บทที่ 11
http://pantip.com/topic/35141143
เฟรี่กำลังตักอาหารเข้าปากต้องชะงัก แอบชำเลืองมองหน้าคนนั่งข้างอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ ปีศาจบ้าบอไปทะเลาะหนักกับมาร์ลาสได้อย่างไร ไปทั้งๆที่บาดเจ็บจากคมมีดปักอกเจียนตาย ยังมีหน้าวิ่งไปหาเรื่องชาวบ้านอีกหรืออย่างไร ทำไมไม่รู้เรื่องเลย หัวใจตายด้านหรือไม่มีหัวใจกันแน่ ถึงได้ทนทานตายยากขนาดนี้
เฟรี่ตกลงมาจากฟากฟ้าสู้อเวจี ไนท์ ซึ่งเป็นมือสังหารปีศาจมาเจอ และจพยอมพาหลบหนีจากฝูงภูตนรกที่ตามล่า ผ่านเข้ามายังดินแดนของ มาร์ลาส นักรบผู้เป็นคู่ต่อสู้คนสำคัญของไนท์ ก่อนที่จะช่วยไนท์และเฟรี่ข้ามสายน้ำแห่งความตาย มายังดินแดนของปีศาจขาว ความผูกพันของนางฟ้าและปีศาจจะเป็นเช่นไร ในเมื่อมีสายใยที่มองไม่เห็นทำให้ทั้งสองต้องร่สมชะตากรรมกันต่อไป แม้จะเจ็บปวดร้าวราน..
===================
จอมใจอเวจี......บทที่ 12
===================
“ท่าทางจะโดนมาหนักนะงานนี้” วีนิลี่ผู้นั่งเงียบๆอยู่พลันเอ่ยปากตามขึ้น ใบหน้าสีขาวจัดไม่ส่อความรู้สึกใดๆ ราวกับเป็นหุ่นปั้นที่มีชีวิต ไนท์ถอนใจยาวพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า
“มาร์ลาสเป็นคนเก่ง ถ้าลงมือเต็มที่ ข้าคงตายไปจริงๆแล้ว ดาบสุดท้ายเขายั้งมือเอาไว้ไม่แทงทะลุหัวใจของข้า”
“เจ้ารู้ว่าเขาต้องยั้งมือ..?”
“ข้าไม่แน่ใจ แต่ข้าเสี่ยงดูเท่านั้น”
คราวนี้ปีศาจสาวเจ้าบ้านเป็นฝ่ายถอนใจบ้าง แม้จะรู้จักกันกันมานานก็ไม่คิดว่าไนท์จะบ้าบิ่นเสี่ยงตายขนาดนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลในการเสี่ยงตาย หัวใจลูกผู้ชายบางทีก็ต้องวัดกันด้วยใจ มาร์ลาสความแม้ว่าจะอยู่คนละฝ่ายคนละขั้ว แต่ก็จัดว่าเป็นนักรบลูกผู้ชายคนหนึ่งเช่นกัน นักรบปีศาจสองคนนี้คมเฉือนคมกันเท่าที่มีโอกาส แต่อีกด้านหนึ่งคือน้ำใจให้เกียรติและยอมรับศักดิ์ศรีของนักรบอันพึงมีต่อกัน
เฟรี่ผู้กำลังตักอาหารเข้าปากต้องชะงัก มองหน้าคนนั่งข้างอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ หมอนี่ไปทะเลาะหนักกับมาร์ลาสคนนั้นได้อย่างไร ไปทั้งๆที่บาดเจ็บจากคมมีดปักอกเจียนตายไม่ทันไร ยังมีหน้าวิ่งไปหาเรื่องทะเละสู้รบกับคนอื่นอีกหรืออย่างไร หรือว่าโลกเบื้องล่างวิปริตผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมาให้สาแก่ใจ แต่ต้องสะกดใจเอาไว้ รอดูเหตุการณ์ต่อไป
“ปรกติหมอนั่นก็ไม่ใจอ่อนกับใครง่ายๆ” ปีศาจสาวเจ้าบ้านพูดขึ้นอย่างใคร่ครวญ หมอนั่นของวีนิลี่หมายถึงมาร์ลาส “ส่วนไนท์ก็หาเรื่องเจ็บตัวไม่รู้จบ ทำอะไรเสี่ยงแบบบ้าบอมากแต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้มาร์ลาสจะแพ้เจ้าไปแล้ว แม้ว่าจะชนะทางกำลังฝีมือก็ตาม”
“ความจริงเขาก็เป็นคนไม่เลวคนหนึ่ง”
“นี่....แล้วเจ้าไปหาเรื่องชาวบ้านเขาตั้งแต่ตอนไหน” เฟรี่ถามขัดคอขึ้นอย่างอดใจไว้ไม่ได้ แต่ปีศาจขาวเจ้าบ้านเป็นคนตอบแทนว่า
“ก็ตอนที่เจ้านอนสลบหมดสติอยู่นั่นล่ะ”
แปลว่าไม่ได้พักอะไรเลยสินะ ถึงมีท่าทางจะเป็นจะตายแบบนี้ และนี่คงเพิ่งจะกลับเข้ามาเพราะดูเสื้อผ้าสารรูปผ่านการเดินทางจากข้างนอกมาใหม่ๆ ฟังแล้วไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นไปได้ขนาดนั้น ไม่รู้จักเจ็บไม่รู้จักแตกดับไม่รู้จักจำหรืออย่างไรกัน
“คืนนี้ข้าให้ไนท์พักอยู่ในตึกนี้” ปีศาจขาววีนิลี่บอกขึ้นมาอีก หญิงสาวจากแดนไกลหันไปมองหน้าคนจะมาพักร่วมชายคาตึก อยากรู้เหมือนกันว่าคนแบบนี้เวลามานอนในตึกหรูหราไม่ใช่ในป่าในดง จะนอนชักดิ้นชักงอตายคาเตียงไหม
“นอนห้องข้างๆห้องของเจ้านั่นล่ะ”
วีนิลี่ทำท่าเหมือนชำเลืองมองนางฟ้าตกสวรรค์ พูดต่อด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่มีอะไรสำคัญมากมาย คราวนี้เฟรี่สะดุ้งโหยงแทบสำลักอาหาร ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะให้คนน่ากลัวหลุดนรกมานอนห้องข้างๆได้อย่างไรกัน พอตั้งหลักได้ก็รีบร้องประท้วงขึ้นมาทันที
“อะไร...ที่อื่นมีถมเถ ทำไมต้องมานอนห้องข้างๆข้าด้วย”
“เราไม่มีคนมาพักด้วยนานแล้ว ห้องอื่นๆเลยไม่ได้เตรียมเอาไว้ค่ะ” สาวรับใช้ไลเดียเป็นคนตอบแทนอย่างวดเร็ว และสีหน้าจริงจังน่าเชื่อถือ “อีกอย่างการเปิดห้องข้างๆติดกันแบบนี้ก็เป็นการสะดวกในการดูแลรับใช้นะคะ”
“แต่ความปลอดภัยของข้าล่ะ”
“อ๋อ.....มีผนังห้องกั้นอยู่ ไม่เป็นไรหรอกคะ” สาวรับใช้คนเก่งรับรองแข็งขัน
“ข้าเจาะผนังห้องเก่งมาก จะบอกให้” ไนท์เอียงหน้ากระซิบแผ่วเบา เฟรี่ฟังแล้วแทบจะร้องกรี๊ด ยิ่งฟังน้ำเสียงแบบชั่วร้ายของคู่กรณียิ่งทำให้รู้สึกใจคอไม่ดี เลยหันไปฟ้องปีศาจขาวด้วยเสียงอันดังว่า
“เขาบอกว่าจะเจาะผนังห้องไปหาข้า”
“เอ๊ะ.....” คนรับฟ้องทำหน้าไม่รู้เรื่องมองหน้าคู่กรณีไปมา “ข้าไม่ได้ยิน ว่าแต่เจ้าพูดแบบนั้นจริงๆหรือ” ประโยคหลังหันไปถามจำเลย ฝ่ายนั้นพยักหน้าสารภาพโดยดี ปีศาจหนุ่มหัวเราะเบาๆแล้วบอกว่า
“ใช่...ข้าพูดจริง แต่พูดว่าข้าเจาะผนังห้องเก่งเท่านั้น ไม่ได้ระบุว่าห้องไหน ห้องของใคร”
“แย่จริง....”วีนิลี่ส่ายหน้าด้วยท่าทางอ่อนใจ
“แบบนี้ข้าต้องให้เจ้าจ่ายค่าซ่อมผนังห้องให้ข้า”
อะไรกัน....นางฟ้าตกสวรรค์ฟังแล้วรู้สึกโมโหขึ้นมาทันทีจนกลืนอาหารไม่ลงคอ มันเรื่องคอขาดบาดตายนะ ยังจะมาห่วงเรื่องผนังว่าจะพังไม่พังอีก แทนที่จะห่วงคนกละบห่วงผนังห้อง พวกนี้เป็นบ้าอะไรกันหมดแล้ว
“ย้ายห้องข้าไปห้องอื่นได้ไหม หันไปถามคนรับใช้คนเก่ง ไลเดียอมยิ้มตอบด้วยสีหน้าท่าทางเห็นอกเห็นใจสุดแสนว่า
“ไม่ได้หรอกค่ะ ห้องอื่นไม่ได้เตรียมการ และอีกอย่างห้องจัดให้ตอนนี้เป็นห้องผีดุน้อยที่สุด”
“หมายความว่ายังไง” เฟรี่ทำตาโตร้องถามเสียงสูงจนคนอยู่ใกล้สะดุ้ง
“ก็หมายความว่าห้องอื่นผีดุกว่าห้องที่คุณเฟรี่พักอยู่น่ะสิคะ ไลเดียจัดห้องที่ผีดุน้อยที่สุดให้คุณเฟรี่แล้วนะคะ คุณเฟรี่อย่าลืมนะคะว่าตอนนี้อยู่ในดินแดนโลกมืด ผีย่อมดุร้ายเฮี้ยนเป็นกรณีพิเศษ หลอกได้หลอกดีไม่เลือกเวลาแบบชนิดไม่เกรงอกเกรงใจเลยล่ะค่ะ”
ฟังแล้วจะเป็นลม ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือพูดเล่น แต่ทำให้หญิงสาวรู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที ตึกหลังนี้มีผีอยู่ทุกห้องเลยหรืออย่างไรกัน ก็อาจเป็นไปได้...คิดในใจอย่างวิตกกังวล เพราะอยู่ในดินแดนแห่งเบื้องล่าง อะไรก็เป็นได้ทั้งนั้น อยู่เบื้องบนไม่เคยคิดเรื่องผีสางเลย แต่ทำไมเวลานี้กลับรู้สึกหวาดกลัวต่อเรื่องเหลวไหลได้
ไนท์ตักอาหารใส่ปากอีกสองสามคำ แล้วขอตัวลุกขึ้นเดินออกจากห้องอาหารไป หญิงสาวหันหน้ามาทางปีศาจขาวทำท่าเหมือนจะถามอะไรออกมาทว่าเจ้าของบ้านชิงพูดขึ้นเสียก่อนว่า
“ตอนนี้สภาพของไนท์เขาต้องการพักผ่อนพักฟื้น ออกไปนอนในป่าในเขาอย่างเดิมไม่ได้ จะทำให้อาการจะแย่ลง เจ้าคงไม่ต้องการเสียคนนำทางมือดีในการพาออกไปสู่ยอดเขาสื่อสารหรือออกไปจากดินแดนแห่งนี้หรอกนะ”
เหตุผลน่าคิดน่าฟังทำให้หญิงสาวพูดไม่ออก หันไปทางคนรับใช้สาวแต่รายนั้นก็พูดดักคอขึ้นก่อนอีกว่า
“ที่นี่มีกฎเหล็กกฎว่าห้ามไม่ให้คนรับใช้นอนเป็นเพื่อนกับคนมาพักโดยเด็ดขาดค่ะ”
นี่มันอะไรกัน ...เฟรี่รู้สึกมึนงงไปหมด สุดท้ายเลยหันมากิน กิน และกิน เป็นการใหญ่ด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองก่อนขอตัวกลับห้องพักด้วยอาการอ่อนใจและสับสนในชีวิต พอกลับมาถึงห้องก็รีบตรวจดูบริเวณผนังห้องซ้ายขวาทันทีเพื่อความปลอดภัย แต่แล้วก็นึกโมโหตัวเองว่าลืมถามถึงห้องพักของไนท์มันข้างซ้ายหรือข้างขวากันแน่ จะถามคนรับใช้สาวก็ไม่รู้หายไปไหน
ในห้องมีแสงสว่างจากหินเรืองแสงเปล่งประกายออกมาเมื่อสิ้นแสงสว่างจากภายนอก หินพวกนี้ฝังเรียงรายตามผนังอย่างเป็นระเบียบ ก้อนหินพิสดารจะเปล่งแสงหรือดับแสงตามการสัมผัส คุณภาพดีกว่าหลอดแก้วพลังงานที่ใช้อยู่โลกเบื้องบนด้วยซ้ำ ตอนนี้เฟรี่แตะให้ก้อนหินส่องแสงทุกก้อนจนสว่างไสวทั่วห้องเพื่อความอุ่นใจ
บนเตียงมีหมอนและผ้าห่มเรียบร้อย เสื้อผ้าชุดเดิมของเธอวางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนข้างเตียง แต่ยังไม่ต้องการเปลี่ยนในขณะนี้ ชุดสีดำใส่เพลินสบายจนไม่อยากเปลี่ยนเสียแล้ว เวลากลางคืนบรรยากาศเงียบและอากาศเย็นจัดจับใจ ท้องฟ้าด้านนอกกลับกลายเป็นสีดำไม่มีดาวสักดวงให้เห็น เป็นความเงียบอย่างไม่คุ้นเคยมาก่อน ความเงียบชนิดทำให้แทบได้ยินเสียงความคิดของตัวเอง
หญิงสาวกระโดดขึ้นเตียง นั่งกอดเข้าไม่รู้จะทำอย่างไร จะหลับก็ข่มตาไม่ลง ผนังห้องทั้งสองด้านเงียบกริบไม่มีเสียงดังผิดปกติ เวลานี้นายหน้ากากบ้าบอจะทำอะไรอยู่นะ..เขาน่าจะนอนหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อนบาดเจ็บ คงไม่มีเวลาว่างมากพอจะลุกขึ้นมาเจาะผนังห้องชาวบ้านหรอก คิดได้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
มองหาอะไรก็ได้เผื่อป้องกันตัว ถ้านายหน้ากากบ้าเจาะกำแพงมาจริงๆ ก็จะเอาขวดน้ำบนโต๊ะนี่ล่ะฟาดหัวสักที คอยดู แม้จะคิดในทางไม่ดีแต่ในใจรู้ว่าสิ่งที่พยายามกลัวพยายามคิดแบบนั้นไม่มีเหตุผลเลยสักนิด ถ้าไนท์คิดทำร้ายจริงคงไม่รอดปลอดภัยจนมาถึงที่นี่ได้ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องพยายามคิดและแสดงออกในเชิงลบแบบนั้น
ล้มตัวลงนอนแต่ยังไม่รู้สึกง่วง คำพูดของสาวใช้เริ่มดังอยู่ในความคิด ห้องนี้ผีดุน้อยที่สุด ก็แปลว่ามีผี! ถึงจะดุมากดุน้อย ผีก็คือผี
อยู่เบื้องบนไม่เคยกลัวผีเพราะเต็มไปด้วยบริวารเพื่อนฝูงในบ้านคุ้นเคยอบอุ่น แต่ที่นี่ไม่เหมือนกัน อยากจะหลับแล้วตื่นขึ้นมาเป็นพรุ่งนี้เร็วๆ จะไปยอดเขาสื่อสารแล้วติดต่อคนรักให้มารับตัวออกไปจากดินแดนอเวจีนี้เสียทีแต่ผีดุหมายความว่าอย่างไร
หมายความว่าภาพผู้หญิงหน้าซีดขาวผมยาวประหน้ารุงรังลอยตัวหมุนคว้างอยู่บนเพดาน ผีพวกนี้คงเป็นผีที่เกิดมาจากการมีคนผูกคอตายจึงวนเวียนหลอกหลอนในลักษณะชวนสยอง
หรือหมายความว่าขณะนอนอยู่บนเตียง จะมีใครบางคนมายืนจ้องมองอยู่ปลายเตียงด้วยใบหน้าบ่งบอกแววไม่พอใจ พวกนี้อาจเป็นผีตายในห้องพัก จึงวนเวียนตามหาเตียงที่เคยนอนตาย
หรือจะหมายถึงใบหน้าขาวซีดตาเหลือกค้างค่อยโผล่ขึ้นมาจากขอบเตียงเอียงคอก้มลงมาจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาอาฆาตพร้อมร่างกายหงิกงอบิดเบี้ยวผิดธรรมชาติ
ไม่.....ต้องไม่คิดแบบนี้
คิดเรื่องอื่นดีกว่า มีเรื่องมากมายให้คิด คิดถึงวันไปกินอาหารเที่ยงกับคนรักพร้อมเพื่อนฝูงมากมายเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
แต่ถ้ามีใครสักคนเอื้อมมือมาแตะบ่าเบาๆจะกล้าหันไปมองไหม จะทำอย่างไรต่อไป จะนอนคลุมโปงหลับตาไม่ต้องมองเห็นอะไร ผีจะได้ไม่มองเห็นเรา เราก็ไม่ต้องมองเห็นผี แต่ถ้ามีใครบางคนค่อยดึงผ้าห่มออกไปอย่างช้าๆ จากทางปลายเท้าจะกล้าลืมตามามองไหม
หรือไม่ก็ผีตัวหักๆ มือเท้าเก้งก้างผิดรูปคลานไปมาอยู่บนเพดานเหมือนแมงมุม...เด็กผีหน้าขาวมานั่งยองๆ อยู่ปลายเตียง
ทำไมควบคุมความคิดน่ากลัวไม่ได้เลย แถมคิดไปคิดมาจนเริ่มจะมองเห็นเงาวูบวาบตามผนังเป็นภูตผีปีศาจไปหมด
สุดท้ายเลยนั่งร้องให้บนเตียงคนเดียว เอาเสียงร้องไห้ของตัวเองเป็นเพื่อน อย่างน้อยก็มีเสียงเป็นเพื่อน
ทันใดก็มีเสียงร้องเบาๆอย่างรำคาญมาจากผนังห้องด้านซ้ายมือ เป็นเสียงของนักล่าปีศาจคนนั้นนั่นเอง
“คนจะหลับจะนอน ผีตัวไหนมาร้องไห้อยู่แถวนี้ รำคาญ เดี๋ยวก็จับลงหม้อถ่วงน้ำเสียหรอก”
ถ้าเป็นเวลาปรกติคงร้องกรี๊ดบ้านแตกใส่แล้ว แต่ตอนนี้กลับรู้สึกดีใจอย่างที่สุด ความอบอุ่นชนิดหนึ่งดูเหมือนจะแผ่ซ่านมาตามเสียงนั้น รีบลากหมอนข้างและผ้าห่มผวาลงไปนั่งพื้น เอามือเคาะผนังด้านนั้นแรงๆหลายครั้งก่อนร้องถามเสียงสั่น
“ไนท์..เจ้าอยู่นั่นใช่ไหม”
“จะมีใครเสียอีกล่ะ ว่าแต่ทำไมไม่ยอมหลับยอมนอน มาร้องไห้เป็นผีราตรีอยู่ได้”
.................
จอมใจอเวจี.........บทที่ 12
http://pantip.com/topic/35141143
เฟรี่กำลังตักอาหารเข้าปากต้องชะงัก แอบชำเลืองมองหน้าคนนั่งข้างอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ ปีศาจบ้าบอไปทะเลาะหนักกับมาร์ลาสได้อย่างไร ไปทั้งๆที่บาดเจ็บจากคมมีดปักอกเจียนตาย ยังมีหน้าวิ่งไปหาเรื่องชาวบ้านอีกหรืออย่างไร ทำไมไม่รู้เรื่องเลย หัวใจตายด้านหรือไม่มีหัวใจกันแน่ ถึงได้ทนทานตายยากขนาดนี้
เฟรี่ตกลงมาจากฟากฟ้าสู้อเวจี ไนท์ ซึ่งเป็นมือสังหารปีศาจมาเจอ และจพยอมพาหลบหนีจากฝูงภูตนรกที่ตามล่า ผ่านเข้ามายังดินแดนของ มาร์ลาส นักรบผู้เป็นคู่ต่อสู้คนสำคัญของไนท์ ก่อนที่จะช่วยไนท์และเฟรี่ข้ามสายน้ำแห่งความตาย มายังดินแดนของปีศาจขาว ความผูกพันของนางฟ้าและปีศาจจะเป็นเช่นไร ในเมื่อมีสายใยที่มองไม่เห็นทำให้ทั้งสองต้องร่สมชะตากรรมกันต่อไป แม้จะเจ็บปวดร้าวราน..
===================
จอมใจอเวจี......บทที่ 12
===================
“ท่าทางจะโดนมาหนักนะงานนี้” วีนิลี่ผู้นั่งเงียบๆอยู่พลันเอ่ยปากตามขึ้น ใบหน้าสีขาวจัดไม่ส่อความรู้สึกใดๆ ราวกับเป็นหุ่นปั้นที่มีชีวิต ไนท์ถอนใจยาวพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า
“มาร์ลาสเป็นคนเก่ง ถ้าลงมือเต็มที่ ข้าคงตายไปจริงๆแล้ว ดาบสุดท้ายเขายั้งมือเอาไว้ไม่แทงทะลุหัวใจของข้า”
“เจ้ารู้ว่าเขาต้องยั้งมือ..?”
“ข้าไม่แน่ใจ แต่ข้าเสี่ยงดูเท่านั้น”
คราวนี้ปีศาจสาวเจ้าบ้านเป็นฝ่ายถอนใจบ้าง แม้จะรู้จักกันกันมานานก็ไม่คิดว่าไนท์จะบ้าบิ่นเสี่ยงตายขนาดนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลในการเสี่ยงตาย หัวใจลูกผู้ชายบางทีก็ต้องวัดกันด้วยใจ มาร์ลาสความแม้ว่าจะอยู่คนละฝ่ายคนละขั้ว แต่ก็จัดว่าเป็นนักรบลูกผู้ชายคนหนึ่งเช่นกัน นักรบปีศาจสองคนนี้คมเฉือนคมกันเท่าที่มีโอกาส แต่อีกด้านหนึ่งคือน้ำใจให้เกียรติและยอมรับศักดิ์ศรีของนักรบอันพึงมีต่อกัน
เฟรี่ผู้กำลังตักอาหารเข้าปากต้องชะงัก มองหน้าคนนั่งข้างอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ หมอนี่ไปทะเลาะหนักกับมาร์ลาสคนนั้นได้อย่างไร ไปทั้งๆที่บาดเจ็บจากคมมีดปักอกเจียนตายไม่ทันไร ยังมีหน้าวิ่งไปหาเรื่องทะเละสู้รบกับคนอื่นอีกหรืออย่างไร หรือว่าโลกเบื้องล่างวิปริตผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมาให้สาแก่ใจ แต่ต้องสะกดใจเอาไว้ รอดูเหตุการณ์ต่อไป
“ปรกติหมอนั่นก็ไม่ใจอ่อนกับใครง่ายๆ” ปีศาจสาวเจ้าบ้านพูดขึ้นอย่างใคร่ครวญ หมอนั่นของวีนิลี่หมายถึงมาร์ลาส “ส่วนไนท์ก็หาเรื่องเจ็บตัวไม่รู้จบ ทำอะไรเสี่ยงแบบบ้าบอมากแต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้มาร์ลาสจะแพ้เจ้าไปแล้ว แม้ว่าจะชนะทางกำลังฝีมือก็ตาม”
“ความจริงเขาก็เป็นคนไม่เลวคนหนึ่ง”
“นี่....แล้วเจ้าไปหาเรื่องชาวบ้านเขาตั้งแต่ตอนไหน” เฟรี่ถามขัดคอขึ้นอย่างอดใจไว้ไม่ได้ แต่ปีศาจขาวเจ้าบ้านเป็นคนตอบแทนว่า
“ก็ตอนที่เจ้านอนสลบหมดสติอยู่นั่นล่ะ”
แปลว่าไม่ได้พักอะไรเลยสินะ ถึงมีท่าทางจะเป็นจะตายแบบนี้ และนี่คงเพิ่งจะกลับเข้ามาเพราะดูเสื้อผ้าสารรูปผ่านการเดินทางจากข้างนอกมาใหม่ๆ ฟังแล้วไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นไปได้ขนาดนั้น ไม่รู้จักเจ็บไม่รู้จักแตกดับไม่รู้จักจำหรืออย่างไรกัน
“คืนนี้ข้าให้ไนท์พักอยู่ในตึกนี้” ปีศาจขาววีนิลี่บอกขึ้นมาอีก หญิงสาวจากแดนไกลหันไปมองหน้าคนจะมาพักร่วมชายคาตึก อยากรู้เหมือนกันว่าคนแบบนี้เวลามานอนในตึกหรูหราไม่ใช่ในป่าในดง จะนอนชักดิ้นชักงอตายคาเตียงไหม
“นอนห้องข้างๆห้องของเจ้านั่นล่ะ”
วีนิลี่ทำท่าเหมือนชำเลืองมองนางฟ้าตกสวรรค์ พูดต่อด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่มีอะไรสำคัญมากมาย คราวนี้เฟรี่สะดุ้งโหยงแทบสำลักอาหาร ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะให้คนน่ากลัวหลุดนรกมานอนห้องข้างๆได้อย่างไรกัน พอตั้งหลักได้ก็รีบร้องประท้วงขึ้นมาทันที
“อะไร...ที่อื่นมีถมเถ ทำไมต้องมานอนห้องข้างๆข้าด้วย”
“เราไม่มีคนมาพักด้วยนานแล้ว ห้องอื่นๆเลยไม่ได้เตรียมเอาไว้ค่ะ” สาวรับใช้ไลเดียเป็นคนตอบแทนอย่างวดเร็ว และสีหน้าจริงจังน่าเชื่อถือ “อีกอย่างการเปิดห้องข้างๆติดกันแบบนี้ก็เป็นการสะดวกในการดูแลรับใช้นะคะ”
“แต่ความปลอดภัยของข้าล่ะ”
“อ๋อ.....มีผนังห้องกั้นอยู่ ไม่เป็นไรหรอกคะ” สาวรับใช้คนเก่งรับรองแข็งขัน
“ข้าเจาะผนังห้องเก่งมาก จะบอกให้” ไนท์เอียงหน้ากระซิบแผ่วเบา เฟรี่ฟังแล้วแทบจะร้องกรี๊ด ยิ่งฟังน้ำเสียงแบบชั่วร้ายของคู่กรณียิ่งทำให้รู้สึกใจคอไม่ดี เลยหันไปฟ้องปีศาจขาวด้วยเสียงอันดังว่า
“เขาบอกว่าจะเจาะผนังห้องไปหาข้า”
“เอ๊ะ.....” คนรับฟ้องทำหน้าไม่รู้เรื่องมองหน้าคู่กรณีไปมา “ข้าไม่ได้ยิน ว่าแต่เจ้าพูดแบบนั้นจริงๆหรือ” ประโยคหลังหันไปถามจำเลย ฝ่ายนั้นพยักหน้าสารภาพโดยดี ปีศาจหนุ่มหัวเราะเบาๆแล้วบอกว่า
“ใช่...ข้าพูดจริง แต่พูดว่าข้าเจาะผนังห้องเก่งเท่านั้น ไม่ได้ระบุว่าห้องไหน ห้องของใคร”
“แย่จริง....”วีนิลี่ส่ายหน้าด้วยท่าทางอ่อนใจ
“แบบนี้ข้าต้องให้เจ้าจ่ายค่าซ่อมผนังห้องให้ข้า”
อะไรกัน....นางฟ้าตกสวรรค์ฟังแล้วรู้สึกโมโหขึ้นมาทันทีจนกลืนอาหารไม่ลงคอ มันเรื่องคอขาดบาดตายนะ ยังจะมาห่วงเรื่องผนังว่าจะพังไม่พังอีก แทนที่จะห่วงคนกละบห่วงผนังห้อง พวกนี้เป็นบ้าอะไรกันหมดแล้ว
“ย้ายห้องข้าไปห้องอื่นได้ไหม หันไปถามคนรับใช้คนเก่ง ไลเดียอมยิ้มตอบด้วยสีหน้าท่าทางเห็นอกเห็นใจสุดแสนว่า
“ไม่ได้หรอกค่ะ ห้องอื่นไม่ได้เตรียมการ และอีกอย่างห้องจัดให้ตอนนี้เป็นห้องผีดุน้อยที่สุด”
“หมายความว่ายังไง” เฟรี่ทำตาโตร้องถามเสียงสูงจนคนอยู่ใกล้สะดุ้ง
“ก็หมายความว่าห้องอื่นผีดุกว่าห้องที่คุณเฟรี่พักอยู่น่ะสิคะ ไลเดียจัดห้องที่ผีดุน้อยที่สุดให้คุณเฟรี่แล้วนะคะ คุณเฟรี่อย่าลืมนะคะว่าตอนนี้อยู่ในดินแดนโลกมืด ผีย่อมดุร้ายเฮี้ยนเป็นกรณีพิเศษ หลอกได้หลอกดีไม่เลือกเวลาแบบชนิดไม่เกรงอกเกรงใจเลยล่ะค่ะ”
ฟังแล้วจะเป็นลม ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือพูดเล่น แต่ทำให้หญิงสาวรู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที ตึกหลังนี้มีผีอยู่ทุกห้องเลยหรืออย่างไรกัน ก็อาจเป็นไปได้...คิดในใจอย่างวิตกกังวล เพราะอยู่ในดินแดนแห่งเบื้องล่าง อะไรก็เป็นได้ทั้งนั้น อยู่เบื้องบนไม่เคยคิดเรื่องผีสางเลย แต่ทำไมเวลานี้กลับรู้สึกหวาดกลัวต่อเรื่องเหลวไหลได้
ไนท์ตักอาหารใส่ปากอีกสองสามคำ แล้วขอตัวลุกขึ้นเดินออกจากห้องอาหารไป หญิงสาวหันหน้ามาทางปีศาจขาวทำท่าเหมือนจะถามอะไรออกมาทว่าเจ้าของบ้านชิงพูดขึ้นเสียก่อนว่า
“ตอนนี้สภาพของไนท์เขาต้องการพักผ่อนพักฟื้น ออกไปนอนในป่าในเขาอย่างเดิมไม่ได้ จะทำให้อาการจะแย่ลง เจ้าคงไม่ต้องการเสียคนนำทางมือดีในการพาออกไปสู่ยอดเขาสื่อสารหรือออกไปจากดินแดนแห่งนี้หรอกนะ”
เหตุผลน่าคิดน่าฟังทำให้หญิงสาวพูดไม่ออก หันไปทางคนรับใช้สาวแต่รายนั้นก็พูดดักคอขึ้นก่อนอีกว่า
“ที่นี่มีกฎเหล็กกฎว่าห้ามไม่ให้คนรับใช้นอนเป็นเพื่อนกับคนมาพักโดยเด็ดขาดค่ะ”
นี่มันอะไรกัน ...เฟรี่รู้สึกมึนงงไปหมด สุดท้ายเลยหันมากิน กิน และกิน เป็นการใหญ่ด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองก่อนขอตัวกลับห้องพักด้วยอาการอ่อนใจและสับสนในชีวิต พอกลับมาถึงห้องก็รีบตรวจดูบริเวณผนังห้องซ้ายขวาทันทีเพื่อความปลอดภัย แต่แล้วก็นึกโมโหตัวเองว่าลืมถามถึงห้องพักของไนท์มันข้างซ้ายหรือข้างขวากันแน่ จะถามคนรับใช้สาวก็ไม่รู้หายไปไหน
ในห้องมีแสงสว่างจากหินเรืองแสงเปล่งประกายออกมาเมื่อสิ้นแสงสว่างจากภายนอก หินพวกนี้ฝังเรียงรายตามผนังอย่างเป็นระเบียบ ก้อนหินพิสดารจะเปล่งแสงหรือดับแสงตามการสัมผัส คุณภาพดีกว่าหลอดแก้วพลังงานที่ใช้อยู่โลกเบื้องบนด้วยซ้ำ ตอนนี้เฟรี่แตะให้ก้อนหินส่องแสงทุกก้อนจนสว่างไสวทั่วห้องเพื่อความอุ่นใจ
บนเตียงมีหมอนและผ้าห่มเรียบร้อย เสื้อผ้าชุดเดิมของเธอวางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนข้างเตียง แต่ยังไม่ต้องการเปลี่ยนในขณะนี้ ชุดสีดำใส่เพลินสบายจนไม่อยากเปลี่ยนเสียแล้ว เวลากลางคืนบรรยากาศเงียบและอากาศเย็นจัดจับใจ ท้องฟ้าด้านนอกกลับกลายเป็นสีดำไม่มีดาวสักดวงให้เห็น เป็นความเงียบอย่างไม่คุ้นเคยมาก่อน ความเงียบชนิดทำให้แทบได้ยินเสียงความคิดของตัวเอง
หญิงสาวกระโดดขึ้นเตียง นั่งกอดเข้าไม่รู้จะทำอย่างไร จะหลับก็ข่มตาไม่ลง ผนังห้องทั้งสองด้านเงียบกริบไม่มีเสียงดังผิดปกติ เวลานี้นายหน้ากากบ้าบอจะทำอะไรอยู่นะ..เขาน่าจะนอนหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อนบาดเจ็บ คงไม่มีเวลาว่างมากพอจะลุกขึ้นมาเจาะผนังห้องชาวบ้านหรอก คิดได้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
มองหาอะไรก็ได้เผื่อป้องกันตัว ถ้านายหน้ากากบ้าเจาะกำแพงมาจริงๆ ก็จะเอาขวดน้ำบนโต๊ะนี่ล่ะฟาดหัวสักที คอยดู แม้จะคิดในทางไม่ดีแต่ในใจรู้ว่าสิ่งที่พยายามกลัวพยายามคิดแบบนั้นไม่มีเหตุผลเลยสักนิด ถ้าไนท์คิดทำร้ายจริงคงไม่รอดปลอดภัยจนมาถึงที่นี่ได้ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องพยายามคิดและแสดงออกในเชิงลบแบบนั้น
ล้มตัวลงนอนแต่ยังไม่รู้สึกง่วง คำพูดของสาวใช้เริ่มดังอยู่ในความคิด ห้องนี้ผีดุน้อยที่สุด ก็แปลว่ามีผี! ถึงจะดุมากดุน้อย ผีก็คือผี
อยู่เบื้องบนไม่เคยกลัวผีเพราะเต็มไปด้วยบริวารเพื่อนฝูงในบ้านคุ้นเคยอบอุ่น แต่ที่นี่ไม่เหมือนกัน อยากจะหลับแล้วตื่นขึ้นมาเป็นพรุ่งนี้เร็วๆ จะไปยอดเขาสื่อสารแล้วติดต่อคนรักให้มารับตัวออกไปจากดินแดนอเวจีนี้เสียทีแต่ผีดุหมายความว่าอย่างไร
หมายความว่าภาพผู้หญิงหน้าซีดขาวผมยาวประหน้ารุงรังลอยตัวหมุนคว้างอยู่บนเพดาน ผีพวกนี้คงเป็นผีที่เกิดมาจากการมีคนผูกคอตายจึงวนเวียนหลอกหลอนในลักษณะชวนสยอง
หรือหมายความว่าขณะนอนอยู่บนเตียง จะมีใครบางคนมายืนจ้องมองอยู่ปลายเตียงด้วยใบหน้าบ่งบอกแววไม่พอใจ พวกนี้อาจเป็นผีตายในห้องพัก จึงวนเวียนตามหาเตียงที่เคยนอนตาย
หรือจะหมายถึงใบหน้าขาวซีดตาเหลือกค้างค่อยโผล่ขึ้นมาจากขอบเตียงเอียงคอก้มลงมาจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาอาฆาตพร้อมร่างกายหงิกงอบิดเบี้ยวผิดธรรมชาติ
ไม่.....ต้องไม่คิดแบบนี้
คิดเรื่องอื่นดีกว่า มีเรื่องมากมายให้คิด คิดถึงวันไปกินอาหารเที่ยงกับคนรักพร้อมเพื่อนฝูงมากมายเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
แต่ถ้ามีใครสักคนเอื้อมมือมาแตะบ่าเบาๆจะกล้าหันไปมองไหม จะทำอย่างไรต่อไป จะนอนคลุมโปงหลับตาไม่ต้องมองเห็นอะไร ผีจะได้ไม่มองเห็นเรา เราก็ไม่ต้องมองเห็นผี แต่ถ้ามีใครบางคนค่อยดึงผ้าห่มออกไปอย่างช้าๆ จากทางปลายเท้าจะกล้าลืมตามามองไหม
หรือไม่ก็ผีตัวหักๆ มือเท้าเก้งก้างผิดรูปคลานไปมาอยู่บนเพดานเหมือนแมงมุม...เด็กผีหน้าขาวมานั่งยองๆ อยู่ปลายเตียง
ทำไมควบคุมความคิดน่ากลัวไม่ได้เลย แถมคิดไปคิดมาจนเริ่มจะมองเห็นเงาวูบวาบตามผนังเป็นภูตผีปีศาจไปหมด
สุดท้ายเลยนั่งร้องให้บนเตียงคนเดียว เอาเสียงร้องไห้ของตัวเองเป็นเพื่อน อย่างน้อยก็มีเสียงเป็นเพื่อน
ทันใดก็มีเสียงร้องเบาๆอย่างรำคาญมาจากผนังห้องด้านซ้ายมือ เป็นเสียงของนักล่าปีศาจคนนั้นนั่นเอง
“คนจะหลับจะนอน ผีตัวไหนมาร้องไห้อยู่แถวนี้ รำคาญ เดี๋ยวก็จับลงหม้อถ่วงน้ำเสียหรอก”
ถ้าเป็นเวลาปรกติคงร้องกรี๊ดบ้านแตกใส่แล้ว แต่ตอนนี้กลับรู้สึกดีใจอย่างที่สุด ความอบอุ่นชนิดหนึ่งดูเหมือนจะแผ่ซ่านมาตามเสียงนั้น รีบลากหมอนข้างและผ้าห่มผวาลงไปนั่งพื้น เอามือเคาะผนังด้านนั้นแรงๆหลายครั้งก่อนร้องถามเสียงสั่น
“ไนท์..เจ้าอยู่นั่นใช่ไหม”
“จะมีใครเสียอีกล่ะ ว่าแต่ทำไมไม่ยอมหลับยอมนอน มาร้องไห้เป็นผีราตรีอยู่ได้”
.................