IELTS First Date

กระทู้คำถาม
ครั้งแรกในชีวิต กับการสอบ IELTS

เราได้มีโอกาสสอบ ielts-ukvi เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมาค่ะ ก่อนหน้านั้นเคยสอบครั้งหนึ่งแบบเป็น regular เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ครั้งนี้เราตั้งใจว่า ถ้าผ่านอย่างที่ตั้งใจไว้ จะมารีวิวไว้ในนี้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆ สืบไว้ (จริงๆ ก็คือ เราบนไว้นั่นแหละ...เรื่องนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ นะเออ)

เราสอบกับศูนย์สอบ idp ทั้งสองครั้ง ก็ถือว่าประทับใจอยู่ เผื่อเพื่อนๆ บางคนไว้เป็นข้อมูล IELTS regular ค่าเสียหาย 6200 แบบ ukvi 10440 (แพงกว่าเยอะเลย)

สอบครั้งแรก IELTS regular 4 july 2015

การสมัครสอบ
เราสมัครผ่านทาง website ของ idp ไม่ยากเย็นอะไร เข้าไปกรอกข้อลูลส่วนตัวต่างๆ เลือกวันสอบ เอกสารในการสมัครใช้แค่ บัตรปชช (แต่ขอเตือน ใครจะสมัครนะ ให้ไปทำบัตรใหม่เลยเอาแบบ ชัด hd เป็นยันไฝ ฝ้า ยิ่งดี เพราะของเรา เราว่าบัตรเราก็ชัดอยู่ แต่ จนท บอกว่า รอบกวนถ่ายใหม่เถอะค่ะน้อง เอาให้ชัดกว่านี้ เลยต้องเสียเวลาไปทำใหม่อีก เผื่อเป็นข้อมูล เราไปแจ้งบัตรชำรุด อำเภอคิดค่าธรรมเนียม 20 บาท ประมาณ ครึ่งชั่วโมงได้ เราทำที่ที่ว่าการอำเภอพุทธมณฑล จนท บริการดีมาก รวดเร็ว คุณปลัดมาตรวจเอกสารให้เองเลย ไม่ใช่เฉพาะของเรานะ ของประชาชนที่มาติดต่อเรื่องอื่นด้วย ดีมาก ประทับใจ ขอชมเชยไว้ ณ ที่นี้...ผิดกับ อำเภอทีพื้นที่บ้านเรา บริการแย่มากถึงมากที่สุด)

ต่อนะ นอกเรื่องไปนาน... บัตรประชาชนนี้เอา มือถือ ถ่ายรูป แล้วอัพโหลดในเว็บไซต์เพื่อใช้สมัครไปเลย ไม่ต้องถ่ายเอกสารหรือแปลงเป็น pdf แต่อย่างใด หลังจาก ใส่ข้อมูลตัวเอง เลือกวันสอบ อัพโหลดบัตรปชช ก็มาถึงขั้นตอนการจ่ายเงินค่าสมัครสอบ ในเว็บไซต์ว่าจ่ายได้หลายช่องทาง
1.    บัตรเครดิต
2.    เคาน์เตอร์ธนาคาร scb เท่านั้น (ในเว็บไซต์มีแบบฟอร์มการชำระเงินให้เราปรินท์)
3.    ATM

ซึ่งถ้าเราเลือกจ่ายแบบ 2 กับ 3 ต้องแฟ็กซ์หลักฐานการจ่ายเงินไปให้ศูนย์สอบ เราเลยเลือกแบบ 1 จ่ายผ่านบัตรเครดิต เพราะบ้านเราไม่มีแฟ็กซ์
ตัวเราเองไม่มีบัตรเครดิตจ้า เลยจะใช้ของแม่จ่ายแทน และแล้วอุปสรรคในการสมัครก็เริ่มต้นขึ้นเพราะบัตรเครดิตนี่แหละ...ในขั้นตอนการสมัครนี่เราจะต้องสมัครให้เสร็จภายใน 24 ชม.นะ เวลามันจะเริ่มนับถอยหลังเลย

บัตรเครดิตแม่เรา ไม่เคยใช้ซื้อของแบบออนไลน์มาก่อน ปกติแม่เราใช้รูดซื้อของตามซุปเปอร์เท่านั้น พอจะใช้จ่ายค่าสอบ มันเลยเหมือนต้อง activate อะไรก็ไม่รู้เพื่อยืนยัน เหมือนเป็นนโยบายสำหรับการซื้อของออนไลน์นี่แหละ...เราก็ทำตามที่เว็บไซต์บอกไปเรื่อยๆ เขาจะบอกเป็นขั้นตอนเลย พอจบขั้นตอนก็ไม่ชัวร์ว่าจ่ายเงินค่าสอบสำเร็จไหม แต่ใจเราอ่ะ คิดว่า “ไม่” เพราะเวลา 24 ชม. ยังนับถอยหลังอยู่เลย เราเลยโทรไปถามคนที่เคยสมัครผ่านบัตรเครดิต เพื่อนมันบอกว่า คงรอ activate สถานะมั้ง พรุ่งนี้ เข้ามาดูใหม่ (ช่วยได้มาก เพื่อนเรา)

วันรุ่งขึ้นเข้ามาเช็ค อ้าวววว สถานะจ่ายเงินยังไม่ activate อีก...ในใจคิดเลย (ตูว่าแล้ว) นาฬิกานับถอยหลัง 24 ชม. ครบไปแล้ว ล่กสิคะ ทำไง โทรไปหา จนท เขาบอกไม่ได้ทำรายการในเวลา (ก็คือภายใน 24 ชม นั่นแหละ) ให้เราทำการสมัครใหม่ แล้วจ่ายทางเคาน์เตอร์ธนาคารก็ได้ แล้วสแกนหรือถ่ายรูปใบโอนเงินไปให้เขา (อ้ายเราก็นึกว่าต้องแฟกซ์อย่างเดียว เลยไม่ได้เลือกจ่ายที่เคาน์เตอร์ตั้งแต่ทีแรก เฮ้อออ...)

โอเค...สมัครก็สมัครสิคะ รออะไร เข้าไปสมัครใหม่ ปรากฏว่า...สมัครไม่ได้ มันขึ้นมาประมาณว่า ยัยคนนี้สมัครไปแล้วหรืออะไรประมาณนี้แหละ เลยต้องโทรกลับไปที่ idp อีก เหมือนข้อมูลการสมัครมันยังค้างอยู่หรืออะไรเทือกๆ นี้ จนท ก็ถามชื่อเราแล้วก็เคลียร์ข้อมูลเก่าให้ พอวางสาย เราก็มาสมัครต่อได้ตามปกติ ทีนี้เราเลือกจ่ายที่เคาน์เตอร์ธนาคารแล้วค่ะ เสียค่าธรรมเนียมไป 15 บาท

แล้วก็มาเคลียร์เรื่องบัตรเครดิตต่อ...ก็คือ กลัวสิคะ ว่ามันตัดเงินไปแล้วรึยัง ไปบอกแม่ให้โทรไปเช็คให้หน่อย โดนเอ็ดนิดหน่อยอีกว่า ขัดจังหวะ เพราะคุณนายกำลังเก็บสถิติ (หรือเก็งหวย นั่นเอง) สรุปว่า...ยังไม่ได้ตัดค่ะ ดีไป

เรื่องจ่ายด้วยบัตรนี้เป็นเรื่องเฉิ่มของเราเองที่ทำไม่เป็น ไม่รู้ผิดพลาดขั้นตอนไหนเหมือนกัน แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่มีบัตรเครดิตและรู้เรื่องขั้นตอนการซื้อของผ่านเน็ต การเลือกจ่ายค่าสมัครไอเอลด้วยบัตรเครดิตเป็นทางที่ดีที่สุดเลยค่ะ เร็วด้วย

หลังจากส่งหลักฐานโอนเงินไปให้เขา รอสักพักใหญ่ สถานะจ่ายเงินมันจะ activate แล้วบอกรายละเอียดให้เรา ว่าเราลงสอบวันไหน สอบพูดวันไหน แต่สถานที่สอบยังไม่ประกาศ จะประกาศประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนสอบ...ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สมัครสำเร็จซักที

ยัง ยังไม่จบ รุ่งขึ้น idp โทรมาบอกว่า บัตร ปชช น้องไม่ชัด ให้ไปทำใหม่ แล้วอัพโหลดอันใหม่แทนอันเก่า...ก็เลยต้องไปทำใหม่ค่ะ (ตามที่ได้เล่าไว้ข้างบน) รู้สึกเขาจะเข้มงวดกับบัตร ปชช เหมือนกันนะคะ ต้องชัด คงเพราะกลัวคนทุจริต วันที่เราไปสอบ แอบเหลือบดูบัตร ปชช คนอื่น ใหม่เอี่ยมกันมาทั้งนั้นเลยค่ะ

อ้อ....ลืมบอกไว้ IELTS regular ของ idp เลือกวันสอบพูดได้ด้วยนะ
IELTS regular ที่สอบวันเสาร์ เลือกสอบพูดได้ เสาร์ อาทิตย์ หรือ จันทร์
IELTS regular ที่สอบวันพฤหัส สอบพูดได้พฤหัส เท่านั้น

วันสอบ

เราสอบที่ รร ฮอลิเดย์ อินน์ ตรงสีลมอ่ะค่ะ ใกล้ๆ รพ.เลิดสิน ส่วนพูดเราเลือกสอบวันจันทร์เลย ที่ ตึก CP ตรง bts ศาลาแดง (ทุกคนพูดที่นี่หมด)
เรามาจากนครปฐม มาถึงที่ รร ประมาณ 8 โมง หาห้องสอบพอรู้ว่าตรงไหนก็เลยเดินไปหาของกินรองท้องสำหรับการรบ (การสอบ) 3 ชม กลับมาอีกทีประมาร 8.30 คนมากันเยอะแล้ว...

ทางศูนย์สอบจะให้ ฝากกระเป๋า เอาเข้าไปได้แค่ ดินสอ ยางลบ(ต้องดึงปอกออก) บัตรปชช. ธนบัตร มีน้องที่มาสอบคนหนึ่งถาม จนท ว่า เอายาดมเข้าไปได้ไหม คำตอบคือ ได้ แต่แกะฉลากข้างยาดมออกด้วย...อย่าลืมเข้าห้องน้ำก่อนเข้าห้องสอบให้เรียบร้อยด้วยนะจ้ะ... หลังจากนั้นก็ไปเช็ครหัสประจำตัวสอบที่ จนท แล้วถ่ายรูป แล้วสแกนนิ้ว แล้วก็เดินเข้าห้องสอบได้เลยจ้า ก่อนเจ้าจะมี จนท มาค้นตัว ตามกระเป๋า ตามแจ็กเก็ต ถ้าเจอของที่เขาไม่อนุญาต เขาก็จะเก็บไว้ให้ พอสอบเสร็จก็มาเอาคืนไป (ปากกา ห้ามเอาเข้านะ)

จากนั้น ก็จะมี จนท มาพาเราไปหาที่นั่งสอบ ซึ่งเรียงตัวเลขประจำตัวของเรา บนโต๊ะ จะมีกระดาษแผ่นเล็กๆ แปะอยู่...เช็ค ชื่อ นามสกุล เลขบัตร ปชช เรา ให้ถูกต้อง...แล้วกระดาษใบนี้มันก็จะบอกเราด้วย ว่าคิวสอบพูดเรา เวลาเท่าไหร่

9.00 ได้เวลาสอบ เขาอธิบายเรื่องคำชี้แจงการสอบ (เป็นภาษาอังกฤษนะ อาจารย์ฝรั่งเป็นคนพูด ตอนเราสอบเห็นแต่คนนี้ที่เป็นฝรั่ง ที่เหลือ จนท เป็นคนไทยหมด) ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ก็จะบอกว่า สอบอะไรบ้าง ฟัง อ่าน เขียน อย่างละกี่นาที อยากเข้าห้องน้ำให้ทำไง ห้ามเข้าห้องน้ำตอนไหนบ้าง อะไรประมาณนี้

แล้วก็มาถึงการสอบ ส่วนแรก สอบฟัง...ข้อสอบ 40 ข้อ 4 part, part ละ 10 ข้อ
1.    อาจเป็น phone conversation เราสอบนานแล้วจำไม่ได้
2.    จำไม่ได้
3.    เป็นเรื่อง กีฬาบนนำแข็ง จำชื่อไม่ได้
4.    เป็นเล็กเชอร์ยาวๆ หน่อย ครั้งนั้นเราได้เรื่อง saffron คำถามเป็นเติมคำ

หลังแต่ละ conversation จบ จะมีเวลาให้เช็คคำตอบ 30 วินาที/ 5 ข้อ (โดยประมาณ) และ ก่อนแต่ละ conversation จะเริ่มจะมีเวลาให้อ่านคำถาม 30 วินาที/ 5 ข้อ (โดยประมาณ) ยกเว้น conversation ที่ 4 ให้อ่านคำถาม 1 นาที/10 ข้อ
และหลัง conversation สุดท้าย จบ จะมีเวลา transfer คำตอบจากสมุดคำถามลงในกระดาษคำตอบ 10 นาที

หมดเวลา...เขาจะสั่งให้วางดินสอ คือ วางก็คือวางนะ ห้ามทำยึกยักแบบขอเขียนอีกหน่อย ไม่เอานะ ทำไม่ได้ก็เดาไปเลยใน 10 นาที ที่ transfer อ่ะ เดามั่วๆ ไป...เพราะตอบผิดไม่ติดลบ

พาร์ทฟังนี่ ฟังให้ดีนะ มันหลอกเยอะมาก โดยเฉพาะพวก choice มันจะพูดทั้งสามตัวเลือก เราต้องฟังให้ดี ว่าที่ถูกอ่ะอันไหน เช่น (ตัวอย่างเราสมมติมาเองนะ)
a.    Pink
b.    White
c.    Black
คำถาม คนสองคนคุยกัน
A: ฉันอยากจะซื้อเสื้อสักตัว คุณว่าสีไหนเหมาะกับฉัน
B: ชมพู...ฉันชอบสีชมพู และมันดูสดใสเข้ากับเธอดี (หลอกด้วยการเน้น pink แบบชัดเจน)
A: แต่ฉันชอบสีดำนะ มันดูไม่สกปรกง่าย (หลอกด้วยการเน้น black แบบชัดเจน)
B: สีขาวก็สวยนะ ใส่ได้หลายโอกาส เหมาะด้วยที่เธอจะใส่ไปงานปาร์ตี้ตอนสุดสัปดาห์นี้
A: แจ่มเลย งั้นเอาสีขาว (พูด white แบบเร็วๆ)

สำหรับเรา...เราว่า คำถามแบบเติมคำง่ายสุด แต่ละ conversation จะมีเวลาให้อ่าน คำถามก่อน conversation จะเริ่ม ก็รีบๆ อ่าน แล้ว วง keyword ไว้ แล้วรอฟังคำตอบในเทปบันทึกเสียง
คำถามทุก conversation จะเรียงตามเนื้อเรื่องในเทป เฉพาะฉะนั้น สมมติ คุณกำลังฟังคำตอบของข้อ 3 อยู่ แต่เทปพูดคำตอบของข้อ 5 แล้ว แสดงว่า คุณพลาดคำตอบของข้อ 3และ4 ไปแล้ว ให้ไปทำ ข้อ 5 เลย อย่ามัวมารอหาคำตอบข้อ 3 อยู่นั่น ไม่อย่างนั้นจะพลาดอีกเยอะนะจ้ะ จะบอกให้...

พาร์ทอ่าน ทั้งหมด 40 ข้อ 1 ชม.

มี 3 บทความ บทความที่ 1 และ 2 มี 13 ข้อ ส่วนบทความที่ 3 มี 14 ข้อ
ลักษณะคำถามจะหลากหลายมาก อาจเป็น choice, pair, fill in blank (มีทั้งแบบที่มีคำกำหนดไว้ให้แล้ว หรือแบบที่ต้องไปหาคำจากบทความที่อ่านมาเติมเอง), heading, หา information ที่โจทย์ให้ถามว่าอยู่ย่อหน้าไหนในบทความ โอย...สารพัด

แบ่งเวลาให้ดี บทความละ 20 นาที แต่ว่ากันว่าบทความแรกจะง่ายสุด และบทความสุดท้ายจะยากสุด เป็นไปได้ก็ทำบทความที่ง่ายให้เร็วๆ เข้าไว้ เร็วกว่า 20 นาที จะได้มีเวลาทำบทความที่ยากเยอะหน่อย แต่สำหรับเรา เราว่า บทความละ 20 นาทีนี่กำลังดี เราชอบแบบนี้

เรื่องบทความนี่ก็เป็นอะไรที่อาศัยดวงหน่อยๆ เกิดได้เข้าทางนี่ก็โป๊ะเชะเลย อย่างตอนเราสอบก็ภาวนาขอให้ได้แนว วิทยาศาสตร์หน่อยๆ เพราะเราเรียนวิทย์มา (แต่จำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นได้เรื่องอะไร ขอโทษด้วย)

พาร์เขียน จะมี 2 ข้อ รวม 1 ชม (ข้อแรก 20 นาที ข้อสอง 40 นาที) แต่แล้วแต่นะ คุณจะเขียนข้อแรกมากกว่า 20 นาทีก็ได้ แต่ ข้อแรก คะแนน น้อยกว่า ข้อ 2 นะ ชั่งน้ำหนักเวลาเอาเอง

ข้อแรก เป็นอธิบายกราฟ ต้องเขียน 150 คำ (การเขียนครบกำหนดคำ เป็นหนึ่งในเกณฑ์การให้คะแนน) อาจเป็น กราฟแท่ง กราฟเส้น กราฟวงกลม (pie chart) หรือ แผนภาพอธิบายกระบวนการ หรือ ภาพเปรียบเทียบ
แนะนำให้อ่านตำรา ตามตำราจะมีบอกวิธีการเขียนไว้พอควร มีทริคแนะนำด้วย พวกคำขึ้นต้น คำเชื่อม

ครั้งที่เราสอบได้ กราฟแท่งแสดงกิจกรรมที่เด็กๆ ทำเวลาว่าง เช่น ดูทีวี เล่นกีฬา ฯลฯ เปรียบเทียบกันระหว่างเด็กหญิงกับเด็กชาย

ข้อสอง จะเป็นแนวเขียนอภิปรายเกี่ยวกับหัวข้อที่เขาให้มา เช่น ปัจจุบันนี้อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ดีมาก แต่บางคนก็กล่าวว่า อินเตอรเน็ตทำให้เด็กใกล้ชิดธรรมชาติน้อยลง คุณเห็นด้วยกับอันไหน อธิบายหรือยกตัวอย่างประกอบ แนวๆ นี้
ครั้งที่เราสอบ เราได้เรื่อง งานจิตอาสา ถามประมาณว่า วันรุ่นควรทำงานที่เป็นแบบอาสาสมัครและไม่ได้รับเงินตอบแทนไหม มันดีต่อสังคมยังไง คุณคิดว่ายังไง

พาร์ทพูด ประมาณ 15 นาที แบ่ง เป็น 3 ส่วน

เข้าไป คนสอบ (ฝรั่ง) ก็จะพูดแนะนำตัว ทักทายนิดหน่อย เขาจะอัดเทปไปด้วย แล้วก็จะเริ่มคุยกับเราในส่วนที่ 1

ส่วนที่ 1 ถามทั่วไป สั้นๆ เช่น ทำงานอะไร ชอบงานไหม เล่นกีฬาอะไร งานอดิเรกอะไรในประเทศคุณกีฬาอะไรเป็นที่นิยมสุด คุณคิดว่าทำไม...ส่วนนี้ง่ายสุด

ส่วนที่ 2 จะมีกระดาษคำถามมาให้ และมีเวลาในให้จดโน้ตไอเดียที่เราจะพูดตอบ 1 นาที หลังจากนั้นก็ให้เราพูดตอบ อีก 1.30-2.00 นาที ครบเวลาเขาจะให้หยุดพูด คำถามที่เราได้ในส่วนนี้คือ How to keep fit? ให้พูดอะไรบ้าง activity / how often / who you do the activity with / where you do the activity

ส่วนที่ 3 จะเป็นคำถามที่เชื่อมโยงจาก ส่วนที่ 2 แต่จะยากขึ้นหน่อย ให้เราแสดงความคิดเห็น เช่น เมืองไทยมี facility สนับสนุนคนออกกำลังกาย พอไหม / ทำไมเด็กๆ ไม่ชอบ ออกกำลังกาย / รัฐบาลต้องทำยังไงสนับสนุนคนออกกำลังกาย /

หวังว่าจะได้ไอเดียกันบ้าง และเป็นประโยชน์กับผู้ที่จะสอบทุกท่านนะ ขอให้สมหวังกับทุกคน
แล้วจะมา รีวิว ukvi ให้ฟังต่อ ยังจำข้อสอบได้อยู่เลย เพราะเพิ่งสอบไป หุหุ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่