การเขียนรีวิวเที่ยวครั้งแรก วางแผนเที่ยวเองครั้งแรก ในการเที่ยวญี่ปุ่นครั้งที่ 3
ทริปครั้งนี้มีผู้ร่วมทริปทั้งหมด 3 คน กระเป๋าลาก 3 ใบ กล้อง 1 ตัว
ไม่ได้มีการใช้ JR Pass ใดๆทั้งสิ้น ไปซื้อตั๋วเอาดาบหน้า (จริงๆคือคำนวนแล้วถูกกว่าซื้อ JR Pass)
12 กค 59 เครื่องบินออกเวลา 23.45 น. จากสนามบินดอนเมือง หลังจากนั่งเครื่องมา 6 ชม ก็ถึงสนามบินนาริตะ เวลา 8.00 น. (13 กค 59)
ก็เดินผ่านตม ไปเอากระเป๋าตามปกติ แล้วก็ไปจองตั๋วรถไฟเข้าโตเกียว และชินคันเซนเพื่อไปยัง Nagano
นั่งรถไฟมาถึงสถานีโตเกียวก็แวะหาของกินกันก่อน ข้าวไก่คาราอาเกะ ร้านอยู่ในสถานีโตเกียว อร่อยดีค่ะ ไก่ทอดได้กรอบมากและไม่อมน้ำมัน มาพร้อมกับน้ำซุปอร่อยเข้มข้นไม่เค็มจนเกินไป เครื่องเคียงเป็นหัวใจไก้ต้มกับหัวไชเท้า (เป็นคนไม่กินเครื่องในเลยยกให้เพื่อน)
หลังจากแวะทานอาหารก็นั่งชินคันเซน Asama 611 ใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชม.ก็เดินทางถึง Nagano แวะเอากระเป๋าไปฝากไว้กับที่พัก (Moritomizu Backpackers)
เก็บกระเป๋าอะไรเสร็จก็ไปเดินเล่นรอบๆเมือง เดินประมาณ 30 นาที เพื่อไปยังวัด Zengoji จริงๆแล้วสามารถนั่งรถบัสมาได้เช่นกัน ราคาประมาณ 150 เยน (ราคาเดียวตลอดสาย)
ระหว่างทางเดินไปวัดก็จะมีร้านขายของมากมาย แต่เนื่องจากเริ่มเย็นแล้ว (16.00 น.) ร้านบางร้านจึงเริ่มปิด ไม่ค่อยได้แวะดูอะไร
เข้าไปไหว้พระในวัด จุดธูปโบกควันเข้าตัว ตอนแรกก็ทำไม่เป็นก็ยืนดูคนญี่ปุ่นเค้าทำกันยังไง ภายในวัดจะมีส่วนที่เป็นอุโมงที่ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อเข้าไปดู แต่เนื่องจากเย็นแล้วในส่วนนั้นเค้าก็ปิดเลยไม่มีโอกาสได้เข้าไป
ไหว้พระเสร็จก็เดินเล่นต่อ เจอร้านไอติมน่ากินมีหรือจะพลาด เมนูเค้าก็มีให้เลือกหลากหลาย
เราเลือกขายดีอันดับ 2 มาลองกิน เป็นรส mix berry วิปครีมของที่นี่เนื้อเบามากค่ะไม่เลี่ยนเลย แท่งๆที่เสียบอยู่นั้นเป็นอะไรไม่แน่ใจ แต่กินแล้วก็กรอบๆหวานๆ เนื้อไอติมเนียนมากค่ะเปรี้ยวนิดๆ รวมๆแล้วลงตัวมาก ราคาอยู่ที่ 450 เยน และเนื่องจากอิ่มไอติมตอนเย็นจึงเป็นมื้อง่ายๆซื้อพวกข้าวปั้นในมินิมาร์ทมากิน
14 กค 59 ตื่นเช้ามาก็ออกมากินข้าวเช้าแถวๆ สถานี วันนี้จะไปในส่วนของ snow monkey สถานที่ที่ผู้คนมักจะไปชมลิงแช่น้ำพุร้อน แต่เนื่องจากเป็นหน้าร้อนก็ไม่รู้ว่าลิงจะแช่น้ำหรือไม่ สิ่งแรกที่ต้องทำคือซื้อตั๋ว เป็นตัว snow monkey one day pass ราคา 2,900 เยน
โดยตั๋วจะรวมทั้งค่าเดินทางและค่าเข้าไว้ด้วยกันแล้ว ภายในตั๋วก็จะมีบอกตารางเวลาของรถทั้งขาไปขากลับ
เราสามารถเดินทางได้ทั้งรถไฟและรถบัส ขาไปเราเลือกเดินทางโดยรสบัสขึ้นที่สถานี Nagano
ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็มาถึงปากทางเข้า
เราต้องเดินเท้าต่อไปอีก เป็นทางขึ้นเขา เนื่องจากฝนตกไปเมื่อเช้าก่อนเราจะมาทำให้ทางเดินแฉะ บางส่วนก็กลายเป็นโคลนบ้าง
ไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่เนื่องจากเตรียมตัวมาดี รองเท้าใส่แบบกันน้ำและล้างทำความสะอาดง่าย ระหว่างทางเจอน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมาสูงมาก
หลังจากเดินมาประมาณครึ่งชั่วโมงในที่สุดเราก็เริ่มเห็นลิงแล้ว มาถึงตอนเวลาเค้ากำลังให้อาหารลิงพอดี ลิงตีกันแย่งอาหารด้วยจ้าาา (เขาวังรึเปล่าเนี่ย)
ขากลับเดินๆมา ตัวนี้ก็ปีนมาโพสต์ท่าให้ถ่ายรูป
เดินลงมาทางเดิมจะเจอกับร้านร้าน Enza cafe ลองชิมซอฟครีมรสวนิลาผสมกับแอปเปิ้ลราคา 380 เยน เป็นซอฟครีมเนื้อเนียน ความหวานของวนิลาเข้ากันได้ดีกับความเปรี้ยวนิดๆของแอปเปิ้ล ถ้าใครอยากลองแบบไม่ผสมที่นี่เค้าก็มีนะคะ
ขากลับเราเลือกเดินทางกลับโดยรถไฟแทนรถบัส โดยต้องนั่ง local bus มาต่อรถไฟที่สถานี Yudanaka ที่สถานีมีที่แวะพักให้แช่เท้าฟรี หลังจากเดินเหนื่อยกันมาเราก็ตัดสินใจที่จะนั่งแช่เท้ากันก่อนที่จะกลับไป Nagano
เมื่อมาถึงสถานีก็เตรียมตัวซื้อตั๋ว Tateyama Kurobe Option Ticket ราคา 9,000 เยน เพราะทริปครั้งนี้เราจะไปขึ้น Japan Alps กัน ตั๋วนี้ใช้สำหรับการเดินทางตามเส้นทาง Japan Alps แบบ one way จะเริ่มจาก Nagano ก็ได้ หรือเริ่มจาก Toyama ก็ได้เช่นกัน
15 กค 59 ตื่นเช้ามาก็เตรียมตัว เก็บกระเป๋าเพื่อเดินทางไปยังเมืองต่อไป ขึ้นรถบัสจากสถานี Nagano ไปลงที่ Shinano Omachi ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกับ 10 นาที เมื่อมาถึงก็ทำการสำรวจรอบๆ ดูร้านสำหรับส่งกระเป๋าในวันพรุ่งนี้ แวะหาร้านทานข้าวแถวสถานี
เจอร้านขายข้าวเล็กที่เหมือนจะเป็นร้านธรรมดาๆ คุณป้าคนขายคุยภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่มีเมนูถาษาอังกฤษงานนี้เลยต้องพึ่งแอพ google translate ให้ช่วยแปลเมนูจากภาพถ่าย เราเลือกสั่งเป็นหมูผัดขิง ได้ออกมาหน้าตาเป็นเช่นนี เนื้อหมูจะมีส่วนทีติดมันนิดๆทำให้หมูไม่แห้งจนเกินไป เสริฟพร้อมผักดองและซุปมิโซะที่ไม่เค็มจนเกินไปรสชาติกำลังพอดี
หลังจากกินข้าวเสร็จก็นั่งรถไฟไปยัง Kamishiro เพื่อเข้าที่พัก เนื่องจากไม่สามารถจองโรงแรมแถว Shinano Omachi ได้ คืนนี้นอนกันที่ K's House Hakuba Alps เมื่อมาถึงสถานีก็เจอฝนตกทำให้ต้องนั่งรอฝนหยุดก่อนจึงจะสามารถเดินเข้าที่พักได้
นั่งรอฝนหยุดกับคุณน้องคนนี้
กว่าจะได้เข้าที่พักก็เย็น แต่สุดท้ายก็ต้องเดินออกมาหาข้าวเย็นกิน เนื่องจากเป็นหน้าร้อนทำให้ร้านอาหารบริเวณที่พักไม่เปิดเลย ต้องเดินออกมาไกลอยู่พอสมควร และด้วยความคิดที่ว่าฝนตกจนหยุดไปแล้วก็ไม่น่าจะตกอีกทำให้ไม่มีใครคิดที่จะพกร่มติดตัวมา
ขณะที่ทานข้าวกันอยู่นั้น ฝนก็เทลงมาอีกรอบและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกแม้จะทานข้าวเสร็จแล้ว
ปรึกษา พิจารณากันซักพักก็ตกลงกันว่าฝ่าฝนกลับไปเถอะเพราะไม่หยุดตกเร็วๆนี้แน่
ภาพที่คนญี่ปุ่นได้เห็นกันวันนั้นคงเป็นภาพติดตาไปตลอดชีวิต ภาพของเด็กผู้หญิง 3 คน เอาถุงพลาสติกครอบหัวเดินฝ่าฝนกลับที่พัก
ไว้จะมาเล่าต่อในพาร์ท 2 นะคะ
[CR] 15 Days of Summer in Japan : Part 1
ทริปครั้งนี้มีผู้ร่วมทริปทั้งหมด 3 คน กระเป๋าลาก 3 ใบ กล้อง 1 ตัว
ไม่ได้มีการใช้ JR Pass ใดๆทั้งสิ้น ไปซื้อตั๋วเอาดาบหน้า (จริงๆคือคำนวนแล้วถูกกว่าซื้อ JR Pass)
12 กค 59 เครื่องบินออกเวลา 23.45 น. จากสนามบินดอนเมือง หลังจากนั่งเครื่องมา 6 ชม ก็ถึงสนามบินนาริตะ เวลา 8.00 น. (13 กค 59)
ก็เดินผ่านตม ไปเอากระเป๋าตามปกติ แล้วก็ไปจองตั๋วรถไฟเข้าโตเกียว และชินคันเซนเพื่อไปยัง Nagano
นั่งรถไฟมาถึงสถานีโตเกียวก็แวะหาของกินกันก่อน ข้าวไก่คาราอาเกะ ร้านอยู่ในสถานีโตเกียว อร่อยดีค่ะ ไก่ทอดได้กรอบมากและไม่อมน้ำมัน มาพร้อมกับน้ำซุปอร่อยเข้มข้นไม่เค็มจนเกินไป เครื่องเคียงเป็นหัวใจไก้ต้มกับหัวไชเท้า (เป็นคนไม่กินเครื่องในเลยยกให้เพื่อน)
หลังจากแวะทานอาหารก็นั่งชินคันเซน Asama 611 ใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชม.ก็เดินทางถึง Nagano แวะเอากระเป๋าไปฝากไว้กับที่พัก (Moritomizu Backpackers)
เก็บกระเป๋าอะไรเสร็จก็ไปเดินเล่นรอบๆเมือง เดินประมาณ 30 นาที เพื่อไปยังวัด Zengoji จริงๆแล้วสามารถนั่งรถบัสมาได้เช่นกัน ราคาประมาณ 150 เยน (ราคาเดียวตลอดสาย)
ระหว่างทางเดินไปวัดก็จะมีร้านขายของมากมาย แต่เนื่องจากเริ่มเย็นแล้ว (16.00 น.) ร้านบางร้านจึงเริ่มปิด ไม่ค่อยได้แวะดูอะไร
เข้าไปไหว้พระในวัด จุดธูปโบกควันเข้าตัว ตอนแรกก็ทำไม่เป็นก็ยืนดูคนญี่ปุ่นเค้าทำกันยังไง ภายในวัดจะมีส่วนที่เป็นอุโมงที่ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อเข้าไปดู แต่เนื่องจากเย็นแล้วในส่วนนั้นเค้าก็ปิดเลยไม่มีโอกาสได้เข้าไป
ไหว้พระเสร็จก็เดินเล่นต่อ เจอร้านไอติมน่ากินมีหรือจะพลาด เมนูเค้าก็มีให้เลือกหลากหลาย
เราเลือกขายดีอันดับ 2 มาลองกิน เป็นรส mix berry วิปครีมของที่นี่เนื้อเบามากค่ะไม่เลี่ยนเลย แท่งๆที่เสียบอยู่นั้นเป็นอะไรไม่แน่ใจ แต่กินแล้วก็กรอบๆหวานๆ เนื้อไอติมเนียนมากค่ะเปรี้ยวนิดๆ รวมๆแล้วลงตัวมาก ราคาอยู่ที่ 450 เยน และเนื่องจากอิ่มไอติมตอนเย็นจึงเป็นมื้อง่ายๆซื้อพวกข้าวปั้นในมินิมาร์ทมากิน
14 กค 59 ตื่นเช้ามาก็ออกมากินข้าวเช้าแถวๆ สถานี วันนี้จะไปในส่วนของ snow monkey สถานที่ที่ผู้คนมักจะไปชมลิงแช่น้ำพุร้อน แต่เนื่องจากเป็นหน้าร้อนก็ไม่รู้ว่าลิงจะแช่น้ำหรือไม่ สิ่งแรกที่ต้องทำคือซื้อตั๋ว เป็นตัว snow monkey one day pass ราคา 2,900 เยน
โดยตั๋วจะรวมทั้งค่าเดินทางและค่าเข้าไว้ด้วยกันแล้ว ภายในตั๋วก็จะมีบอกตารางเวลาของรถทั้งขาไปขากลับ
เราสามารถเดินทางได้ทั้งรถไฟและรถบัส ขาไปเราเลือกเดินทางโดยรสบัสขึ้นที่สถานี Nagano
ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็มาถึงปากทางเข้า
เราต้องเดินเท้าต่อไปอีก เป็นทางขึ้นเขา เนื่องจากฝนตกไปเมื่อเช้าก่อนเราจะมาทำให้ทางเดินแฉะ บางส่วนก็กลายเป็นโคลนบ้าง
ไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่เนื่องจากเตรียมตัวมาดี รองเท้าใส่แบบกันน้ำและล้างทำความสะอาดง่าย ระหว่างทางเจอน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมาสูงมาก
หลังจากเดินมาประมาณครึ่งชั่วโมงในที่สุดเราก็เริ่มเห็นลิงแล้ว มาถึงตอนเวลาเค้ากำลังให้อาหารลิงพอดี ลิงตีกันแย่งอาหารด้วยจ้าาา (เขาวังรึเปล่าเนี่ย)
ขากลับเดินๆมา ตัวนี้ก็ปีนมาโพสต์ท่าให้ถ่ายรูป
เดินลงมาทางเดิมจะเจอกับร้านร้าน Enza cafe ลองชิมซอฟครีมรสวนิลาผสมกับแอปเปิ้ลราคา 380 เยน เป็นซอฟครีมเนื้อเนียน ความหวานของวนิลาเข้ากันได้ดีกับความเปรี้ยวนิดๆของแอปเปิ้ล ถ้าใครอยากลองแบบไม่ผสมที่นี่เค้าก็มีนะคะ
ขากลับเราเลือกเดินทางกลับโดยรถไฟแทนรถบัส โดยต้องนั่ง local bus มาต่อรถไฟที่สถานี Yudanaka ที่สถานีมีที่แวะพักให้แช่เท้าฟรี หลังจากเดินเหนื่อยกันมาเราก็ตัดสินใจที่จะนั่งแช่เท้ากันก่อนที่จะกลับไป Nagano
เมื่อมาถึงสถานีก็เตรียมตัวซื้อตั๋ว Tateyama Kurobe Option Ticket ราคา 9,000 เยน เพราะทริปครั้งนี้เราจะไปขึ้น Japan Alps กัน ตั๋วนี้ใช้สำหรับการเดินทางตามเส้นทาง Japan Alps แบบ one way จะเริ่มจาก Nagano ก็ได้ หรือเริ่มจาก Toyama ก็ได้เช่นกัน
15 กค 59 ตื่นเช้ามาก็เตรียมตัว เก็บกระเป๋าเพื่อเดินทางไปยังเมืองต่อไป ขึ้นรถบัสจากสถานี Nagano ไปลงที่ Shinano Omachi ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกับ 10 นาที เมื่อมาถึงก็ทำการสำรวจรอบๆ ดูร้านสำหรับส่งกระเป๋าในวันพรุ่งนี้ แวะหาร้านทานข้าวแถวสถานี
เจอร้านขายข้าวเล็กที่เหมือนจะเป็นร้านธรรมดาๆ คุณป้าคนขายคุยภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่มีเมนูถาษาอังกฤษงานนี้เลยต้องพึ่งแอพ google translate ให้ช่วยแปลเมนูจากภาพถ่าย เราเลือกสั่งเป็นหมูผัดขิง ได้ออกมาหน้าตาเป็นเช่นนี เนื้อหมูจะมีส่วนทีติดมันนิดๆทำให้หมูไม่แห้งจนเกินไป เสริฟพร้อมผักดองและซุปมิโซะที่ไม่เค็มจนเกินไปรสชาติกำลังพอดี
หลังจากกินข้าวเสร็จก็นั่งรถไฟไปยัง Kamishiro เพื่อเข้าที่พัก เนื่องจากไม่สามารถจองโรงแรมแถว Shinano Omachi ได้ คืนนี้นอนกันที่ K's House Hakuba Alps เมื่อมาถึงสถานีก็เจอฝนตกทำให้ต้องนั่งรอฝนหยุดก่อนจึงจะสามารถเดินเข้าที่พักได้
นั่งรอฝนหยุดกับคุณน้องคนนี้
กว่าจะได้เข้าที่พักก็เย็น แต่สุดท้ายก็ต้องเดินออกมาหาข้าวเย็นกิน เนื่องจากเป็นหน้าร้อนทำให้ร้านอาหารบริเวณที่พักไม่เปิดเลย ต้องเดินออกมาไกลอยู่พอสมควร และด้วยความคิดที่ว่าฝนตกจนหยุดไปแล้วก็ไม่น่าจะตกอีกทำให้ไม่มีใครคิดที่จะพกร่มติดตัวมา
ขณะที่ทานข้าวกันอยู่นั้น ฝนก็เทลงมาอีกรอบและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกแม้จะทานข้าวเสร็จแล้ว
ปรึกษา พิจารณากันซักพักก็ตกลงกันว่าฝ่าฝนกลับไปเถอะเพราะไม่หยุดตกเร็วๆนี้แน่
ภาพที่คนญี่ปุ่นได้เห็นกันวันนั้นคงเป็นภาพติดตาไปตลอดชีวิต ภาพของเด็กผู้หญิง 3 คน เอาถุงพลาสติกครอบหัวเดินฝ่าฝนกลับที่พัก
ไว้จะมาเล่าต่อในพาร์ท 2 นะคะ