ตอนแรก
http://pantip.com/topic/34966935
มือใหม่หัดเที่ยวนิวซีแลนด์ (2)
ดรัสวันต์
ระหว่างที่เอินเข้าไปหลบลมหนาวอยู่ข้างตึกนั้น สมองก็หาทางว่าจะทำอย่างไรดี จะต้องไปเดินเคาะประตูทุกห้องเพื่อหาเพื่อน อย่างนั้นหรือ ก็พอดีมีแท็กซี่เข้ามาจอดแล้วมีฝรั่งสองผัวเมียมีอายุแล้วหิ้วกระเป๋าลงจากแท็กซี่จะมาเข้ามาพักที่นี่เช่นกัน เอินรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ เล่าให้เขาฟังว่าเอินจองที่พักที่นี่ไว้แต่ไม่รู้ว่าห้องไหนเพราะทุกอย่างก็ปิดหมด เขาทั้งสองยินดีจะช่วย เขาบอกว่าขอให้เขาเข้าห้องก่อน เดี๋ยวเขาจะส่งอีเมลไปถามผู้จัดการโมเต็ลซึ่งอาศัยอยู่ภายในอาคารนี้เช่นกันว่าห้องที่เอินจองคือหมายเลขอะไร ท่าทางเขาคุ้นเคยกับที่นี่คงเคยมาพักบ่อย เขาสอนเอินว่า ถ้ายูจะมาถึงดึกขนาดนี้ ควรอีเมลมาถามไว้ก่อนล่วงหน้าเลยว่าห้องที่จองหมายเลขอะไร แล้วทางโมเต็ลเขาจะนัดแนะที่ซ่อนกุญแจไว้ให้เราเปิดห้องเอง
อย่างตัวเขาเองก็เช่นกัน เขาเดินไปหยิบกุญแจจากที่ซ่อนใกล้ประตูและเปิดห้องเอง
เอินลากกระเป๋าตามมาที่ห้องของเขาที่อยู่ชั้นล่าง เขาเข้าไปในห้องเปิดกระเป๋าหยิบคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คออกมาเปิดเพื่อเตรียมจะส่งอีเมลหาผู้จัดการโมเต็ล เอินอธิบายเพิ่มเติมว่าที่จริงเอินมีเพื่อนมาเช็คอินที่นี่แล้ว แต่ติดต่อเพื่อนไม่ได้ว่าเขาอยู่ห้องไหนเพราะไม่ได้ทำ roaming มา
แล้วทันใดนั้น เอินก็ได้ยินเสียงของลี ดังแว่วๆ มาจากห้องใดห้องหนึ่งในบริเวณนั้น เอินตะโกนเรียกเพื่อนอยู่ 2 – 3 ครั้ง ลีก็เปิดประตูออกมา เป็นห้องข้างๆ นั่นเอง เอินได้เจอเพื่อนแล้วจึงหันไปขอบคุณสองสามีภรรยานั่นด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจอย่างยิ่ง
ลีขอโทษที่ออกมารับช้า เพราะมัวแต่เข้าห้องน้ำ
ห้องพักในคืนแรกของเราเป็นห้องสตูดิโอ 3 เตียง อยู่ชั้นล่างที่มีผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใสมองทะลุออกไปเห็นสวนด้านนอกที่มีเก้าอี้ชุดปิคนิคทำด้วยไม้ตั้งไว้ให้เราได้ออกไปนั่งเล่นกัน ถ้าไม่ใช่เวลาสี่ทุ่มที่หนาวเหน็บขนาดนี้ ห้องดูคับแคบไปถนัดใจเมื่อเจอกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สามใบที่เปิดกางออก พื้นที่อีกครึ่งหนึ่งของห้องเป็นครัวกว้างและห้องน้ำที่เอี่ยมอ่องด้วยสุขภัณฑ์ทันสมัยแวววาว
เต้ ง่วนอยู่กับการชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่อุปกรณ์อีเล็คโทรนิคทุกชนิด และจัดไฟล์รูปที่เขาสองคนเพิ่งไปถ่ายมาจากการไปเที่ยวตัวเมืองไครส์เชิร์ชเมื่อช่วงบ่าย
ถือว่าแบ่งกันเที่ยวในช่วงที่แยกจากกันกว่า 10 ช.ม. เอินเที่ยวซิดนีย์ เขาสองคนเที่ยวไครส์เชิร์ช
ลีเล่าให้ฟังว่า เนื่องจากไครส์เชิร์ชเคยประสบกับแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อสองปีก่อน ทำให้อาคารต่างๆ ที่อยู่ใจกลางเมืองถล่มลงมา โดยเฉพาะมหาวิหารใหญ่ (Cathedral) ใจกลางเมืองทลายราบลงหมดเหลือแต่เพียงประตูทางเข้าที่บอกว่าที่แห่งนี้เคยเป็นอะไร และสภาพของเมืองทั่วไปอยู่ระหว่างการก่อสร้างซ่อมแซม
คืนนั้นเอินได้อาบน้ำและพักผ่อนนอนหลับบนเตียงนุ่มๆ อบอุ่นเป็นคืนแรกตั้งแต่ออกเดินทางมา
วันที่สามของการเดินทาง
เอินตั้งนาฬิกาปลุกให้ปลุกตอนหกโมงเช้า เราผลัดกันเข้าห้องน้ำ ชงกาแฟ ทำอาหารเช้าที่ลีซื้อขนมปังและแฮมมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตใส่ตู้เย็นขนาดใหญ่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เป็นเช้าวันอาทิตย์ที่ฝนพรำ เอินตื่นขึ้นมาปวดหัวจี๊ดจนต้องพึ่งยาแก้ปวดอีก 2 เม็ด ฮีทเตอร์ในห้องที่อุ่นจัดจนรู้สึกอึดอัด เลยออกไปยืนรับความหนาวเย็นที่สวนด้านหลังห้อง เอินยืนสูดอากาศบริสุทธิ์มองดูเถาไอวี่และดอกไม้ท้องถิ่นที่ริมรั้ว บอกตัวเองว่าการเดินทางในประเทศนี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ววันนี้
แท็กซี่ที่จองไว้มารับเราก่อนเวลาที่เรานัดไว้ตอนเจ็ดโมงครึ่ง เอินเพิ่งได้เจอผู้จัดการโมเต็ลเป็นครั้งแรก เขาเป็นคนจีนชื่อ มาร์โค เขามาช่วยเราขนกระเป๋าและร่ำลากัน
เอินเพิ่งเรียนรู้เกี่ยวกับอัตราแท๊กซี่ที่นี่ซึ่งแตกต่างกันไปตามจำนวนผู้โดยสาร ถ้าผู้โดยสารนั่งคนเดียวจะแพงกว่านั่งหลายคน แต่ไม่ได้หมายความว่านั่งหลายคนแล้วมาหารกันนะคะ อย่างเมื่อคืนที่เอินนั่งมาคนเดียวจากสนามบิน จ่ายไป 36 $NZ* แต่เช้านี้จากโมเต็ลที่พักไปสนามบินด้วยระยะทางเดียวกัน นั่งกัน 3 คน แค่ 26 เหรียญ เป็นราคาตามมิเตอร์ที่คำนวนจำนวนผู้โดยสารไว้แล้ว เอินยังไม่มีเวลาศึกษารายละเอียดตรงนี้มาเล่าให้ฟังว่าเขามีวิธีคิดอย่างไร แต่ถ้าให้เดา คิดว่าเป็นนโยบายประหยัดพลังงานที่จูงใจผู้โดยสารหลายคนราคาถูกกว่าคนเดียว แบบแนวคิด car pool ไปทางเดียวกันนั่งด้วยกัน
*(ในเรื่องเล่านี้ เวลาที่พูดถึงเหรียญหรือดอลล่าร์จะหมายถึง เหรียญนิวซีแลนด์ที่มีอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 $NZ = 23.80 บาท ในตอนนั้น)
เรามาถึงสนามบินก่อนเวลานัดรับรถเช่าที่เราแจ้งไว้คือ 8 โมงเช้า บริษัท Thrifty ไม่มีบริการส่งรถไปให้ที่โรงแรมเหมือนบางบริษัท เราต้องมารับรถเองที่สนามบิน ที่เราตั้งใจมาถึงสนามบินก่อนเวลาก็เพื่อจะได้จัดการเรื่องซื้อซิมโทรศัพท์และแพคเกจอินเตอร์เน็ต ที่นี่มีสองยี่ห้อให้เลือก คือ Vodafone ของอังกฤษ และ Spark มีคนแนะนำให้เราเลือกยี่ห้อหลังเพราะเป็นผู้ให้บริการท้องถิ่น เราเลือกแพคเกจราคา 29 เหรียญ ซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าแพคเกจนี้โทร.ได้กี่นาที ใช้เนตได้เท่าไหร่ เพราะยกให้เป็นหน้าที่ของเต้จัดการ ส่วนเอินกับลี แยกไปจัดการเรื่องรถเช่า
ตอนที่เราวุ่นๆ อยู่นี้ เรากองกระเป๋าเดินทางและสัมภาระไว้โดยไม่มีใครดูแล จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินต้องเดินมาบอกว่าเราไม่ควรวางทิ้งกระเป๋า unattended แบบนั้น เขารู้ด้วยว่ามันเป็นกระเป๋าของเรา แสดงว่าเขาจับตามองทุกคนอยู่แล้ว
หลายครั้งที่เราสามคนมักจะไปสุมหัวทำอะไรอยู่ด้วยกันจนละเลยสิ่งเหล่านี้ จึงอยากเตือนว่าถ้าคุณเดินทางพร้อมกันหลายคน จะต้องแบ่งแยกหน้าที่กันไปทำ และต้องมีคนหนึ่งเฝ้ากระเป๋า เพราะอาจจะมีคนที่ไม่หวังดี เอาของผิดกฏหมายแอบมาส่งกระเป๋าคุณโดยไม่รู้ตัว
เคานเตอร์รถเช่าตั้งอยู่ภายในอาคารเดียวกันไม่ไกลนัก เราจัดการเรื่องเอกสาร แจ้งชื่อคนขับทั้งสองคน ค่าเช่ารถนั้น เราจ่ายล่วงหน้ามาก่อนแล้วตั้งแต่ตอนจอง บริษัทแนะนำให้เราซื้อประกันเพิ่มอีก 217เหรียญ เราตกลงเพราะไม่อยากเสียน้อยเสียยาก หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น เราอาจต้องเสียเงินหลายพันเหรียญ แล้วเรายังต้องจ่ายค่าจอดรถสนามบินอีก 40 เหรียญ เราเช่าทั้งหมด 7 วัน จ่ายเงินแล้วเจ้าหน้าที่มอบกุญแจรถ แจกกฏระเบียบจราจรและแผนที่มาให้ พอดีกับที่เต้จัดการเรื่องซิมโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย
เราลากกระเป๋าออกมาที่ลานจอดรถเช่า มองหารถโตโยต้าแคมรี่ตามเลขทะเบียนที่เขาบอก ไม่มีพนักงานคอยรับ-ส่งรถเหมือนรถเช่ายี่ห้อดังๆ เราจัดการเองทุกอย่าง ไขกุญแจเปิดรถขนกระเป๋าใส่ท้าย จนเสร็จเรียบร้อย ตกลงกันว่าเอินเป็นคนขับมือแรก จะรับผิดชอบขับช่วงครึ่งวันเช้า ส่วนเต้จะเป็นมือรองขับช่วงบ่าย
เราศึกษาแผนที่คร่าวๆ ว่าเราจะออกจากสนามบินเข้าสู่ไฮเวย์หมายเลข 1 ได้อย่างไร แต่เพื่อความชัวร์ เต้ตั้ง GPS นำทางจากโทรศัพท์มือถือ เพราะรถเช่าคันนี้ไม่มี GPS สังเกตถนนรอบนอกเมืองของที่นี่จะใช้วงเวียนแทนไฟแดง จึงทำให้รถหมุนเวียนกันไปได้ไม่ติดขัด
(มีต่อค่ะ)
ขออนุญาตแท็กห้องถนนนักเขียนนะคะ อยากแชร์ให้เพื่อนๆ ที่นี่ค่ะ
ซีรี่ย์ชุดเอินผจญภัย : ตอนมือใหม่หัดเที่ยวนิวซีแลนด์ (2)
http://pantip.com/topic/34966935
ดรัสวันต์
ระหว่างที่เอินเข้าไปหลบลมหนาวอยู่ข้างตึกนั้น สมองก็หาทางว่าจะทำอย่างไรดี จะต้องไปเดินเคาะประตูทุกห้องเพื่อหาเพื่อน อย่างนั้นหรือ ก็พอดีมีแท็กซี่เข้ามาจอดแล้วมีฝรั่งสองผัวเมียมีอายุแล้วหิ้วกระเป๋าลงจากแท็กซี่จะมาเข้ามาพักที่นี่เช่นกัน เอินรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ เล่าให้เขาฟังว่าเอินจองที่พักที่นี่ไว้แต่ไม่รู้ว่าห้องไหนเพราะทุกอย่างก็ปิดหมด เขาทั้งสองยินดีจะช่วย เขาบอกว่าขอให้เขาเข้าห้องก่อน เดี๋ยวเขาจะส่งอีเมลไปถามผู้จัดการโมเต็ลซึ่งอาศัยอยู่ภายในอาคารนี้เช่นกันว่าห้องที่เอินจองคือหมายเลขอะไร ท่าทางเขาคุ้นเคยกับที่นี่คงเคยมาพักบ่อย เขาสอนเอินว่า ถ้ายูจะมาถึงดึกขนาดนี้ ควรอีเมลมาถามไว้ก่อนล่วงหน้าเลยว่าห้องที่จองหมายเลขอะไร แล้วทางโมเต็ลเขาจะนัดแนะที่ซ่อนกุญแจไว้ให้เราเปิดห้องเอง
อย่างตัวเขาเองก็เช่นกัน เขาเดินไปหยิบกุญแจจากที่ซ่อนใกล้ประตูและเปิดห้องเอง
เอินลากกระเป๋าตามมาที่ห้องของเขาที่อยู่ชั้นล่าง เขาเข้าไปในห้องเปิดกระเป๋าหยิบคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คออกมาเปิดเพื่อเตรียมจะส่งอีเมลหาผู้จัดการโมเต็ล เอินอธิบายเพิ่มเติมว่าที่จริงเอินมีเพื่อนมาเช็คอินที่นี่แล้ว แต่ติดต่อเพื่อนไม่ได้ว่าเขาอยู่ห้องไหนเพราะไม่ได้ทำ roaming มา
แล้วทันใดนั้น เอินก็ได้ยินเสียงของลี ดังแว่วๆ มาจากห้องใดห้องหนึ่งในบริเวณนั้น เอินตะโกนเรียกเพื่อนอยู่ 2 – 3 ครั้ง ลีก็เปิดประตูออกมา เป็นห้องข้างๆ นั่นเอง เอินได้เจอเพื่อนแล้วจึงหันไปขอบคุณสองสามีภรรยานั่นด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจอย่างยิ่ง
ลีขอโทษที่ออกมารับช้า เพราะมัวแต่เข้าห้องน้ำ
ห้องพักในคืนแรกของเราเป็นห้องสตูดิโอ 3 เตียง อยู่ชั้นล่างที่มีผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใสมองทะลุออกไปเห็นสวนด้านนอกที่มีเก้าอี้ชุดปิคนิคทำด้วยไม้ตั้งไว้ให้เราได้ออกไปนั่งเล่นกัน ถ้าไม่ใช่เวลาสี่ทุ่มที่หนาวเหน็บขนาดนี้ ห้องดูคับแคบไปถนัดใจเมื่อเจอกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สามใบที่เปิดกางออก พื้นที่อีกครึ่งหนึ่งของห้องเป็นครัวกว้างและห้องน้ำที่เอี่ยมอ่องด้วยสุขภัณฑ์ทันสมัยแวววาว
เต้ ง่วนอยู่กับการชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่อุปกรณ์อีเล็คโทรนิคทุกชนิด และจัดไฟล์รูปที่เขาสองคนเพิ่งไปถ่ายมาจากการไปเที่ยวตัวเมืองไครส์เชิร์ชเมื่อช่วงบ่าย
ถือว่าแบ่งกันเที่ยวในช่วงที่แยกจากกันกว่า 10 ช.ม. เอินเที่ยวซิดนีย์ เขาสองคนเที่ยวไครส์เชิร์ช
ลีเล่าให้ฟังว่า เนื่องจากไครส์เชิร์ชเคยประสบกับแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อสองปีก่อน ทำให้อาคารต่างๆ ที่อยู่ใจกลางเมืองถล่มลงมา โดยเฉพาะมหาวิหารใหญ่ (Cathedral) ใจกลางเมืองทลายราบลงหมดเหลือแต่เพียงประตูทางเข้าที่บอกว่าที่แห่งนี้เคยเป็นอะไร และสภาพของเมืองทั่วไปอยู่ระหว่างการก่อสร้างซ่อมแซม
คืนนั้นเอินได้อาบน้ำและพักผ่อนนอนหลับบนเตียงนุ่มๆ อบอุ่นเป็นคืนแรกตั้งแต่ออกเดินทางมา
วันที่สามของการเดินทาง
เอินตั้งนาฬิกาปลุกให้ปลุกตอนหกโมงเช้า เราผลัดกันเข้าห้องน้ำ ชงกาแฟ ทำอาหารเช้าที่ลีซื้อขนมปังและแฮมมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตใส่ตู้เย็นขนาดใหญ่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เป็นเช้าวันอาทิตย์ที่ฝนพรำ เอินตื่นขึ้นมาปวดหัวจี๊ดจนต้องพึ่งยาแก้ปวดอีก 2 เม็ด ฮีทเตอร์ในห้องที่อุ่นจัดจนรู้สึกอึดอัด เลยออกไปยืนรับความหนาวเย็นที่สวนด้านหลังห้อง เอินยืนสูดอากาศบริสุทธิ์มองดูเถาไอวี่และดอกไม้ท้องถิ่นที่ริมรั้ว บอกตัวเองว่าการเดินทางในประเทศนี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ววันนี้
แท็กซี่ที่จองไว้มารับเราก่อนเวลาที่เรานัดไว้ตอนเจ็ดโมงครึ่ง เอินเพิ่งได้เจอผู้จัดการโมเต็ลเป็นครั้งแรก เขาเป็นคนจีนชื่อ มาร์โค เขามาช่วยเราขนกระเป๋าและร่ำลากัน
เอินเพิ่งเรียนรู้เกี่ยวกับอัตราแท๊กซี่ที่นี่ซึ่งแตกต่างกันไปตามจำนวนผู้โดยสาร ถ้าผู้โดยสารนั่งคนเดียวจะแพงกว่านั่งหลายคน แต่ไม่ได้หมายความว่านั่งหลายคนแล้วมาหารกันนะคะ อย่างเมื่อคืนที่เอินนั่งมาคนเดียวจากสนามบิน จ่ายไป 36 $NZ* แต่เช้านี้จากโมเต็ลที่พักไปสนามบินด้วยระยะทางเดียวกัน นั่งกัน 3 คน แค่ 26 เหรียญ เป็นราคาตามมิเตอร์ที่คำนวนจำนวนผู้โดยสารไว้แล้ว เอินยังไม่มีเวลาศึกษารายละเอียดตรงนี้มาเล่าให้ฟังว่าเขามีวิธีคิดอย่างไร แต่ถ้าให้เดา คิดว่าเป็นนโยบายประหยัดพลังงานที่จูงใจผู้โดยสารหลายคนราคาถูกกว่าคนเดียว แบบแนวคิด car pool ไปทางเดียวกันนั่งด้วยกัน
*(ในเรื่องเล่านี้ เวลาที่พูดถึงเหรียญหรือดอลล่าร์จะหมายถึง เหรียญนิวซีแลนด์ที่มีอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 $NZ = 23.80 บาท ในตอนนั้น)
เรามาถึงสนามบินก่อนเวลานัดรับรถเช่าที่เราแจ้งไว้คือ 8 โมงเช้า บริษัท Thrifty ไม่มีบริการส่งรถไปให้ที่โรงแรมเหมือนบางบริษัท เราต้องมารับรถเองที่สนามบิน ที่เราตั้งใจมาถึงสนามบินก่อนเวลาก็เพื่อจะได้จัดการเรื่องซื้อซิมโทรศัพท์และแพคเกจอินเตอร์เน็ต ที่นี่มีสองยี่ห้อให้เลือก คือ Vodafone ของอังกฤษ และ Spark มีคนแนะนำให้เราเลือกยี่ห้อหลังเพราะเป็นผู้ให้บริการท้องถิ่น เราเลือกแพคเกจราคา 29 เหรียญ ซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าแพคเกจนี้โทร.ได้กี่นาที ใช้เนตได้เท่าไหร่ เพราะยกให้เป็นหน้าที่ของเต้จัดการ ส่วนเอินกับลี แยกไปจัดการเรื่องรถเช่า
ตอนที่เราวุ่นๆ อยู่นี้ เรากองกระเป๋าเดินทางและสัมภาระไว้โดยไม่มีใครดูแล จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินต้องเดินมาบอกว่าเราไม่ควรวางทิ้งกระเป๋า unattended แบบนั้น เขารู้ด้วยว่ามันเป็นกระเป๋าของเรา แสดงว่าเขาจับตามองทุกคนอยู่แล้ว
หลายครั้งที่เราสามคนมักจะไปสุมหัวทำอะไรอยู่ด้วยกันจนละเลยสิ่งเหล่านี้ จึงอยากเตือนว่าถ้าคุณเดินทางพร้อมกันหลายคน จะต้องแบ่งแยกหน้าที่กันไปทำ และต้องมีคนหนึ่งเฝ้ากระเป๋า เพราะอาจจะมีคนที่ไม่หวังดี เอาของผิดกฏหมายแอบมาส่งกระเป๋าคุณโดยไม่รู้ตัว
เคานเตอร์รถเช่าตั้งอยู่ภายในอาคารเดียวกันไม่ไกลนัก เราจัดการเรื่องเอกสาร แจ้งชื่อคนขับทั้งสองคน ค่าเช่ารถนั้น เราจ่ายล่วงหน้ามาก่อนแล้วตั้งแต่ตอนจอง บริษัทแนะนำให้เราซื้อประกันเพิ่มอีก 217เหรียญ เราตกลงเพราะไม่อยากเสียน้อยเสียยาก หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น เราอาจต้องเสียเงินหลายพันเหรียญ แล้วเรายังต้องจ่ายค่าจอดรถสนามบินอีก 40 เหรียญ เราเช่าทั้งหมด 7 วัน จ่ายเงินแล้วเจ้าหน้าที่มอบกุญแจรถ แจกกฏระเบียบจราจรและแผนที่มาให้ พอดีกับที่เต้จัดการเรื่องซิมโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย
เราลากกระเป๋าออกมาที่ลานจอดรถเช่า มองหารถโตโยต้าแคมรี่ตามเลขทะเบียนที่เขาบอก ไม่มีพนักงานคอยรับ-ส่งรถเหมือนรถเช่ายี่ห้อดังๆ เราจัดการเองทุกอย่าง ไขกุญแจเปิดรถขนกระเป๋าใส่ท้าย จนเสร็จเรียบร้อย ตกลงกันว่าเอินเป็นคนขับมือแรก จะรับผิดชอบขับช่วงครึ่งวันเช้า ส่วนเต้จะเป็นมือรองขับช่วงบ่าย
เราศึกษาแผนที่คร่าวๆ ว่าเราจะออกจากสนามบินเข้าสู่ไฮเวย์หมายเลข 1 ได้อย่างไร แต่เพื่อความชัวร์ เต้ตั้ง GPS นำทางจากโทรศัพท์มือถือ เพราะรถเช่าคันนี้ไม่มี GPS สังเกตถนนรอบนอกเมืองของที่นี่จะใช้วงเวียนแทนไฟแดง จึงทำให้รถหมุนเวียนกันไปได้ไม่ติดขัด
(มีต่อค่ะ)
ขออนุญาตแท็กห้องถนนนักเขียนนะคะ อยากแชร์ให้เพื่อนๆ ที่นี่ค่ะ