[CR] 15 Days of Summer in Japan : Part 2

กระทู้รีวิว

เที่ยวต่างประเทศ บันทึกนักเดินทาง ภาพถ่ายทิวทัศน์ เที่ยวภูเขา เที่ยวญี่ปุ่น

หลังจากจบพาร์ท 1 ไป : http://pantip.com/topic/35449575
ก็มาเขียนต่อในพาร์ท 2

Japan Alps Here I come

16 สค 59 เก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางอีกครั้ง การเดินจากสถานีไปที่พักไกลอยู่พอสมควร
เจ้าของที่พักใจดีมากอาสาขับรถมาส่งที่สถานีตอนเช้า นั่งรถไฟจาก Kamishiro กลับมาที่ Shinano Omachi
เอากระเป๋าไปฝากส่งที่ร้านข้างๆสถานี ให้ส่งไปที่ปลายทางที่เราจะไป คือ สถานี Tateyama
ค่าส่งกระเป๋าประมาณ 1,600 เยน (ราคาขึ้นอยู่กับระยะทางในการส่ง)
เส้นทางของ Japan Alps ก็จะประมาณนี้

เริ่มเดินทางตามเส้นทาง Japan Alps โดยการนั่งรถบัสจาก Shinano Omachi มายัง Ogizawa
พอลงจากรถอากาศหนาวมาก หมอกลงสุดๆ ความหวังที่จะได้เห็นหิมะก็ยิ่งสูงขึ้น

หนาวมากจนต้องไปใส่เลคกิ้งเพิ่ม

จากนั้นก็ขึ้นรถราง (cable car) แล้วเดินขึ้นมาตามบันได (ที่เยอะมาก) ในที่สุดเราจะได้เจอกับ Kurobe dam
เขื่อนที่สูงที่สุดของประเทศญี่ปุ่น พอขึ้นมาถึงตรงนี้ หมอกก็หายไปหมดแล้ว ฮือๆๆ ร้อนจนต้องไปถอดเลคกิ้งที่เพิ่งใส่ไป

แวะกินไอติมชาเขียวสักพัก ไอติมชาเขียวรสชาตเข้มข้น ราคา 350 เยน

ที่เขื่อนจะมีทางเดินให้ลงมาดูตรงจุดที่เค้าปล่อยน้ำ เจอสายรุ้งด้วย

เดินทางตามเส้นทางมาเรื่อยๆ จนได้ขึ้นกระเช้าก็จะสามารถชมวิวได้จากมุมที่สูงขึ้น

ในที่สุดเราก็มาถึง Murodo จุดที่มีความสูง 2,450 เมตรจากระดับน้ำทะเลวิวสวยมากนึกว่าอยู่แบบประเทศแถวยุโรป

ไปได้ถูกเวลามาเพราะหลังจากขึ้นไปสักพักเดินถ่ายรูป หมอกก็เริ่มลง ลงหนักมากจนถ่ายรูปอะไรก็ขาวไปหมด

และเนื่องจากปีนี้ญี่ปุ่นร้อนมากทำให้หิมะละลายหมดแล้ว กำแพงหิมะที่เค้าบอกว่าจะมีถึงเดือนสิงหาคมก็ไม่มีแล้ว
แอบเสียดายนิดๆ ตอนไปถามว่ากำแพงหิมะอยู่ตรงไหนเค้าตอบมาว่า Sorry no SNOW!!! อดเห็นหิมะเลย (เศร้า)
ตอนแรกแอบหวังเล็กๆ ว่าอย่างน้อยจะเจอหิมะสูงเท่าเข่า นี่ไม่เจออะไรเลย

สิ่งหนึ่งที่เราชอบมากในการเดินทางเส้นทางนี้ คือ น้ำแร่ฟรีจากธรรมชาติ มีให้กินตลอดทาง
สะอาดรึเปล่าไม่รู้แต่เห็นเค้ากินกันได้ก็กินตาม (กรอกใส่ขวดสิคะ รออะไร)

หลังจากชมวิว ถ่ายรูปกันเต็มอิ่มแล้วก็ได้เวลากลับ นั่งรถลงมาเรื่อยๆ จนถึงสถานีรถไฟ Tateyama
ไปเอากระเป๋าแล้วก็นั่งรถไฟไปยังสถานี Uozu เพื่อเข้าที่พัก ตอนแรกตั้งใจจะพักที่ Toyama
แต่เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดทำให้โรงแรมแถวนั้นเต็มหมดแล้ว

ความพีคอยู่ตรงช่วงที่ต้องเปลี่ยนสายรถไฟที่สถานี Terada เนื่องจากช่วงแรกที่นั่งมาเราใช้ option ticket ได้
แต่ช่วงหลังต้องเสียเงินเพิ่ม เมื่อมาถึง Terada เราก็ไปคุยกับพนักงานที่อยู่ในสถานีก็เข้าใจประมาณว่าเป็น
รถไฟแบบ self service หยิบตั๋วตอนขึ้นแล้วจ่ายตอนลง (เหมือนรถบัส)

แต่พอเราขึ้นรถปุ๊ป อ้าวเฮ้ย ทำไมตั๋วมันไม่ออกมาเหมือนที่เคย ยืนงงๆเคาะๆตู้หาปุ่มกดก็ไม่มี เลยมาจนถึงสถานีอื่นเห็นคนขึ้นมา
อ้าวทำไมเค้าหยิบตั๋วได้ คิดในใจว่าหรือจะไปหยิบตอนนี้ดี แต่ก็เหมือนโกงเค้าจ่ายไม่ตามความจริง เลยกะจะไปคุยกับคนขับตอนลง
พอถึง Uozu ปั๊ป ดันเป็นสถานีใหญ่จ่ายเงินที่ข้างล่าง ต้องไปยืนคุยกับคุณลุงพนักงานตั้งนาน
เพราะคุณลุงคุยภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็เลยต้องพยายามใช้ภาษามือบ้าง เปิดตารางรถไฟให้ดูบ้าง
นานมากกว่าจะเข้าใจกันถึงได้ออกมา แล้วก็เข้าโรงแรม

คืนนี้เรานอนกันที่ Uozu Manten Hotel Ekimae ถ้าเทียบกับโรงแรมอื่นๆที่จองไว้โรงแรมนี้แพงที่สุด
แต่เนื่องจากไม่ค่อยมีทางเลือกแล้วก็ต้องยอมนอนที่นี่ แต่ที่ตกใจคือ เฮ้ย ที่นี่มีออนเซนให้แช่ด้วย (ชอบมากได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้า)

Uozu เป็นเมืองที่เราไม่คุ้นหูเลย แต่วันที่เราไปพักก็พบว่าโรงแรมนี้เต็มเช่นกัน มีสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนี้เยอะมาก
เหมาะสำหรับครอบครัวมาเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นเมืองที่เดินหาร้านอาหารไม่ยาก แต่ถ้าไม่ได้จองไว้นี่ไม่ได้กิน
เดินเข้าไปสองสามร้านโดนเค้าขอให้ออกมาเนื่องจากโต๊ะมีคนจองหมดแล้ว ฮ่าๆๆๆ (อธิบายกันด้วยภาษามือสุดๆ)
สุดท้ายเดินไปเจอร้านอาหารจีนที่เห็นไม่ค่อยมีคนเลยได้กินข้าวเย็นกัน ไว้ถ้ามีโอกาสคงได้มาเที่ยวที่เมืองนี้กันใหม่