[CR] กาลครั้งหนึ่ง...ฉันนั่งรถไฟจากหัวลำโพงไปดูแสงเหนือ!!!


"เฮ้ยเมิง...กูว่าจะนั่งรถไฟไปดูแสงเหนือว่ะ!"


...และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด...

   ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 2014 ผมบังเอิญได้พบกับกระทู้ในตำนานของ หมอๆตะลุยโลก ที่ว่าด้วยการนั่งรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย จากปักกิ่งถึงมอสโควแล้วนั่งต่อไปอีกถึงสวิตเซอร์แลนด์! มันเป็นอะไรที่เปิดโลกให้กับเด็กหนุ่มวัย 24 อย่างผมเป็นอย่างมาก จากความคิดตอนนั้นที่คิดว่าถ้าเราจะไปเที่ยวยุโรปเนี่ยะ มันก็คงต้องนั่งเครื่องบินอย่างเดียวอ่ะ มันไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาเลยกับการเดินทางข้ามทวีปด้วยรถไฟ โห แถมยังใช้เวลากันเป็นเดือนเลยอีกน่ะนั่น

   แต่พอยิ่งอ่านไป ยิ่งน่าตื่นเต้น ดูเหมือนการเดินทางแบบสโลว์ไลฟ์นี่มันน่าจะมีอะไรที่น่าค้นหามากกว่าการขึ้นเครื่อง แล้วดูหนังกินข้าวอยู่บนนั้น สิบกว่าชั่วโมงแล้วถึงยุโรป

   ตัวผมเองนั้นค่อนข้างจะมีความทรงจำมากมายกับรถไฟ ทั้งดีและไม่ดี ตั้งแต่สมัยเอ๊าะๆ ที่ต้องนั่งรถไฟจากบ้านนอกเข้ามาเรียนในกรุงเทพ แล้วนั่งรถไฟกลับบ้านนอกในช่วงปิดเทอม จนช่วงหลังๆที่สายการบินโลว์คอสต์เข้ามามีบทบาทในแวดวงการเดินทางกลับบ้านนอกของผม ผมก็เลยไม่ได้นั่งรถไฟอีกเลย อาจจะมีนั่งไปเที่ยวต่างจังหวัดใกล้ๆกรุงเทพบ้าง แต่ก็เป็นแค่ระยะทางสั้นๆ

   เอาละ นี่จะเป็นโอกาสที่ดี ที่เราจะได้เดินทางโดยรถไฟอีกครั้ง กูจะเอามั่ง! กูจะนั่งรถไฟไปยุโรปมั่ง นั่งกันให้หายอยาก! นั่งกันให้ตูดบาน! เอาให้แบบ กูไม่เอาแล้ว กูจะไม่นั่งรถไฟไปไหนไกลๆอีกแล้ว

   ระหว่างที่วางแผนการเดินทางนั้นเอง อีกหนึ่งสิ่งเร้าก็เข้ามากระแทกตา หมอๆตะลุยโลกอีกแล้ว มันไปดูแสงเหนือมาว่ะ! เช้ดดด!!สวยบรรลัย นั่นคือโลกดวงเดียวกับที่กูยืนอยู่นี่จริงๆอ่อว่ะ?  คือเอาจริงๆก็เคยเห็นแสงเหนืออยู่บ้างนะ ผ่านทีวีช่องสารคดีต่างๆ ตั้งแต่สมัยเด็กๆ ตอนนั้นก็คิดว่า "อืม ดีน่ะ สวยดีน่ะ แต่ต้องไปถึงขั้วโลกนู้นกว่าจะได้เห็น ไว้ให้กูเกิดเป็นเอสกีโมก่อนน่ะ แล้วเจอกัน" แต่พอมาเจอกระทู้ของหมอๆ มันดูจับต้องได้ มันดูไม่ไกลเกินจริง มันดูเป็นไปได้เว้ย ไม่ต้องรอชาติหน้าให้เกิดเป็นเอสกีโมก็ไปเจอแสงเหนือได้เว้ย!!!

ใช่! กูจะไปดูแสงเหนือ!
อ่าว แล้วรถไฟไปยุโรปอ่ะ?
ก็จะนั่งรถไฟด้วย!
จะไปดูแสงเหนือด้วย?
เออ! ก็ทำมันพร้อมกันนี่แหละ "กูจะนั่งรถไฟไปดูแสงเหนือ!!!"


   เช้ดโด้ว!! นี่มันเมกกะโปรเจคเลยนะเนี่ยะ ไหนจะเรื่องเงิน เรื่องงาน เริ่มเครียด ใจเย็นๆน่ะ หายใจลึกๆ ลองหาข้อมูลดูก่อน วางแผนค่าใช้จ่ายทั้งหมดทั้งมวลดูดิ ว่าจะออกมาหน้าตายังไง? แสน!! ยังไงก็เหยียบแสน!! แล้วเวลาล่ะ? เดือนกว่า!! กูคงต้องลาออกสิน่ะ ไม่ได้ดิ!! กลับมาแล้วจะกินไรล่ะ? ลองไปคุยกับหัวหน้าดูก่อนละกันเนอะ

พี่...เอิ่มคือ...ปกติแล้วนี่ถ้าจะหยุดงานยาวๆติดต่อกันได้นานแค่ไหนอ่ะ?
ก็สี่ห้าวันอ่ะ ทำไมจะไปเที่ยวไหน? (แหม่ ทำมาเป็นรู้ทัน)
สี่ห้าวัน!! ไม่ใช่ล้าววว หมายถึงแบบหยุดเป็นเดือนไรงี้ดิ
อ่อ งั้นก็ leave without pay หนึ่งเดือน
หมายถึงหยุดได้หนึ่งเดือนแบบไม่ได้เงินเดือนใช่ป่ะ?
อืม ก็ทำนองนั้น แต่ต้องดูก่อนน่ะว่ามีคนทำงานพอมั๊ย
ผมว่าจะหยุดช่วงปลายปีอ่ะพี่ ก่อนสิ้นปี น่าจะได้เนอะ แหะๆ
ช่วงนั้นแขกเยอะด้วยดิ ไฮซีซั่น...อืม...แต่พี่ว่าน่าจะได้อยู่น่ะ
งั้นปลายปีน่ะพี่ผมจองลาแล้ว เดือนนึง without pay โอเค ขอบคุณคับ กราบบบบบ


   เยส!! ได้วันหยุดจากที่ทำงานแล้วโว้ย!! หัวหน้าตอบตกลงอย่างง่ายดายดุจคนโดนป้ายยา ฮ่าๆๆ มิชชั่นคอมพลีทไปหนึ่งสเต็ป เอาเว้ย...ทริปเมกกะโปรเจคกูเป็นรูปเป็นร่างล้าวววววว
จากนี้ไปก็เก็บหอมรอมริบอย่างเดียว ข้าวก็กินวันละมื้อก็พอ ข้าวไข่จงไข่เจียวก็กินๆไปก่อน เมกกะโปรเจครอเราอยู่!

   ด่านแรก หาวันไปดูแสงเหนือก่อน เพราะนี่เป็นคีย์หลักสำหรับทริปนี้ จากกระทู้ของหมอๆ (อีกแล้ว) บอกว่าต้องเป็นหน้าหนาวที่กลางคืนยาวกว่ากลางวัน แล้วถ้าให้ดีก็เลือกคืนข้างแรม ที่แสงของดวงจันทร์จะไม่สว่างเกินไปจนทำให้เรามองเห็นแสงเหนือได้ไม่ชัด
กูเกิ้ลเท่านั้นที่ตอบโจทย์ จะไปตุลาก็กลัวยังหน้าหนาวไม่พออยากได้กลางคืนยาวกว่านั้นอีกหน่อย จะสิ้นปีไปเลยก็กลัวทุกอย่างมันจะแพงเพราะช่วงเทศกาล ก็ได้คำตอบออกมาเป็นช่วงปลายพฤศจิกายน ที่เป็นคืนเดือนมืดพอดี โอเค เข้าที่เข้าทาง

   ด่านสอง ไปดูที่ไหนดีว่ะ? ครั้นจะไปตามหมอๆ ถึงไอซ์แลนด์นั้นก็ดูจะยากลำบากเกินไป เพราะนี่ไปคนเดียว ให้ไปเช่ารถขับตุเลงตุเลงคนเดียวท่ามกลางดินแดนร้างผู้คน ก็กลัวจะหว่าเว้เกินไป ลองเปิด tripadvisor ดูก็มีหลายๆสถานที่ผุดขึ้นมา แต่ที่สะกิดใจมากคือ Abisko National Park, Sweden ที่นี่จะต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปบนเขา เพื่อจะนอนดูแสงเหนือจากบนเขานู้นเลย พีค!! เอา!! ที่นี่แหละ
แล้วถ้าเกิดไปที่นั่นแล้วไม่เห็นอ่ะ เออ นั่นดิ ควรมีแผนสำรองน่ะ เปลี่ยนที่มั่งดีกว่า ข้ามไปนอร์เวย์เลย ปรากฎว่ามีอยู๋ที่นึงที่เขาว่าเป็นเมืองหลวงของแสงเหนือนอร์เวย์ นั่นคือเมือง Tromso
สรุปคือจะไปดูกันสองที่เลย คือ Abisko, Sweden และ Tromso, Norway

   แต่เดี๋ยวก่อน นี่เราจะไปคนเดียวเลยอ่อ? จะดีอ่อ? ของดีๆแบบนี้ควรจะไปแบ่งปันให้เพื่อนรอบข้างบ้างน่าจะดีน่ะ อ่ะ ลองถามเพื่อนที่ทำงานดูก่อน
นี่ๆ ปลายปีมีแพลนไปเที่ยวไหนกันมั้ย?
ไม่มีอ่ะ ทำไม? จะชวนไปไหน?
ไปดูแสงเหนือกัน?
เฮ้ยจริงดิ ไปๆ ที่ไหนอ่ะ? งบเท่าไหร่?
แถวสแกนดิเนเวียอ่ะ น่าจะใช้ประมาณแสน
....
หมายถึงหนึ่งแสนบาท เลขหนึ่งแล้วศูนย์ห้าตัวอ่ะน่ะ?
ใช่ๆ แต่ถ้าประหยัดๆก็ไม่น่าจะถึงแสนหรอก
เอิ่มมม กูว่ากูไม่ว่างอ่ะ เมิงไปเถอะ กูว่าจะไปงานยี่เป็งที่เชียงใหม่อ่ะ
อ่าวหรอ ไหนตอนแรกบอกว่าง โอเค แล้วแต่ๆ


   แห้วสิครับ ไม่มีคนร่วมอุดมการณ์ ไม่เป็นไรเว้ย คนเดียวก็ได้ว่ะ

   ระหว่างที่หาข้อมูลท่องเที่ยวนู้นนี่นั่นไปเรื่อยๆนั้น ก็มีโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินจากสายการบินนอร์วีเจียน ผุดขึ้นมาอย่างกับสวรรค์บันดาล ด้วยความที่ราตั้งใจจะนั่งรถไฟขาไปขาเดียวส่วนขากลับคงจะนั่งเครื่องกลับ ปกติสายการบินฟูลเซอร์วิสนั้นจะขายราคาตั๋วขาเดียวที่ค่อนข้างแพง คือราคาจะพอๆกับตั๋วไปกลับอยู่แล้วอ่ะ ดีไม่ดีบางสายนี่ตั๋วเที่ยวเดียวแพงกว่าตั๋วไปกลับอีก ดังนั้นสายการบินโลว์คอสต์ที่คิดราคาต่อเที่ยวจริงๆจึงเป็นทางเลือกของเรา
ตอนนั้นราคาโปรอยู่ที่เที่ยวละแปดพันปลายๆเกือบๆเก้าพัน โดยบินตรงจาก Oslo, Norway ถึงกรุงเทพเลย ซึ่งตอนนั้นคิดว่ามันถูกมากแล้วยังเป็นราคาโปรอีก ต้องรีบจอง ชักช้าไม่ได้เดี๋ยวตลาดวาย

   ระหว่างช่วงกำลังตัดสินใจอยู่นั้นเอง ที่บังเอิญเพื่อนสนิทที่ไปอยู่เมืองนอกติดต่อกลับมาพูดคุย สารทุกข์สุกดิบ พอดี แล้วบังเอิ๊ญบังเอิญ มันจะกลับมาช่วงปลายปีพอดี เลยได้เล่าแผนเมกะโปรเจคให้มันฟัง มันก็ดูตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เพราะมันกลับมาก็ยังไม่มีอะไรทำ เลยหาเรื่องชวนไปเที่ยวดีกว่า มันก็บอกตกลงว่า "เออๆกูไปด้วย" อย่างว่าง่าย แต่ด้วยความที่นางผู้หญิงคนนี้เป็นที่ชอบยึกยัก ลังเล รุงรัง กว่าจะถึงวันที่จะไปจริงๆกลัวมันเปลี่ยนใจ เลยบอกมันไปว่า

ตกลงเมิงไปชัวร์ใช่ป่ะ?
เออดิ! คนจริงเว้ย! (ยิ้ม!!)
จ้า แม่คนจริง งั้นเมิงต้องจองตั๋วกลับเลยน่ะ เนี่ยตอนนี้มีโปรประมาณเก้าพัน ปกติหมื่นกว่าเกือบสองหมื่นเลยน่ะเมิง
หูย งั้นก็จองสิครัชรออะไร
งั้นกูจองเลยน่ะ เอาตังกูออกก่อนก็ได้ แล้วมาคืนกูด้วยตอนเมิงกลับมา อันนี้มันตั๋วโปรน่ะเว้ย แคนเซิลไม่ได้
เอิ่มม แคนเซิลไม่ได้ด้วยอ่อ
เออดิว่ะ ทำไม จะเปลี่ยนใจรึไง? ไหนว่าคนจริง?
เออๆไม่เปลี่ยนหรอก คนจริงเว้ย เจอกัน!!


   ฮ่าๆๆ เป็นอันได้เพื่อนร่วมทางเป็นชะนีน้อยอีกหนึ่งนาง โอเค มีคนช่วยถ่ายรูปละ เอ้ย มีเพื่อนร่วมเดินทางละ ฮ่าๆๆ

fast forward ไปช่วงสองเดือนก่อนการเดินทาง


   และแล้วเราก็ได้แผนการเดินสำหรับเมกะโปรเจคนี้แล้ว
   ในทริปนี้เราจะนั่งรถไฟจาก หัวลำโพง กรุงเทพ ไป หนองคาย แล้วรถไฟต่อจาก หนองคาย ข้ามแม่น้ำโขงไปยัง สถานีบ้านนาแล้ง ประเทศลาว เพื่อต่อรถเข้าเวียงจันทน์
-จากเวียงจันทน์ จะนั่งรถบัสนอน(เนื่องจากยังไม่มีรถไฟระหว่างประเทศ)ข้ามไปยัง ฮานอย ประเทศเวียดนาม พักที่ฮานอยสองคืน
-จากฮานอย นั่งรถไฟไปยัง หนานหนิง ประเทศจีน พักที่หนานหนิงหนึ่งคืน
-จากหนานหนิง นั่งรถไฟต่อไปยัง ปักกิ่ง พักที่ปักกิ่งสามคืน
-จากปักกิ่ง นั่งรถไฟทรานส์มองโกเลยไปยัง อุลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย พักที่อุลานบาตอร์หนึ่งคืน
-จากอุลานบาตอร์ นั่งรถไฟทรานส์ไซบีเรียไป มอสโคว ประเทศรัสเซีย พักที่มอสโควสองคืน
-จากมอสโคว นั่งรถไฟด่วนไป เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พักที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กสองคืน
-จากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก นั่งรถไฟข้ามไปยัง เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ พักที่เฮลซิงกิสองคืน
-จากเฮลซิงกิ จะนั่งเครื่องบิน(เนื่องจากไม่มีเวลาพอจะนั่งรถไฟอ้อมไปสวีเดน) ไปลง สตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน พักที่สตอกโฮล์มสองคืน
-จากสตอกโฮล์ม นั่งรถไฟไป อบิสโก (Abisko) ประเทศสวีเดน พักที่อบิสโกหนึ่งคืน เพื่อดูแสงเหนือที่แรก
-จากอบิสโก นั่งรถไฟสายอาร์คติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) ไปยังนาร์วิก (์Narvik) ชายแดนประเทศสวีเดน เพื่อต่อรถบัสข้ามประเทศไปยัง ทรอมโซ (Tromso) ประเทศ นอร์เวย์ พักที่ทรอมโซสองคืน
-จากทรอมโซ นั่งเครื่องบิน(เนื่องจากไม่มีเวลาพอจะนั่งรถ)ไป ออสโล พักที่ออสโลสองคืน
-จากออสโล นั่งเครื่องบินกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

   ยาวเหยียด!! แน่นเอี๊ยด!! ที่พีคกว่าคือห้ามเจ็บ ห้ามป่วย ห้ามเกิดอุบัติเหตุ ห้ามเปลี่ยนแพลน เพราะรถไฟบางขบวนไม่ได้วิ่งทุกวัน ถ้าพลาดขบวนนึงแล้วต้องรออีกเกือบอาทิตย์ ซึ่งจะทำให้แผนทั้งหมดต้องเปลี่ยนเพราะเราจะต้องไปขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพจากออสโลให้ทันเวลา

   สิ่งที่ต้องทำต่อมาคือการขอวีซ่า ในเส้นทางทั้งหมดนั้นจะต้องขอวีซ่า 2 ครั้ง คือ วีซ่าประเทศจีน และวีซ่าประเทศเชงเก้นเพื่อเข้าประเทศ สแกนดิเนเวีย ส่วนประเทศอื่นๆนั้นนับว่าเป็นโชคดีของคนไทย ที่ไม่ต้องขอวีซ่าให้เหนื่อยใจ

   วีซ่าจีนไม่น่าจะมีปัญหามาก จะติดนิดหน่อยตรงที่ไม่มีตั๋วเครื่องบินโชว์ตอนไปขอวีซ่า แต่ก็เขียนอธิบายไปว่า "ฉันจะนั่งรถไฟจากฮานอยเข้าทางหนางหนิงน่ะยูว ฉันจะไปซื้อตั๋วรถไฟที่ฮานอยเพราะมันถูกกว่า ซื้อออนไลน์ แล้วฉันก็จะออกจากปักกิ่งโดยรถไฟ เหมือนกัน ซึ่งฉันก็จะไปซื้อตั๋วที่ปักกิ่งเหมือนกัน" ได้แต่ยื่นใบจองพี่ทักในหนานหนิงและปักกิ่ง ก็ได้วีซ่ามาอย่างง่ายดาย

   ทีนี้มาถึงวีซ่าเชงเก้น เราไปยื่นที่วีซ่านอร์เวย์แถวถนนชิดลมเพราะใช้เวลาในนอร์เวย์นานสุด ก็ยื่นแผนการท่องเที่ยว มีตั๋วเครื่องบินกลับจากนอร์เวย์ มีตั๋วรถไฟจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไปเฮลซิงกิ(จองออนไลน์จากเวปการรถไฟรัสเซีย) มีตั๋วเครื่องบินจากเฮลซิงกิไปสตอกโฮล์ม มีตั๋วรถไฟจากสตอกโฮล์มไปนาร์วิก แต่ไม่มีตั๋วรถจาก นาร์วิก สวีเดน ข้ามไป ทรอมโซ นอร์เวย์!! เป็นเรื่อง! เจ้าหน้าที่ก็บอกให้เขียน ก็ต้องเขียนอธิบายใส่กระดาษเอสี่ ว่ารถบัสระหว่างประเทศมันจองออนไลน์ไม่ได้ต้องไปซื้อตั๋วจากคนขับรถ ของเพื่อนที่ไปด้วยกันนี่หนักกว่า เพราะไม่มีงานทำ เพิ่งกลับจากเมืองนอก มันก็เขียนร่ายยาวไปว่าเป็นลูกคนเดียว ต้องกลับมาดูแลพ่อแม่ มีบ้าน มีที่ดิน มีสวนยาง! ใช่ มีสวนยางด้วย! ที่ต้องกลับมาดูแล เรียนกได้ว่ายกแม่น้ำทั้งห้า หก เจ็ด แปด มาเพื่อการนี้เลย เสร็จสรรพก็รอลุ้นกันไปสามวัน ไปรับเล่ม ปรากฎว่าทั้งสองคน ผ่านเฉย!!

   เอาละเว้ยยยยย เริ่มเป็นรูปเป็นร่างล้าวววววว นี่มันกำลังจะเริ่มต้นจริงๆแล้วอ่อว่ะ? ไม่อยากจะเชื่อ!! ใครมันจะบ้านั่งรถไฟจากหัวลำโพงไปดูแสงเหนือว่ะ
ก็กูนี่แหละ!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่