ได้อ่านแล้ว ก็มาตรองดูคำสอนที่แสดงไว้อย่างดีครับ แม้ต้นทุนเราน้อยแต่ บุญใหญ่ ก็บังเกิดได้ ต้องติดตามกันครับ ว่าเป็นจะได
☀️อังกุรเทพบุตร VS อินทกเทพบุตร ☀️
ปรากฏในพระไตรปิฎก เป็นเรื่องเล่าขานอย่างยาวนานในโลกกว่า 2,600 ปี
☀️1.การทำบุญให้ทานจะให้ผลไพบูลย์ (ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ) ได้ ต้องมีองค์ประกอบพร้อมในคุณสมบัติ 3 ข้อ คือ
1. วัตถุบริสุทธิ์
2. เจตนาบริสุทธิ์
3. บุคคลบริสุทธิ์
เมื่อถวายแก่ผู้รับที่บริสุทธิ์ เป็นทักขิไณยบุคคล ผู้รับจึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ทานนั้นเกิดประโยชน์สูงสุด และทำให้เกิดกำลังใจแก่ผู้ให้
ในพระไตรปิฎก มีตัวอย่างมากมาย ที่มีเรื่องราวของคนยากจนหรือบุคคลที่ตกทุกข์ได้ยาก ได้ทุ่มเททำทานอย่างสุดกำลัง บางครั้งถึงกับสละอาหารมื้อสุดท้ายถวายแด่ทักขิไณยบุคคล
ดังนั้น เราควรทำทานให้บริสุทธิ์ ครบองค์ประกอบของการให้ทั้ง 3 ประการ คือ วัตถุบริสุทธิ์ เจตนาบริสุทธิ์ ทั้งก่อนให้ กำลังให้ และหลังให้แล้ว และบุคคลบริสุทธิ์ทั้งผู้รับและผู้ให้ย่อมได้ผลบุญมาก
☀️2. อานิสงส์เลือกทำทานถูกเนื้อนาบุญ
ในอดีตกาล ยุคสมัยที่ไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก อายุขัยมนุษย์ 80,000 ปี ได้มีนักธุรกิจและเศรษฐีชื่ออังกุระได้ให้อาหารแก่ชาวเมืองวันละ 6 หมื่นเล่มเกวียนเป็นประจำ พ่อครัว 3,000 คน ประดับด้วยมุกดาและแก้วมณี เด็กหนุ่มๆ 6 หมื่นคน ประดับด้วยต่างหูอันวิจิตรด้วย เพชร นิล จินดา ช่วยกันผ่าฝืนสำหรับหุงอาหาร ทำแถวเตาไปไฟฟ้ายาว 12 โยชน์ พวกหญิงสาว 16,000 คน ประกับเครื่องอลังการทุกอย่าง ช่วยกันบดเครื่องเทศสำหรับปรุงอาหาร แล้วยังมีหญิงสาวอีก 16,000 คน แต่งตัวสวยงามราวกับนางฟ้า ถือทัพพีเข้ายืนคอยตักอาหารให้คนที่มาขอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทีเดียว
ฝ่ายอังกุระก็ได้มายืนมอบสิ่งของต่างๆ ด้วยมือตัวเอง ทำไปก็ปิติเบิกบาน มีจิตเลื่อมใสแทนที่จะให้คนที่มาขอทานขอบคุณตัวเอง แต่กลับรู้สึกขอบอกขอบใจต่อคนเหล่านั้น ที่อุตส่าห์เดินทางมารับทานจากท่าน อังกุระได้บริจาคทานไปตลอดชีวิตคือหนึ่งหมื่นปี เมื่อละโลกแล้วท่านก็ได้ไปบังเกิดเป็น อังกุรเทพบุตร ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้วได้เสวยทิพยสมบัติเป็นเวลานานทาน
เมื่อถึงในสมัยพุทธกาลนี้ มีพราหมณ์ผู้ยากไร้คนหนึ่งชื่อ อินทกะ เป็นคนมีศรัทธาแต่ไม่มีทรัพย์ วันหนึ่งชายชราเห็นพระอนุรุทธะบิณฑบาตผ่านหน้าบ้าน ด้วยจิตที่เลื่อมใส จึงได้ถวายข้าวทัพพีหนึ่ง ด้วยบุญนั้น เมื่อละสังขารได้ไปเกิดในดางดึงส์ เป็นอินทกเทพบุตรผู้มีรัศมีกายที่รุ่งเรืองสว่างไสวยิ่งกว่าอังกุรเทพบุตรทั้งอายุ ยศ วรรณะ สุขและความเป็นใหญ่ทุกอย่าง
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ประทับอยู่ที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ เทวดาในหมื่นโลกธาตุพากันมานั่งประชุมเฝ้าพระพุทธองค์ ไม่มีเทพตนไหนที่จะมีรัศมีกายสว่างกวว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลย เทวดาตนไหนมีศักดิ์ใหญ่มีบุญมาก็จะได้นั่งอยู่ใกล้ๆ ส่วนบุญน้อยก็จะถอยร่นออกไปเรื่อยๆ
สมัยนั้น อังกุรเทพบุตรซึ่งเคยนั่งอยู่ใกล้ๆ ก็ถอยร่นไปตามกำลังบุญ นั่งอยู่ไกลถึง 12 โยขน์ ส่วนอินทกเทพบุตรนั่งอยู่ที่เดิมใกล้ๆกับพระพุทธองค์ เพราะเหตุใด อ่านต่อในเพจ และขอขอบคุณที่มา
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0227WaGXGFqfxhMowsmey1DmW2U4PwnQCi41ZPEoPM3MsEyqWNzadLPHLzzSP1NfWul&id=100001946456861&mibextid=Nif5oz
☀️3.พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญการเลือกให้
คือก่อนจะให้ ควรเลือกของที่จะให้ว่า สมควรหรือไม่ โดยเลือกให้แต่ของที่ดี ของที่ประณีต ของนั้นต้องได้มาด้วยความสุจริต
แม้มีทรัพย์ มีไทยธรรมแล้ว จะเกิด บุญใหญ่ ให้แก่ผู้กระทำได้อย่างไรไปดูกัน
ได้อ่านแล้ว ก็มาตรองดูคำสอนที่แสดงไว้อย่างดีครับ แม้ต้นทุนเราน้อยแต่ บุญใหญ่ ก็บังเกิดได้ ต้องติดตามกันครับ ว่าเป็นจะได
☀️อังกุรเทพบุตร VS อินทกเทพบุตร ☀️
ปรากฏในพระไตรปิฎก เป็นเรื่องเล่าขานอย่างยาวนานในโลกกว่า 2,600 ปี
☀️1.การทำบุญให้ทานจะให้ผลไพบูลย์ (ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ) ได้ ต้องมีองค์ประกอบพร้อมในคุณสมบัติ 3 ข้อ คือ
1. วัตถุบริสุทธิ์
2. เจตนาบริสุทธิ์
3. บุคคลบริสุทธิ์
เมื่อถวายแก่ผู้รับที่บริสุทธิ์ เป็นทักขิไณยบุคคล ผู้รับจึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ทานนั้นเกิดประโยชน์สูงสุด และทำให้เกิดกำลังใจแก่ผู้ให้
ในพระไตรปิฎก มีตัวอย่างมากมาย ที่มีเรื่องราวของคนยากจนหรือบุคคลที่ตกทุกข์ได้ยาก ได้ทุ่มเททำทานอย่างสุดกำลัง บางครั้งถึงกับสละอาหารมื้อสุดท้ายถวายแด่ทักขิไณยบุคคล
ดังนั้น เราควรทำทานให้บริสุทธิ์ ครบองค์ประกอบของการให้ทั้ง 3 ประการ คือ วัตถุบริสุทธิ์ เจตนาบริสุทธิ์ ทั้งก่อนให้ กำลังให้ และหลังให้แล้ว และบุคคลบริสุทธิ์ทั้งผู้รับและผู้ให้ย่อมได้ผลบุญมาก
☀️2. อานิสงส์เลือกทำทานถูกเนื้อนาบุญ
ในอดีตกาล ยุคสมัยที่ไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก อายุขัยมนุษย์ 80,000 ปี ได้มีนักธุรกิจและเศรษฐีชื่ออังกุระได้ให้อาหารแก่ชาวเมืองวันละ 6 หมื่นเล่มเกวียนเป็นประจำ พ่อครัว 3,000 คน ประดับด้วยมุกดาและแก้วมณี เด็กหนุ่มๆ 6 หมื่นคน ประดับด้วยต่างหูอันวิจิตรด้วย เพชร นิล จินดา ช่วยกันผ่าฝืนสำหรับหุงอาหาร ทำแถวเตาไปไฟฟ้ายาว 12 โยชน์ พวกหญิงสาว 16,000 คน ประกับเครื่องอลังการทุกอย่าง ช่วยกันบดเครื่องเทศสำหรับปรุงอาหาร แล้วยังมีหญิงสาวอีก 16,000 คน แต่งตัวสวยงามราวกับนางฟ้า ถือทัพพีเข้ายืนคอยตักอาหารให้คนที่มาขอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทีเดียว
ฝ่ายอังกุระก็ได้มายืนมอบสิ่งของต่างๆ ด้วยมือตัวเอง ทำไปก็ปิติเบิกบาน มีจิตเลื่อมใสแทนที่จะให้คนที่มาขอทานขอบคุณตัวเอง แต่กลับรู้สึกขอบอกขอบใจต่อคนเหล่านั้น ที่อุตส่าห์เดินทางมารับทานจากท่าน อังกุระได้บริจาคทานไปตลอดชีวิตคือหนึ่งหมื่นปี เมื่อละโลกแล้วท่านก็ได้ไปบังเกิดเป็น อังกุรเทพบุตร ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้วได้เสวยทิพยสมบัติเป็นเวลานานทาน
เมื่อถึงในสมัยพุทธกาลนี้ มีพราหมณ์ผู้ยากไร้คนหนึ่งชื่อ อินทกะ เป็นคนมีศรัทธาแต่ไม่มีทรัพย์ วันหนึ่งชายชราเห็นพระอนุรุทธะบิณฑบาตผ่านหน้าบ้าน ด้วยจิตที่เลื่อมใส จึงได้ถวายข้าวทัพพีหนึ่ง ด้วยบุญนั้น เมื่อละสังขารได้ไปเกิดในดางดึงส์ เป็นอินทกเทพบุตรผู้มีรัศมีกายที่รุ่งเรืองสว่างไสวยิ่งกว่าอังกุรเทพบุตรทั้งอายุ ยศ วรรณะ สุขและความเป็นใหญ่ทุกอย่าง
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ประทับอยู่ที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ เทวดาในหมื่นโลกธาตุพากันมานั่งประชุมเฝ้าพระพุทธองค์ ไม่มีเทพตนไหนที่จะมีรัศมีกายสว่างกวว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลย เทวดาตนไหนมีศักดิ์ใหญ่มีบุญมาก็จะได้นั่งอยู่ใกล้ๆ ส่วนบุญน้อยก็จะถอยร่นออกไปเรื่อยๆ
สมัยนั้น อังกุรเทพบุตรซึ่งเคยนั่งอยู่ใกล้ๆ ก็ถอยร่นไปตามกำลังบุญ นั่งอยู่ไกลถึง 12 โยขน์ ส่วนอินทกเทพบุตรนั่งอยู่ที่เดิมใกล้ๆกับพระพุทธองค์ เพราะเหตุใด อ่านต่อในเพจ และขอขอบคุณที่มา
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0227WaGXGFqfxhMowsmey1DmW2U4PwnQCi41ZPEoPM3MsEyqWNzadLPHLzzSP1NfWul&id=100001946456861&mibextid=Nif5oz
☀️3.พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญการเลือกให้
คือก่อนจะให้ ควรเลือกของที่จะให้ว่า สมควรหรือไม่ โดยเลือกให้แต่ของที่ดี ของที่ประณีต ของนั้นต้องได้มาด้วยความสุจริต