สวัสดีค่า
กลับมาอีกครั้ง หลังจากหมักดองไต้หวันจนได้ที่ 555
เราเคยเขียนบันทึกการเดินทางที่ญี่ปุ่นไว้ ตามลิ้งค์นี้ค่ะ
http://pantip.com/topic/33979986
ละก็….มีเพจด้วยนะเออ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นค่ะ ฝากด้วยนะคะ
http://www.facebook.com/NeverEndingJourneyByOn

เป็นความฝันของเราที่อยากจะแชร์เรื่องราวการเดินทางไปในที่ต่างๆ ผ่านความคิดอ่านของเรา
ตั้งใจว่าอยากให้เป็นมากกว่ารีวิวการท่องเที่ยว
แต่มันคือการแชร์มุมมองอีกมุมมองนึง ที่คุณ.....อาจจะคาดไม่ถึง
-----------------------------------------
มาเข้า "ไต้หวัน" กันบ้างดีกว่า
พอดีว่า เราไปไต้หวันในช่วงวันที่ 28 กค - 3 สค ที่ผ่านมา (ยังกล้าพูดว่า "ที่ผ่านมา" ....เลยเดือนแล้วว้อย!)
ทริปนี้มันเริ่มขึ้นแบบ งงๆ ตั้งตัวเกือบไม่ทัน
เรื่องมันมีอยู่ว่า…..
เรากำลังจะออกจากงานที่เก่า และเริ่มงานที่ใหม่ต่อทันที
แต่เราอยากมีเวลารีเฟรชตัวเองให้พร้อมกับสิ่งใหม่ๆในชีวิตบ้างงงง (ต้องขอบพระคุณเจ้านายเก่าที่ให้ลากิจเพิ่มค่ะ กราบบบ _/|\_)
ตอนแรกโจทย์คือ "ไปไหนก้ได้" และ "ไม่เบียดเบียนเงินเก็บ" บ่องตงว่าตอนแรกจะไปปฏิบัติธรรม (ช่วงนั้นคาบเกี่ยววันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา)
แต่กิเลสมาเหนือเมฆเห็นโปร V-air สายการบิน Low-cost ของไต้หวัน เลยรีบสอยทันใด ไปคนเดียวก้ไปวะ !!
สุดท้ายก้ไม่ได้ไปคนเดียว อิอิ มีผู้ใหญ่ใจดีสอยโปรมาเอี่ยวระหว่างทริป (แถมโปรที่จองถูกกว่าตู เวลาก้ดีกว่าอีก T_T)
เราจองตั๋วไปวันที่ 28 ก.ค. (ถึง Taoyuan airport 15.30 น.) - 3 ส.ค. (ออกจาก Taoyuan airport 6.40 น.)
ราคา 4,158 บาท รวมกระเป๋า 15 โลทั้งไปและกลับ ไม่มีอาหาร
อ้อ!! เราโชคดีที่มีวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาและยังไม่หมดอายุ เลยไม่ต้องเสียค่าวีซ่าอีก 1,500 บาท ง่าย สะดวก ประหยัด ครบ!
ส่วนวิธีตามกะทู้นี้เลยค่ะ ขอให้เครดิต
http://pantip.com/topic/31469335
ไปถึงตม. ปุ๊บ ยื่นปั๊บ ผ่านฉลุย
**แต่ล่าสุด มีข่าวแว่วว่าอาจจะยกเลิกวีซ่าไต้หวันชั่วคราว อันนี้ต้องรอติดตามลุ้นกันนะคะ**
หลังจากจองตั๋วไป เราก็เริ่มศึกษาว่า "ไต้หวันมีอะไร" ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะพบแต่ "ของกิน" "ของกิน" และ "ของกิน"
แต่!! ไต้หวันก็มีแม่น้ำภูเขาลำธารน้ำตกอยู่เหมือนกันนะ
มาดู Schedule ที่เราไปตามจริงกันดีกว่า (เราจะใช้วิธีศึกษาไปก่อนและแพลนวันต่อวันตามสภาพอากาศและความเหนื่อย //เอาจริงคือ มั่ว ค่ะ 55)
28-ก.ค. : บิน 10.50 - 15.30 น. -->Taoyuan airport --> พักคนเดียว Flipflop Hostel --> ตามล่า Kanken --> Ningxia night market
29-ก.ค. : สมาชิกครบ --> Sun Moon lake --> Dreamhouse B&B guesthouse ที่พักที่ดีงามที่สุด --> กิน Hot pot อร่อยและถูก
30-ก.ค. : Xuanguang Temple --> Wenwu temple --> นั่งบัสกลับไทเป ---> พัก Good9StayInn --> เดินเล่นXimending--> กิน Mala Hot pot Buffet --> Longshan Temple --> Huaxi Night Market
31-ก.ค. : อนุสรณ์สถาน ดร. ซุน ยัดเซน --> Din Tai Fung --> Jiufen --> Gonguan Night Market --> Shilin Night Market
1-ส.ค. : Taipei 101 --> หอรำลึกเจียงไคเช็ค (Chiang Kai Shek Memorial Hall) --> ร้านกาแฟสุดแนว Café Miau --> เอาของที่Good9 แยกย้าย --> พักคนเดียวท่ี Star Hostel --> เดินเล่น Raohe Night Market
2-ส.ค. : Yangmingshan --> Qixing Peak --> Dan Shui --> Taoyuan Airport
3-ส.ค. : บิน 6.40 - 9.35 น.
นั่งพิมและรู้สึกทำไมตารางมันแน่นจังวะ ...แต่จริงๆ ไม่แน่นนะ ไม่ใช่ชะโงกทัวร์ด้วย แต่พอดีเราเป็นพวกไม่ดื่มด่ำกะประวัติศาสตร์เท่าไหร่ เลยแวะแค่แปปๆ ส่วนใหญ่เน้นกิน!!! >_<
จาก 6 วันที่ได้อยู่ไต้หวัน ทั้งอยู่คนเดียวและอยู่กับเพื่อน มันเป็นความทรงจำที่แบบ...เกินคาดมาไกลมาก คือก่อนมาไม่คาดหวังกับไต้หวันเลย แต่กลับไปนี่แบบอินนน รู้สึกเซอร์ไพร์สกับไต้หวันมากๆ
ความประทับใจเต็มร้อยให้ร้อย มีร้อยหน้า บรรยายได้ร้อยหน้า (แต่ใครจะอ่านของเมิง เกิน 7 บรรทัดก้ไถหนีล่ะข่ะ)
จนต้องแบ่งกะทู้แยกเป็นตอนๆ ตามนี้
ตอนที่ 1 : แปลกตา แปลกใจ กับคนแปลกหน้าที่ไต้หวัน ----> กะทู้นี้เลอ
ตอนที่ 2 : Sun moon lake ในวันฝนพรำและฟ้าสดใส ประทับใจเจ้าของGuesthouse -->
http://pantip.com/topic/34183080
ตอนที่ 3 : ตะลุยกินแหลกลาญล้างผลาญอาหารอร่อย --->
http://pantip.com/topic/34215405
ตอนที่ 4 : Star Hostel...Hostel สุดชิคที่ไทเป --->
http://pantip.com/topic/34227453
ตอนที่ 5 : เที่ยวเพลินเจริญตากับไทเปและจิ่วเฟิน ---> Coming Soon
ตอนที่ 6 : ในที่สุดชั้นก็มาถึงจุดสุดยอด...เขา Qixing ที่ Yangmingshan --> Coming Soon
**วันที่เป็นวันที่ช้าสุดที่จะโพสนะ ขอดักความขยันของตัวเองไว้ก่อน กิกิ**
-------------------------------------------------------------
ตอนที่ 1
#แปลกตา แปลกใจ กับคนแปลกหน้าที่ไต้หวัน
ที่เอาเรื่องนี้เป็นตอนแรกเพราะ...สิ่งแรกที่ไต้หวันเซอร์ไพร์สเรา คือ...คนไต้หวันไม่เหมือนชาติใดในโลกที่เคยพบ
#ผู้คนที่เรียกว่า Taiwanese
เหยยย คือเราสงสัยมาก ว่าบรรพบุรุษชาวไต้หวันนั้นเลี้ยงลูกหลานมาอย่างไร ทำไมจิตใจถึงดีขนาดนี้
คือดีจนตูดูเลวไปเลยที่ไประแวงว่าเค้าจะคิดดีกะเราจริงๆรึป่าว
ปกติ เราจะโดนปลูกฝังมาว่า ไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า
แต่เรา….ชอบคุยกะคนแปลกหน้า….ที่ไม่ใช่คนไทย 555
จริงๆ การคุยกะคนแปลกหน้ามันสนุกดีนะ ได้รู้ความคิด ทัศนคติที่แปลกใหม่ ได้มิตรภาพดีๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก้ต้องพิจารณาเลือกคนคุยด้วยนะจ๊ะ โดยดูจาก...หน้าตา...
ไม่ใช่ละ!!!
มาดูกันว่าคนไต้หวันที่เรารู้จักแต่ละคนเป็นมายังไงบ้าง
ยินดีที่ไม่รู้จักค่ะ Taiwanese
1. หนุ่มสนามบินผู้จิตใจดี คุยเก่ง นามว่าจอนนี่ (ขอตั้งเอง เพราะเค้าบอกละชื่อมันจำยากง่ะ)
เราเจอจอนนี่ที่สนามบินตอนที่จะผ่านด่าน ตม. เค้าเป็นเจ้าหน้าที่ที่คอยไลน์แถว
คือไต้หวันมันเพิ่งมีกฎใหม่ให้กรอก online arrival ได้ เราเลยถามเค้าว่ามันต่อแถวนี้ใช่มั้ย
เท่านั้นละ ยาวเลยยย
//เหตุการณ์จำลอง//
ชั้นยืนทำหน้าสงสัยระหว่างต่อคิวผ่านด่าน ตม บังเอิญตาดันเหลือบไปสบตากับจอนนี่ที่แต่งตัวเป็นเจ้าหน้าที่ที่คอยดูคิวเข้าให้
ออน : พอดีชั้นกรอก ออน-ไลน์-อะ-ไลว-วอล มาน่ะ ชั้นต่อแถวนี้ถุกแล้วใช่มั้ยคะ
จอนนี่ : ทำหน้างง ประมาณว่า สำเนียงเมิงห่วยมากค่ะ ฟังไม่ออก
ออน : ออน-ไลดน์-อะ-ไลวฟ์-วอลล์ พยายามออกสำเนียงให้กะแดะขึ้นอีกนิด พร้อมหยิบมือถือมาจะเปิดให้ดู
หนุ่มไทยใจดีที่ยืนอยู่ข้างหน้า เหมือนพระเอกขี่ม้าขาวหันมาช่วยพูดให้จอนนี่เข้าใจคำถามเรา (เอาจริงตอนแรกไม่แน่ใจว่าเค้าเป็นคนไทยป่าว เลยไม่กล้าถาม)
-----------------หลังจากเข้าใจตรงกันแล้ว เงียบไปสักพัก ก้มาชวนคุยใหม่-------------------
จอนนี่ : นี่ยูมาคนเดียวหรอ
ออน : ใช่ ชั้นมาคนเดียว เด๋วเพื่อนจะตามมาเที่ยวกะชั้นพรุ่งนี้
จอนนี่ : ทำไมยูสะพายเป้ใบใหญ่จัง ไม่เหมือนนักท่องเที่ยวคนอื่น ยูเป็นบล็อกเกอร์รึป่าว
ออน : เฮ้ย เก่งอ่ะ ใช่ๆ ชั้นเพิ่งเริ่มเขียนน่ะ (คือตูเพิ่งโพสต์กะทู้ครั้งแรกในชีวิตไปเมื่อวาน)
จอนนี่ : คุณต้องมีชื่อเสียงแน่ๆเลยใช่มั้ย บล็อกคุณชื่ออะไรน่ะ
ออน : โน่วๆๆ ชั้นไม่ได้ดังเลย ชั้นทำเพจชื่อ NeverEndingJourney ใน Facebook น่ะ (พร้อมโชวมือถือให้ดู)
จอนนี่ : โอ้วว คุณเขียนเป็นอิงลิชมั้ยยย
ออน : ซอรี่นะ ชั้นเขียนเป็นไทยน่ะ (ตูเขียนเป็นไทยยังใช้เวลาขนาดนี้ นี่จะให้เล่นท่ายากเขียนภาษาอังกฤษคงต้องลางานปีนึงไปเขียน)
จอนนี่ : งั้นอีก 5 ปีข้างหน้า ชั้นจะรออ่านนะ
ออน : ............................((คิดในใจว่า ตูขอไปเทคคอร์สไรท์-ทิ้งก่อนนะ))
เราแลก FB และจากกันไป เค้าทำงานตลอด เลยได้แต่ถามไถ่ใน messenger แต่ไม่ได้เจอกัน
จนกระทั่ง...ถึงเวลากลับไทย เรานัดเจอกันอีกครั้ง ก่อนที่ชั้นปักหลักนอนที่สนามบิน
เรา message บอกจอนนี่ว่าเราต้องนอนค้างที่สนามบินตอนกลับเพราะเราบินไฟล์ทเช้ามาก
จอนนี่บอกให้เราใส่เสื้อหนาๆมาเพราะว่าสนามบินหนาวมาก ซึ่ง...ตูเอามาแต่เสื้อผ้าหน้าร้อน...แน่สิ นี่มันซัมเมอร์ไทม์นะยะ!!
สุดท้าย จอนนี่อุตส่าห์เสียสละเอาเสื้อกันหนาวมาให้เรา ...ถ้าไม่มีเสื้อตัวนี้ เราคงนอนไม่ได้ ...เพราะมันหนาวจริงๆ!
เราไม่ได้คุยกันอีก แต่ชั้นยังจำจอนนี่และเสื้อกันหนาวตัวนั้นได้เสมอ….(ไว้จะเอาไปบริจาคต่อ ฮ่าๆ)
มิตรภาพชายหญิง ไม่จำเป็นต้องเป็นเชิงหนุ่มสาวแบบนั้นเสมอไป
ปล. แต่ก้ไม่กล้าขอเค้าถ่ายรูปคู่ กลัวหาว่าชั้นไปจีบเค้าน่ะสิ >__<
มีแค่ภาพที่นอนภาพนี้ ที่ยังทำให้นึกถึงจอนนี่และเสื้อหนาวช่วยชีวิต!
ไต้หวัน...ฉันคิดถึงเธอ#1 แปลกตา แปลกใจ กับคนแปลกหน้าที่ไต้หวัน <3
กลับมาอีกครั้ง หลังจากหมักดองไต้หวันจนได้ที่ 555
เราเคยเขียนบันทึกการเดินทางที่ญี่ปุ่นไว้ ตามลิ้งค์นี้ค่ะ
http://pantip.com/topic/33979986
ละก็….มีเพจด้วยนะเออ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นค่ะ ฝากด้วยนะคะ
http://www.facebook.com/NeverEndingJourneyByOn
เป็นความฝันของเราที่อยากจะแชร์เรื่องราวการเดินทางไปในที่ต่างๆ ผ่านความคิดอ่านของเรา
ตั้งใจว่าอยากให้เป็นมากกว่ารีวิวการท่องเที่ยว
แต่มันคือการแชร์มุมมองอีกมุมมองนึง ที่คุณ.....อาจจะคาดไม่ถึง
-----------------------------------------
มาเข้า "ไต้หวัน" กันบ้างดีกว่า
พอดีว่า เราไปไต้หวันในช่วงวันที่ 28 กค - 3 สค ที่ผ่านมา (ยังกล้าพูดว่า "ที่ผ่านมา" ....เลยเดือนแล้วว้อย!)
ทริปนี้มันเริ่มขึ้นแบบ งงๆ ตั้งตัวเกือบไม่ทัน
เรื่องมันมีอยู่ว่า…..
เรากำลังจะออกจากงานที่เก่า และเริ่มงานที่ใหม่ต่อทันที
แต่เราอยากมีเวลารีเฟรชตัวเองให้พร้อมกับสิ่งใหม่ๆในชีวิตบ้างงงง (ต้องขอบพระคุณเจ้านายเก่าที่ให้ลากิจเพิ่มค่ะ กราบบบ _/|\_)
ตอนแรกโจทย์คือ "ไปไหนก้ได้" และ "ไม่เบียดเบียนเงินเก็บ" บ่องตงว่าตอนแรกจะไปปฏิบัติธรรม (ช่วงนั้นคาบเกี่ยววันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา)
แต่กิเลสมาเหนือเมฆเห็นโปร V-air สายการบิน Low-cost ของไต้หวัน เลยรีบสอยทันใด ไปคนเดียวก้ไปวะ !!
สุดท้ายก้ไม่ได้ไปคนเดียว อิอิ มีผู้ใหญ่ใจดีสอยโปรมาเอี่ยวระหว่างทริป (แถมโปรที่จองถูกกว่าตู เวลาก้ดีกว่าอีก T_T)
เราจองตั๋วไปวันที่ 28 ก.ค. (ถึง Taoyuan airport 15.30 น.) - 3 ส.ค. (ออกจาก Taoyuan airport 6.40 น.)
ราคา 4,158 บาท รวมกระเป๋า 15 โลทั้งไปและกลับ ไม่มีอาหาร
อ้อ!! เราโชคดีที่มีวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาและยังไม่หมดอายุ เลยไม่ต้องเสียค่าวีซ่าอีก 1,500 บาท ง่าย สะดวก ประหยัด ครบ!
ส่วนวิธีตามกะทู้นี้เลยค่ะ ขอให้เครดิต http://pantip.com/topic/31469335
ไปถึงตม. ปุ๊บ ยื่นปั๊บ ผ่านฉลุย
**แต่ล่าสุด มีข่าวแว่วว่าอาจจะยกเลิกวีซ่าไต้หวันชั่วคราว อันนี้ต้องรอติดตามลุ้นกันนะคะ**
หลังจากจองตั๋วไป เราก็เริ่มศึกษาว่า "ไต้หวันมีอะไร" ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะพบแต่ "ของกิน" "ของกิน" และ "ของกิน"
แต่!! ไต้หวันก็มีแม่น้ำภูเขาลำธารน้ำตกอยู่เหมือนกันนะ
มาดู Schedule ที่เราไปตามจริงกันดีกว่า (เราจะใช้วิธีศึกษาไปก่อนและแพลนวันต่อวันตามสภาพอากาศและความเหนื่อย //เอาจริงคือ มั่ว ค่ะ 55)
28-ก.ค. : บิน 10.50 - 15.30 น. -->Taoyuan airport --> พักคนเดียว Flipflop Hostel --> ตามล่า Kanken --> Ningxia night market
29-ก.ค. : สมาชิกครบ --> Sun Moon lake --> Dreamhouse B&B guesthouse ที่พักที่ดีงามที่สุด --> กิน Hot pot อร่อยและถูก
30-ก.ค. : Xuanguang Temple --> Wenwu temple --> นั่งบัสกลับไทเป ---> พัก Good9StayInn --> เดินเล่นXimending--> กิน Mala Hot pot Buffet --> Longshan Temple --> Huaxi Night Market
31-ก.ค. : อนุสรณ์สถาน ดร. ซุน ยัดเซน --> Din Tai Fung --> Jiufen --> Gonguan Night Market --> Shilin Night Market
1-ส.ค. : Taipei 101 --> หอรำลึกเจียงไคเช็ค (Chiang Kai Shek Memorial Hall) --> ร้านกาแฟสุดแนว Café Miau --> เอาของที่Good9 แยกย้าย --> พักคนเดียวท่ี Star Hostel --> เดินเล่น Raohe Night Market
2-ส.ค. : Yangmingshan --> Qixing Peak --> Dan Shui --> Taoyuan Airport
3-ส.ค. : บิน 6.40 - 9.35 น.
นั่งพิมและรู้สึกทำไมตารางมันแน่นจังวะ ...แต่จริงๆ ไม่แน่นนะ ไม่ใช่ชะโงกทัวร์ด้วย แต่พอดีเราเป็นพวกไม่ดื่มด่ำกะประวัติศาสตร์เท่าไหร่ เลยแวะแค่แปปๆ ส่วนใหญ่เน้นกิน!!! >_<
จาก 6 วันที่ได้อยู่ไต้หวัน ทั้งอยู่คนเดียวและอยู่กับเพื่อน มันเป็นความทรงจำที่แบบ...เกินคาดมาไกลมาก คือก่อนมาไม่คาดหวังกับไต้หวันเลย แต่กลับไปนี่แบบอินนน รู้สึกเซอร์ไพร์สกับไต้หวันมากๆ
ความประทับใจเต็มร้อยให้ร้อย มีร้อยหน้า บรรยายได้ร้อยหน้า (แต่ใครจะอ่านของเมิง เกิน 7 บรรทัดก้ไถหนีล่ะข่ะ)
จนต้องแบ่งกะทู้แยกเป็นตอนๆ ตามนี้
ตอนที่ 1 : แปลกตา แปลกใจ กับคนแปลกหน้าที่ไต้หวัน ----> กะทู้นี้เลอ
ตอนที่ 2 : Sun moon lake ในวันฝนพรำและฟ้าสดใส ประทับใจเจ้าของGuesthouse --> http://pantip.com/topic/34183080
ตอนที่ 3 : ตะลุยกินแหลกลาญล้างผลาญอาหารอร่อย ---> http://pantip.com/topic/34215405
ตอนที่ 4 : Star Hostel...Hostel สุดชิคที่ไทเป --->http://pantip.com/topic/34227453
ตอนที่ 5 : เที่ยวเพลินเจริญตากับไทเปและจิ่วเฟิน ---> Coming Soon
ตอนที่ 6 : ในที่สุดชั้นก็มาถึงจุดสุดยอด...เขา Qixing ที่ Yangmingshan --> Coming Soon
**วันที่เป็นวันที่ช้าสุดที่จะโพสนะ ขอดักความขยันของตัวเองไว้ก่อน กิกิ**
-------------------------------------------------------------
ตอนที่ 1
#แปลกตา แปลกใจ กับคนแปลกหน้าที่ไต้หวัน
ที่เอาเรื่องนี้เป็นตอนแรกเพราะ...สิ่งแรกที่ไต้หวันเซอร์ไพร์สเรา คือ...คนไต้หวันไม่เหมือนชาติใดในโลกที่เคยพบ
#ผู้คนที่เรียกว่า Taiwanese
เหยยย คือเราสงสัยมาก ว่าบรรพบุรุษชาวไต้หวันนั้นเลี้ยงลูกหลานมาอย่างไร ทำไมจิตใจถึงดีขนาดนี้
คือดีจนตูดูเลวไปเลยที่ไประแวงว่าเค้าจะคิดดีกะเราจริงๆรึป่าว
ปกติ เราจะโดนปลูกฝังมาว่า ไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า
แต่เรา….ชอบคุยกะคนแปลกหน้า….ที่ไม่ใช่คนไทย 555
จริงๆ การคุยกะคนแปลกหน้ามันสนุกดีนะ ได้รู้ความคิด ทัศนคติที่แปลกใหม่ ได้มิตรภาพดีๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก้ต้องพิจารณาเลือกคนคุยด้วยนะจ๊ะ โดยดูจาก...หน้าตา...
ไม่ใช่ละ!!!
มาดูกันว่าคนไต้หวันที่เรารู้จักแต่ละคนเป็นมายังไงบ้าง
ยินดีที่ไม่รู้จักค่ะ Taiwanese
1. หนุ่มสนามบินผู้จิตใจดี คุยเก่ง นามว่าจอนนี่ (ขอตั้งเอง เพราะเค้าบอกละชื่อมันจำยากง่ะ)
เราเจอจอนนี่ที่สนามบินตอนที่จะผ่านด่าน ตม. เค้าเป็นเจ้าหน้าที่ที่คอยไลน์แถว
คือไต้หวันมันเพิ่งมีกฎใหม่ให้กรอก online arrival ได้ เราเลยถามเค้าว่ามันต่อแถวนี้ใช่มั้ย
เท่านั้นละ ยาวเลยยย
//เหตุการณ์จำลอง//
ชั้นยืนทำหน้าสงสัยระหว่างต่อคิวผ่านด่าน ตม บังเอิญตาดันเหลือบไปสบตากับจอนนี่ที่แต่งตัวเป็นเจ้าหน้าที่ที่คอยดูคิวเข้าให้
ออน : พอดีชั้นกรอก ออน-ไลน์-อะ-ไลว-วอล มาน่ะ ชั้นต่อแถวนี้ถุกแล้วใช่มั้ยคะ
จอนนี่ : ทำหน้างง ประมาณว่า สำเนียงเมิงห่วยมากค่ะ ฟังไม่ออก
ออน : ออน-ไลดน์-อะ-ไลวฟ์-วอลล์ พยายามออกสำเนียงให้กะแดะขึ้นอีกนิด พร้อมหยิบมือถือมาจะเปิดให้ดู
หนุ่มไทยใจดีที่ยืนอยู่ข้างหน้า เหมือนพระเอกขี่ม้าขาวหันมาช่วยพูดให้จอนนี่เข้าใจคำถามเรา (เอาจริงตอนแรกไม่แน่ใจว่าเค้าเป็นคนไทยป่าว เลยไม่กล้าถาม)
-----------------หลังจากเข้าใจตรงกันแล้ว เงียบไปสักพัก ก้มาชวนคุยใหม่-------------------
จอนนี่ : นี่ยูมาคนเดียวหรอ
ออน : ใช่ ชั้นมาคนเดียว เด๋วเพื่อนจะตามมาเที่ยวกะชั้นพรุ่งนี้
จอนนี่ : ทำไมยูสะพายเป้ใบใหญ่จัง ไม่เหมือนนักท่องเที่ยวคนอื่น ยูเป็นบล็อกเกอร์รึป่าว
ออน : เฮ้ย เก่งอ่ะ ใช่ๆ ชั้นเพิ่งเริ่มเขียนน่ะ (คือตูเพิ่งโพสต์กะทู้ครั้งแรกในชีวิตไปเมื่อวาน)
จอนนี่ : คุณต้องมีชื่อเสียงแน่ๆเลยใช่มั้ย บล็อกคุณชื่ออะไรน่ะ
ออน : โน่วๆๆ ชั้นไม่ได้ดังเลย ชั้นทำเพจชื่อ NeverEndingJourney ใน Facebook น่ะ (พร้อมโชวมือถือให้ดู)
จอนนี่ : โอ้วว คุณเขียนเป็นอิงลิชมั้ยยย
ออน : ซอรี่นะ ชั้นเขียนเป็นไทยน่ะ (ตูเขียนเป็นไทยยังใช้เวลาขนาดนี้ นี่จะให้เล่นท่ายากเขียนภาษาอังกฤษคงต้องลางานปีนึงไปเขียน)
จอนนี่ : งั้นอีก 5 ปีข้างหน้า ชั้นจะรออ่านนะ
ออน : ............................((คิดในใจว่า ตูขอไปเทคคอร์สไรท์-ทิ้งก่อนนะ))
เราแลก FB และจากกันไป เค้าทำงานตลอด เลยได้แต่ถามไถ่ใน messenger แต่ไม่ได้เจอกัน
จนกระทั่ง...ถึงเวลากลับไทย เรานัดเจอกันอีกครั้ง ก่อนที่ชั้นปักหลักนอนที่สนามบิน
เรา message บอกจอนนี่ว่าเราต้องนอนค้างที่สนามบินตอนกลับเพราะเราบินไฟล์ทเช้ามาก
จอนนี่บอกให้เราใส่เสื้อหนาๆมาเพราะว่าสนามบินหนาวมาก ซึ่ง...ตูเอามาแต่เสื้อผ้าหน้าร้อน...แน่สิ นี่มันซัมเมอร์ไทม์นะยะ!!
สุดท้าย จอนนี่อุตส่าห์เสียสละเอาเสื้อกันหนาวมาให้เรา ...ถ้าไม่มีเสื้อตัวนี้ เราคงนอนไม่ได้ ...เพราะมันหนาวจริงๆ!
เราไม่ได้คุยกันอีก แต่ชั้นยังจำจอนนี่และเสื้อกันหนาวตัวนั้นได้เสมอ….(ไว้จะเอาไปบริจาคต่อ ฮ่าๆ)
มิตรภาพชายหญิง ไม่จำเป็นต้องเป็นเชิงหนุ่มสาวแบบนั้นเสมอไป
ปล. แต่ก้ไม่กล้าขอเค้าถ่ายรูปคู่ กลัวหาว่าชั้นไปจีบเค้าน่ะสิ >__<
มีแค่ภาพที่นอนภาพนี้ ที่ยังทำให้นึกถึงจอนนี่และเสื้อหนาวช่วยชีวิต!