[CR] [อยากเล่าให้ฟัง] ไปโอซาก้ามา : แบกเป้+ลากกระเป๋า (18-23 พ.ค.2015)

นานามาลัย




               สวัสค่ะเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวพันทิป .... เราไม่เคยเขียนกระทู้แบบนี้เลย ตื่นเต้นว่ะ  ... เดี๋ยว ตื่นเต้นทำไม ฮร้าาาาาาา  
เข้าเรื่องเลยแล้วกัน เรากับเพื่อนไปเที่ยวญี่ปุ่นมาเมื่อตอนประมาณ พ.ค. ปีนี้นี่แหละ แต่เพิ่งมีโอกาสได้มาตั้งกระทู้ มาแชร์เรื่องที่เราไปเที่ยวมาให้ฟัง คือเราจะมาเม้าท์ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากไปเที่ยวบ้างหรืออะไรก็ว่ากันไป 55555555 นี่เป็นการไปเที่ยวแบบแบกเป้กันไป(เพื่อนน่ะนะ) แต่เราลากกระเป๋าว่ะ ภาพอาจจะไม่สวยเพราะทั้งสองคนไม่มีใครถ่ายรูปเก่ง ถือเป็นการเก็บความทรงจำแบบง่ายๆ ไว้ในรูป ^^  

ก่อนเล่าเรื่อง ....

๑. นี่เป็นการเล่าเรื่องจากประสบการณ์ของเรากับเพื่อน เป็นครั้งแรกที่เราไปต่างประเทศ และไปญี่ปุ่น ถ้าหากให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาหารหรือสถานที่ผิดไปบ้างก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ^^
๒. การเที่ยวครั้งนี้เป็นการเที่ยวแบบสาย-(มื้อใหญ่) ส่วนมื้อเล็กๆ เราจะกินกันแบบ 'ง่ายๆ'
๓. งบประมาณเราจำไม่ได้ว่าหมดไปเท่าไหร่แบบชัวร์ๆ แต่ระหว่างเล่า เราจะแปะๆ จำนวนเงินที่จ่ายไปให้ทราบเป็นระยะๆ
๔. เดินทางครั้งนี้เราเตรียมตัวกันบ้างเล็กน้อยถึงมาก เช่น จองตั๋วเครื่องบินข้ามปี จองที่พักล่วงหน้าไว้สำหรับที่ใหญ่ๆ แพลนว่าจะเที่ยวแลนมาร์คไหนบ้าง(ยิบย่อยค่อยว่ากันที่ญี่ปุ่นไรงี้) เช่าพ็อคเก็ตไวไฟไปจากเมืองไทย ซื้อ JR PASS (ตั๋วรถไฟแบบเหมา) แล้วก็เช็คสภาพอากาศ บลาๆ ตอนนั้นเราไปดูอะไรซักอย่างบอกจะมีพายุ... เห้ย... เลยถามเพื่อนว่าเอาไงวะ เพื่อนบอก ไปเถอะครับ จองตั๋วเครื่องบิน+ที่พักแล้ว เราก็อ้ะ... งั้นจัดไป 5555555555 พ่อเราบอกก่อนไปใส่แหวนสลักชื่อไว้นะลูก ถ้าเป็นอะไรไปที่นู้น เขาจะได้ส่งเรากลับบ้านถูก ฮาๆๆ


- - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - -


คืนแรกของการเดินทาง

ณ สนามบินดอนเมือง ประเทศไทย


           เราก็จัดการโหลดกระเป๋า แลกเงินให้เรียบร้อยนะคะ นั่งรอต่อคิวเช็คนั่นนี่ บลาๆ เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ฮาๆ ระหว่างรอเราก็คุยเรื่องนั่นนี่กันว่าไปโอซาก้ากี่โมง เราจะพักที่ไหนดี รีบเสิร์ทหาข้อมูลเกี่ยวกับที่พักกันใหญ่ เพราะเราไปถึงที่นู้นดึกมากแน่ๆ จากการคาดการณ์บวกลบเวลาเผื่อเครื่องดีเลย์ด้วย... ในเวลาประมาณ 15.40 น. พวกเราออกเดินทางไปกับเครื่องบินหางแดงลำใหญ่โตมุ่งตรงสู่โอซาก้า มีไฟล้ท์แอทเทนเเดนท์น่ารักๆ เวลาพูดตอนขายของบนเครื่องนี่เราชอบมากเลย เวลาจะเสิร์ฟข้าวก็แบบจะบรรยายถึงกลิ่นข้าว... อย่างตอนไปเราสั่งข้าวเหนียวไก่ย่าง (ราคา 250 บาทมั้ง) โอโห่ พี่แกก็เล่นบรรยายทั้งกลิ่น ทั้งสรรพคุณ รสชาติตอนเคี้ยวบอกว่ามันหอมและละมุนลิ้นแค่ไหน ฮาๆๆๆ เราก็ขำกันไป เคยได้ยินแต่อาจารย์เล่า พอมาเจอกับตัวเองว่าไฟล้ท์แอนเทนแดนท์ของสายการบินนี้น่ารักแบบนี้ เราก็เออ น่ารักจริงๆ
            ตอนอยู่บนเครื่องเพื่อนเรามันก็นอนและนอน เราก็นั่งเล่นเกมโทรศัพท์ไป ฟังเพลงไปเรื่อย มองเมฆค่อยๆ เปลี่ยนสีด้วยความตื่นเต้นว่าเมื่อไหร่จะถึงญี่ปุ่น สนามบินตอนกลางคืนคงสวยมากแน่ๆ เพราะเป็นเกาะแยกออกมาไรงี้ เราก็มโนๆ ไปเรื่อย ระหว่างบินก็มีเอกสารเล็กๆ น้อยๆ มาให้เรากรอกค่ะ เอาไว้ใช้ผ่าน ตม. มั้ง แบบเราจะไปทำอะไรในประเทศเขา เที่ยวกี่วัน อะไรทำนองนี้
           ปล. นั่งเครื่องชั้นอีคอนอมิค .... ควรจะเตรียมหมอนรองคอไปด้วยนะคะ ^^ เราสองคนพลาดมาก... ก... ฮาๆๆ ปวดคอจนถึงญี่ปุ่น




        และแล้วเราก็มาถึงที่ Kansai International Airport ในเวลาประมาณ 23.40 น. มีรถรถไฟฟ้ามารับที่ Gate ไปที่อาคารใหญ่ๆ อีกที ซึ่ง... ตรงด่านตรวจคนเข้าเมืองคนเยอะมาก แต่คนตรวจแอบหน้าตาดี ตัวเล็กๆ สวมแว่น ท่าทาเหมือน แอล ใน เดทโน้ต 5555555 เราก็ยิ้มหวานให้เขา ปั้มลายนิ้วมือและกรอกข้อมูลเพิ่มเล็กน้อยตรงที่เรายังไม่ได้กรอก แล้วก็ผ่านประตูไป... ไปเอากระเป๋าค่ะ ก็มีคนยืนรอตรวจพาสปอร์ตอีกที อันนี้ก็หล่ออีกแล้ว ... (กรี๊ดไปตามประสาสาวโสด) หลังจากนั้นเราสองคนก็นิ่งสตั๊นเพราะไม่รู้จะไปพักที่ไหน เราก็เลยตัดสินใจเดินเล่นตามป้ายกันไปเรื่อยๆ ที่สนามทั้งที่ตอนนั้นก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว แล้วเราก็เดินออกไปเจอโรงแรม หรูมากกกกกกก เราก็มองหน้ากันและคุยกันว่าเอาไงดีวะ (คำถามเดิมอีกแล้ว) มันจะมีห้องพักที่ราคาถูกหรอ... ก็ตัดสินใจไปถามราคาห้องพักกับพนักงงานด้วยความใจกล้าแบบไม่ดูเงินในกระเป๋า 555555 ปรากฏว่า  แพงตามคาด เราก็หัวเราะขำกันแล้วเดินออกมา ยัง ยังชิลอยู่ ไม่มีที่นอนก็ยังชิลได้อยู่ ก็มาถ่ายรูปกัน แชะ แชะ


[ด้านหลังนั่นคือโรงแรม... ที่เราไม่สามารถนอนได้ ฮาๆๆๆๆ]

[ภาพนี้คือสถานีรถไฟนะคะ ที่จะเข้าเมือง]


           แล้วเพื่อนเรามันก็ตัดสินใจว่าเราควรจะเข้าเมือง ไปหาที่พักเอาดาบหน้าดีกว่าแห้งเหี่ยวอยู่ที่สนามบิน เพื่อนก็เข้าไปคุยกับพนักงานเลยค่ะ คุยภาษาอังกฤษ... ที่เราฟังสำเนียงคนญี่ปุ่นไม่ออกเลย TT แต่ยังดีที่เพื่อนเราเก่ง เย้ และเมื่อเพื่อแปลได้ใจความว่า 'รถไฟขบวนสุดท้ายกำลังจะออกแล้วค่ะ อีก 2 นาที' แค่นั้นแหละ โอ้โห่ วิ่งกันตับแลบ !! คิดดูว่ากระเป๋าลากของเราใบเท่าโลกแล้วเพื่อนก็แบกอีกสองกระเป๋าของมัน ฮาๆๆๆๆ ลุงคนขายตั๋วใบสีชมพูเขาก็ให้ตั๋วเรามา แล้วไปจ่ายเงินที่สถานีที่เราจะลง เพราะเขาไม่ขายตั๋วแล้ว !! next station is... นัมบะ




           พอเรามาถึงที่สถานีนัมบะ คือเงียบมาก รถไฟจอดสนิท มีคนแค่ไม่กี่คน แล้วเราสองคนก็ต้องเอาตั๋วสีชมพูไปจ่ายเงินที่ตู้... ซึ่งเราก็งง 555555 ภาษาอังกฤษก็ไม่มี โอ้ยยยยย แต่ด้วยความที่เพื่อนเรามันพอจะรู้เรื่องไง มันก็พาเราไปจ่ายที่ตู้แบบมั่วๆ กันโดยมีสายตาของเหล่าพนักงานที่จะปิดสถานี(หรืออย่างไรไม่ทราบ) ยืนจ้องมองอยู่ ฮาๆๆ เราก็แบบเห้ยเร็วๆ ดิ โดนสายตาพิฆาตว่ะ เสร็จแล้วเราสองคนก็ตื้ดบัตรแล้วออกมาจากสถานีได้ (รอดมาได้แบบที่กดจ่ายมั่วๆด้วย) บริการรถไฟฟ้าของเขาก็คล้ายๆ กับของบ้านเรานะคะ ไม่ต่างกัน
          แล้วเราก็เปิดโทรศัพท์กันเพื่อหาที่พัก ใช้กูเกิ้ลแมพค่ะ เสิร์ทเลย Hotel ฮาๆๆๆๆ แล้วก็เจอหลายที่เลย แต่เราสุ่มๆ เลือก first cabin เพราะมีรีวิวในเน็ตด้วยไรงี้ ใกล้ที่ๆ เรายืนอยู่ด้วย เราก็ลากกระเป๋าข้ามถนนกันไปตาม gps ที่บอกทางเลยค่ะ (มีเดินหลงด้วยนะ พูดจริง) ขอพูดถึงบรรยากาศตอนกลางคืนหน่อย ลืมพูดไปในตอนแรก... อากาศค่อนข้างเย็นนะสำหรับเรา เราบ้านอยู่ภูกระดึงไง อากาศในตอนนั้นเหมือนตอนฤดูหนาวของภูกระดึงเลย เย็นแบบขนลุกขนชัน สบายดีค่ะ สดชื่นนนนนน (ขออากาศแบบนี้ที่เมืองไทยสัก 12 เดือนต่อปี อิอิ)


[ยิ้มอ่อน...555555555]

[ใจเราก็อยากจะถามเขานะว่าเราจะไปพักที่ไหนได้ในคืนนี้... แต่ภาษาอังกฤษเราและเขาคงไม่แข็งแรงพอกัน ฮาๆๆ]

[ไปทางซ้ายก่อน.... แล้วเดินกลับมาเพราะไม่ใช่]

[งั้นไปทางขวา.... ไม่ดีกว่ายิ้ม กูว่ามันดูแพงไป เฟิร์สแคบบินไม่น่าจะอยู่ทางนี้ ฮาๆๆ]

[งั้นไปตรงกลาง.... หลง 55555555 เดินกลับมา เริ่มใหม่ เซตแผนที่ใหม่อีกรอบ คิดแล้วก็ตลกว่ะ กว่าจะได้นอน]


       พอเริ่มใหม่ เราก็ต้องเดินเรียบๆ ไปตามทางขวานั่นแหละค่ะ ดูจากภาพด้านบนเนาะ ก็เดินตรงไปในภาพขวา แต่ไม่ได้เลี้ยวขวา ฮาๆๆ เอ้า งง เออ งง ต่อๆๆ แล้วพอเราหา First cabin เจอ เราก็ดีใจและส่งเพื่อนไปเจรจาเช่าห้องพักด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงทิงกฤษเจอกับญี่ปุ่นอิงลิชสไตล์ โอ้โห่... ยังไงก็ได้ห้องพักมา ราคาห้องละ 1,200 บาท (ก็ยังดีกว่าอันแรกล่ะวะ)(ราคาต่อคนนะคะ)  อันนี้เป็นห้องนอนแบบ แคบิน แยกหญิงชาย เป็นแบบตู้สี่เหลี่ยมเล็กๆ แต่นอนสบายมากกกก แอร์เย็นฉ่ำ มีโทรทัศน์ ฮีทเตอร์ ปลั๊กไฟ ไวไฟ มีชุดนอน+ผ้าเช็ดตัวให้ เป็นห้องอาบน้ำรวม (แยกหญิงชาย คนละชั้น) เรานอนชั้น 4 เพื่อนน่าจะนอนชั้น 6 ตอนแรกเราแอบกลัวเหมือนกันเพราะต้องแยกกันนอนกับเพื่อน แล้วคือมันเป็นตู้นอนแบบที่มีแค่ม่านปิดกั้นเป็นประตูของแต่ละห้อง ตอนเช้าเราก็กังวลว่าแบบถ้าเราตั้งนาฬิกาปลุก มันจะดังรบกวนคนอื่นป่าววะ บลาๆ แต่เรื่องนาฬิกายังไม่เท่าเรื่องอาบน้ำ 5555555555555 ห้องอาบน้ำรวม !!!!! นั่นหมายถึง แก้ผ้าอาบโท้งๆ เลยจ้า ...  [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ประมาณตีหนึ่งกว่าเกือบตีสอง เราก็เดินออกมาหาห้องอาบน้ำ แล้วเราก็เจอผู้หญิงญี่ปุ่นสวยๆ คนหนึ่ง เราก็เลยถามเขาว่า where is bathroom เขาก็ชี้ๆๆๆ แล้วก็พูดภาษาญี่ปุ่น ... คือแก ฉันฟังไม่รู้เรือง 55555555 แต่ก็ thank you ไป แล้วเดินๆไปตามทางที่นางชี้ เราก็เออ... สุดท้าย ห้องน้ำอยู่ชั้นหนึ่ง ฮาๆๆ เป็นห้องน้ำรวม พอเราเข้าไปก็เจอผู้หญิงแก้ผ้าอาบน้ำอยู่ก่อนเลยจ้า โอ้ยยยยย เขิน.... โอเค ข้ามฉากนี้ไปละกันเนาะทุกคน








พรุ่งนี้เราจะเล่าต่อยาวไป ยาวไป
แปลนวันที่สองคือ... Universal Studio Japan, HEP five ferris wheel, ตลาดแถวๆ นั้น ของกินพื้นๆ แบบญี่ปุ่นและไปที่พักที่เราจองไว้
ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น นารา เกียวโต โกเบ โอซาก้า
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่