
หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว เราเดินไปยังยอด"เขาสระ" (ป่า1,000ปี) ซึ่งสูงใกล้เคียงกันราว1,010ม. ด้านบนเต็มไปด้วย "ไลเคน" หนาเกาะตามต้นไม้เต็มไปหมด รวมถึงเป็นดง"ว่านนาคราช"เลยทีเดียวเพราะมีตลอดทาง อากาศตรงนี้สดชื่นมาก

ไลเคน ระหว่างทางไปยอดเขาสระ

วิวจากยอดเขาสระ

"ไลเคน"บนเขาสระ"ขึ้นหนามากๆ
[url]เราชมความงามบนยอดเขาสระสักพักหนึ่งก่อนจะเดินตัดลงหุบแบบระห่ำยาวๆชันๆลื่นๆรกๆ เพราะเป็นเส้นสำรวจ การเดินครั้งนี้จึงต้องฟันทางลงกันตลอด เพื่อแคมป์ใกล้แหล่งน้ำเราจึงดันกันลงไปจนสุด ตีน"เขาสระ" ตอน6โมงเย็น วันนี้เดินกันราว4.8km.จุดที่พักแคมป์สูงราว450ม. จุดนี้หมอหน่อย บอกว่าเป็นเขตของ"คนธรรณ์" ทำให้ก่อนนอนเราจึงต้องมีการสวดมนต์เพื่อเป็นการให้เกียรติกับเจ้าที่และให้ได้นอนหลับสบาย มื้อค่ำนี้เรามีเมนูพิเศษ คือต้มตะพาบ แล้วตามด้วยของหวาน ข้าวเหนียวดำ ก่อนจะแยกย้ายกันเข้านอนตอน4ทุ่ม
[CR] เปิดตำนานนิราศสามภูสู่เขาเจ็ดยอด (ทริปสำรวจเทือกเขาบรรทัด)
เราขอเปิดประเดิมทริปแรกกับการสำรวจเทือกเขาบรรทัด กับสุดยอดเส้นทางลี้ลับกับตำนานมากมาย ที่เล่าขานสืบทอดกันมาว่าเป็นที่อยู่ของเหล่าเทพเทวดาหรือที่เรียกกันว่าป่าหิมพานต์ โดยเฉพาะ “คนธรรพ์” ที่อาศัยอยู่บนยอดเขา ในโลกอีกมิติ เล่ากันว่าหากผู้ใดที่เล็ดลอดเข้าไปก็ยากที่จะออกมา และหากผู้ที่เข้าไปแล้วออกมาก็จักต้องมาอยู่ในโลกที่มีมิติกาลเวลาต่างกันแม้เพียงวันเดียวแต่เท่ากับหลายหลายสิบปี
เปิดตำนานนิราศสามภูสู่เขาเจ็ดยอด ทริปนี้ต้องขอขอบคุณคณะพัทลุงอีโคทัวร์ และการท่องเที่ยวพัทลุง ที่เปิดโอกาสให้เราเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่มีโอกาสได้เดินทางไปสำรวจทริปครั้งนี้ โดยใช้เวลา 6 วัน 5 คืน ในป่าดิบเทือกเขาบรรทัด โดยเทือกเขาแห่งนี้มีพื้นที่กว่าเจ็ดแสนไร่ ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดได้แก่ สตูล สงขลา ตรัง และ จังหวัดพัทลุง ช่วงเวลาที่เราเดินทางเป็ฯช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยการท่องเที่ยวพัทลุงได้เปิดทริปนี้เป็นทริปแรกที่ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสถึงธรรมชาติในผืนป่าแห่งนี้กับเส้นทางสำรวจที่ยังไม่มีใครเคยไปมาก่อนโดยจะเป็นเส้นทางจาก เขายอดสามภูมุ่งหน้าสู่เจ็ดยอด
การเดินทางเรามุ่งหน้าจากกรุงเทพด้วยรถทัวร์เที่ยว 17:30 พัทลุง ไปยัง แม่ขรี อ.ตะโหมด เนื่องจากเส้นทางถนนสายใต้ยังมีการซ่อมแซมจึงทำให้เราใช้เวลาเดินทางค่อนข้างมากโดยไปถึงเวลา 8โมงเช้า โดยมีพี่เลี่ยม ผู้จัดตั้งทริปนี้เป็นคนมารับและนำทางให้ด้วย เราจัดเตรียมของที่บ้านหมอหน่อย ซึ่งทราบว่าเป็นหมอยาสมุนไพร แน่นอนทริปนี้เราย่อมไม่พลาดกับการสำรวจสมุนไพรบนเทือกเขาบรรทัด และได้ชิมสมุนไพรแบบสด ๆ กันตลอดระยะเวลาการเดินทาง เราจัดแจงเปลี่ยนชุดเตรียมของใส่เป้เพื่อเดินทางไปยัง "น้ำตกลาดเตย"
น้ำตกลาดเตย
ทีมสตาฟที่จะพาเราเดินมี6คน พี่เลี่ยม,หมอหน่อย(หมอสมุนไพร),พี่ยุทธ(พรีเดเตอร์),พี่ห้อย,พีไพรวัล(เจ้าหน้าที่เกษตรพัทลุง มีความรู้เรื่องนกมาก),ไก่(ลูกชายหมอหน่อย) และเพื่อน ๆ ร่วมทริปประกอบไปด้วย อ.เอ(นักวิชาการด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม),แอ๊ด,ปอ,เช่,เอ็ม,อาร์ม(เป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรงครึ่งซีกด้านซ้าย น้องคนนี้ใจมาก) ,ฮ้อ-ดิ๋ม#HD ก่อนเริ่มเดิน พี่บรรเจิด หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ได้มากล่าวทักทายกลุ่มพวกเราก่อนพร้อมแนะนำเส้นทางการเดินทางคร่าว ๆ ก่อนเริ่มออกเดินทาง
#วันแรก เราเริ่มต้นเดินทางที่ "น้ำตกลาดเตย"
ทำพิธีขออนุญาติเจ้าที่
บริเวณน้ำตกทับหัวใจ
เหตุผลที่เรียกน้ำตกทับหัวใจ
ผีเสื้อสีเขียวสวย
บริอเวณน้ำตกที่พักแค้มป์คืนแรก
บริเวณแค้มป์กลางคืนแรก
#เช้าวันที่สอง ตื่นมาฝนยังคงไม่หยุดยังคงตกโปรยๆอยู่ เช้านี้หมอหน่อย ต้มน้ำสมุนไพร 7พลังช้างสารให้กิน พอให้กระชุ่มกระชวยกันอุ่นๆ
สมุนไพร 7 พลังช้างสาร
มื้อเช้านี้ทางพี่ ๆ คณะได้จัดเตรียมปลาพวงจากลำธารที่จับมาสดๆ มาประกอบอาหารให้เรากิน กล่าวถึงอาหารในการเดินทางครั้งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นปลาสด ๆ และปลาตากแห้ง โดยจะเน้นไปทางต้ม และปิ้งย่าง เนื่องจากพี่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่อยากใช้น้ำมันเพื่อเป็นการรักษาผืนดินและน้ำ อีกทั้งยังเป็นการง่ายในการทำความสะอาดทริปนี้อาหารส่วนใหญ่เราจึงเน้นไปทางแนวคลีน ๆ แบบคิดเอาเองไม่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบในการทำอาหาร ส่วนปลาก็หาจากลำธารแถวนี้ น้ำดื่มเราดื่มจากลำธารเพราะเราต้องเดินผ่านลำน้ำแทบตลอดทั้งทริป
เหล่าปลาพวง
น้ำจากลำธารทั้งดื่ม ทั้งอาบ
พวกเราเริ่มออกเดินกันราว 9:30 ระหว่างทางหมอหน่อยจะคอยให้ความรู้เรื่องสมุนไพรต่างๆหลายชนิดมาก จำได้บ้างไมได้บ้าง ระหว่างทางหมอหน่อยเจอเถาวัลย์ "สะค้านเนื้อ" สรรพคุณบำรุงเลือด จึงฟันให้กลับไปเป็นที่ระลึก
สะค้านเนื้อ
เดินมาได้ราว11โมงฝนเริ่มตกลงมาอีกครั้งพร้อมกับลมแรงจังหวะนั้นเราได้ยินเสียงไม้ล้มต่อเนื่องติดต่อกัน เนื่องจากป่าบรรทัดเป็นป่าโบราณไม้ส่วนใหญ่จะค่อนข้างเปราะบางจึงทำให้เวลาเราเดินต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อลมพัดแรงขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงมรสุมเข้า เราจึงตัดสินใจหาที่พักหยุดพักกินข้าวเที่ยง ที่ความสูงราว600ม. เดินกันมาได้แค่ราว4km. และสักพักฝนก็กระหน่ำ ตอนนี้สภาพทุกคนเปียกปอนและหนาวสั่น ทีมพี่เลี่ยมจึงตัดสินใจทำแคมป์กลางเพื่อกินข้าวและหลบฝน หลังกินข้าวเสร็จ ฝนและลมยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ทางทีมพี่เลี่ยมจึงตัดสินใจว่า พวกเราคงต้องแคมป์กันที่นี้เพราะถ้าเดินลุยไป ทางจะลื่นมากเพราะจะเป็นช่วงเดินชัน+มีการปีนหน้าผาด้วยเพราะเป้าหมายของเราวันนี้ต้องขึ้นยอดสามภู และถ้าดันไปถึงยอด"สามภู"อาจจะเจอลมฝนที่หนักกว่านี้ เพราะขนาดอยู่ในหุบลมยังแรง และระหว่างทางอาจมีไม้หล่นลงมาทำให้เกิดอันตรายได้ เราจึงตัดสินใจไม่ดันทุรังไปต่อ รีบทำแคมป์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พักผ่อน จึงช่วยคลายหนาวได้ แต่กว่าฝนจะหยุดตกก็บ่ายสามอุณหภูมิตอนนี้เย็น ๆ 22องศา เวลาว่างเยอะจึงนั่งชิลๆฟังเพลง จิบกาแฟ พร้อมกับมีลมพัดแรงๆมาอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม หมอหน่อย และพี่เลี่ยม เล่าว่า “ปกติที่นี่ ลมจะไม่แรงขนาดนี้ เพิ่งเจอก็ครั้งนี้แหละ"
วิวระหว่างทาง
พักชิลด์ ๆ
มื้อเย็นนี้เรายังคงฝากท้องไว้กับฝีมือหมอหน่อยคนเดิม โดยมีของหวานเป็นถั่วดำต้มร้อนๆ คืนนี้หมอหน่อย สอนอะไรหลายๆอย่าง ก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้านอนตอน3ทุ่ม แต่ลมยังคงพัดแรงมากอยู่เป็นระยะๆ(แบบว่าฟลายชีสสะบัดและเปลที่นอนแกว่งกันเลย) คืนนี้ทำให้ผมรู้เลยว่าหมอหน่อยคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
มื้อค่ำ
#เช้าวันที่สาม เช้านี้ลมยังคงพัดแรงทั้งคืน ทำให้เมื่อคืนนอนได้ไม่เต็มที่ แต่โชคดีที่ไม่มีฝน เราเริ่มออกเดินกัน8:40 เดินกันมาได้สักพัก ได้ยินเสียงต้นไม้ใหญ่โค่นดังสนั่นเนื่องจากลมแรงมาก แต่ก็ช่วยให้เดินชิลมาก เพราะไม่ร้อน พวกเราค่อยๆเดินไต่ระดับความสูงขึ้นเรื่อย ๆ
วันนี้มีเดินขึ้นทางชัน
ตรงนี้เป็นเส้นทางใช้ในการค้าขายสมัยโบราณ
วิวระหว่างทาง
ช่วงก่อนถึงจุดพักที่ยอด"สามภู" ต้องมีการปีนป่ายหน้าผา ขนาดความชันเกือบ90องศา กันพอให้ได้สนุกและมันดี ที่ "ผาแดง"
มุมนี้หลังจากปีน"ผาแดง"ขึ้นมา
บริเวณผาแดง
ระยะทางจากแคมป์ถึงจุดชมวิว"สามภูฝั่งพัทลุง"ราว1.4km.ที่นี้สูงราว999ม.(สามภู:3ยอด 1.ภูพัทลุง 2.ภูสตูล 3.ภูตรัง) ตอน11โมง ด้านบนลมแรงชนิดว่ายืนไม่ค่อยอยู่กันเลย พวกเราพักกินมื้อเที่ยงที่นี้
มุมนี้ก่อนจะถึง"ยอดสามภู"
มุมมองจาก"ยอดสามภู"ฝั่งพัทลุง
วิวจากยอดสามภูอีกมุมหนึ่ง
มื้อเที่ยงบนยอดสามภู
ยอดด้านหน้าคือ"เขาสระ" ส่วนที่อยู่ด้านหลังไกลๆปลายยอดโดนเมฆปิดอยู่คือ"เขาเจ็ดยอด"
หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว เราเดินไปยังยอด"เขาสระ" (ป่า1,000ปี) ซึ่งสูงใกล้เคียงกันราว1,010ม. ด้านบนเต็มไปด้วย "ไลเคน" หนาเกาะตามต้นไม้เต็มไปหมด รวมถึงเป็นดง"ว่านนาคราช"เลยทีเดียวเพราะมีตลอดทาง อากาศตรงนี้สดชื่นมาก
ไลเคน ระหว่างทางไปยอดเขาสระ
วิวจากยอดเขาสระ
"ไลเคน"บนเขาสระ"ขึ้นหนามากๆ
[url]เราชมความงามบนยอดเขาสระสักพักหนึ่งก่อนจะเดินตัดลงหุบแบบระห่ำยาวๆชันๆลื่นๆรกๆ เพราะเป็นเส้นสำรวจ การเดินครั้งนี้จึงต้องฟันทางลงกันตลอด เพื่อแคมป์ใกล้แหล่งน้ำเราจึงดันกันลงไปจนสุด ตีน"เขาสระ" ตอน6โมงเย็น วันนี้เดินกันราว4.8km.จุดที่พักแคมป์สูงราว450ม. จุดนี้หมอหน่อย บอกว่าเป็นเขตของ"คนธรรณ์" ทำให้ก่อนนอนเราจึงต้องมีการสวดมนต์เพื่อเป็นการให้เกียรติกับเจ้าที่และให้ได้นอนหลับสบาย มื้อค่ำนี้เรามีเมนูพิเศษ คือต้มตะพาบ แล้วตามด้วยของหวาน ข้าวเหนียวดำ ก่อนจะแยกย้ายกันเข้านอนตอน4ทุ่ม