หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
อาสาเก็บขยะดอยหลวงเชียงดาว แอ่วเมืองเหนือ ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งเที่ยว ตอนที่2/2
กระทู้สนทนา
ดอยเชียงดาว
เดินป่า
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
บันทึกนักเดินทาง
ภาพถ่ายทิวทัศน์
ต่อจากตอนที่1/2 ครับ ติดตามตอนที่ 1 ได้จากลิงค์นี้นะครับ
http://pantip.com/topic/35322370
จากการเดินทางตอนที่ 1 มาจากตัวเมืองเชียงใหม่ เวลา 5 โมงเย็นกว่าๆ พระอาทิตย์ยังไม่ทันลับขอบฟ้า
พวกเราถึงที่ตั้ง ณ ค่ายเยาวชนเชียงดาว อ.เชียงดาว
ซึ่งได้รับการต้อนรับที่แสนอบอุ่นจากลุงอ้วน เจ้าของพื้นที่ พวกเราแยกย้ายเข้าที่พักชาย หญิง เก็บข้าวของ และเดินออกมาหาอะไรรองท้องที่ศาลากิจกรรม นั่นก็คือน้ำมะขาม และข้าวเหนียวถั่วดำน้ำกะทิอบควันเทียน บอกเลยครั้งแรกในชีวิตนะครับที่ได้กินถั่วดำรสชาติแบบนี้ อร่อยเชียวนะ (เต็มถ้วยแถมเบิ้ลอีกนะ..หุหุ)
จากนั้นถึงเวลานัดหมายคือ 6 โมงเย็น
ลุงอ้วนกล่าวตอนรับและบอกวัตถุประสงค์การเดินขึ้นดอยในครั้งที่ พร้อมทั้งเล่าที่มาต้นกำเนิดของสายน้ำแม่ปิงซึ่งเป็นสายน้ำที่สำคัญของภาคเหนือก็คือดอยเชียงดาวนี่แหละ พร้อมทั้งอธิบายถึงอุปกรณ์ที่จะแจกและจำเป็นต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ คือถุงขยะดำ ถุงปุ๋ยใส่ซ้อนถุงดำ ถุงมือผ้าเก็บขยะ พร้อมทั้งเสบียง คือข้าวเหนียวคนละ 2 ห่อ (ใหญ่มาก) น่องไก่ทอดคนละ 2 ห่อ ห่อละ 3-4 ชิ้น และน้ำดื่มคนละ 2 ขวด แต่ถ้าใครจะเอาไปมากกว่าก็แล้วแต่ความอึดของแต่ละคน ลุงอ้วนเล่าว่า ดอยหลวงเชียงดาวเป็นเทือกเขาหินปูนที่เดียวในประเทศไทยห่างจากระดับน้ำทะเล 2,225 เมตร จะเปิดช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวคือเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม รวม 5 เดือน ซึ่งแต่ละเดือนก็มีนักท่องเที่ยวประมาณ 2 พันกว่าคน และทางอุทยานแจ้งว่าปีนี้มีนักท่องเที่ยวถึง 3 หมื่น 1 พันคน ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมกันมาหลังจากที่ทางรายการเรื่องเล่าเช้านี้มาถ่ายทำที่นี่เมื่อปลายปี 2557 ดูบรรยายกาศออกอากาศได้จากคลิปนี้นะครับ (ขอบคุณYoutube.com)
https://www.youtube.com/watch?v=nIPKk66vXXM
เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามามากปัญหาที่สำคัญก็คือ "ปัญหาขยะ" ซึ่งขยะเพียงชิ้นเดียวสามารถฆ่าสัตว์ป่าตายได้ (เราอาจจะเป็นฆาตกรโดยไม่รู้ตัว) ลุงอ้วนได้เล่าต่อว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะจัดสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม และได้เปิดรับอาสาสมัครมาเก็บขยะร่วมกัน โดยลุงอ้วนได้บอกว่า "การเข้ามาเป็นอาสาเก็บขยะนี้ เพื่อฝึกการบำเพ็ญเพียร คือการฝึกความยากลำบาก ทำให้ร่างกาย ฝึกจิตใจให้สดใส การที่เรามาเก็บขยะ เราต้องเก็บอารมณ์ภายในจิตใจด้วย เก็บจิต เก็บใจ เราจะไม่โกรธ ไม่ด่า คนที่ทิ้งขยะ หน้าที่เราคือเก็บขยะ" ลุงอ้วนพูดคุยและแยกย้ายประมาณ 1 ทุ่ม พวกเราจึงได้ไปทานข้าวกับพี่ๆ ที่มาจากจังหวัดอื่นๆ และอาสาไปซื้อกับข้าวมาทานด้วยกัน กับพวกเรา เพราะมื้อนี้ทางค่ายบอกว่าต้องรับผิดชอบตัวเองนะจ๊ะ
ซึ่งการประชุมชี้แจงเย็นวันนี้ยังมีสมาชิกเดินทางมาไม่ครบและก็ได้ทยอยมาช่วงดึกๆ จนถึงเช้าตรู่ หลังจากทานข้าวเสร็จพวกเราก็แยกย้ายไปอาบน้ำแล้วมานั่งคุยกันเล่นเกมทายคำกันอย่างสนุกสนานก่อนจะแยกย้ายกันนอน
สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2559 เช้านี้สดชื่นมากๆ และตื่นเต้นที่จะได้เดินทางด้วยเท้าพร้อมกับสัมภาระบนบ่าที่จะแบกด้วยตัวเอง
เช้าวันนี้ตื่นมาพร้อมกับอากาศที่สดชื่นดื่มด่ำธรรมชาติอันงดงามแต่ก็ไม่เห็นดอย ซึ่งปกติถ้าเรายืนอยู่ที่ค่ายก็จะเห็นยอดดอยสวยงามมาก แต่ช่วงนี้ควันป่าปกคลุมพื้นที่ทัศนวิสัยจึงผิดปกติ เราตื่นเช้ามาก็เจอพี่ที่มาด้วยกันจึงถ่ายรูปกันก่อนแยกย้ายไปอาบน้ำและเก็บกระเป๋า ออกมาทานข้าว ฟังการชี้แจงจากลุงอ้วนอีกรอบก่อนจะถ่ายรูปรวมกัน รับอุปกรณ์ และแยกย้ายกันขึ้นรถเพื่อเดินไปจุดทางขึ้นดอย
เวลาตอนนี้ก็ 8.30 น. กว่าๆ ใช้เวลาเดินทางไปถึงทางขึ้นประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ถึงทางขึ้นฟังการเล่าจากลุงอ้วนและแบ่งกลุ่มช่วงเดินเป็นสามช่วงคือกลุ่มเดินเร็วก็ไปก่อน กลุ่มเดินปานกลางตามไป และต่อด้วยกลุ่มเดินช้า...แต่หลังจากเดินไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว การแบ่งกลุ่มนี้ก็ไม่ได้ผลครับ เพราะสุดท้ายก็เดินไปตามๆกันอยู่ดี ฮาๆๆ เริ่มออกเดิน
เวลาประมาณ 9.30 น. กลุ่มพวกเราเดินตามลุงอ้วนเพราะหวังที่จะอยากรู้เรื่องราวต่างๆที่ลุงอ้วนจะเล่าไปตลอดทาง แต่แล้วถึงจุดๆหนึ่งเราเดินนำหน้าเพื่อนๆมา หันไปข้างหลังอีกทีอ้าวเพื่อนๆหายไปไหน...ผมก็นั่งพักรอบ้าง เดินไปเรื่อยๆบ้าง แต่ก็ไม่เจอ แต่ที่เจอคือมิตรภาพใหม่ๆที่เกิดขึ้นระหว่างทางและเพื่อนคนอื่นๆก็เป็นห่วงถามถึงเพื่อนที่มากับเราด้วยว่าจะเดินได้ไหม เพราะเพื่อนสองคนใส่รองเท้าเตะมา ซึ่งการเดินขึ้นเขานี้มีจุดต้องปีนและใช้กำลังเท้าและขามากๆ บางพื้นที่เป็นที่โล่งแจ้งแดดร้อนระอุตลอดทาง ป่าหญ้าสูงปิดหัว แต่สิ่งที่สังเกตได้ง่ายคือกระเป๋าสีแสดของแต่ละคนที่ได้รับการสนับสนุนมาจากองค์กรภาคเอกชน
เมื่อไปถึงจุดที่พวกเราหิว ก็จะแวะทานข้าวกันเป็นกลุ่มๆกลุ่มไหนที่เดินทางไปไหวก็เดินไปต่อ กลุ่มที่ทานเสร็จแล้วก็เดินกันไปต่อ ก็จะเดินไปเจอกันเป็นระยะๆ ผมเดินทางไปกับน้องอีกสองคนและเหนื่อยมากแต่ก็เกรงใจไม่กล้าที่จะบอกน้องให้หยุด เลยต้องเดินไปแบบหอบๆ เสียงหายใจดังมาก และต้องหายใจทางปากด้วย ในใจก็คิดกลัวไปถึงสัตว์ป่านานาชนิดเราจึงไม่กล้าที่จะเดินปลีกวิเวกคนเดียว และที่สำคัญกลัวหลงป่า และเมื่อได้เจอกับเพื่อนๆกลุ่มอื่น ก็รู้สึกใจชื่นเหมือน
ผมและน้องอีกสองคนเดินทางถึงจุดที่กางเต็นท์ประมาณ บ่ายสามโมงเย็น และก็หาที่กางเต็นท์ปูนอนกัน ผมก็เลือกที่จะอยู่บนที่ราบสูงมองเห็นเทือกเขาฝั่งตรงข้าม และเป็นที่โล่งแจ้งแต่กางนอนใต้ต้นไม้ หลังจากกางเต็นท์เสร็จผมก็นอนเอนหลังจนเผลอหลับไปแล้วก็สะดุ้งตื่น ก็กลัวๆเพราะนอนคนเดียว จากนั้นก็ลุกขึ้นเก็บขยะรอบๆบริเวณเต็นท์และบริเวณโดยรอบกว้างๆ ซึ่งสิ่งที่พบคือกระดาษทิชชูเยอะมากๆ ที่ค่อนข้างแห้งแข็งแล้วเพราะอากาศร้อนมาก
ผมเก็บไปสักพักกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกันก็มาถึง ก็รู้สึกว่าตัวเองผิดนะที่ชวนเพื่อนๆพี่ๆมาเดิน แต่ตัวเองกลับทิ้งเพื่อนเดินมาก่อนโดยไม่ได้ดูแล แล้วเราก็ช่วยกันกางเต็นท์ใกล้ๆกัน มีทั้งหมด 5 หลัง
จากนั้นก็เก็บของเข้าเต็นท์ แล้วพวกเราก็เดินกันไปต่อขึ้นยอดเขาเชียงดาวเพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน พวกเราเดินขึ้นไปบนยอดซึ้งพบกับอากาศที่เย็นสดชื่นสบายมากๆ หายเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน พวกเราได้ถ่ายรูปร่วมกันกับป้าย คือภูมิใจมากๆ ที่สามารถเดินขึ้นมาถึงยอดได้สำเร็จ แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันเดินเล่น ถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลินทั้งรูปหมู่ รูปเดี่ยว หลังจากชมพระอาทิตย์ตกดิน
พี่อ้วนก็ได้เรียกรวมตัวกันมาล้อมวงคุยกันก่อนที่จะตกค่ำ พี่อ้วนได้แนะนำแต่ละเทือกเขาที่อยู่บริเวณรอบๆ และเรื่องเล่าต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนดอยเชียงดาวแห่งนี้และชุมชนโดยรอบ จากนั้นก็ได้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกันทุกคนและแยกย้ายกันเดินลงกลับมายังจุดพักเต็นท์ แต่ผมกับพี่ที่ไปด้วยกันและยังมีอีกหลายๆกลุ่มยังไม่กลับ เพราะยังฟินกันบรรยากาศที่หนาวเหน็บมากๆ ยืนสั่นกันเลยทีเดียว แต่มีความสุขมากๆเลยนะครับได้สูดอากาศบริสุทธิ์ สมองปลอดโปร่งโล่ง เบา สบายมากๆ
พวกเราเห็นว่าจะมองไม่เห็นทางเดินกันแล้วก็เลยต้องพากันเดินกลับ จากนั้นก็ถึงจุดกางเต็นท์ก็มานั่งล้อมวงกันกินข้าวเหนียวไก่ทอดกันอย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็แยกย้ายกันนอนเร็วมาก รีบกันเข้าเต็นท์ เพราะอากาศหนาวมากจริงๆ ลมแรงมากก่อนจะนอนพวกเราก็หยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนานแล้วก็เสียงเงียบจนหลับไป
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม 2559 ตื่นมาด้วยความฟินจากบรรยากาศที่ดีมากๆ แต่ก็ปวดเมื่อยระทมกันบ้างพอสมควร
พวกเราตื่นกันแล้วก็แปรงฟันล้างหน้า
ก่อนลงมาจากที่จุดกางเต้นท์ พวกเราก็ช่วยกันเคลียพื้นที่อีกรอบ
2/2 ยังไม่จบครับ ติดตามตอนจบได้ใน Comment นะครับ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ดอยเชียงดาว
เดินป่า
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
บันทึกนักเดินทาง
ภาพถ่ายทิวทัศน์
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
อาสาเก็บขยะดอยหลวงเชียงดาว แอ่วเมืองเหนือ ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งเที่ยว ตอนที่2/2
จากการเดินทางตอนที่ 1 มาจากตัวเมืองเชียงใหม่ เวลา 5 โมงเย็นกว่าๆ พระอาทิตย์ยังไม่ทันลับขอบฟ้า
ซึ่งการประชุมชี้แจงเย็นวันนี้ยังมีสมาชิกเดินทางมาไม่ครบและก็ได้ทยอยมาช่วงดึกๆ จนถึงเช้าตรู่ หลังจากทานข้าวเสร็จพวกเราก็แยกย้ายไปอาบน้ำแล้วมานั่งคุยกันเล่นเกมทายคำกันอย่างสนุกสนานก่อนจะแยกย้ายกันนอน
สวัสดีเช้าวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2559 เช้านี้สดชื่นมากๆ และตื่นเต้นที่จะได้เดินทางด้วยเท้าพร้อมกับสัมภาระบนบ่าที่จะแบกด้วยตัวเอง
เช้าวันนี้ตื่นมาพร้อมกับอากาศที่สดชื่นดื่มด่ำธรรมชาติอันงดงามแต่ก็ไม่เห็นดอย ซึ่งปกติถ้าเรายืนอยู่ที่ค่ายก็จะเห็นยอดดอยสวยงามมาก แต่ช่วงนี้ควันป่าปกคลุมพื้นที่ทัศนวิสัยจึงผิดปกติ เราตื่นเช้ามาก็เจอพี่ที่มาด้วยกันจึงถ่ายรูปกันก่อนแยกย้ายไปอาบน้ำและเก็บกระเป๋า ออกมาทานข้าว ฟังการชี้แจงจากลุงอ้วนอีกรอบก่อนจะถ่ายรูปรวมกัน รับอุปกรณ์ และแยกย้ายกันขึ้นรถเพื่อเดินไปจุดทางขึ้นดอย
เวลาตอนนี้ก็ 8.30 น. กว่าๆ ใช้เวลาเดินทางไปถึงทางขึ้นประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ถึงทางขึ้นฟังการเล่าจากลุงอ้วนและแบ่งกลุ่มช่วงเดินเป็นสามช่วงคือกลุ่มเดินเร็วก็ไปก่อน กลุ่มเดินปานกลางตามไป และต่อด้วยกลุ่มเดินช้า...แต่หลังจากเดินไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว การแบ่งกลุ่มนี้ก็ไม่ได้ผลครับ เพราะสุดท้ายก็เดินไปตามๆกันอยู่ดี ฮาๆๆ เริ่มออกเดิน
เวลาประมาณ 9.30 น. กลุ่มพวกเราเดินตามลุงอ้วนเพราะหวังที่จะอยากรู้เรื่องราวต่างๆที่ลุงอ้วนจะเล่าไปตลอดทาง แต่แล้วถึงจุดๆหนึ่งเราเดินนำหน้าเพื่อนๆมา หันไปข้างหลังอีกทีอ้าวเพื่อนๆหายไปไหน...ผมก็นั่งพักรอบ้าง เดินไปเรื่อยๆบ้าง แต่ก็ไม่เจอ แต่ที่เจอคือมิตรภาพใหม่ๆที่เกิดขึ้นระหว่างทางและเพื่อนคนอื่นๆก็เป็นห่วงถามถึงเพื่อนที่มากับเราด้วยว่าจะเดินได้ไหม เพราะเพื่อนสองคนใส่รองเท้าเตะมา ซึ่งการเดินขึ้นเขานี้มีจุดต้องปีนและใช้กำลังเท้าและขามากๆ บางพื้นที่เป็นที่โล่งแจ้งแดดร้อนระอุตลอดทาง ป่าหญ้าสูงปิดหัว แต่สิ่งที่สังเกตได้ง่ายคือกระเป๋าสีแสดของแต่ละคนที่ได้รับการสนับสนุนมาจากองค์กรภาคเอกชน
เมื่อไปถึงจุดที่พวกเราหิว ก็จะแวะทานข้าวกันเป็นกลุ่มๆกลุ่มไหนที่เดินทางไปไหวก็เดินไปต่อ กลุ่มที่ทานเสร็จแล้วก็เดินกันไปต่อ ก็จะเดินไปเจอกันเป็นระยะๆ ผมเดินทางไปกับน้องอีกสองคนและเหนื่อยมากแต่ก็เกรงใจไม่กล้าที่จะบอกน้องให้หยุด เลยต้องเดินไปแบบหอบๆ เสียงหายใจดังมาก และต้องหายใจทางปากด้วย ในใจก็คิดกลัวไปถึงสัตว์ป่านานาชนิดเราจึงไม่กล้าที่จะเดินปลีกวิเวกคนเดียว และที่สำคัญกลัวหลงป่า และเมื่อได้เจอกับเพื่อนๆกลุ่มอื่น ก็รู้สึกใจชื่นเหมือน
ผมและน้องอีกสองคนเดินทางถึงจุดที่กางเต็นท์ประมาณ บ่ายสามโมงเย็น และก็หาที่กางเต็นท์ปูนอนกัน ผมก็เลือกที่จะอยู่บนที่ราบสูงมองเห็นเทือกเขาฝั่งตรงข้าม และเป็นที่โล่งแจ้งแต่กางนอนใต้ต้นไม้ หลังจากกางเต็นท์เสร็จผมก็นอนเอนหลังจนเผลอหลับไปแล้วก็สะดุ้งตื่น ก็กลัวๆเพราะนอนคนเดียว จากนั้นก็ลุกขึ้นเก็บขยะรอบๆบริเวณเต็นท์และบริเวณโดยรอบกว้างๆ ซึ่งสิ่งที่พบคือกระดาษทิชชูเยอะมากๆ ที่ค่อนข้างแห้งแข็งแล้วเพราะอากาศร้อนมาก
ผมเก็บไปสักพักกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกันก็มาถึง ก็รู้สึกว่าตัวเองผิดนะที่ชวนเพื่อนๆพี่ๆมาเดิน แต่ตัวเองกลับทิ้งเพื่อนเดินมาก่อนโดยไม่ได้ดูแล แล้วเราก็ช่วยกันกางเต็นท์ใกล้ๆกัน มีทั้งหมด 5 หลัง
จากนั้นก็เก็บของเข้าเต็นท์ แล้วพวกเราก็เดินกันไปต่อขึ้นยอดเขาเชียงดาวเพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน พวกเราเดินขึ้นไปบนยอดซึ้งพบกับอากาศที่เย็นสดชื่นสบายมากๆ หายเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน พวกเราได้ถ่ายรูปร่วมกันกับป้าย คือภูมิใจมากๆ ที่สามารถเดินขึ้นมาถึงยอดได้สำเร็จ แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันเดินเล่น ถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลินทั้งรูปหมู่ รูปเดี่ยว หลังจากชมพระอาทิตย์ตกดิน
พี่อ้วนก็ได้เรียกรวมตัวกันมาล้อมวงคุยกันก่อนที่จะตกค่ำ พี่อ้วนได้แนะนำแต่ละเทือกเขาที่อยู่บริเวณรอบๆ และเรื่องเล่าต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนดอยเชียงดาวแห่งนี้และชุมชนโดยรอบ จากนั้นก็ได้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกันทุกคนและแยกย้ายกันเดินลงกลับมายังจุดพักเต็นท์ แต่ผมกับพี่ที่ไปด้วยกันและยังมีอีกหลายๆกลุ่มยังไม่กลับ เพราะยังฟินกันบรรยากาศที่หนาวเหน็บมากๆ ยืนสั่นกันเลยทีเดียว แต่มีความสุขมากๆเลยนะครับได้สูดอากาศบริสุทธิ์ สมองปลอดโปร่งโล่ง เบา สบายมากๆ
พวกเราเห็นว่าจะมองไม่เห็นทางเดินกันแล้วก็เลยต้องพากันเดินกลับ จากนั้นก็ถึงจุดกางเต็นท์ก็มานั่งล้อมวงกันกินข้าวเหนียวไก่ทอดกันอย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็แยกย้ายกันนอนเร็วมาก รีบกันเข้าเต็นท์ เพราะอากาศหนาวมากจริงๆ ลมแรงมากก่อนจะนอนพวกเราก็หยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนานแล้วก็เสียงเงียบจนหลับไป
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม 2559 ตื่นมาด้วยความฟินจากบรรยากาศที่ดีมากๆ แต่ก็ปวดเมื่อยระทมกันบ้างพอสมควร
พวกเราตื่นกันแล้วก็แปรงฟันล้างหน้า
ก่อนลงมาจากที่จุดกางเต้นท์ พวกเราก็ช่วยกันเคลียพื้นที่อีกรอบ
2/2 ยังไม่จบครับ ติดตามตอนจบได้ใน Comment นะครับ...