ฮายยยยย~
หลังจากที่กระทู้ A day in Budapest ไปได้สวย (ขุ่นแม่ปลาบปลื้ม) >
http://pantip.com/topic/35177923
และกระทู้โรมาเนียก็กำลังไปในทิศทางที่ดี (ปาดน้ำตาเบาๆ) >
http://pantip.com/topic/35181539/comment2
เรามาต่อกันที่จุดเริ่มต้นของทริปนี้ดีกว่า
ถั่นถ๊านนนนนน
ปารีส แวร์ซาย
ทริปนี้เริ่มต้นที่ความอยากส่วนตัวและเงินในบัญชีมีพอพอดี เลยถามเพื่อนร่วมทางว่าจะไปมั้ยอ่ะ ปารีส ? นางก็เช็คเงินในบัญชีละก็บอกว่าโอเค
วันนั้นเลยวางแผนไปทำวีซ่า (ทำวีซ่าที่สก็อตแลนด์ตามลิ้งค์นี้ >
https://www.facebook.com/23kmx/posts/935393749890760 ของแท้ต้องขายของ ต้องมีโฆษณากั้น บอกเลย 5555555)
เราไม่ได้นั่งเครื่องไป เพราะ
1) ไม่ชอบเครื่องบินเล็ก ถ้าจะไปถูกแบบถู๊กถูก (มากสุดไม่เกิน £40 ถ้าจองก่อนนานๆ) ก็บิน RyanAir ซึ่งก็เป็นเครื่องเล็กอ่ะ มันสั่น น้องกลัว ._.
ส่วน 2) คือกระเป๋ามันใหญ่ง่ะ เพราะไม่ได้ไปแค่ปารีสไง จะไปโรมาเนียต่อด้วย เลยมีกระเป๋าใหญ่ในนึง (ซึ่ง 80% ในนั้นเป็นของเรา) และใบลากแครี่ออนอีกคนละใบ เลยคิดว่านั่งรถไฟไปดีกว่า แถมยังเป็นหนึ่งใน Bucket List ของเราก่อนมาด้วย (นั่ง Eurostar ไปยุโรป)
ค่าน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มอาจจะมากกว่าค่าที่นั่งก็ได้นะเออ
ค่าเสียหายรวม:
- £163 (ประมาน 8,000 บาท/คน จัดเป็นค่ารถไฟไปปารีสและไปลอนดอนอันใหม่เพราะตกรถไฟขบวนแรก)
คิดว่า ถ้านั่งเครื่องตั้งแต่แรกอาจจะสาหัสน้อยกว่านี้ ._.
นั่งรถไฟมาได้ประมานสามชั่วโมงก็ถึงที่หมายและความพีคก็เริ่มขึ้นทันที
ความพีคแรกคือมีประเป๋าสามใบและต้องนั่งเมโทร (รถใต้ดิน) ไปโรงแรม
สถานีรถไฟอยู่ตะวันออกเฉียงเหนือของปารีส โรงแรมอยู่ตะวันตกเฉียงใต้
ไหนๆ ก็มาแล้วมะ ก็ไฟต์ต่อกันไป กว่าจะถึงโรงแรมก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่า ล้องหั้ยหนักมั่ก
แถมระบบซื้อตั๋วยังงงๆ อีก นี่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องซื้อตั๋วแบบไหน เลยซื้อแบบเป็นเที่ยวๆ ราคาเที่ยวละ 1,8 € (ที่ยุโรปฝั่งนี้เค้าใช้ , กับ . สลับกัน อันนี้ก็คือ 1.8 นั่นแหละ บอกไว้ จะได้ไม่งง)
แนะนำว่าใครอยากไปปารีสแบบประหยัดให้พกเค้าเตอร์เพนไปด้วย นี่ปวดเมื่อยมากกกกก กระเป๋าก็ไม่ใช่เบาๆ ยี่สิบกว่าโลได้ ชะนีปกติไม่มีกล้าม ตอนนี้นึกว่านักเพาะกาย
ไปถึงโรงแรม...... เจ้าหน้าที่ไม่พูดอังกฤษค่า คือแบบ เดินทางมาเหนื่อยๆ ยังต้องมาสื่อสารภาษามืออีก แต่เห็นมีป้ายบอกว่าพูดสเปน เลยถามเป็นภาษาสเปนว่าพูดสเปนมั้ยคะ นางก็บอกว่า พูดได้ๆ แล้วก็สื่อสารกันด้วยภาษาสเปนตั้งแต่นั้นมา
โรงแรมตั้งอยู่ ณ สถาที Pernery สาย 13 (สีฟ้า) เดินออกมาแล้วเจอเลย
จองไปทั้งหมด 3 คืน รวมค่าเสียหายทั้งหมดเท่ากับ 230€ (สำหรับสองคน) หรือประมาน 9,000 บาท
โรงแรมชื่อว่า Hotel L'Oasis สามารถจองใน Booking.com ได้ที่:
https://www.booking.com/hotel/fr/oasis-montparnasse.en-gb.html?label=gen173nr-1FCAsoTUISb2FzaXMtbW9udHBhcm5hc3NlSAliBW5vcmVmaFCIAQGYAS64AQfIAQ3YAQHoAQH4AQSSAgF5qAID;sid=90dc30d31975ee83e0cb02924794ac88;dcid=12;ucfs=1;room1=A,A;dest_type=city;dest_id=-1456928;srfid=b650aff576b5d1815a619fe651ba34794eb3df40X1;highlight_room=
อีกหนึ่งความพีคคือพอมาถึงโรงแรม เอาของออกจากกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็หิวไง ทำไงหละ ก็ตีหนึ่งแล้ว ทุกอย่างปิดหมดแล้ว ทางเลือกเดียวคือ delivery พอถามอากู๋แล้วสิ่งแรกที่ขึ้นมาคืออาหารญี่ปุ่น ถามว่าสั่งมั้ย สั่งสิ
เราใช้เครือค่ายของ 3 (three) ที่อังกฤษ มันเอามาใช้ที่นี่ได้ฟรี (และอีกหลายๆ ประเทศเลยนะ) โทรได้ อินเตอร์เน็ตได้ 4G ก็มา
พอโทรไป เค้าพูดอังกฤษได้ คือแบบ รู้สึกเหมือนสวรรค์ประทานมากบอกเลย เราก็สั่งๆ แล้วบอกที่อยู่ไป บอกว่าจะจ่ายแป็นเงินสด ค่าอาหารทั้งหมดประมาน 23€ ซึ่งก็ประมานพันกว่าบาทไทย ถามว่าตอนจ่ายมือสั่นมั้ย บอกเลยว่ามาก มากขนาดไหนหรอ? แลกกับซูชิง่อยๆ สี่ห้าชิ้น ข้าวไก่เทอริยากิหนึ่งจานและซุปมิโซะหนึ่งถ้วย มากขนาดนั้นแหละ T_________T/
รูปเปิดอัลบัมต้องมา
วันนี้สองก็แงะตัวเองออกจากเตียงมาให้ทันเวลาอาหารเช้าของโรงแรมซึ่งปิด 10 โมง (อาหารเช้ามื้อละ 9€ ไม่กินไม่ได้ค่า TT/)
ด้วยราคาแล้วก็คาดหวัง Omlette ไรงี้ (Omlette du fromage ปะละ) นี่ก็แต่งหน้าลงไปกินข้าว พอไปถึง สวัสดีค่า ครัวซองต์สองชิ้น ขนมปังแบบ Baguette อีกครึ่งชิ้น น้ำส้มกับนมอย่างละ 1 แก้ว
แต่ก็นะ อาหารเช้า เดี๋ยวก็เที่ยงแล้ว
พอกินเสร็จก็ขึ้นมาบนห้องเพื่อดูเช็คลิสท์ว่าวันนี้จะไปไหนบ้างและอากาศข้างนอกเป็นยังไง ปรากฏว่า 5 องศา (ก่อนมาเช็คแล้วว่า 10+ ชัวร์ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ชุดที่เอามาก็มีแต่กระโปรง ร้องไห้แป๊บ)
บางทีเราก็คิดนะ ว่าอยู่อังกฤษมาตั้งนาน หนาวหน้าสั่นมาแล้วก็หลายครั้ง ปารีสเป็นเมืองหลวง จะหนาวขนาดไหนเชียว?
หึหึ
Places:
1. Notre-Dame
2. Louvre Museum
3. Le Marais (Kraft Hotdog)
4. Eiffel Tower
ขอขอบคุณ Worada E. สำหรับคำแนะนำเรื่องเที่ยวปารีสและเป็นล่ามจำเป็นให้ในยามลำบาก นี่อาจจะไปไม่ถึงสนามบินถ้าไม่มีนาง กราบบบบบ
นั่งจากสถานี Pernety (โรงแรม) สาย 13 สีฟ้าไปเปลี่ยนเป็นสาย 10 สีเหลืองที่สถานี Duroc และไปเปลี่ยนเป็นสาย 4 สีม่วงอีกทีที่สถานี Odéon เพื่อที่จะไปลงที่สถานี St-Michel Notre-Dame
ออกเดินขึ้นมาจากเมโทรคือทุกอย่างสวยงามมาก ทั้งวิวทั้งอากาศ พอเดินข้ามถนนมาทางเลียบแม่น้ำเท่านั้นแหละ นักเร่รายเงินก็แห่กรูกันเข้ามารัวๆ มาทั้งในแบบให้ลงชื่อรับของรางวัลบ้าง ขายพวงกุญแจหอไอเฟลบ้าง เดินตามบ้าง ผมนี่รีบก้าวเดินตรงไปที่ Notre Dame เลยครัช :<
เหมือนเป็นแหล่งท่องเที่ยวของปารีส มิชฉาชีพเลยเยอะนิดนึง ใครจะไปปารีสระวังกันด้วยนะคะ
แน่นอนว่าคนต้องเยอะรัวๆ นี่ขนาดไปเช้าแล้ว ยังมีคนไปเช้ากว่า ตอนแรกจะเดินไปถ่ายรูปอีกฝั่งด้วย แต่เพราะว่ามันเริ่มจะสายแล้ว จะรีบไปต่อแถวเข้าลูฟวร์ เลยไม่ได้เดินอ้อมไปเลย (._.)/
เปิด City Mapper ดูแล้วไม่น่าจะไกล ในแอปฯ บอกว่าเดินประมาน 10 นาที ด้วยความที่อากาศ (ยัง) ไม่หนาวมาก เราเลยเดิน แต่เอาจริง เดินแล้วเจอวิวแบบนี้ก็น่าเดินนะ
สวยจนต้องข้ามถนนไปถ่ายรูป ลืมไปชั่วขณะว่าต้องรีบไปต่อแถวเข้าลูฟ
อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นรัวๆ นี่ก็ใส่กระโปรงออกมาเพราะตอนเช้าไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ ดีนะที่ยังใส่ถุงน่อง ก็เช็คก่อนเดินทางแล้วนะว่าอากาศไม่หนาวมาก อยู่ดีๆ ทำไมหนาว ทำไมต้องแกล้งกัน เสียใจแป๊บ :<
ระหว่างทางก็เจอหลายๆ อย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไร ตอนเขียนก็มานั่งกูเกิ้ลเอาว่าที่นี่คือที่ไหน (ความกากอยู่ตรงนี้นะครัช) เดินผ่าน Sainte-Chapelle แต่ไม่ได้เข้าไปเพราะว่าดูจากแถวแล้วก็เพลียใจรัวๆ จำได้ว่าตอนนั้นเวลาประมาน 10 โมง คือโหดมาก ไม่รู้ว่าคนแรกมาต่อตั้งแต่กี่โมง (._.)/
เดินตาม City Mapper นางบอกให้เดินตรงไปแล้วจะเจอลูฟวร์ เราก็เดินตรงไปนานมาก เดินเดิน 10 นาทีได้ เดินไปไม่เจอสักที แต่บรรยากาศดีมาก รถไม่เยอะ คนไม่เยอะ และตึกสวยมากกกกก
เดินไปก็หลงไป เดินกลับไปกลับมาหลายรอบมาก จนไปไปหยุดที่ข้างหลังของ Louvre Palace (ซึ่งถามเพื่อนคนฝรั่งเศษแล้วนางบอกว่านี่คือ French Parliament ซึ่งคือไม่ใช่จ้า -_______- แกทำชั้นหลงงงง เช้อะ) ละคือไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ใน City Mapper ก็บอกว่าถึงแล้วนี่ไงลูฟวร์! ดีส อีส ลูฟวร์! เราก็แบบ ไหนพีระมิด? หะ? ไหน? แอปฯ มั่ว! จำได้ว่ายืนเถียงกับมือถืออยู่นานมาก (-_-)/ จนเห็นคนเดินผ่านประตูเข้าไป เลยเดินมั่ง
แถ่นแถ๊นนนน เข้าไปกลาง Cour Carrée ซึ่งสวยมากกกกกก สวยสุดไรสุด (เราจะเว้นเรื่องคนขายไม้เซลฟี่ที่ตื้อมากจนเราอยากรีบถ่ายรูปแล้วเดินหนี)
ไม่ได้ถ่ายเป็นรูปไว้เพราะมัวแต่ถ่ายวีดีโอ อันนี้ที่ไม่ชัดเพราะแคปมาจากวีดีโออีกที จะทำ Vlog แต่ต้องดูความขี้เกียจก่อนรัวๆ
เดินผ่านสแควร์นี่ไปก็คือพีระมิดลูฟวร์!! โอยยย ถึงสักที ปลาบปลื้มมากกกก
อยากเข้าไปดูภาพ Liberty Leading the People ของจริงสักครั้ง แต่เห็นจำนวนคนแล้วก็บายรัวๆ แถมอยู่ดีๆ อากาศก็หนาวขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน ทำให้ต้องหาที่หลบภัย ซึ่งแน่นอนว่าคือร้านขายของที่ระลึกของลูฟวร์นั่นเอง (เรื่องเสียเงินก็มา) สุดท้ายคือซื้อโปสการ์ดรูป Liberty Leading the People และรูปรูปปั้น Nike of Samothrace มาแทน
ตอนนั้นเป็นเวลาประมาน 11 โมง ซึ่งก็สายแล้วสำหรับการเข้าลูฟวร์ ดูจากจำนวนคนแล้ว ไม่แน่ในว่าหนึ่งทุ่มจะได้เข้าหรือเปล่า :<
พวกเธอดูจำนวนคนซะก่อนนนนนนนน แลัวแถวไม่ได้มีท่าทีจะขยับเลยแม้แต่นิด ร้องไห้แป๊บ
คิดไว้ว่าวันต่อไปจะมาใหม่แต่เช้าแบบ เจ็ดแปดโมง มานอนรอก่อนไปแวร์ซาย เสียใจมาก อยากดูจริงๆ นะ T_T
เกิน 1000 ตัวอักษร (บ่นมากก็เงี้ย) ไปรับชมต่อกันในคอมเม้นนะคะ

v
v
v
[CR] What happened in France? เมื่อชะนีบุกฝรั่งเศส (แต่พูดฝรั่งเศสไม่ได้)
หลังจากที่กระทู้ A day in Budapest ไปได้สวย (ขุ่นแม่ปลาบปลื้ม) > http://pantip.com/topic/35177923
และกระทู้โรมาเนียก็กำลังไปในทิศทางที่ดี (ปาดน้ำตาเบาๆ) > http://pantip.com/topic/35181539/comment2
เรามาต่อกันที่จุดเริ่มต้นของทริปนี้ดีกว่า
ถั่นถ๊านนนนนน
ปารีส แวร์ซาย
ทริปนี้เริ่มต้นที่ความอยากส่วนตัวและเงินในบัญชีมีพอพอดี เลยถามเพื่อนร่วมทางว่าจะไปมั้ยอ่ะ ปารีส ? นางก็เช็คเงินในบัญชีละก็บอกว่าโอเค
วันนั้นเลยวางแผนไปทำวีซ่า (ทำวีซ่าที่สก็อตแลนด์ตามลิ้งค์นี้ > https://www.facebook.com/23kmx/posts/935393749890760 ของแท้ต้องขายของ ต้องมีโฆษณากั้น บอกเลย 5555555)
เราไม่ได้นั่งเครื่องไป เพราะ
1) ไม่ชอบเครื่องบินเล็ก ถ้าจะไปถูกแบบถู๊กถูก (มากสุดไม่เกิน £40 ถ้าจองก่อนนานๆ) ก็บิน RyanAir ซึ่งก็เป็นเครื่องเล็กอ่ะ มันสั่น น้องกลัว ._.
ส่วน 2) คือกระเป๋ามันใหญ่ง่ะ เพราะไม่ได้ไปแค่ปารีสไง จะไปโรมาเนียต่อด้วย เลยมีกระเป๋าใหญ่ในนึง (ซึ่ง 80% ในนั้นเป็นของเรา) และใบลากแครี่ออนอีกคนละใบ เลยคิดว่านั่งรถไฟไปดีกว่า แถมยังเป็นหนึ่งใน Bucket List ของเราก่อนมาด้วย (นั่ง Eurostar ไปยุโรป)
ค่าน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มอาจจะมากกว่าค่าที่นั่งก็ได้นะเออ
ค่าเสียหายรวม:
- £163 (ประมาน 8,000 บาท/คน จัดเป็นค่ารถไฟไปปารีสและไปลอนดอนอันใหม่เพราะตกรถไฟขบวนแรก)
คิดว่า ถ้านั่งเครื่องตั้งแต่แรกอาจจะสาหัสน้อยกว่านี้ ._.
นั่งรถไฟมาได้ประมานสามชั่วโมงก็ถึงที่หมายและความพีคก็เริ่มขึ้นทันที
ความพีคแรกคือมีประเป๋าสามใบและต้องนั่งเมโทร (รถใต้ดิน) ไปโรงแรม
สถานีรถไฟอยู่ตะวันออกเฉียงเหนือของปารีส โรงแรมอยู่ตะวันตกเฉียงใต้
ไหนๆ ก็มาแล้วมะ ก็ไฟต์ต่อกันไป กว่าจะถึงโรงแรมก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่า ล้องหั้ยหนักมั่ก
แถมระบบซื้อตั๋วยังงงๆ อีก นี่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องซื้อตั๋วแบบไหน เลยซื้อแบบเป็นเที่ยวๆ ราคาเที่ยวละ 1,8 € (ที่ยุโรปฝั่งนี้เค้าใช้ , กับ . สลับกัน อันนี้ก็คือ 1.8 นั่นแหละ บอกไว้ จะได้ไม่งง)
แนะนำว่าใครอยากไปปารีสแบบประหยัดให้พกเค้าเตอร์เพนไปด้วย นี่ปวดเมื่อยมากกกกก กระเป๋าก็ไม่ใช่เบาๆ ยี่สิบกว่าโลได้ ชะนีปกติไม่มีกล้าม ตอนนี้นึกว่านักเพาะกาย
ไปถึงโรงแรม...... เจ้าหน้าที่ไม่พูดอังกฤษค่า คือแบบ เดินทางมาเหนื่อยๆ ยังต้องมาสื่อสารภาษามืออีก แต่เห็นมีป้ายบอกว่าพูดสเปน เลยถามเป็นภาษาสเปนว่าพูดสเปนมั้ยคะ นางก็บอกว่า พูดได้ๆ แล้วก็สื่อสารกันด้วยภาษาสเปนตั้งแต่นั้นมา
โรงแรมตั้งอยู่ ณ สถาที Pernery สาย 13 (สีฟ้า) เดินออกมาแล้วเจอเลย
จองไปทั้งหมด 3 คืน รวมค่าเสียหายทั้งหมดเท่ากับ 230€ (สำหรับสองคน) หรือประมาน 9,000 บาท
โรงแรมชื่อว่า Hotel L'Oasis สามารถจองใน Booking.com ได้ที่:
https://www.booking.com/hotel/fr/oasis-montparnasse.en-gb.html?label=gen173nr-1FCAsoTUISb2FzaXMtbW9udHBhcm5hc3NlSAliBW5vcmVmaFCIAQGYAS64AQfIAQ3YAQHoAQH4AQSSAgF5qAID;sid=90dc30d31975ee83e0cb02924794ac88;dcid=12;ucfs=1;room1=A,A;dest_type=city;dest_id=-1456928;srfid=b650aff576b5d1815a619fe651ba34794eb3df40X1;highlight_room=
อีกหนึ่งความพีคคือพอมาถึงโรงแรม เอาของออกจากกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็หิวไง ทำไงหละ ก็ตีหนึ่งแล้ว ทุกอย่างปิดหมดแล้ว ทางเลือกเดียวคือ delivery พอถามอากู๋แล้วสิ่งแรกที่ขึ้นมาคืออาหารญี่ปุ่น ถามว่าสั่งมั้ย สั่งสิ
เราใช้เครือค่ายของ 3 (three) ที่อังกฤษ มันเอามาใช้ที่นี่ได้ฟรี (และอีกหลายๆ ประเทศเลยนะ) โทรได้ อินเตอร์เน็ตได้ 4G ก็มา
พอโทรไป เค้าพูดอังกฤษได้ คือแบบ รู้สึกเหมือนสวรรค์ประทานมากบอกเลย เราก็สั่งๆ แล้วบอกที่อยู่ไป บอกว่าจะจ่ายแป็นเงินสด ค่าอาหารทั้งหมดประมาน 23€ ซึ่งก็ประมานพันกว่าบาทไทย ถามว่าตอนจ่ายมือสั่นมั้ย บอกเลยว่ามาก มากขนาดไหนหรอ? แลกกับซูชิง่อยๆ สี่ห้าชิ้น ข้าวไก่เทอริยากิหนึ่งจานและซุปมิโซะหนึ่งถ้วย มากขนาดนั้นแหละ T_________T/
รูปเปิดอัลบัมต้องมา
วันนี้สองก็แงะตัวเองออกจากเตียงมาให้ทันเวลาอาหารเช้าของโรงแรมซึ่งปิด 10 โมง (อาหารเช้ามื้อละ 9€ ไม่กินไม่ได้ค่า TT/)
ด้วยราคาแล้วก็คาดหวัง Omlette ไรงี้ (Omlette du fromage ปะละ) นี่ก็แต่งหน้าลงไปกินข้าว พอไปถึง สวัสดีค่า ครัวซองต์สองชิ้น ขนมปังแบบ Baguette อีกครึ่งชิ้น น้ำส้มกับนมอย่างละ 1 แก้ว
แต่ก็นะ อาหารเช้า เดี๋ยวก็เที่ยงแล้ว
พอกินเสร็จก็ขึ้นมาบนห้องเพื่อดูเช็คลิสท์ว่าวันนี้จะไปไหนบ้างและอากาศข้างนอกเป็นยังไง ปรากฏว่า 5 องศา (ก่อนมาเช็คแล้วว่า 10+ ชัวร์ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ชุดที่เอามาก็มีแต่กระโปรง ร้องไห้แป๊บ)
บางทีเราก็คิดนะ ว่าอยู่อังกฤษมาตั้งนาน หนาวหน้าสั่นมาแล้วก็หลายครั้ง ปารีสเป็นเมืองหลวง จะหนาวขนาดไหนเชียว?
หึหึ
Places:
1. Notre-Dame
2. Louvre Museum
3. Le Marais (Kraft Hotdog)
4. Eiffel Tower
ขอขอบคุณ Worada E. สำหรับคำแนะนำเรื่องเที่ยวปารีสและเป็นล่ามจำเป็นให้ในยามลำบาก นี่อาจจะไปไม่ถึงสนามบินถ้าไม่มีนาง กราบบบบบ
นั่งจากสถานี Pernety (โรงแรม) สาย 13 สีฟ้าไปเปลี่ยนเป็นสาย 10 สีเหลืองที่สถานี Duroc และไปเปลี่ยนเป็นสาย 4 สีม่วงอีกทีที่สถานี Odéon เพื่อที่จะไปลงที่สถานี St-Michel Notre-Dame
ออกเดินขึ้นมาจากเมโทรคือทุกอย่างสวยงามมาก ทั้งวิวทั้งอากาศ พอเดินข้ามถนนมาทางเลียบแม่น้ำเท่านั้นแหละ นักเร่รายเงินก็แห่กรูกันเข้ามารัวๆ มาทั้งในแบบให้ลงชื่อรับของรางวัลบ้าง ขายพวงกุญแจหอไอเฟลบ้าง เดินตามบ้าง ผมนี่รีบก้าวเดินตรงไปที่ Notre Dame เลยครัช :<
เหมือนเป็นแหล่งท่องเที่ยวของปารีส มิชฉาชีพเลยเยอะนิดนึง ใครจะไปปารีสระวังกันด้วยนะคะ
แน่นอนว่าคนต้องเยอะรัวๆ นี่ขนาดไปเช้าแล้ว ยังมีคนไปเช้ากว่า ตอนแรกจะเดินไปถ่ายรูปอีกฝั่งด้วย แต่เพราะว่ามันเริ่มจะสายแล้ว จะรีบไปต่อแถวเข้าลูฟวร์ เลยไม่ได้เดินอ้อมไปเลย (._.)/
เปิด City Mapper ดูแล้วไม่น่าจะไกล ในแอปฯ บอกว่าเดินประมาน 10 นาที ด้วยความที่อากาศ (ยัง) ไม่หนาวมาก เราเลยเดิน แต่เอาจริง เดินแล้วเจอวิวแบบนี้ก็น่าเดินนะ
สวยจนต้องข้ามถนนไปถ่ายรูป ลืมไปชั่วขณะว่าต้องรีบไปต่อแถวเข้าลูฟ
อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นรัวๆ นี่ก็ใส่กระโปรงออกมาเพราะตอนเช้าไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ ดีนะที่ยังใส่ถุงน่อง ก็เช็คก่อนเดินทางแล้วนะว่าอากาศไม่หนาวมาก อยู่ดีๆ ทำไมหนาว ทำไมต้องแกล้งกัน เสียใจแป๊บ :<
ระหว่างทางก็เจอหลายๆ อย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไร ตอนเขียนก็มานั่งกูเกิ้ลเอาว่าที่นี่คือที่ไหน (ความกากอยู่ตรงนี้นะครัช) เดินผ่าน Sainte-Chapelle แต่ไม่ได้เข้าไปเพราะว่าดูจากแถวแล้วก็เพลียใจรัวๆ จำได้ว่าตอนนั้นเวลาประมาน 10 โมง คือโหดมาก ไม่รู้ว่าคนแรกมาต่อตั้งแต่กี่โมง (._.)/
เดินตาม City Mapper นางบอกให้เดินตรงไปแล้วจะเจอลูฟวร์ เราก็เดินตรงไปนานมาก เดินเดิน 10 นาทีได้ เดินไปไม่เจอสักที แต่บรรยากาศดีมาก รถไม่เยอะ คนไม่เยอะ และตึกสวยมากกกกก
เดินไปก็หลงไป เดินกลับไปกลับมาหลายรอบมาก จนไปไปหยุดที่ข้างหลังของ Louvre Palace (ซึ่งถามเพื่อนคนฝรั่งเศษแล้วนางบอกว่านี่คือ French Parliament ซึ่งคือไม่ใช่จ้า -_______- แกทำชั้นหลงงงง เช้อะ) ละคือไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ใน City Mapper ก็บอกว่าถึงแล้วนี่ไงลูฟวร์! ดีส อีส ลูฟวร์! เราก็แบบ ไหนพีระมิด? หะ? ไหน? แอปฯ มั่ว! จำได้ว่ายืนเถียงกับมือถืออยู่นานมาก (-_-)/ จนเห็นคนเดินผ่านประตูเข้าไป เลยเดินมั่ง
แถ่นแถ๊นนนน เข้าไปกลาง Cour Carrée ซึ่งสวยมากกกกกก สวยสุดไรสุด (เราจะเว้นเรื่องคนขายไม้เซลฟี่ที่ตื้อมากจนเราอยากรีบถ่ายรูปแล้วเดินหนี)
ไม่ได้ถ่ายเป็นรูปไว้เพราะมัวแต่ถ่ายวีดีโอ อันนี้ที่ไม่ชัดเพราะแคปมาจากวีดีโออีกที จะทำ Vlog แต่ต้องดูความขี้เกียจก่อนรัวๆ
เดินผ่านสแควร์นี่ไปก็คือพีระมิดลูฟวร์!! โอยยย ถึงสักที ปลาบปลื้มมากกกก
อยากเข้าไปดูภาพ Liberty Leading the People ของจริงสักครั้ง แต่เห็นจำนวนคนแล้วก็บายรัวๆ แถมอยู่ดีๆ อากาศก็หนาวขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน ทำให้ต้องหาที่หลบภัย ซึ่งแน่นอนว่าคือร้านขายของที่ระลึกของลูฟวร์นั่นเอง (เรื่องเสียเงินก็มา) สุดท้ายคือซื้อโปสการ์ดรูป Liberty Leading the People และรูปรูปปั้น Nike of Samothrace มาแทน
ตอนนั้นเป็นเวลาประมาน 11 โมง ซึ่งก็สายแล้วสำหรับการเข้าลูฟวร์ ดูจากจำนวนคนแล้ว ไม่แน่ในว่าหนึ่งทุ่มจะได้เข้าหรือเปล่า :<
พวกเธอดูจำนวนคนซะก่อนนนนนนนน แลัวแถวไม่ได้มีท่าทีจะขยับเลยแม้แต่นิด ร้องไห้แป๊บ
คิดไว้ว่าวันต่อไปจะมาใหม่แต่เช้าแบบ เจ็ดแปดโมง มานอนรอก่อนไปแวร์ซาย เสียใจมาก อยากดูจริงๆ นะ T_T
เกิน 1000 ตัวอักษร (บ่นมากก็เงี้ย) ไปรับชมต่อกันในคอมเม้นนะคะ
v
v
v