เตร่ไปเรื่อยในเมืองข้าวเหนียว
[บันทึกสด การเดินทางของข้าพเจ้า]
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้จาก Page https://facebook.com/omeoyou
จากบันทึกสดเมื่อวันที่ 25 - 26 มิ.ย. 2559 (
http://pantip.com/topic/35316607) จะเห็นวันที่ 27 ผมจะต้องตะลอนหาที่ถ่ายรูปเอง เพราะเพื่อนไม่ว่าง แต่สรุปว่านัดกันไว้ช่วงกลางวัน ซึ่งเพื่อนจะเสร็จธุระกลับมาถึงที่พัก แล้วไปภูบ่อบิด (จุดชมวิวภูหอ หรือรู้จักในนาม ฟูจิเมืองเลย) ส่วนในตอนเช้าตรู่ ผมตัดสินใจออกจากที่พักตี 4 เกือบตี 5 เพื่อนไปลองดูสภาพถนนลอยฟ้า หรือหามุมในช่วงเช้าตรู่แบบนี้ดูเล่น ๆ
ภูหอจากมุมมองหนึ่งในตัวอำเภอภูหลวง มี 7-11 ด้วย
พิกัด https://goo.gl/maps/qKifobLyJCH2
คืนที่ 26 คิดอยากตื่นออกไปถ่ายรูปซักช่วงตี 4.20 เพราะดูข้อมูลแล้วพบว่าพระอาทิตย์ขึ้นไว แต่พอออกมาเดินในบ้าน พบว่ามันมืดมาก ๆ ก็เลยค่อย ๆ ทำโน้นทำนี้แล้วออกจากบ้านตอนเกือบตี 5 โดยใช้ Google Map นำทางไปที่ถนนลอยฟ้า (ถนนหมายเลข 2016) แต่ตอนเลี้ยวออกจากซอยบ้าน ผมเลี้ยวผิด ก็ยังเอ๊ะใจ เพราะ Google Map พูดย้ำว่าให้ไปทิศใต้ แต่ผมก็ลองขี่รถไปซักพักเพื่อจะฟังว่า Google Map จะกำหนดเส้นทางใหม่ได้ไหม
ป่ายางที่นี่มีเยอะมาก สมัยก่อนน้องที่ผมไปพักบ้านเขาบอกว่า ที่นี่มีแต่มันสัมปะหลัง แต่ภายหลังเปลี่ยนเป็นปลูกยางกันกันเกือบหมด
มันกำหนดเส้นใหม่ให้ และระยะทางหลายกิโล ผมนึกในใจ คงเป็นทางกำหนดใหม่จริง ๆ ไม่ใช่ให้วิ่งไปแล้วไปบอกให้กลับรถ (มันไร้สาระไหม ให้วิ่งไปกิโลก สองกิโลแล้วบอกกลับรถไปทางเดิม)
ก็ใช่ละมันกำหนดเส้นทางเส้นใหม่ให้จริง ๆ แต่จากประสบการณ์ และลักษณะพื้นที่ ทำให้ผมคิดในใจลึก ๆ ว่า แมร่งจะพาเข้าป่า เข้าสวนหรือเปล่า ฟ้ายังไม่สว่าง เสียว ๆ อยู่นะ แล้วก็ใช่เลย มันพาไปทางดินแดง ในป่าสวนยางหลายไร่ กว่าจะทะลุออกถนนทางดำก็ขี่อยู่นาน ทำให้ใช้เวลานานมากไปหน่อยกว่าจะได้ถ่ายรูปอีกครั้ง
ฤดูทำนาเข้ามาแล้ว ที่นี่กินข้าวเหนียวกันเป็นเรื่องปกติมากกว่ากินข้าวเจ้า นาที่นี่ก็น่าจะเป็นข้าวเหนียว
ฟ้าเริ่มสว่างขึ้น เห็นชาวบ้านรอใส่บาตร บางคนก็เริ่มออกมาเดินตามท้องนา ผมก็หามุมถ่ายภาพในท้องนาที่ยังไม่ได้ลงข้าว จะว่าไปก็ยังไม่ได้มุมที่ชอบมากนัก เพราะผมอยากได้ภาพสะท้อนนาที่เพิ่งลง หรือนาน้ำกับแสงอาทิตย์รุ่งเช้า หรือยามเย็น แต่ไม่มีเวลามากนักแล้ว อยากลุ้นหมอกบนถนนลอยฟ้า ในใจคิดว่าไม่น่าจะมี เพราะเขาหัวโล้นเยอะ แต่ใจมันหวังตลอดเพราะตลอดเวลาที่พักอยู่บ้านเพื่อน จะมองเห็นภูหลวงที่บนยอดมีหมอก มีเมฆปกคลุมได้เกือบตลอดในหน้าฝน
พี่ไม่ต้องห่วง ผมนำขบวนเอง
ฟ้าสว่างเต็มที่ ผมเห็นชาวบ้านขับรถอีแต๊กออกมากันเยอะมาก เขาไปเข้าไร่ เข้านา เข้าสวนของเขา ซึ่งมักจะไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน หลายคนทำไร่ ทำสวนแถวภูเขาหัวโล้นซึ่งใช้เส้นทางถนนลอยฟ้าที่ผมจะไปพอดี
ลุง ๆ ไปไหน ผมไปด้วย
บางคนก็มีผู้โดยสารมากันหลายคน ญาติกันซะงะมั้ง บ้างก็เป็นหมานั่งอยู่ข้างหน้า วิ่งนำบ้าง วิ่งตามบ้าง ลุงบางคนอัธยาศรัยดี เห็นผมยืนก้ม ๆ เงย ๆ แต่งตัวแปลก ๆ ถือกล้อง แต่ไม่ถ่ายรูปซักทีก็เอ่ยถาม (บางครั้งมันต้องรอจังหวะรถมาเข้าฉาก) “ผมรอถ่ายรูปครับลุง” ผมตอบหลังจากลุงถามมาในสำเนียงท้องถิ่น ทำให้ผมต้องถามก่อนหน้านั้นว่าอะไรนะครับหลายครั้ง จนลุงเริ่มงงว่า ไอ้นี้มันกวนส้นหรือเปล่า แต่สุดท้ายลุงก็ยิ้ม แล้วตอบว่า “ตามสบายนะ”
ลุงสองคนผู้อัธยาศรัยดี เอ่ยปากทักทายคนแปลกหน้าอย่างผม
คนที่นี่พอรู้ว่าเรามาจากภาคกลาง มาจากกรุงเทพ เขาก็จะพยายามเปลี่ยนศัพท์ที่พูด สำเนียงที่พูด ให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น (ส่ววนใหญ่ก็เป็นกันทุกภาคละนะ อย่างตอนผมไปใต้ก็แบบนี้)
ผมชอบมาก ๆ ที่จะฟังชาวบ้านในพื้นที่ที่มีสำเนียงเฉพาะของเขา เมืองเลย เขาว่าเป็นสำเนียงอีสานที่อ่อนหวานที่สุด คือบางครั้งผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็ชอบฟัง รู้สึกดี แอบอมยิ้มเล็ก ๆ บ่อย ๆ เวลาได้ฟังเขาคุยกันอย่างถึงพริกถึงขิง
สายหมอกที่เห็นมันไหลไปทางขวาและสลายตัว ตรงนั้นคือถนนหมายเลข 2016 ผมรีบผละจากมุมนี้ไปจุดนั้นให้เร็วที่สุด
พิกัด https://goo.gl/maps/kzZqT1AqAaH2
ถ่ายรูปไปสังเกตุเห็นหมอกเป็นสายเหนือภูเขาลูกนึกที่มีป่าย่อม ๆ อยู่ท่ามกลางภูเขาหัวโล้น ผมรีบถ่ายมุมตรงนั้นไว้เท่าที่จะทำได้ เพราะสังเกตุเห็นรถที่วิ่งผ่านผมไปเมื่อกี้ วิ่งไปแถวนั้น แปลว่านั้นต้องเป็นส่วนหนึ่งของถนนลอยฟ้าที่มีหมอกแน่ ๆ ความหวังเป็นจริง ถ้าได้ถ่ายฉากสวย ๆ ของถนนลอยฟ้ากับหมอก คงฟินไม่น้อย
นี่คือมุมที่สายหมอกพุ่งมา แต่ผมมาไม่ทันเสียแล้ว มันสลายไปจนหมดแล้ว น่าเสียดาย
พิกัด https://goo.gl/maps/8Wc9yb8wo3n
แต่สายหมอกมันไม่เยอะ และสลายตัวเมื่อพ้นแนวต้นไม้เข้าสู่เขาหัวโล้น ผมขี่รถไปถึงจุด ก็ผิดหวัง เพราะสายหมอกหมดแล้ว คงเป็นเพราะเริ่มสายลงเรื่อย ๆ ทำให้ไอน้ำ กับอุณหภูมิอาจจะไม่เหมาะที่จะเป็นหมอกอีก แต่ไม่เป็นไร ผมจะกลับมาอีก ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ถนนหมายเลข 2016 จุดที่หลายคนนิยมเดินทางเข้าเมืองเลย หรือจากเลยไปกรุงเทพ
พิกัด https://goo.gl/maps/8fbvYMvXexR2
ขี่รถกลับที่พัก ระหว่างขี่ไปก็สังเกตุเห็นว่าภูหลวงมันก็อยู่ตรงหน้าไม่ไกลนัก น่าจะมีถนนที่พุ่งเข้าไปใกล้ตีนเขาไม่มากก็น้อย คิดไม่ทันไล่ ก่อนจะถึงโค้นสุดท้ายเลี้ยวไปทางบ้านเพื่อนที่ผมพักอยู่ ผมก็เห็นถนนซอยไม่ใหญ่นัก แต่ถนนชี้ไปทางภูเขา รีบกลับรถวกไปเข้าซอยนั้นดูซักหน่อย
ขี่ไปไม่นานก็พ้นชุมชน พบสถานปฏิบัติธรรมบ้าง วัดป่าบ้าง ยังไม่สนใจ ว่าจะลองขี่ไปให้ถึงตีนเขาถ้าทำได้ หรือไปให้สุดทางตันไปเลย
หน่วยพิทักษ์ป่าในหมู่บ้านน้ำทบ
พิกัด https://goo.gl/maps/VKK2HP2wFGS2
ทางที่ขี่มามาสุดทางแล้ว ด้านหน้าป้ายเขียนว่า ‘หน่วยพิทักษ์ป่าน้ำทบ’ ผมคุยกับเพื่อน เพื่อนบอกว่า หมู่บ้านที่อยู่ไม่ห่างจากตีนเขามาก จะมีทางพุ่งไปต่อสู่หน่วยพิทักษ์ต่าง ๆ อย่างหน่วยนี่ อยู่ติดกับห้วยน้ำทบ ก็ชื่อหน่วยพิทักษ์ป่าน้ำทบ มีอีกหมู่บ้าน ติดกับห้วยน้ำจันทร์ ก็ชื่อหน่วยพิทักษ์ป่าน้ำจันทร์ แต่ละหน่วยพิทักษ์ บางทีจะมีจุดน่าสนใจ หรืออาจจะไม่มีก็ได้ อย่างที่น้ำทบ จะติดห้วยน้ำทบดูสงบ ห้วยไม่ใหญ่นัก แต่สบายใจดี สุดท้ายเป็นวัดถ้ำ เท่าที่ดูเห็นพระรูปเดียว ดูสงบมาก มีย่าแก่ ๆ ชาวบ้านมานั่งคุยกันแค่ 2 - 4 คน เห็นมีฝูงผีเสื้อเยอะอยู่
ภายในมีทางเข้าไปสู่วัดถ้ำพุทธมนต์
ส่วนที่หน่วยพิทักษ์ป่าน้ำจันทร์ ผมไม่แวะเข้าไป เพื่อนเจ้าถิ่นบอกว่า ในนั้นมีน้ำตกสูงพอสมควร แต่น่าจะถ่ายรูปไม่สวย เพราะมันรก ๆ เขาไม่ได้ทำไว้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่บางทีก็มีกลุ่มนักศึกษาทำเรื่องของขึ้นไปบนน้ำตกก็มีบ้าง
ด้านบนของวัดมีถ้ำ และมีเจดีย์ ผมไม่ได้ขึ้นไปเพราะมั่วแต่หาทางลงไปยังห้วยน้ำทบที่อยู่ข้าง ๆ
พิกัด https://goo.gl/maps/wMAtaydSVw42
สภาพวัดร่มรื่น และสงบสุด ๆ ครับ เข้ามาแล้วสบาย ๆ เลย
ถึงที่พัก 10 โมงกว่ารอจนเพื่อนมาก็ออกเดินทางอีกรอบ เป้าหมายครั้งนี้ไม่ใช่ภูบ่อบิดอย่างที่วางแผนไว้เมื่อคืน แต่เปลี่ยนมาเป็น ‘เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง’ (พิกัด
https://goo.gl/maps/iRgzKg87NJQ2) ทั้ง ๆ ที่เรารู้ว่าทางการปิดฟื้นฟูป่าในช่วงนี้สำหรับเขตรักษาพันธุ์แห่งนี้ แต่ก็หวังลึก ๆ ว่าเขาอจจะยอมอนุญาติให้เราขึ้นไปดู ไปชม ไปถ่ายรูป แต่ก็คิดเผื่อไว้แล้วว่า ไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่ปัญหา เราเข้าใจดี ก็แค่อยากเดินทางลองดู
https://goo.gl/maps/6FNuaSzxz952
ผมเห็นยอดภูหลวงทุกวันตั้งแต่อยู่ที่นี่ มันมีเมฆ มีหมอกปกคลุมเกือบตลอด แถมตรงยอดก็จะเป็นหินชั้น ๆ บนสุดเหมือนจะเป็นที่ราบ สีเขียวมันสดใสดี ทำให้ผมยอมที่จะลองเดินทางทั้งที่รู้นั้นแหละว่าโอกาสเข้าไม่ได้สูงมาก
บันทึกสด 28 มิ.ย. 2559 [เมืองเลย หลง มันส์ เหนื่อย เปียก ประทับใจ น้ำใจ]
[บันทึกสด การเดินทางของข้าพเจ้า]
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้จาก Page https://facebook.com/omeoyou
จากบันทึกสดเมื่อวันที่ 25 - 26 มิ.ย. 2559 (http://pantip.com/topic/35316607) จะเห็นวันที่ 27 ผมจะต้องตะลอนหาที่ถ่ายรูปเอง เพราะเพื่อนไม่ว่าง แต่สรุปว่านัดกันไว้ช่วงกลางวัน ซึ่งเพื่อนจะเสร็จธุระกลับมาถึงที่พัก แล้วไปภูบ่อบิด (จุดชมวิวภูหอ หรือรู้จักในนาม ฟูจิเมืองเลย) ส่วนในตอนเช้าตรู่ ผมตัดสินใจออกจากที่พักตี 4 เกือบตี 5 เพื่อนไปลองดูสภาพถนนลอยฟ้า หรือหามุมในช่วงเช้าตรู่แบบนี้ดูเล่น ๆ
ภูหอจากมุมมองหนึ่งในตัวอำเภอภูหลวง มี 7-11 ด้วย
พิกัด https://goo.gl/maps/qKifobLyJCH2
คืนที่ 26 คิดอยากตื่นออกไปถ่ายรูปซักช่วงตี 4.20 เพราะดูข้อมูลแล้วพบว่าพระอาทิตย์ขึ้นไว แต่พอออกมาเดินในบ้าน พบว่ามันมืดมาก ๆ ก็เลยค่อย ๆ ทำโน้นทำนี้แล้วออกจากบ้านตอนเกือบตี 5 โดยใช้ Google Map นำทางไปที่ถนนลอยฟ้า (ถนนหมายเลข 2016) แต่ตอนเลี้ยวออกจากซอยบ้าน ผมเลี้ยวผิด ก็ยังเอ๊ะใจ เพราะ Google Map พูดย้ำว่าให้ไปทิศใต้ แต่ผมก็ลองขี่รถไปซักพักเพื่อจะฟังว่า Google Map จะกำหนดเส้นทางใหม่ได้ไหม
ป่ายางที่นี่มีเยอะมาก สมัยก่อนน้องที่ผมไปพักบ้านเขาบอกว่า ที่นี่มีแต่มันสัมปะหลัง แต่ภายหลังเปลี่ยนเป็นปลูกยางกันกันเกือบหมด
มันกำหนดเส้นใหม่ให้ และระยะทางหลายกิโล ผมนึกในใจ คงเป็นทางกำหนดใหม่จริง ๆ ไม่ใช่ให้วิ่งไปแล้วไปบอกให้กลับรถ (มันไร้สาระไหม ให้วิ่งไปกิโลก สองกิโลแล้วบอกกลับรถไปทางเดิม)
ก็ใช่ละมันกำหนดเส้นทางเส้นใหม่ให้จริง ๆ แต่จากประสบการณ์ และลักษณะพื้นที่ ทำให้ผมคิดในใจลึก ๆ ว่า แมร่งจะพาเข้าป่า เข้าสวนหรือเปล่า ฟ้ายังไม่สว่าง เสียว ๆ อยู่นะ แล้วก็ใช่เลย มันพาไปทางดินแดง ในป่าสวนยางหลายไร่ กว่าจะทะลุออกถนนทางดำก็ขี่อยู่นาน ทำให้ใช้เวลานานมากไปหน่อยกว่าจะได้ถ่ายรูปอีกครั้ง
ฤดูทำนาเข้ามาแล้ว ที่นี่กินข้าวเหนียวกันเป็นเรื่องปกติมากกว่ากินข้าวเจ้า นาที่นี่ก็น่าจะเป็นข้าวเหนียว
ฟ้าเริ่มสว่างขึ้น เห็นชาวบ้านรอใส่บาตร บางคนก็เริ่มออกมาเดินตามท้องนา ผมก็หามุมถ่ายภาพในท้องนาที่ยังไม่ได้ลงข้าว จะว่าไปก็ยังไม่ได้มุมที่ชอบมากนัก เพราะผมอยากได้ภาพสะท้อนนาที่เพิ่งลง หรือนาน้ำกับแสงอาทิตย์รุ่งเช้า หรือยามเย็น แต่ไม่มีเวลามากนักแล้ว อยากลุ้นหมอกบนถนนลอยฟ้า ในใจคิดว่าไม่น่าจะมี เพราะเขาหัวโล้นเยอะ แต่ใจมันหวังตลอดเพราะตลอดเวลาที่พักอยู่บ้านเพื่อน จะมองเห็นภูหลวงที่บนยอดมีหมอก มีเมฆปกคลุมได้เกือบตลอดในหน้าฝน
พี่ไม่ต้องห่วง ผมนำขบวนเอง
ฟ้าสว่างเต็มที่ ผมเห็นชาวบ้านขับรถอีแต๊กออกมากันเยอะมาก เขาไปเข้าไร่ เข้านา เข้าสวนของเขา ซึ่งมักจะไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน หลายคนทำไร่ ทำสวนแถวภูเขาหัวโล้นซึ่งใช้เส้นทางถนนลอยฟ้าที่ผมจะไปพอดี
ลุง ๆ ไปไหน ผมไปด้วย
บางคนก็มีผู้โดยสารมากันหลายคน ญาติกันซะงะมั้ง บ้างก็เป็นหมานั่งอยู่ข้างหน้า วิ่งนำบ้าง วิ่งตามบ้าง ลุงบางคนอัธยาศรัยดี เห็นผมยืนก้ม ๆ เงย ๆ แต่งตัวแปลก ๆ ถือกล้อง แต่ไม่ถ่ายรูปซักทีก็เอ่ยถาม (บางครั้งมันต้องรอจังหวะรถมาเข้าฉาก) “ผมรอถ่ายรูปครับลุง” ผมตอบหลังจากลุงถามมาในสำเนียงท้องถิ่น ทำให้ผมต้องถามก่อนหน้านั้นว่าอะไรนะครับหลายครั้ง จนลุงเริ่มงงว่า ไอ้นี้มันกวนส้นหรือเปล่า แต่สุดท้ายลุงก็ยิ้ม แล้วตอบว่า “ตามสบายนะ”
ลุงสองคนผู้อัธยาศรัยดี เอ่ยปากทักทายคนแปลกหน้าอย่างผม
คนที่นี่พอรู้ว่าเรามาจากภาคกลาง มาจากกรุงเทพ เขาก็จะพยายามเปลี่ยนศัพท์ที่พูด สำเนียงที่พูด ให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น (ส่ววนใหญ่ก็เป็นกันทุกภาคละนะ อย่างตอนผมไปใต้ก็แบบนี้)
ผมชอบมาก ๆ ที่จะฟังชาวบ้านในพื้นที่ที่มีสำเนียงเฉพาะของเขา เมืองเลย เขาว่าเป็นสำเนียงอีสานที่อ่อนหวานที่สุด คือบางครั้งผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็ชอบฟัง รู้สึกดี แอบอมยิ้มเล็ก ๆ บ่อย ๆ เวลาได้ฟังเขาคุยกันอย่างถึงพริกถึงขิง
สายหมอกที่เห็นมันไหลไปทางขวาและสลายตัว ตรงนั้นคือถนนหมายเลข 2016 ผมรีบผละจากมุมนี้ไปจุดนั้นให้เร็วที่สุด
พิกัด https://goo.gl/maps/kzZqT1AqAaH2
ถ่ายรูปไปสังเกตุเห็นหมอกเป็นสายเหนือภูเขาลูกนึกที่มีป่าย่อม ๆ อยู่ท่ามกลางภูเขาหัวโล้น ผมรีบถ่ายมุมตรงนั้นไว้เท่าที่จะทำได้ เพราะสังเกตุเห็นรถที่วิ่งผ่านผมไปเมื่อกี้ วิ่งไปแถวนั้น แปลว่านั้นต้องเป็นส่วนหนึ่งของถนนลอยฟ้าที่มีหมอกแน่ ๆ ความหวังเป็นจริง ถ้าได้ถ่ายฉากสวย ๆ ของถนนลอยฟ้ากับหมอก คงฟินไม่น้อย
นี่คือมุมที่สายหมอกพุ่งมา แต่ผมมาไม่ทันเสียแล้ว มันสลายไปจนหมดแล้ว น่าเสียดาย
พิกัด https://goo.gl/maps/8Wc9yb8wo3n
แต่สายหมอกมันไม่เยอะ และสลายตัวเมื่อพ้นแนวต้นไม้เข้าสู่เขาหัวโล้น ผมขี่รถไปถึงจุด ก็ผิดหวัง เพราะสายหมอกหมดแล้ว คงเป็นเพราะเริ่มสายลงเรื่อย ๆ ทำให้ไอน้ำ กับอุณหภูมิอาจจะไม่เหมาะที่จะเป็นหมอกอีก แต่ไม่เป็นไร ผมจะกลับมาอีก ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ถนนหมายเลข 2016 จุดที่หลายคนนิยมเดินทางเข้าเมืองเลย หรือจากเลยไปกรุงเทพ
พิกัด https://goo.gl/maps/8fbvYMvXexR2
ขี่รถกลับที่พัก ระหว่างขี่ไปก็สังเกตุเห็นว่าภูหลวงมันก็อยู่ตรงหน้าไม่ไกลนัก น่าจะมีถนนที่พุ่งเข้าไปใกล้ตีนเขาไม่มากก็น้อย คิดไม่ทันไล่ ก่อนจะถึงโค้นสุดท้ายเลี้ยวไปทางบ้านเพื่อนที่ผมพักอยู่ ผมก็เห็นถนนซอยไม่ใหญ่นัก แต่ถนนชี้ไปทางภูเขา รีบกลับรถวกไปเข้าซอยนั้นดูซักหน่อย
ขี่ไปไม่นานก็พ้นชุมชน พบสถานปฏิบัติธรรมบ้าง วัดป่าบ้าง ยังไม่สนใจ ว่าจะลองขี่ไปให้ถึงตีนเขาถ้าทำได้ หรือไปให้สุดทางตันไปเลย
หน่วยพิทักษ์ป่าในหมู่บ้านน้ำทบ
พิกัด https://goo.gl/maps/VKK2HP2wFGS2
ทางที่ขี่มามาสุดทางแล้ว ด้านหน้าป้ายเขียนว่า ‘หน่วยพิทักษ์ป่าน้ำทบ’ ผมคุยกับเพื่อน เพื่อนบอกว่า หมู่บ้านที่อยู่ไม่ห่างจากตีนเขามาก จะมีทางพุ่งไปต่อสู่หน่วยพิทักษ์ต่าง ๆ อย่างหน่วยนี่ อยู่ติดกับห้วยน้ำทบ ก็ชื่อหน่วยพิทักษ์ป่าน้ำทบ มีอีกหมู่บ้าน ติดกับห้วยน้ำจันทร์ ก็ชื่อหน่วยพิทักษ์ป่าน้ำจันทร์ แต่ละหน่วยพิทักษ์ บางทีจะมีจุดน่าสนใจ หรืออาจจะไม่มีก็ได้ อย่างที่น้ำทบ จะติดห้วยน้ำทบดูสงบ ห้วยไม่ใหญ่นัก แต่สบายใจดี สุดท้ายเป็นวัดถ้ำ เท่าที่ดูเห็นพระรูปเดียว ดูสงบมาก มีย่าแก่ ๆ ชาวบ้านมานั่งคุยกันแค่ 2 - 4 คน เห็นมีฝูงผีเสื้อเยอะอยู่
ภายในมีทางเข้าไปสู่วัดถ้ำพุทธมนต์
ส่วนที่หน่วยพิทักษ์ป่าน้ำจันทร์ ผมไม่แวะเข้าไป เพื่อนเจ้าถิ่นบอกว่า ในนั้นมีน้ำตกสูงพอสมควร แต่น่าจะถ่ายรูปไม่สวย เพราะมันรก ๆ เขาไม่ได้ทำไว้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่บางทีก็มีกลุ่มนักศึกษาทำเรื่องของขึ้นไปบนน้ำตกก็มีบ้าง
ด้านบนของวัดมีถ้ำ และมีเจดีย์ ผมไม่ได้ขึ้นไปเพราะมั่วแต่หาทางลงไปยังห้วยน้ำทบที่อยู่ข้าง ๆ
พิกัด https://goo.gl/maps/wMAtaydSVw42
สภาพวัดร่มรื่น และสงบสุด ๆ ครับ เข้ามาแล้วสบาย ๆ เลย
ถึงที่พัก 10 โมงกว่ารอจนเพื่อนมาก็ออกเดินทางอีกรอบ เป้าหมายครั้งนี้ไม่ใช่ภูบ่อบิดอย่างที่วางแผนไว้เมื่อคืน แต่เปลี่ยนมาเป็น ‘เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง’ (พิกัด https://goo.gl/maps/iRgzKg87NJQ2) ทั้ง ๆ ที่เรารู้ว่าทางการปิดฟื้นฟูป่าในช่วงนี้สำหรับเขตรักษาพันธุ์แห่งนี้ แต่ก็หวังลึก ๆ ว่าเขาอจจะยอมอนุญาติให้เราขึ้นไปดู ไปชม ไปถ่ายรูป แต่ก็คิดเผื่อไว้แล้วว่า ไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่ปัญหา เราเข้าใจดี ก็แค่อยากเดินทางลองดู
https://goo.gl/maps/6FNuaSzxz952
ผมเห็นยอดภูหลวงทุกวันตั้งแต่อยู่ที่นี่ มันมีเมฆ มีหมอกปกคลุมเกือบตลอด แถมตรงยอดก็จะเป็นหินชั้น ๆ บนสุดเหมือนจะเป็นที่ราบ สีเขียวมันสดใสดี ทำให้ผมยอมที่จะลองเดินทางทั้งที่รู้นั้นแหละว่าโอกาสเข้าไม่ได้สูงมาก