กลับมาอีกครั้งแล้วนะครับกับ Skysome Adventures ก่อนอื่นเต้ต้องขอบคุณเพื่อนๆมากนะครับที่ทำให้ตอนแรกได้กระแสตอบรับดีมาก ตอนที่สองนี้จะขอเปลี่ยนบรรยากาศครับ จากที่ๆอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตครั้งนี้เราจะขึ้นไปบนยอดเขาที่แสนจะว่างเปล่าและยากต่อการอยู่อาศัยกันครับ ทว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ๆพิเศษมากครับ เพราะตลอดการเดินทางทั่วโลกของผมยังไม่เคยมีที่ไหนที่ทำให้ผมมีความรู้สึกหลุดโลก (ก็มันยังอยู่บนโลกอ่ะนะ) เหมือนไปเดินอยู่บนดวงจันทร์ขนาดนี้มาก่อนเลย และที่แห่งนี้ก็คือยอดปล่องภูเขาไฟ “ฮาเลียคาล่า” (Haleakala) ที่เต้กำลังจะพาเพื่อนๆตะลุยขึ้นไปดูนั้นเองครับ
ฮาเลียคาล่าเป็นอุทยานแห่งชาติ(อเมริกา)ที่อยู่ในหมู่เกาะมาอุย (Maui) ซึ่งอยู่ในหมู่เกาะฮาวายในมหาสมุทรแปซิฟิคอีกทีครับ การเดินทางไปนั้นก็ต้องนั่งเครื่องบินมาจากเกาะโอฮาอุ (Oahu) ซึ่งเป็นเกาะหลักของฮาวายมาอีกที ใช้เวลาเดินทางมาประมาน 25 นาทีก็ถึงเกาะมาอุยครับครับ
เราเริ่มการเดินทางของเราตั้งแต่เช้าครับ โดยขับรถมาจากเมืองลาไฮน่า (Lahaina) เข้ามาส่วนชั้นในของเกาะ ที่ๆมีภูมิภาคเป็นภูเขาสูงใหญ่เต็มไปหมดครับ ถนนที่จะนำเราขึ้นไปที่ศูนย์นักท่องเที่ยวฮาเลียคาล่าก็แสนจะคดเคี้ยวครับ อารมย์แม่ฮ่องสอนยังไงยังงั้น
จริงๆแล้วดูจากชื่อคนส่วนใหญ่จะคิดว่าฮาเลียคาล่าเป็นภูเขาไฟยักษ์ลูกเดียว แต่จริงๆที่แห่งนี้เกิดจากการกัดกร่อนตามธรรมชาติของยอดภูเขาไฟจนเกิดเป็นรูทรงกรวยคว่ำขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงกลางภูเขา ขนาดนั้นก็มหึมา คือถ้าเราจะเดินเข้าไปตรงกลางสุดก็ใช้เวลาเป็นวันเลยครับ
เราขับขึ้นมาเรื่อยๆจนอยู่ดีๆเราก็มีความรู้สึกที่ไม่คิดว่าจะได้รับในหมู่เกาะร้อนชื้นอย่างฮาวาย นั้นคือความรู้สึกหนาวครับ! เส้นทางที่เราขับนำเราขึ้นมาจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3000 เมตร (อย่าลืมนะครับ นี่อยู่บนเกาะ) พูดง่ายๆคือขึ้นไปถึงระดับเมฆกันเลยทีเดียวครับ ณ จุดนี้ความหนาแน่นของออกซิเจนจะลดลงอย่างรวดเร็วจนทำให้เราต้องทำอะไรช้าๆ ไม่งั้นจะเริ่มเวียนหัวได้
เรามาถึงศูนย์นักท่องเที่ยวพร้อมกับเดินเข้าไปเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเส้นทางเดินในธรรมชาติครับ เส้นทางนี้ชื่อ Sliding Sands Trail ซึ่งเป็นเส้นทางที่สวยที่สุดในหุบเขาฮาเลียคาล่าแห่งนี้ เส้นทางเริ่มจากขอบภูเขาไฟเข้าไปในบริเวณหลุมยักษ์ตรงกลาง ลักษณะเส้นทางนี้ก็ตามชื่อครับ Sliding Sand แปลตรงๆได้ว่าทรายที่ลื่น คือเป็นเส้นทางชันที่เต็มไปด้วยหินก้อนเล็กๆมากมาย ทำให้สามารถลื่นได้ง่ายๆถ้าไม่ระวัง ว่ากันแล้วเราก็ลุยกันเข้าไปเลยครับ!
วินาทีแรกที่ก้าวผ่านขอบลงไปในหลุมยักษ์แห่งนี้ทำเอาผมตกใจ นึกว่าตัวเองหลุดเข้าไปในหนังสตาร์วอร์ครับ! ผืนดินข้างหน้าผมเต็มไปด้วยเนินทรายสีส้มและแดงซึ่งทอดยาวออกไปแบบไม่รู้จบ ไม่เห็นก้นหรืออีกฝั่งนึงของหลุมนี้ด้วยซ้ำ อย่างที่บอกเส้นทางเดินบนฮาเลียคาล่านี้จะไม่เหมือนที่อื่น เพราะเราต้องเริ่มเดินลงไปก่อนและปีนเขากลับขึ้นมาซึ่งอาจจะใช้เวลาถึง 3 เท่าของเวลาที่เดินลง สิ่งนี้ทำให้หลายๆคนประหม่าคิดว่าตัวเองมีแรง เดินลงไปไกลมากจนมีปัญหาตอนต้องปีนเนินหินกลับขึ้นมา เราเลยค่อยๆเดินลงไปช้าๆและคอยเช็คว่าเราลงมาลึกแค่ไหนแล้วตลอดทางครับ
เกาะมาอุยเป็นเกาะที่สูง ทำให้ลมทะเลชื้นๆถูกพัดขึ้นไปบนยอดเขาจนกลั่นตัวเป็นเม็ดฝนตกลงมาเป็นประจำ วันนี้ก็เช่นกันครับแต่โชคดีที่เรามาหลังจากฝนหยุดตกพอดี ทำให้เราได้เห็นรุ้งกินน้ำที่โผล่ออกมาจากหุบเขากันครับ โอกาศดีอย่างงี้คงไม่มาให้เห็นได้บ่อยๆผมก็หยิบกล้องคู่กายถ่ายภาพทันทีครับ!
และแน่นอนในสถานที่ที่พิเศษอย่างนี้ก็ต้องมีพืชพันธุ์ที่พิเศษเช่นกันครับ พืชชนิดที่กล่าวถึงก็คือ Haleakala Silverswords นั่นเองครับซึ่งเป็นพืชที่ไม่สามารถหาได้ที่ไหนบนโลกยกเว้นเทือกเขาฮาเลียคาล่าที่เดียว Haleakala Silverswords นั้นเป็นพืชตระกูลตะบองเพชรที่สามารถโตได้สูงกว่าคนและมีอายุระหว่าง 3 ถึง 50 ปี โดยตลอดชีวิตมันจะออกดอกที่มีขนาดยักษ์ (กระทู้นี้ ‘ยักษ์’ หลายรอบมาก 555) หนึ่งดอกและตายทันทีครับ
ส่วนขากลับนี้ก็เกือบตาย เดินลงไปแค่ครึ่งชั่วโมงแต่ใช้เวลาปีนกลับขึ้นมาเกือบสองชั่วโมงครับ คือเดินไปพักไป เพราะหายใจไม่ทันเนื่องจากความบางของอากาศข้างบน ขึ้นมาถึงยอดเขาอีกทีเราก็ (ยังกระแดะ) แวะไปดูหอสังเกตการณ์สภาพอากาศฮาเลียคาล่า (Haleakala High Altitude Observatory) ครับ คือไม่ใช่ที่สถานที่ท่องเที่ยวแต่แค่อยากรู้อยากเห็น ขึ้นไปก็นึกว่าอยู่ในหนังสตาวอร์อีกนั่นหละครับ ลองดูภาพกันเอาเองนะครับ
ขณะที่แสงอาทิตย์ละจากขอบฟ้า เราก็เริ่มขับรถลงจากฮาเลียคาล่า ผ่านชั้นเมฆกลับลงมาที่ผืนดินเบื้องล่าง
ก่อนที่ผมจะมาเยือนเกาะมาอุยผมไม่เคยคิดว่าจะมีที่ๆสวยทั้งๆที่แห้งแล้งขนาดนี้ ก็นับเป็นเรื่องดีครับไม่งั้นผมก็คงต้องเสียเงินเป็นล้านๆเพื่อไปดาวอังคารแทนแล้วล่ะครับ
เป็นไงกันบ้างครับ มีเพื่อนๆคนไหนเคยไปที่ๆทำให้ตัวเองคิดว่าเราได้หลุดออกไปจากโลกแล้วบ้างมั้ยครับ? เชิญคอมเม้นหรือแชร์ประสบการณ์ข้างล่างได้เลยนะครับ ถ้าชอบกันก็ฝากกดไลค์ กดแชร์เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ส่วนใครที่อยากเข้าไปดูตอนแรกของผมในพันทิปก็เชิญที่นี้เลยนะครับ:
Episode 1 ตะลุยฮาวายตามหานก Shearwater! :
http://pantip.com/topic/35312269
ส่วนตอนนี้เพจเฟซบุ้คของเต้ ‘Skysome Adventures’ ก็ยังอยู่โพสภาพกันอย่างเมามันในตอน ‘Sailing in the Pacific’ ครับ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางในมหาสมุทร 39 วันของผม ใครชอบบทความนี้ก็ฝากเข้าไปดูและกดไลค์เพจด้วยนะครับที่
www.facebook.com/skysomeadventures
รับรองว่าจะมีเรื่องราวดีๆมาให้อ่านและมีภาพสวยๆมาโพสให้ดูบ่อยๆเลยครับ
แล้วเจอกันใหม่อาทิตย์หน้าครับ!
[CR] <<Skysome Adventure>> Episode 2: ตะลุยซากภูเขาไฟ Haleakala แห่งเกาะ Mau'i, Hawai'i!
ฮาเลียคาล่าเป็นอุทยานแห่งชาติ(อเมริกา)ที่อยู่ในหมู่เกาะมาอุย (Maui) ซึ่งอยู่ในหมู่เกาะฮาวายในมหาสมุทรแปซิฟิคอีกทีครับ การเดินทางไปนั้นก็ต้องนั่งเครื่องบินมาจากเกาะโอฮาอุ (Oahu) ซึ่งเป็นเกาะหลักของฮาวายมาอีกที ใช้เวลาเดินทางมาประมาน 25 นาทีก็ถึงเกาะมาอุยครับครับ
เราเริ่มการเดินทางของเราตั้งแต่เช้าครับ โดยขับรถมาจากเมืองลาไฮน่า (Lahaina) เข้ามาส่วนชั้นในของเกาะ ที่ๆมีภูมิภาคเป็นภูเขาสูงใหญ่เต็มไปหมดครับ ถนนที่จะนำเราขึ้นไปที่ศูนย์นักท่องเที่ยวฮาเลียคาล่าก็แสนจะคดเคี้ยวครับ อารมย์แม่ฮ่องสอนยังไงยังงั้น
จริงๆแล้วดูจากชื่อคนส่วนใหญ่จะคิดว่าฮาเลียคาล่าเป็นภูเขาไฟยักษ์ลูกเดียว แต่จริงๆที่แห่งนี้เกิดจากการกัดกร่อนตามธรรมชาติของยอดภูเขาไฟจนเกิดเป็นรูทรงกรวยคว่ำขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงกลางภูเขา ขนาดนั้นก็มหึมา คือถ้าเราจะเดินเข้าไปตรงกลางสุดก็ใช้เวลาเป็นวันเลยครับ
เราขับขึ้นมาเรื่อยๆจนอยู่ดีๆเราก็มีความรู้สึกที่ไม่คิดว่าจะได้รับในหมู่เกาะร้อนชื้นอย่างฮาวาย นั้นคือความรู้สึกหนาวครับ! เส้นทางที่เราขับนำเราขึ้นมาจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3000 เมตร (อย่าลืมนะครับ นี่อยู่บนเกาะ) พูดง่ายๆคือขึ้นไปถึงระดับเมฆกันเลยทีเดียวครับ ณ จุดนี้ความหนาแน่นของออกซิเจนจะลดลงอย่างรวดเร็วจนทำให้เราต้องทำอะไรช้าๆ ไม่งั้นจะเริ่มเวียนหัวได้
เรามาถึงศูนย์นักท่องเที่ยวพร้อมกับเดินเข้าไปเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเส้นทางเดินในธรรมชาติครับ เส้นทางนี้ชื่อ Sliding Sands Trail ซึ่งเป็นเส้นทางที่สวยที่สุดในหุบเขาฮาเลียคาล่าแห่งนี้ เส้นทางเริ่มจากขอบภูเขาไฟเข้าไปในบริเวณหลุมยักษ์ตรงกลาง ลักษณะเส้นทางนี้ก็ตามชื่อครับ Sliding Sand แปลตรงๆได้ว่าทรายที่ลื่น คือเป็นเส้นทางชันที่เต็มไปด้วยหินก้อนเล็กๆมากมาย ทำให้สามารถลื่นได้ง่ายๆถ้าไม่ระวัง ว่ากันแล้วเราก็ลุยกันเข้าไปเลยครับ!
วินาทีแรกที่ก้าวผ่านขอบลงไปในหลุมยักษ์แห่งนี้ทำเอาผมตกใจ นึกว่าตัวเองหลุดเข้าไปในหนังสตาร์วอร์ครับ! ผืนดินข้างหน้าผมเต็มไปด้วยเนินทรายสีส้มและแดงซึ่งทอดยาวออกไปแบบไม่รู้จบ ไม่เห็นก้นหรืออีกฝั่งนึงของหลุมนี้ด้วยซ้ำ อย่างที่บอกเส้นทางเดินบนฮาเลียคาล่านี้จะไม่เหมือนที่อื่น เพราะเราต้องเริ่มเดินลงไปก่อนและปีนเขากลับขึ้นมาซึ่งอาจจะใช้เวลาถึง 3 เท่าของเวลาที่เดินลง สิ่งนี้ทำให้หลายๆคนประหม่าคิดว่าตัวเองมีแรง เดินลงไปไกลมากจนมีปัญหาตอนต้องปีนเนินหินกลับขึ้นมา เราเลยค่อยๆเดินลงไปช้าๆและคอยเช็คว่าเราลงมาลึกแค่ไหนแล้วตลอดทางครับ
เกาะมาอุยเป็นเกาะที่สูง ทำให้ลมทะเลชื้นๆถูกพัดขึ้นไปบนยอดเขาจนกลั่นตัวเป็นเม็ดฝนตกลงมาเป็นประจำ วันนี้ก็เช่นกันครับแต่โชคดีที่เรามาหลังจากฝนหยุดตกพอดี ทำให้เราได้เห็นรุ้งกินน้ำที่โผล่ออกมาจากหุบเขากันครับ โอกาศดีอย่างงี้คงไม่มาให้เห็นได้บ่อยๆผมก็หยิบกล้องคู่กายถ่ายภาพทันทีครับ!
และแน่นอนในสถานที่ที่พิเศษอย่างนี้ก็ต้องมีพืชพันธุ์ที่พิเศษเช่นกันครับ พืชชนิดที่กล่าวถึงก็คือ Haleakala Silverswords นั่นเองครับซึ่งเป็นพืชที่ไม่สามารถหาได้ที่ไหนบนโลกยกเว้นเทือกเขาฮาเลียคาล่าที่เดียว Haleakala Silverswords นั้นเป็นพืชตระกูลตะบองเพชรที่สามารถโตได้สูงกว่าคนและมีอายุระหว่าง 3 ถึง 50 ปี โดยตลอดชีวิตมันจะออกดอกที่มีขนาดยักษ์ (กระทู้นี้ ‘ยักษ์’ หลายรอบมาก 555) หนึ่งดอกและตายทันทีครับ
ส่วนขากลับนี้ก็เกือบตาย เดินลงไปแค่ครึ่งชั่วโมงแต่ใช้เวลาปีนกลับขึ้นมาเกือบสองชั่วโมงครับ คือเดินไปพักไป เพราะหายใจไม่ทันเนื่องจากความบางของอากาศข้างบน ขึ้นมาถึงยอดเขาอีกทีเราก็ (ยังกระแดะ) แวะไปดูหอสังเกตการณ์สภาพอากาศฮาเลียคาล่า (Haleakala High Altitude Observatory) ครับ คือไม่ใช่ที่สถานที่ท่องเที่ยวแต่แค่อยากรู้อยากเห็น ขึ้นไปก็นึกว่าอยู่ในหนังสตาวอร์อีกนั่นหละครับ ลองดูภาพกันเอาเองนะครับ
ขณะที่แสงอาทิตย์ละจากขอบฟ้า เราก็เริ่มขับรถลงจากฮาเลียคาล่า ผ่านชั้นเมฆกลับลงมาที่ผืนดินเบื้องล่าง
ก่อนที่ผมจะมาเยือนเกาะมาอุยผมไม่เคยคิดว่าจะมีที่ๆสวยทั้งๆที่แห้งแล้งขนาดนี้ ก็นับเป็นเรื่องดีครับไม่งั้นผมก็คงต้องเสียเงินเป็นล้านๆเพื่อไปดาวอังคารแทนแล้วล่ะครับ
เป็นไงกันบ้างครับ มีเพื่อนๆคนไหนเคยไปที่ๆทำให้ตัวเองคิดว่าเราได้หลุดออกไปจากโลกแล้วบ้างมั้ยครับ? เชิญคอมเม้นหรือแชร์ประสบการณ์ข้างล่างได้เลยนะครับ ถ้าชอบกันก็ฝากกดไลค์ กดแชร์เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ส่วนใครที่อยากเข้าไปดูตอนแรกของผมในพันทิปก็เชิญที่นี้เลยนะครับ:
Episode 1 ตะลุยฮาวายตามหานก Shearwater! : http://pantip.com/topic/35312269
ส่วนตอนนี้เพจเฟซบุ้คของเต้ ‘Skysome Adventures’ ก็ยังอยู่โพสภาพกันอย่างเมามันในตอน ‘Sailing in the Pacific’ ครับ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางในมหาสมุทร 39 วันของผม ใครชอบบทความนี้ก็ฝากเข้าไปดูและกดไลค์เพจด้วยนะครับที่
www.facebook.com/skysomeadventures
รับรองว่าจะมีเรื่องราวดีๆมาให้อ่านและมีภาพสวยๆมาโพสให้ดูบ่อยๆเลยครับ
แล้วเจอกันใหม่อาทิตย์หน้าครับ!