... สัทธรรมปฏิรูป สาเหตุหนึ่งที่จะทำให้พระศาสนาเสื่อมเร็วยิ่งขึ้น (พร้อมตัวอย่าง) ...

.

ขอกราบไหว้พระรัตนตรัยด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง

----------------------



พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๙  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๑
ขุททกนิกาย มหานิทเทส
ชราสุตตนิทเทสที่ ๖




[๒๒๓] คำว่า พระอรหันต์นั้น ย่อมไม่กำหนัด ย่อมไม่คลายกำหนัดเลย
มีความว่าพาลปุถุชนทั้งปวงย่อมกำหนัด
พระอริยบุคคลผู้เสขะ ๗ จำพวก ตลอดถึงกัลยาณปุถุชน ย่อมคลายกำหนัด

ส่วนพระอรหันต์ย่อมกำหนัดหามิได้ ย่อมคลายกำหนัดก็หามิได้.
เพราะพระอรหันต์นั้นคลายกำหนัดแล้ว

เพราะเป็นผู้ปราศจากราคะโดยราคะสิ้นไปแล้ว
เพราะเป็นผู้ปราศจากโทสะโดยโทสะสิ้นไปแล้ว
เพราะเป็นผู้ปราศจากโมหะโดยโมหะสิ้นไปแล้ว

และพระอรหันต์นั้นอยู่จบแล้ว มีจรณะอันประพฤติแล้ว ฯลฯ ภพใหม่มิได้มีแก่พระอรหันต์นั้น

เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า

พระอรหันต์นั้น ย่อมไม่กำหนัด ไม่คลายกำหนัดเลย.

เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า

พระอรหันต์ผู้มีปัญญาเป็นเครื่องกำจัด ย่อมไม่สำคัญในรูปที่เห็น เสียง
ที่ได้ยิน และอารมณ์ที่ทราบ พระอรหันต์นั้น ย่อมไม่ปรารถนาความ
หมดจดด้วยมรรคอื่น ย่อมไม่กำหนัด ย่อมไม่คลายกำหนัดเลย ดังนี้.




------------------
-------------------


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕
มหาวรรค ภาค ๒


ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราและพวกเธอเร่ร่อนท่องเที่ยวไปตลอดกาลนานอย่างนี้
เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้แทงตลอดทุกขอริยสัจ .... ทุกขสมุทยอริยสัจ .... ทุกขนิโรธอริยสัจ .... ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ทุกขอริยสัจ ทุกขสมุทยอริยสัจ ทุกขนิโรธอริยสัจ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนี้นั้น
อันเราและพวกเธอได้ตรัสรู้แล้ว ได้แทงตลอดแล้ว
ตัดตัณหาในภพได้ขาดแล้ว ตัณหาที่จะนำไปเกิดก็สิ้นแล้ว บัดนี้ ไม่มีการเกิดอีกต่อไป.




-------------------
--------------------


สัทธรรมปฏิรูป เป็นสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้พระศาสนาเสื่อม
เหตุที่สำคัญที่สุดมาจากพุทธบริษัท 4 ทั้งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา
ดังนั้น พุทธบริษัททุกฝ่าย ควรมีส่วนร่วมในการสืบทอดพระพุทธศาสนานี้
เพื่อให้ลูกหลาน ได้ยึดเป็นสรณะที่พึ่ง ที่ระลึกต่อไป



พระพุทธองค์ทรงสอนว่า
"อัตตนา โจทยัตตานัง : จงเตือนตนด้วยตนเอง"
คือ ให้เน้นดูความผิดของตัวเองเป็นหลัก อย่าไปเพ่งโทษหรือติเตียนผู้อื่น แม้เขาจะผิดจริง ก็ไม่ควรจะไปด่าหรือตำหนิเขา

แต่พระองค์ก็ยังทรงสอนว่า
อย่าคบคนพาล ให้คบบัณฑิต นั่นคือ ให้อยู่ใกล้กัลยาณมิตร  จะได้มีความเจริญ
ในทางธรรมเรื่องของกัลยาณมิตรถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมิตรที่ดีจะช่วยให้เรามีสัมมาทิฏฐิ
ในที่นี้รวมความถึงครูบาอาจารย์ด้วย

ในเมื่อเรายังไม่รู้ว่าใครคือบัณฑิตหรือคนพาล จึงเป็นเรื่องที่เราควรจะรู้เพื่อป้องกันการหลงผิด
(เพราะหากหลงผิดไปแล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่จะไปแก้ไขความคิดเขา)

ทั้งนี้เพื่อให้เกิดสัมมาทิฏฐิแก่ตัวเราเองและเพื่อนร่วมสังสารวัฏ


พุทธภาษิต
นิธีนํว ปวตฺตารํ
ยํ ปสฺเส วชฺชทสฺสินํ
นิคฺคยฺหวาทึ เมธาวึ
ตาทิสํ ปณฺฑิตํ ภเช
ตาทิสํ ภชมานสฺส
เสยฺโย โหติ น ปาปิโย.

พึงเห็นผู้มักชี้โทษเหมือนผู้บอกขุมทรัพย์
พึงคบหาท่านผู้กล่าวข่มขี่ มีปัญญา เป็นบัณฑิตเช่นนั้นเถิด
เมื่อคบบัณฑิตเช่นนั้น ย่อมมีแต่คุณอันประเสริฐ
หามีโทษที่เลวทรามไม่

http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=16&p=1


-----------

ในการอยู่รวมกันเป็นสังคมก็มีคติอย่างเดียวกัน
รู้เห็นว่าใครทำอะไรผิดแล้วปล่อยปละละเลย
อ้างว่าไม่ใช่ธุระของเรา
ซ้ำอ้างว่าพระพุทธศาสนาสอนไม่ให้มองหาความผิดของคนอื่น
ก็มีค่าเท่ากับปล่อยให้เรื่องไม่ถูกต้อง อยู่คู่กับสังคมนั่นเอง

พระพุทธเจ้าตรัสว่าคนชี้โทษเหมือนคนบอกขุมทรัพย์
การให้ความรู้ความเข้าใจ จึงไม่ใช่เรื่องชั่วช้าเลวทราม


ความคิดที่ว่า

การหยิบเอาความผิดพลาดบกพร่องของใครขึ้นมาพูด ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ดี เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
ใครทำอะไรไม่ถูก ก็เป็นเรื่องของเขา
ไม่ควรพูดถึง คือควรปล่อยไปตามเรื่องของเขา
ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะเข้าไปยุ่งด้วย
ฯลฯ

ความคิดแบบนี้ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้คนทำผิดคงทำผิดได้ต่อไป

สำหรับคนที่ทำผิดเพราะไม่รู้
เมื่อไม่มีใครทักท้วง ก็ย่อมจะเข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องแล้ว
คือเข้าใจว่า ผิดนั้นเป็นถูก

อาจอ้างต่อไปด้วยว่า

ถ้าผิดก็จะต้องมีคนทักท้วงไปแล้วสิ นี่ไม่เห็นมีใครว่าอะไรนี่

ถ้าเป็นเช่นนี้มากเข้านานเข้า ผิดนั้นก็จะกลายเป็นถูกไป


เรียบเรียงจาก
https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/936156023144802
http://sammatitti.blogspot.com/2012/10/blog-post_27.html


--------------------
--------------------



ตัวอย่างคำสอนนอกแนว ไม่ใช่คำสอนในศาสนาพุทธเถรวาท เป็นสัทธรรมปฏิรูป มีวาทะเป็นข้าศึกกับพระศาสดา

คัดค้านในคุณสมบัติของพระอรหันต์ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้

เป็นผู้ไม่รู้จักดื่มธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว อันใครๆ แสดงอยู่

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ซ้ำบ่อนทำลายสังฆรัตนะ





พระอรหันต์ยังมีราคะ โทสะ โมหะ



https://www.youtube.com/watch?v=XJLGCHiu5F0

พุทธวจน faq จิตของพระอรหันต์ยังมี ราคะ โทสะ โมหะ หรือไม่



เวลา 0.58
พระมาร์ค (อ่านคำถาม) :

แล้วพระสูตรนี้จะเกี่ยวข้องกับที่ พอจ.ว่า
"พระอรหันต์ ยังมีโลภะ โทสะ โมหะ อยู่" แต่ท่านจะรู้ภาวะจิตเกิด จนกระทั่งดับ ทุกขณะจิต
หรือไม่อย่างไร ครับ.




เวลา 1.12
พระคึกฤทธิ์ (ตอบ) :

ก็ไปดูที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้สิ ตรงนี้ก็คือการถอนอุปาทานในสิ่งเหล่านี้ นะ
แล้วที่พระองค์บอกเครื่องวัดสอบความเป็นพระอรหันต์ น่ะ
ก็เอาอันเนี่ยะไปดูไปนั่งใคร่ครวญให้เข้าใจ ดูซิว่าเข้าใจมั้ย
พระสูตรก็บอกไว้ให้หมดอยู่แล้ว ก็สมบูรณ์ในตัวของพระสูตรนั้น ๆ เอง





เวลา 1.41
พระมาร์ค อ่านคำถาม.. :

ขอ พอจ.เมตตา แสดงพระสูตรที่เกี่ยวกับ พระอรหันต์ ยังมีโลภะ โทสะ โมหะ อยู่
แต่ท่านจะรู้ภาวะจิต ตั้งแต่เกิด จนกระทั่งดับ ทุกขณะจิตด้วยครับ




เวลา 1.53
พระคึกฤทธิ์ (ตอบ) :

ในอริยสัจจากพระโอษฐ์ ไปนั่งอ่านสิ น่ะ

เครื่องวัดสอบความเป็นพระอรหันต์
ราคะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป ก็รู้
โทสะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รู้
โมหะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป รู้

ไปนั่งใคร่ครวญเอาแล้วกันน่ะ
ไปอ่านจากพระโอษฐ์ หลายๆรอบ


-------------------
-------------------


พระอรหันต์พูดผิด คิดผิด ทำผิด


นี่คือภาพที่พระ ... ภิกษุสาวกวัดนาป่าพง นำมาแสดงเพื่อยืนยันว่า พระอรหันต์คิดผิด พูดผิด ทำผิด ตามคำบอกเล่าของพระคึกฤทธิ์
ซึ่งมักจะกล่าวเช่นนี้ให้สาธุชนฟังอยู่เสมอเพื่อสนับสนุนความคิดเห็นของตนว่าพระศาสดาห้ามฟังคำสาวก
โดยการยกพระสารีบุตรและพระอรหันต์รูปอื่นๆ ขึ้นแสดง




-
-
-
-

สารีบุตร เราติเตียนกรรมไรๆ อันเป็นไปทางกายหรือทางวาจาของเธอไม่ได้เลย

สารีบุตร เธอเป็นบัณฑิต

สารีบุตร เธอเป็นผู้มีปัญญามาก เป็นผู้มีปัญญาแน่นหนา

สารีบุตร เธอเป็นผู้มีปัญญาชวนให้ร่าเริง เป็นผู้มีปัญญาว่องไว เป็นผู้มีปัญญาหลักแหลม เป็นผู้มีปัญญาสยายกิเลสได้

สารีบุตร โอรสพระองค์ใหญ่ของพระเจ้าจักรพรรดิ ย่อมยังจักรอันพระราชบิดาให้เป็นไปแล้ว ให้เป็นไปตามได้โดยชอบ ฉันใด

สารีบุตร เธอก็ฉันนั้นเหมือนกันย่อมยังธรรมจักรอันยอดเยี่ยม อันเราให้เป็นไปแล้วให้เป็นไปตามได้โดยชอบแท้จริง ฯ



ท่านพระสารีบุตรจึงกราบทูลอีกว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หากว่าพระผู้มีพระภาค ไม่ทรงติเตียนกรรมไรๆ อันเป็นไปทางกาย หรือทางวาจาของข้าพระองค์ไซร้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคจะไม่ทรงติเตียนกรรมไรๆ อันเป็นไปทางกายหรือทางวาจาของภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านี้บ้างหรือ ฯ



สารีบุตร เราไม่ติเตียนกรรมไรๆ อันเป็นไปทางกายหรือทางวาจา ของภิกษุ ๕๐๐ รูปแม้เหล่านี้
สารีบุตร เพราะบรรดาภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านี้ ภิกษุ ๖๐ รูป เป็นผู้ได้วิชชา ๓
อีก ๖๐ รูป เป็นผู้ได้อภิญญา ๖
อีก ๖๐ รูป เป็นผู้ได้อุภโตภาควิมุติ
ส่วนที่ยังเหลือเป็นผู้ได้ปัญญาวิมุติ ฯ”




-
-
-
-


ดังนั้น  การติเตียนพระอรหันตสาวกของพระศาสดาจึงนับได้ว่าเป็นกรรมหนัก
กรรมนี้เรียกว่า “อริยุปวาทกรรม” มีโทษเท่าอนันตริยกรรม ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานในภัทรกัปนี้กันทีเดียว


ที่มา
http://watnaprapong.blogspot.com/2015/02/blog-post_19.html


บทส่งท้าย

ในยุคปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าเชื่อว่า ยังมีเจ้าลัทธิ อีกมากมาย ที่ตั้งตน เป็นเจ้าสำนัก สอนธรรมะแบบผิดๆ
แต่เจ้าลิทธิเหล่านั้น เขาก็ไม่ได้อ้างว่า ที่สอนนี้เอามาจากพระไตรปิฎก หรือ ที่สอนนี้ เป็น พระดำรัสของพระพุทธเจ้า
และการที่เขาสอนผิดๆ แต่เขาไม่อ้างพระไตรปิฎก ไม่อ้างพระพุทธเจ้า นี้ ข้าพเจ้าถือว่า เป็นเรื่อง ส่วนตัว ของเขา
ใครจะเชื่อ ใครจะศรัทธาทำตาม ก็เป็นเรื่องของเขา ข้าพเจ้าก็จะไม่เข้าไปคัดค้าน หรือไป ยุ่งด้วย ถือว่าเป็นเรืองส่วนตัว

แต่ต่างจากคึกฤทธิ์ ที่ข้าพเจ้าต้องต่อต้าน เพราะ คึกฤทธิ์ สอนผิด แล้วยังอ้างว่า เอามาจากพระไตรปิฎก
และยังอ้างพระพุทธเจ้าด้วย (ไม่ใช่ทุกเรื่อง ที่ถูกก็มี)

อย่างคึกฤทธิ์ ทำนี้ ข้าพเจ้าถือว่าเป็นเรื่องส่วนรวม ทำความเสียหายให้กับส่วนรวม

เราชาวพุทธที่ดี จะนิ่งดูดายเมินเฉยไม่ได้ ข้าพเจ้า และ อีกหลายๆคน คิดอย่างนี้จึงออกมาต่อต้าน และชี้แจง

ความอันตรายของลัทธินี้อยู่ตรงที่ว่า อ้างว่าเป็นพุทธวจนะ แต่แทรกความเห็นผิดส่วนตัวเข้าไปอย่างมากมาย
เป็นการเอาพุทธวจนะบังหน้า

เมื่อไรหนอ พระคึกฤทธิ์ จะเป็นผู้อาศัย บาตร จีวร แล้วปฏิบัติตาม เดินตามพระพุทธเจ้า อย่างที่ท่านอ้างเสียที


ธรรมทาส ภักดีธรรม
(ป. ภิกขุ)
https://www.facebook.com/profile.php?id=100006740528856&fref=ts
.
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
(เพิ่มเติม)



------------------------
------------------------


พระอรหันต์ แสดงธรรมผิด




https://www.youtube.com/watch?v=gh8ktM1JM5w&feature=youtu.be



พระอรหันต์พูดโกหก


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 137
ขออภัยที่ไม่ได้เขียนอธิบายความมากนัก เพราะท่านอาจกังวลว่า เราจะเหนื่อย
เมื่อท่านถามมา ก็ตอบแบบละเอียดสักเล็กน้อย ดังนี้
--------------------------------
จากคำกล่าวของท่าน Liver ที่ว่า เราต่อต้านคำสอนพระคึกฤทธิ์เพราะพระคึกฤทธิ์ด่า มจร มมร

เรานำรูปนี้มาแสดง เพื่อสื่อว่า พระคึกฤทธิ์ด่าหมดนั่นแหละ ยกเว้นตัวเอง


(หมายเหตุ ถ้าจะให้ครอบคลุม รูปข้างบนนี้ เพิ่มด่าสำนักโกเอ็นก้า เข้าไปด้วย)

(รูปนี้ มีวงตรงท่านพุทธทาสไว้ด้วย เพราะเอามาจากเมนต์บนๆ ที่ศิษย์ธรรมกายคนหนึ่งบอกว่า
พระคึกฤทธิ์อ้างตำราจากท่านพุทธทาส เราก็เลยนำรูปนี้มาแสดงว่า พระคึกฤทธิ์จะเอายังไงกันแน่

เอ่อ ประเดี๋ยวเขาคงมาบอกว่า เขาไม่ใช่ศิษย์ธรรมกาย
ขอเปลี่ยนคำเรียกเป็นว่า ผู้ออกมาปกป้องธรรมกาย หลายร้อยเมนต์ เป็นนิตย์ ก็แล้วกัน)



เรียนตามตรงว่า เรายังไม่รู้เลยว่า มจร มมร ย่อมาจากอะไร ต้องอาศัยกูเกิ้ลเอา ตอนนี้ถึงได้รู้

เราเพิ่งจะรู้อีกต่างหากว่า เพราะ มจร มมร เราถึงได้มีพระไตรปิฎกแปลไทย ได้อ่าน

เราเริ่มมาสนใจเรื่องนี้ เพราะพระคึกฤทธิ์ด่าพระสารีบุตร

เมื่อไปอ่านที่เขาแฉกันเยอะๆ จึงรู้ว่า ปมเริ่มแรกคือ พระคึกฤทธิ์ กล่าวตู่พระพุทธเจ้าว่า พระพุทธเจ้าไม่ให้ฟังคำสาวก

แล้วเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ก็บิดเบือนพระธรรมวินัยต่อไปว่า

พระอรหันต์ยังมีราคะ โทสะ โมหะ
พระอรหันต์ยังคิดผิด พูดผิด ทำผิด
พระอรหันต์ยังแสดงธรรมผิดได้

ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วนะท่าน ตรงนี้ไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้าแน่นอน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

พระคึกฤทธิ์ชอบอ้างว่า คนที่มาต่อต้านตน คือพวกที่เสียประโยชน์จากพระเครื่อง ไสยศาสตร์ มจร มมร

ยัดเยียดคนที่เห็นต่างจากตนว่า เป็นพวกยกคำสาวก คำอรรถกถา ขึ้นเหนือคำพระพุทธเจ้า


เราไม่ได้เสียผลประโยชน์ใดๆ เราไม่เล่นพระเครื่อง เราไม่เอาไสยศาสตร์มานำพระรัตนตรัย

------------------------------------

มันเริ่มตั้งแต่ตอนสวดปาฏิโมกข์ 150 ข้อ ที่พระคึกฤทธิ์ เข้าใจผิด
วัดหนองป่าพง (ของหลวงพ่อชา) ได้ตักเตือน แสดงข้อเท็จจริงให้ทราบ ก็ไม่ฟัง ก็เลยถูกตัดออกจากวัดสาขา

ท่านปยุตโตและปราชญ์อีกหลายท่าน ก็ได้เมตตาแสดงข้อเท็จจริง
พระคึกฤทธิ์ก็ยังไม่ฟัง

จนกระทั่งเจอไม่ตายจากมหาเถร จึงยอมสวดอย่างไม่เต็มใจ (ปัจจุบันสวดจริงหรือเปล่า ยังไม่ทราบ)

ตอนนี้ พระคึกฤทธิ์น่าจะรู้แล้วว่า ตนเข้าใจผิด แต่มาไกลแล้ว กลัวเสียหน้า

เรื่องน่าจะจบที่มติมหาเถรฯ

การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น พระคึกฤทธิ์ยังคงเดินหน้าเผยแพร่คำสอนที่บิดเบือนคำสอนพระตถาคตต่อไป

ลัทธิที่ไม่เอาพระอรหันตสาวก ก็คือลัทธิตัดสังฆรัตนะออกจากพระรัตนตรัย นั่นเอง

ยิ่งลัทธินี้ขยายตัวยิ่งใหญ่ออกไปมากเพียงไร ศาสนาพุทธเถรวาทดั้งเดิมก็จะยิ่งเล็กลงไปเพียงนั้น
ต่อไป พระภิกษุก็จะเหลือแค่ผ้าเหลืองพันแขน ดังพุทธดำรัส

สาเหตุที่แท้จริงที่ต่อต้านพระคึกฤทธิ์ ไม่ใช่เพราะพระคึกฤทธิ์ด่าใคร แต่เพราะพระคึกฤทธิ์หักล้างคำสอนพระศาสดา
โดยอาศัยคำว่า พุทธวจนะ บังหน้า


.
ความคิดเห็นที่ 125
ตอนนี้นายอี้ ท่าทางจะยังงงๆ อยู่ เพราะตีฝีปากตัวเอง จนปากเจ่อ

กะจะยกพระสูตรที่แสดงนันทิ มาให้ท่าน 080 ดู แต่ดันลืมเช็คว่า มีติดคำว่า ตัณหาดับสำรอกโดยไม่มีเหลือ มาด้วย
(อยากได้ตรงที่ตรัสว่า ตัดรากถอนโคน เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ลุ้นอยู่ว่า อี้จะนำมาแสดงเมื่อไหร่)

คราวนี้เสร็จท่าน 050 เลย กลายเป็นว่า มาสนับสนุนกระทู้เรา

อี้คงจะอายๆ อยู่ ไม่รู้จะแก้เก้อยังไง ได้แต่พูดว่า ขอแสดงความยินดีด้วย

------------------

ท่านผู้ที่ติดตามอ่านทุกท่าน

ดูเหมือนว่า กระทู้นี้ น่าจะได้ข้อสรุปแล้วตรง คห 104


สำหรับท่านที่ติดตามอยู่และมีธุระ ก็สามารถแยกย้ายกลับบ้านได้
ส่วนท่านที่ต้องการดูละครลิงแก้แห และประวัติอันน่า .... (เลือกคำไม่ถูก เติมเอาเอง) ของนายระดมพล ต่อไป
ก็เชิญติดตามอ่านต่อได้


------------------

ท่านหงอคง

เราอ่านที่ท่านหงอคงนำมาแสดงแล้ว มันสลดหดหู่ สงสาร สมเพช ยังไงไม่รู้

ฟังว่า เมื่อก่อนนายอี้ เคยเป็นคนดีๆ อยู่ ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะท่าน
เหมือนอัศวินเจไดคนหนึ่งที่แต่ก่อนเคยดี แต่โดนอำนาจมืด เข้าครอบงำ
ความคิดเห็นที่ 104
.
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมเล่าเรียนพระสูตรอันเรียนกันมาดี
ด้วยบทและพยัญชนะอันตั้งไว้ดี
แม้อรรถแห่งบทและพยัญชนะที่ตั้งไว้ดี ย่อมมีนัยดีไปด้วย

ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นธรรมข้อที่ ๑
ย่อมเป็นไปเพื่อความตั้งมั่น เพื่อความไม่ฟั่นเฟือน
เพื่อความไม่เสื่อมสูญแห่งพระสัทธรรม ฯ




สาเหตุหนึ่งของการเข้าใจอรรถ เข้าใจธรรม ผิด





ขอโทษท่านผู้อ่านที่มีคนเข้ามาเพ้อเจ้อ อยากโชว์ภูมิ จนทำให้กระทู้เลอะเทอะ ยืดยาด

ขอบคุณท่านหงอคงที่ช่วยสรุปประเด็นกระทู้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



จากหลักฐานที่ จขกท นำมาแสดง + ท่านขงเบ้ง 809877 + และท้ายสุดที่ริดสี (เผลอ) นำมาแสดง
ก็ชัดเจนว่า พระคึกฤทธิ์กล่าวบิดเบือนไปจากพระธรรมวินัย



ขออนุญาตนำบทส่งท้าย ที่ จขกท นำมาจากบทความของพระภิกษุท่านหนึ่ง มาแสดงที่นี่อีกครั้ง

บทส่งท้าย

ในยุคปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าเชื่อว่า ยังมีเจ้าลัทธิ อีกมากมาย ที่ตั้งตน เป็นเจ้าสำนัก สอนธรรมะแบบผิดๆ
แต่เจ้าลิทธิเหล่านั้น เขาก็ไม่ได้อ้างว่า ที่สอนนี้เอามาจากพระไตรปิฎก หรือ ที่สอนนี้ เป็น พระดำรัสของพระพุทธเจ้า
และการที่เขาสอนผิดๆ แต่เขาไม่อ้างพระไตรปิฎก ไม่อ้างพระพุทธเจ้า นี้ ข้าพเจ้าถือว่า เป็นเรื่อง ส่วนตัว ของเขา
ใครจะเชื่อ ใครจะศรัทธาทำตาม ก็เป็นเรื่องของเขา ข้าพเจ้าก็จะไม่เข้าไปคัดค้าน หรือไป ยุ่งด้วย ถือว่าเป็นเรืองส่วนตัว

แต่ต่างจากคึกฤทธิ์ ที่ข้าพเจ้าต้องต่อต้าน เพราะ คึกฤทธิ์ สอนผิด แล้วยังอ้างว่า เอามาจากพระไตรปิฎก
และยังอ้างพระพุทธเจ้าด้วย (ไม่ใช่ทุกเรื่อง ที่ถูกก็มี)

อย่างคึกฤทธิ์ ทำนี้ ข้าพเจ้าถือว่าเป็นเรื่องส่วนรวม ทำความเสียหายให้กับส่วนรวม

เราชาวพุทธที่ดี จะนิ่งดูดายเมินเฉยไม่ได้ ข้าพเจ้า และ อีกหลายๆคน คิดอย่างนี้จึงออกมาต่อต้าน และชี้แจง

ความอันตรายของลัทธินี้อยู่ตรงที่ว่า อ้างว่าเป็นพุทธวจนะ แต่แทรกความเห็นผิดส่วนตัวเข้าไปอย่างมากมาย
เป็นการเอาพุทธวจนะบังหน้า



ธรรมทาส ภักดีธรรม
(ป. ภิกขุ)
https://www.facebook.com/profile.php?id=100006740528856&fref=ts




"รู้จักพระไตรปิฎก ให้ชัด ให้ตรง กรณีพระคึกฤทธิ์"
ผลงานของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.9)






.
ความคิดเห็นที่ 35
ผมคงไม่อธิบายคุณแล้วละครับ  อธิบายไปคุณก็ไม่ฟังอยู่ดี...
วันๆจ้องแต่จะจับผิดพระ จ้องแต่จะด่าพระที่นำคำพระศาสดามาถ่ายทอดบอกสอน
พระอื่นจะผิด จะทำศาสนาเสื่อมขนาดไหนยังไม่สน...
ขนาดพระบางรูปดูหมิ่นพระพุทธเจ้า แต่งพระไตรปิฎกใหม่คุณยังเฉย...

ทำความเข้าใจเอาเองเลยครับ ไม่ยากไม่ซับซ้อน...

ตอบกลับ
0 0  
หมดเวลารัก  
2 นาทีที่แล้ว

---------------------------------

คุณตำหนิธรรมชโยเหมือนกันนี่ เพราะฉะนั้นคำว่า วันๆ จ้องแต่จับผิดพระ จึงไม่สมควรออกมาจากปากของหมดเวลารัก
(ไม่ซับซ้อนใช่ไหม)

ไปดูในโปรไฟล์เราได้ ว่าทัศนคติของเราต่อธรรมกายเป็นอย่างไร

เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเอาธรรมกายมาอ้างว่า ทีธรรมกายยังทำได้ ทำไมพระคึกฤทธิ์จะทำมั่งไม่ได้

จะดีจะชั่วก็อยู่ที่ตัว อย่าเอาคนอื่นมาอ้างให้ตัวเองดูสูงส่งขึ้น

(เรื่องสามัญสำนึกแบบนี้ ทำไมต้องให้เราสอนนะ !! )

----------------------------

หมดเวลารัก คิดเหมือนพระคึกฤทธิ์ใช่ไหมว่า พระอรหันต์ยังมีราคะ โทสะ โมหะ แต่เกิดดับ เกิดดับ เกิดดับ

อย่างนี้จะต่างอะไรกับพระอนาคามี จ๊ะ ?


ต้องให้เราไล่ถามอีกไม๊ว่า พระอรหันต์กับพระอนาคามีต่างกันอย่างไร เพื่อซักซ้อมความเข้าใจ ?

(ที่เราถามนายอี้ไป คนละจุดประสงค์กับที่เราถามหมดเวลารัก เพราะหมดเวลารักดูเหมือนจะเข้าใจโดยบริสุทธิ์ใจว่า
พระอรหันต์ยังมีราคะ แต่เกิดดับ เกิดดับ เกิดดับ
แต่นายอี้ เข้าใจดีทีเดียวว่า พระอรหันต์ไม่มีราคะแล้ว ราคะไม่มีวันเกิดอีกแล้ว พิจารณาแล้วว่า เราไม่มีราคะเกิดอีกแล้ว

นายอี้เข้าใจดีทีเดียวว่า

ราคะ / นันทิ ดับก่อน จึงเป็นพระอรหันต์

ไม่ใช่ว่า ตอนที่เป็นพระอรหันต์แล้ว ยังมีราคะ/นันทิอยู่ แล้วจึงดับทีหลัง

แต่นายอี้แค่อยากเล่นลิ้น เราจึงถามนิยามดักนายอี้ไว้ก่อน )

--------------------------

เราถามไป ดูทรงแล้ว หมดเวลารักก็คงตอบไม่ได้ จึงอ้างธรรมชโย อ้างไสยศาสตร์ (เออๆ เรื่องที่เราถามพระเครื่องน่ะ ตอบยัง)
มากลบเกลื่อนให้เจ้าสำนัก

-------------------------

ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร
หมดเวลารักไปเช็คความหมายคำว่า พระอรหันต์มีเจโตวิมุติไม่กลับกำเริบ นะ

แล้วจะเข้าใจดีขึ้น และถ้ายังไม่เข้าใจ เราคงต้องขอให้เอก ศิษย์ร่วมสำนักกับหมดเวลารัก มาอธิบายให้ฟังแล้วล่ะ



----------------------------------------------
----------------------------------------------
ขออนุญาตแก้ไข เพิ่มพระสูตร เพื่อจะได้อ่านกันได้อย่างถ้วนทั่ว

ความคิดเห็นที่ 80

[๖๔๒] สมุจเฉทสูญเป็นไฉน
กามฉันทะอันเนกขัมมะตัดแล้วและสูญไป ...
นิวรณ์อันปฐมฌานตัดแล้วและสูญไป ฯลฯ
กิเลสทั้งปวงอันอรหัตมรรคตัดแล้วและสูญไป นี้สมุจเฉทสูญ ฯ
             [๖๔๓] ปฏิปัสสัทธิสูญเป็นไฉน
กามฉันทะอันเนกขัมมะระงับแล้วและสูญไป ...
นิวรณ์อันปฐมฌานระงับแล้วและสูญไป ฯลฯ
กิเลสทั้งปวงอันอรหัตมรรคระงับแล้วและสูญไป นี้ปฏิปัสสัทธิสูญ ฯ
             [๖๔๔] นิสสรณะสูญเป็นไฉน
กามฉันทะอันเนกขัมมะสลัดออกแล้วและสูญไป ...
นิวรณ์อันปฐมฌานสลัดออกแล้วและสูญไป ฯลฯ
กิเลสทั้งปวงอันอรหัตมรรคสลัดออกแล้วและสูญไป นี้นิสสรณะสูญ ฯ

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=31&A=9514&Z=9682

สมาชิกหมายเลข 809877  
14 นาทีที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 1111318 ทึ่ง

------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 81

[๗๒๔] คำว่า นิโรธ ความว่า
เนกขัมมะเป็นเครื่องดับกามฉันทะ
อัพยาบาทเป็นเครื่องดับพยาบาท ...
ความปราโมทย์เป็นเครื่องดับอรติ
ปฐมฌานเป็นเครื่องดับนิวรณ์
ฯลฯ
อรหัตมรรคเป็นเครื่องดับกิเลสทั้งปวง ฯ

             คำว่า ความไม่ปรากฏ ความว่า
เมื่อพระโยคาวจรได้เนกขัมมะ กามฉันทะย่อมไม่ปรากฏ
เมื่อได้อัพยาบาท พยาบาทย่อมไม่ปรากฏ
เมื่อได้อาโลกสัญญา ถีนมิทธะย่อมไม่ปรากฏ
เมื่อได้อวิกเขปะ อุทธัจจะย่อมไม่ปรากฏ
เมื่อได้ธรรมววัตถาน วิจิกิจฉาย่อมไม่ปรากฏ
เมื่อได้ฌาน อวิชชาย่อมไม่ปรากฏ
เมื่อได้ความปราโมทย์ อรติย่อมไม่ปรากฏ
เมื่อได้ปฐมฌาน นิวรณ์ย่อมไม่ปรากฏ
ฯลฯ
เมื่อได้อรหัตมรรค กิเลสทั้งปวงย่อมไม่ปรากฏ

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=31&A=10673&w=%CA%C1%D8%A8%E0%A9%B7

สมาชิกหมายเลข 809877  
8 นาทีที่แล้ว

สมาชิกหมายเลข 1111318 ทึ่ง



.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่