ซีรี่ย์ชุดเอินผจญภัย : ตอน มือใหม่หัดเที่ยวนิวซีแลนด์ (1)

มือใหม่หัดเที่ยวนิวซีแลนด์ (เกาะใต้)
                         ดรัสวันต์




          เรื่องเล่าเกี่ยวกับการไปขับรถเที่ยวประเทศนิวซีแลนด์โดยเฉพาะเกาะใต้นั้น มีคนเขียนเล่ากันมาเยอะแล้ว ผู้อ่านคงคิดว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่สำหรับมือใหม่อย่างเอินที่ไปพบเจอกับปัญหาและอุปสรรคหลายอย่างที่เป็นเพราะความไม่รู้ ความประมาท หรือเพราะไม่เตรียมตัวให้ดีพอ เหล่านี้อาจจะช่วยเป็นอุทธาหรณ์ให้คนที่คิดจะไปเที่ยวที่นั่นได้เตรียมตัว แล้วจะไม่เจอปัญหาอย่างเอินนะคะ

         นิวซีแลนด์ ประเทศที่มีทิวทัศน์สวยงามจนใครๆ ก็อยากไปเยือน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อภาพยนตร์มหากาพย์อย่าง Lord of the Ring ได้มาใช้ประเทศนี้เป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำด้วยแล้ว ยิ่งจะดึงดูดผู้คนให้สนใจอยากไปเห็นความสวยงามของธรรมชาติอย่างที่เห็นในหนัง  ส่วนสาวกของ LoR ก็ใฝ่ฝันอยากจะได้ไปตามรอยหนังเรื่องนี้กัน

         เอินเป็นหนึ่งในนั้นค่ะ สาวกของ LoR

    นั่นคือแรงบันดาลใจที่ผลักดันให้เอินอยากจะไปเที่ยวนิวซีแลนด์มากขึ้น  เอินและเพื่อนตกลงกันว่า เราจะเก็บเงินและเตรียมศึกษาข้อมูลท่องเที่ยวอย่างละเอียดเพราะเราตั้งใจว่าจะไม่ไปเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์แต่จะไปขับรถเที่ยวกันเองอย่างสมัยที่เราไปตลุยอเมริกามาแล้ว

ทีม

    ทีมของเรามี 3 คน หญิงสอง ชายหนึ่ง (เอิน-ลี-เต้) จำนวนสมาชิกเท่านี้ก็เพื่อความประหยัดและคล่องตัวในทุกเรื่องทั้งขนาดและชนิดของรถเช่าและที่พัก แต่ละคนในทีมมีคุณสมบัติประจำตัวที่เป็นจุดแข็งเพื่อจะช่วยเสริมกันในการเดินทางท่องเที่ยวที่ต้องพึ่งตัวเองแบบนี้  จุดแข็งอันดับหนึ่งคือเรื่องภาษาและประสบการณ์การใช้ชีวิตและการเดินทางในต่างแดน ที่อย่างน้อย 1 คนจะต้องมี รองลงมาคือความสามารถเกี่ยวกับการถ่ายภาพ การใช้กล้อง ความรู้เกี่ยวกับไอที และเครื่องยนต์ แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดที่ทุกคนในทีมต้องมีคือ ความอดทน กำลังกาย กำลังใจที่จะเผชิญกับสิ่งใหม่ๆ และไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

         ประเทศนี้เป็นประเทศที่เอินไม่เคยไปมาก่อน ไม่มีประสบการณ์ตรงนอกจากคำบอกเล่าของคนเคยไปและข้อมูลที่เสิร์ชจากอินเตอร์เนต ยอมรับว่าตื่นเต้นและหวั่นใจไม่น้อยว่าจะเจอกับอะไรข้างหน้า เป็นความท้าทายที่เอินต้องให้กำลังใจตัวเองว่า สู้ สู้  เพราะที่ลำบากกว่านี้ก็เคยลุยมาแล้ว  

เตรียมการ
1.    ศึกษาข้อมูล

    ระยะเวลาเตรียมการเกือบสองปี (เก็บเงิน) และศึกษาข้อมูลจากคนที่เคยไปเที่ยวแบบนี้มาแล้ว ข้อมูลจากเพื่อนๆ ในห้องบลูแพลนเนตของพันทิปเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่อย่างเรามาก มีหลายกระทู้ที่ให้ข้อมูลละเอียดยิบอย่างที่เราสามารถยึดเป็นคัมภีร์ท่องเที่ยวได้อย่างดี  ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำมาประมวล เอินเก็บคอลเลคชั่นภาพวิว แผนที่ถนนและแผนที่แหล่งท่องเที่ยว ศึกษาระยะเวลาที่เหมาะสมในการไปเที่ยวแต่ละเมืองแต่ละจุด จนในที่สุดเราได้ข้อสรุปเกี่ยวกับกำหนดการเดินทางและโปรแกรมว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง  โดยเราจะเดินทางกันในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนของซีกโลกภาคใต้อย่างนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย จำนวนวันที่จะเที่ยวเผื่อเหลือเผื่อขาดบวกรวมวันเดินทางด้วยแล้วคือ 10 วัน

2.    ตั๋วเครื่องบิน

    การเดินทางในช่วงเดือนธันวาคมนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นช่วงพีคของการเดินทางของผู้คนในหลายประเทศเพราะใกล้เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่มีวันหยุดยาวที่คนทั่วโลกจะเดินทางกลับบ้านไปฉลองกับครอบครัว คนไทยก็เช่นกันเพราะธันวาคมเป็นเดือนที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวันมาตั้งแต่ต้นเดือน เป็นโอกาสที่คนส่วนมากจะเดินทางไปเที่ยวหรือกลับบ้าน ไม่ต่างจากช่วงสงกรานต์ เราจึงต้องรีบจองตั๋วเครื่องบินไว้ล่วงหน้าถึง 5 เดือน !  

        เราซื้อตั๋วผ่าน Travel Agency ที่เคยใช้บริการมายาวนานและคุ้นเคยกัน ราคาตั๋วที่ดีที่สุดในตอนนั้นคือ การบินไทย แล้วไปต่อ Air New Zealand (AZ) ที่ซิดนีย์ไปลงที่ Christchurch เมืองหลวงของเกาะใต้ เหตุผลที่ต้องต่อเพราะ TG ไม่มีเที่ยวบินไปลงที่เมืองนี้

        ที่เราตัดสินเช่นนี้เพราะคิดว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว นอกจากราคาที่ถูกกว่าสายอื่น แล้วเรายังได้น้ำหนักกระเป๋ามากถึง 30 ก.ก. ได้คะแนนไมล์สะสม Royal Orchid Plus (ROP) และสามารถเปลี่ยนตั๋วแวะเที่ยวซิดนีย์ได้โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม เป็นโอกาสดีที่เอินอยากจะแวะเที่ยวซิดนีย์เพราะมีพี่สาวอยู่ที่นั่น การจองตั๋วจากกรุงเทพฯ ไปซิดนีย์ไม่มีปัญหาเพราะการบินไทยเป็นเครื่องบินลำใหญ่ ยังมีที่นั่งว่างอีกมากที่เราไม่จำเป็นต้องรีบซื้อตั๋วล่วงหน้า แต่ช่วงต่อจากซิดนีย์ไปไครส์เชิร์ช โดย AZ นั้น ทราบว่าเป็นเครื่อง Airbus 320-200 จุคนได้น้อยจึงมักจะเต็มตลอด เพราะอย่างนี้เราต้องตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินเลย ไม่ใช่แค่จองแล้วใกล้ๆ วันเดินทางค่อยจ่ายเงิน เราซื้อเพื่อความชัวร์ กลัวไม่ได้ไป

       แต่พอซื้อตั๋วได้แล้ว ก็อุ่นใจอยู่ได้ไม่นาน เราเจอปัญหาจนได้ คือก่อนการเดินทาง 2 เดือน เราได้รับแจ้งว่าเที่ยวบินของ AZนั้น เลื่อนเวลาบินเร็วขึ้นจากเดิมหนึ่งชั่วโมง ส่งผลกระทบให้เราต่อเครื่องบินไม่ทัน เพราะกระเป๋าก็ไม่มีการเช็คทรูทั้งๆ ที่เราซื้อตั๋วกรุงเทพฯ – ไครส์เชิร์ช มันน่าจะเช็คทรูไปเลย การที่เราต้องไปเอากระเป๋า แล้ววิ่งไปต่อเครื่องอีกสายการบินภายในเวลา 45 นาทีนั้น ไม่มีทางทันอยู่แล้ว อีกทั้งมือใหม่ที่ไม่เคยไปเห็นสนามบินที่ซิดนีย์มาก่อนอย่างเรา ไม่รู้เลยว่าสภาพที่นั่นเป็นอย่างไร สนามบินใหญ่แค่ไหน ต้องเดินไกลเท่าไหร่ ต้องไปรอกระเป๋าอีกนานแค่ไหน เราไม่อยากตกเครื่องบิน จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปลี่ยนตั๋ว AZ เลื่อนไปเป็นไฟลทเย็น

        การเปลี่ยนไฟลททำให้เราจะต้องรอต่อเครื่องบินนานถึง 8 ชั่วโมง แล้วกลายเป็นว่าเราจะไปถึงไครส์เชิร์ชสี่ทุ่ม เสียเวลาโดยใช่เหตุ การเดินทางไปถึงเมืองที่เราไม่รู้จักในเวลาดึกดื่นเช่นนั้น ก็เป็นความกังวลใจที่เพิ่มขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนขากลับ AZ ก็เปลี่ยนเวลาอีกเหมือนกัน ทำให้เราต้องเลื่อนไฟล์ท TG ออกไปแล้วต้องรออีก 7 ชั่วโมง แล้วทำให้กลับมาถึงเมืองไทยตอนตี 3 ครึ่งของเช้าวันจันทร์ที่เพื่อนทั้งสองไม่สามารถลางานต่อได้อีกแล้ว

         นี่ขนาดยังไม่ทันได้เดินทางก็เหนื่อยและวิตกกังวลขนาดนี้แล้ว ทำไงได้ ซื้อตั๋วไปแล้วต้องทำใจและเตรียมตัวรับสถานการณ์

3.    ที่พักและรถเช่า

    ข้อมูลจากเพื่อนๆ ในห้องบลูแพลนเนตของพันทิปที่เรายึดเป็นคัมภีร์ท่องเที่ยวนั้น ช่วยเราได้มาก ทำให้เรารู้ว่าควรเข้าไปเสิร์ชในเว็ปใดบ้าง เช่น Booking.com , Air BnB , Rentalcars.com เรื่องการจองผ่านทางเว็ปทั้งหมดนี้ เพื่อนๆ ยกให้เป็นหน้าที่เอินจัดการและตัดสินใจเองคนเดียว

        สำหรับโรงแรมที่พัก เอินจองเฉพาะคืนแรกกับคืนที่สองเท่านั้น ต่อจากนั้นจะไปหาเอาข้างหน้า เพราะเราไม่แน่ใจว่าเมืองต่อไปที่เราไปถึงจะเป็นเมืองอะไร มือใหม่อย่างเรายังกะระยะทางและเวลาเที่ยวที่นั่นไม่ถูก การจองล่วงหน้าทุกเมืองเป็นการบังคับว่าเราจะต้องพักที่นั่นเท่านั้น เราเคยมีบทเรียนในอดีตสมัยไปตลุยอเมริกาที่เราจองโรงแรมทุกแห่งเอาไว้ก่อนล่วงหน้า พอไปถึงเมืองนั้นเข้าจริงๆ เป็นเมืองใหญ่ที่ทำให้เราหลงทางหาโรงแรมไม่เจอ (ตอนนั้นไม่มี GPS ) หงุดหงิดมากที่เราขับผ่านที่พักมากมายแต่เราพักไม่ได้ ต้องพักเฉพาะที่เราจองเท่านั้น คราวนี้เลยตกลงกันว่าจะไม่จอง

    สำหรับคืนแรกที่ไครส์เชิร์ชนั้น ต้องบอกว่าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจองที่พักเพราะเวลาที่ไปขอวีซ่านิวซีแลนด์ เราจะต้องระบุสถานที่พักลงในคำร้องขอวีซ่าด้วย และความจำเป็นอันดับสองคือ เราจะไปถึง 4 ทุ่ม ดึกขนาดนั้น ไม่จองไม่ได้แล้ว

        คืนแรกที่เมืองไครส์เชิร์ช เราจอง Metropolitan Motel ซึ่งเพื่อนที่เคยไปพักแนะนำมาว่าที่นี่ดี ราคาพอสมควรและไม่ไกลจากสนามบิน

         ส่วนคืนที่สอง ที่เราคาดว่าจะไปเที่ยว Lake Takapo และ Mt.Cook  เราน่าจะหาที่พักแถวนั้น  เอินเข้าไปเสิร์ชใน Booking.com  ซึ่งมีที่พักให้เลือกมากมายหลายแบบหลายราคา ไกลหรือใกล้ทะเลสาบ แต่ตอนนั้นเอินลังเลยังไม่ตัดสินใจ แถมมัวแต่ยุ่งๆ กับงานประจำ เลยยังไม่ได้จอง ครั้นพอถึงวันที่ต้องตัดสินใจจอง ปรากฏว่าที่พักที่เล็งๆ ไว้ในตอนแรก ที่ทั้งเห็นวิวทะเลสาบและราคาไม่แพงมากถูกจองเต็มไปหมดแล้ว เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงพีคของการท่องเที่ยวของนิวซีแลนด์จริงๆ ที่พักที่เหลืออยู่ก็ขึ้นป้าย Last chance ทำให้เอินต้องกัดฟันจองด้วยราคาค่าที่พักแพงมากกก ....เท่ากับโรงแรมหรู 5 ดาว
จากประสบการณ์ที่เพื่อนแนะนำมา จำแนกให้เราเข้าใจว่า Motel, Hotel, Bed & Breakfast แตกต่างกันอย่างไร

    Motel  จะเป็นที่พักขนาดประมาณ 20 ยูนิตๆ ละ 1-2 ห้องนอน มีครัวและอุปกรณ์ทำอาหารไว้ให้ในแต่ละยูนิต  
    Hotel  จะเป็นอาคารโรงแรมมีห้องจำนวนมาก ไว้สำหรับนอนอย่างเดียวไม่มีครัว
    Bed & Breakfast  มีหลากหลายรูปแบบ มีทั้งเป็นบ้านแบ่งห้องให้เช่า หรือเป็นอาคารที่พักขนาดไม่เกิน 10 ห้องซึ่งรวมอาหารเช้า

    ดังนั้นที่พักที่นักเดินทางอย่างเรามองหามากที่สุด คือ Motel ที่จะมีครัวให้เราทำอาหารเอง เพราะประหยัดและถูกปากกว่าไปกินที่ร้าน

    สำหรับการจองรถเช่า เอินเสิร์ชใน Rentalcars.com เว็ปที่เป็นแหล่งรวมรถเช่าทุกยี่ห้อทุกขนาดและประเภทในนิวซีแลนด์

    ก่อนหน้านี้เคยมีคนแนะนำบริษัทรถเช่ายี่ห้อดังอย่าง Hertz หรือ Avis ซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วโลก แต่เมื่อเทียบราคาแล้วแพงกว่าและไม่มีโปรโมชั่นใดๆ ให้เราเลย

    เราตั้งใจว่าจะขับรถเก๋งเพราะคล่องตัวกว่าขับรถบ้าน (เราขับรถบ้านไม่เป็นด้วยล่ะ) แม้การขับรถบ้านจะประหยัดค่าที่พัก แต่ยุ่งยากในการหาที่จอดพักเติมน้ำ ชาร์จไฟฟ้า ถ่ายเทของเสียและน้ำทิ้ง ซึ่งก็ต้องเสียเงินค่าบริการเหล่านี้เช่นกัน และใช่ว่านึกอยากจะจอดตรงไหนก็จอดได้ตามใจเราเสมอไป
ในที่สุด เราเลือกเช่ารถเก๋ง Toyota Camry ของบริษัท Thrifty เพราะราคาไม่แพงอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาทต่อวัน อีกทั้งมีโปรฯ ให้ขับได้สองคน คือรถเช่าที่นี่ส่วนใหญ่จะอนุญาตให้ขับเพียงคนเดียว หากมีมือสองต้องจ่ายเงินเพิ่ม ซึ่งอันนี้ถ้าเราจะแอบให้เพื่อนอีกคนขับใครจะมารู้ แต่เราไม่อยากเสี่ยงหากเกิดเรื่องหรือมีอุบัติเหตุขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็จะเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต มือใหม่อย่างเราเลือกทำตามกฏระเบียบดีที่สุด ที่เราเลือกแคมรี่เพราะเป็นรถเก๋งขนาดใหญ่ที่มีสมรรถนะดี กว้างขวางพอให้เราใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 3 ใบได้  

        อีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องจองคือ เรือล่อง Milford Sound  เราเลือกจองก่อนล่วงหน้าได้ราคาถูกกว่าไปซื้อที่ท่าเรือ

    การจองเหล่านี้ ต้องจองโดยใช้บัตรเครดิต ซึ่งบางแห่งตัดบัตรเราตั้งแต่ตอนจอง แต่บางแห่งก็ตัดทีหลัง คือใกล้ๆ วันจองค่อยตัด  เช่นนี้เท่ากับเราจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้วตั้งแต่ยังไม่ได้ออกเดินทาง

(มีต่อค่ะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่