ปัจจุบันมีความเข้าใจผิดกันในหมู่ชาวพุทธ ในเรื่องของการทำบุญให้ทาน
บางพวกก็ว่า
“ให้ทานมากได้บุญมาก ถูกต้อง
เพราะเศรษฐี ๑๐๐ ล้าน ทำบุญ ๑๐ บาท
กับทำบุญหมื่นบาท จะได้บุญเท่ากันได้อย่างไร”
บางพวกก็ว่า
“ไม่ถูก ถ้าให้ทานมากได้บุญมาก
อย่างนี้คนจน ก็หมดสิทธิได้บุญมากสิ”
ความจริงชาวพุทธทั้ง ๒ กลุ่มนี้ไม่ได้ขัดกันเลย เพียงแต่ไปจับประเด็นที่ปลายเหตุเท่านั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนหลักการให้ทานให้ได้บุญมาก ว่าต้องประกอบด้วยองค์ ๓ ดังนี้
๑. วัตถุบริสุทธิ์ สิ่งของที่ให้ทานได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปคดโกง ลักขโมยมา
๒. เจตนาบริสุทธิ์ มีจิตเลื่อมใสทั้งก่อนให้ทาน ขณะให้ทาน และหลังให้ทาน
๓. บุคคลบริสุทธิ์ ผู้รับยิ่งเป็นผู้มีศีล มีคุณธรรมสูงเพียงใด เราก็ได้บุญมากไปตามส่วน
ในกรณีถกเถียงกันนี้ ประเด็นอยู่ที่ข้อ ๑ และ ข้อ ๒ คำกล่าวที่ครบถ้วนคือ
“ให้ทานด้วยจิตเลื่อมใสมาก ได้บุญมาก”
# ศากยบุตร #
ให้ทานด้วยจิตเลื่อมใสมาก ย่อมได้บุญมาก
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะบางพวกก็ว่า
“ให้ทานมากได้บุญมาก ถูกต้อง
เพราะเศรษฐี ๑๐๐ ล้าน ทำบุญ ๑๐ บาท
กับทำบุญหมื่นบาท จะได้บุญเท่ากันได้อย่างไร”
บางพวกก็ว่า
“ไม่ถูก ถ้าให้ทานมากได้บุญมาก
อย่างนี้คนจน ก็หมดสิทธิได้บุญมากสิ”
ความจริงชาวพุทธทั้ง ๒ กลุ่มนี้ไม่ได้ขัดกันเลย เพียงแต่ไปจับประเด็นที่ปลายเหตุเท่านั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนหลักการให้ทานให้ได้บุญมาก ว่าต้องประกอบด้วยองค์ ๓ ดังนี้
๑. วัตถุบริสุทธิ์ สิ่งของที่ให้ทานได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปคดโกง ลักขโมยมา
๒. เจตนาบริสุทธิ์ มีจิตเลื่อมใสทั้งก่อนให้ทาน ขณะให้ทาน และหลังให้ทาน
๓. บุคคลบริสุทธิ์ ผู้รับยิ่งเป็นผู้มีศีล มีคุณธรรมสูงเพียงใด เราก็ได้บุญมากไปตามส่วน
ในกรณีถกเถียงกันนี้ ประเด็นอยู่ที่ข้อ ๑ และ ข้อ ๒ คำกล่าวที่ครบถ้วนคือ
“ให้ทานด้วยจิตเลื่อมใสมาก ได้บุญมาก”
# ศากยบุตร #