ท่านที่เคารพรักครับ ข่าวอายุครบ 66 ปีของสุเทพ หากนับพรรษาทางการเมือง เป็นได้ถึงระดับเจ้าสำนัก
แต่หากนับพรรษาทางการบวช เปรียบยังเป็นระดับเณรน้อย ที่เดินตามหลังเจ้าอาวาสต้อยๆ คอยหิ้วย่ามอุ้มบาตร
ยามว่างไม่ใส่ใจคัมภีร์ท่องปาฏิโมกข์
พูดถึงพรรษาทางการเมือง สุเทพเดินทาบรอยเสธ.หนั่นมาด้วยตำแหน่งเลขาพรรคประชาธิปัตย์
และคนทั้งสองก็รู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์สู้แบบซึ่งหน้าไม่มีทางชนะ
คนแรกเลือกออกจากพรรคไปตั้งพรรค มหาชน คนสองไม่รับตำแหน่งเลขาพรรคอีก เลือกออกไปเป็น เลขา กปปส
ทุกวันนี้คนแรก " ล่วง " ไปยังอีกโลก ส่วนคนสอง ก็ " ล่วง " ไปยังอีกโลก คือเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์ สละโลกโลกีย์ไปสู่ธรรมะ
สุเทพสนใจอ่านกำลังภายใน คำประกาศว่าข้าขอน้อมคารวะ บนเวทีของสุเทพ ก็นำสำนวนมาจากกำลังภายใน
สุเทพเป็นนักอ่าน สนธิ ก็ยิ่งเป็นนักอ่านในนักอ่าน
ในนิยายกำลังภายใน มีการแปรเปลี่ยนหลายอย่างในช่วงชีวิตของแต่ละคน มีทั้งประสบความสำเร็จมีทั้งล้มเหลว
แต่ส่วนมากวนเวียนอยู่กับบัวหิมะหมื่นปี คัมภีร์วรยุทธที่สูญหายไปนานจากยุทธจักร กระบี่วิเศษที่คมกริบ ฟันเหล็กประดุจฟันหยวก
แต่ในชีวิตจริงการที่คนๆหนึ่งเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไป มีมากกว่านั้น นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน บินสูงไม่ได้ ทำการใหญ่ก็ไม่ได้
แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ปณิธาน อุดมการณ์
สนธิจากสื่อสารมวลชนไปเป็นแกนนำพันธมิตร แต่กลุ่มพันธมิตรตั้งพรรคลงเลือกตั้งกลับล้มเหลว
สุเทพจากเลขาพรรคเป็นนักการเมืองเปลี่ยนไปเป็นเลขา กปปส ต่อมาไปบวช และข่าวว่ากำลังวางแผนจะสึกลาหาเพศ กลับมา
สนธิเคยบวช สุเทพปัจจุบันก็ยังบวช ไม่แน่ใจว่าสุเทพ สร้างวัตถุมงคลปลุกเสกเครื่องรางของขลังในนามพระหรือไม่ ?
แต่สมัยทำม๊อบนั้น เคยแจก เมื่อเคยแจก ตอนมาเป็นพระก็ยิ่งน่าจะทำแจก
แต่การออกเหรียญ จัดสร้างวัตถุมงคลนั้นมักจะมีวัตถุประสงค์เช่น เพื่อหาเงินมาสร้างศาลาการเปรียญ หรือสร้างพระอุโบสถ
สร้างโรงพยาบาลสงฆ์ สร้างห้องสมุด
แต่ก็ไม่แน่ใจว่า สุเทพจะมีจิตศรัทธาอันแรงกล้าในพระศาสนาหรือไม่ ?
แต่ก็ยิ่งไม่แน่ใจหนักไปกว่าเก่าอีก ก็ตรงที่ว่า หากจัดสร้างอะไรแล้วจะ " เสร็จ " หรือไม่ ?
ความจริงศรัทธาอันแรงกล้าบริสุทธิ์ที่ทำให้ค้นพบสัจธรรมของชีวิตนั้น
บางทีก็อยู่กับชายชรากวาดถนนที่เฝ้ามองดูใบไม้แห้ง ค่อยๆร่วงหล่นจากต้น ปลิดปลิวไปตามสายลม
บางทีก็อยู่กับชายแจวเรือจ้าง ที่ค้นพบความหมายของชีวิตจากสายน้ำ ที่ไหลช้า ชุ่มเย็น ไหลเร็ว รุนแรง และสงบนิ่ง ใสนาน
สำหรับโกวเล้ง มังกรโบราณแล้ว ในเรื่องฤทธิ์มีดสั้น เขียนถึง ซุนเทาะจื้อ ที่เช็ดโต๊ะทุกวัน มันทุ่มเทสมาธิจิตใจ
ไปที่การเช็ดโต๊ะ เช็ดทุกเช้า เช็ดโต๊ะทุกสายบ่ายเย็น เช็ดโต๊ะไปจนดึกดื่น
สุดท้ายกอปรกันขึ้นเป็นพลังข้อมือกรงเล็บเหยี่ยวที่ผู้ใดก็ไม่กล้าดูแคลน
หรือในเรื่องเดียวกันนี้ เขียนถึงลี้คิมฮวง ที่ทุ่มเทความรัก ความคะนึงหา ลงไปกับปลายมีดสั้นที่แกะสลักสตรีท่านหนึ่ง
แกะสลักไป จิบสุราไป ไอออกมาเป็นลิ่มเลือดไป จวบจนหยุดไอ ก็จิบสุรา แกะสลักอีกครั้ง
รูปสลักจากท่อนไม้นั้น ปรากฏเงาร่างของสตรีนางหนึ่ง ซึ่งตัวจริงนางอยู่ห่างไกลลี้คิมฮวงอย่างยิ่ง
ลี้คิมฮวงไม่ได้อยู่ชิดใกล้นางเลย
แต่นางกลับอยู่ในใจลี้คิมฮวงตลอดมา......
ขอเพียงมีเวลาว่าง ลี้คิมฮวงก็จะเริ่มลงมือแกะสลักท่อนไม้เป็นรูปนาง โดยไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่าย
ตลอดเวลาที่แกะสลัก ก็เหมือนความรัก ความคะนึงหาที่มีต่อนาง ได้ถ่ายทอดออกไปจนหมดสิ้น
ในด้านสมาธิ นี่ถือได้ว่า เป็นการฝึกปรือสอดประสานระหว่างจิตใจ สู่มือที่มั่นคง และมือที่มั่นคงไปสู่การควบคุมมีดสั้นที่แม่นยำ
นี่คือเคล็ดลับประการหนึ่ง อันเป็นที่มาของ ลี้คิมฮวง มีดบินไม่เคยพลาดเป้า
ยิ่งในเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้น ลี้คิมฮวงปรากฏกายในวัย 38 ส่วน อาฮุย ปรากฏกายท่ามกลางละอองของหิมะ ด้วยวัยเพียง 22
วัยอันร้อนแรง ใจอันร้อนแรง กระบี่อันร้อนแรง แต่ประสบการณ์ในยุทธจักร ถือว่ายังด้อย
ยิ่งประสบการณ์ในด้านความรัก ถือว่ายังด้อยยิ่งกว่าด้อย
กล่าวสำหรับสนธิ และสุเทพ ไม่ว่าจะมองจากด้านใด คนทั้งสองเพียงกรีดมือ วาดเท้า ก็เป็นกระบวนท่า
ยิ่งทางด้านความรัก คนทั้งสองยิ่งเชี่ยวชาญ ยิ่งช่ำชอง ถือได้ว่า เป็นนักรัก ในนักรัก
ส่วนแตงโม 31 โตโน่ 29 แต่สุเทพ 66 สนธิ 68 ปี
ความจริงสรรพอาวุธต่างๆ ก็ทำให้ตัวละครแต่ละคนค้นพบสัจธรรมของชีวิตได้ ยกตัวอย่างระดับมีเรามีกระบี่นั้น
นับว่ายังห่างไกลจากระดับ กระบี่อยู่ที่ใจมากนัก
แต่กระบี่อยู่ที่ใจ ก็ยังไม่สามารถซ่อนรังสีอำมหิตได้ ไม่ว่าท่านจะพยายามซ่อนมีดในรอยยิ้มเพียงใดก็ตาม
จวบจนเข้าสู่มรรคาของกระบี่ ที่เรียกกันว่า " งำประกายมิดชิด " จึงจะถึงขั้น กระบี่ไม่อยู่ที่ใจ มีกระบี่อยู่ทั่วไป ใบไม้ กิ่งไม้ก็คือกระบี่
แต่ระดับสุดยอดยิ่งกว่าก็คือ สูงสุดคืนสู่สามัญ นั่นคือ ไม่มีเรา ไม่มีกระบี่
นั่นคือสภาวะของจิตใจ หลุดพ้นจากสภาพยึดติด เป็นไร้รูป ไร้รส ไร้รอย ไร้สรรพสิ่ง
พูดตามหลักธรรมของท่านพุทธทาส ก็คือ ถึงระดับจิตใจ
ไม่มีตัวเรา ของเรา
แต่สำหรับสุเทพ ผู้ย่างก้าวไปเป็น พระสุเทพ ปภากโร นั้นไปด้วยลักษณะแก้วน้ำที่ว่างเปล่า
หรือไปด้วยลักษณะแก้วน้ำที่เต็มล้นกระฉอก กลิ่นอายที่อบอวลทุกครั้งที่พระสงฆ์รูปนี้ปรากฏตัวแสดงความคิดนั้น
ร้อนรุ่ม หรือ ชุ่มเย็น ต่อความรู้สึก พุทธศาสนิกชนย่อมตอบใจตนเองได้
อย่าพึ่งพูดไปไกลถึงระดับ " ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา "
เอาแค่หลุดพ้นจากระดับ " สวรรค์ในอก นรกในใจ " ให้ได้ก่อนครับ
จากเหมยถึงกาสะลอง จากโกวเล้งถึงคุณยิ่งลักษณ์ ( ดารา นักร้อง คนในบอร์ดการเมือง กับวุฒิภาวะทางการเมือง )
แต่หากนับพรรษาทางการบวช เปรียบยังเป็นระดับเณรน้อย ที่เดินตามหลังเจ้าอาวาสต้อยๆ คอยหิ้วย่ามอุ้มบาตร
ยามว่างไม่ใส่ใจคัมภีร์ท่องปาฏิโมกข์
พูดถึงพรรษาทางการเมือง สุเทพเดินทาบรอยเสธ.หนั่นมาด้วยตำแหน่งเลขาพรรคประชาธิปัตย์
และคนทั้งสองก็รู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์สู้แบบซึ่งหน้าไม่มีทางชนะ
คนแรกเลือกออกจากพรรคไปตั้งพรรค มหาชน คนสองไม่รับตำแหน่งเลขาพรรคอีก เลือกออกไปเป็น เลขา กปปส
ทุกวันนี้คนแรก " ล่วง " ไปยังอีกโลก ส่วนคนสอง ก็ " ล่วง " ไปยังอีกโลก คือเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์ สละโลกโลกีย์ไปสู่ธรรมะ
สุเทพสนใจอ่านกำลังภายใน คำประกาศว่าข้าขอน้อมคารวะ บนเวทีของสุเทพ ก็นำสำนวนมาจากกำลังภายใน
สุเทพเป็นนักอ่าน สนธิ ก็ยิ่งเป็นนักอ่านในนักอ่าน
ในนิยายกำลังภายใน มีการแปรเปลี่ยนหลายอย่างในช่วงชีวิตของแต่ละคน มีทั้งประสบความสำเร็จมีทั้งล้มเหลว
แต่ส่วนมากวนเวียนอยู่กับบัวหิมะหมื่นปี คัมภีร์วรยุทธที่สูญหายไปนานจากยุทธจักร กระบี่วิเศษที่คมกริบ ฟันเหล็กประดุจฟันหยวก
แต่ในชีวิตจริงการที่คนๆหนึ่งเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไป มีมากกว่านั้น นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน บินสูงไม่ได้ ทำการใหญ่ก็ไม่ได้
แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ปณิธาน อุดมการณ์
สนธิจากสื่อสารมวลชนไปเป็นแกนนำพันธมิตร แต่กลุ่มพันธมิตรตั้งพรรคลงเลือกตั้งกลับล้มเหลว
สุเทพจากเลขาพรรคเป็นนักการเมืองเปลี่ยนไปเป็นเลขา กปปส ต่อมาไปบวช และข่าวว่ากำลังวางแผนจะสึกลาหาเพศ กลับมา
สนธิเคยบวช สุเทพปัจจุบันก็ยังบวช ไม่แน่ใจว่าสุเทพ สร้างวัตถุมงคลปลุกเสกเครื่องรางของขลังในนามพระหรือไม่ ?
แต่สมัยทำม๊อบนั้น เคยแจก เมื่อเคยแจก ตอนมาเป็นพระก็ยิ่งน่าจะทำแจก
แต่การออกเหรียญ จัดสร้างวัตถุมงคลนั้นมักจะมีวัตถุประสงค์เช่น เพื่อหาเงินมาสร้างศาลาการเปรียญ หรือสร้างพระอุโบสถ
สร้างโรงพยาบาลสงฆ์ สร้างห้องสมุด
แต่ก็ไม่แน่ใจว่า สุเทพจะมีจิตศรัทธาอันแรงกล้าในพระศาสนาหรือไม่ ?
แต่ก็ยิ่งไม่แน่ใจหนักไปกว่าเก่าอีก ก็ตรงที่ว่า หากจัดสร้างอะไรแล้วจะ " เสร็จ " หรือไม่ ?
ความจริงศรัทธาอันแรงกล้าบริสุทธิ์ที่ทำให้ค้นพบสัจธรรมของชีวิตนั้น
บางทีก็อยู่กับชายชรากวาดถนนที่เฝ้ามองดูใบไม้แห้ง ค่อยๆร่วงหล่นจากต้น ปลิดปลิวไปตามสายลม
บางทีก็อยู่กับชายแจวเรือจ้าง ที่ค้นพบความหมายของชีวิตจากสายน้ำ ที่ไหลช้า ชุ่มเย็น ไหลเร็ว รุนแรง และสงบนิ่ง ใสนาน
สำหรับโกวเล้ง มังกรโบราณแล้ว ในเรื่องฤทธิ์มีดสั้น เขียนถึง ซุนเทาะจื้อ ที่เช็ดโต๊ะทุกวัน มันทุ่มเทสมาธิจิตใจ
ไปที่การเช็ดโต๊ะ เช็ดทุกเช้า เช็ดโต๊ะทุกสายบ่ายเย็น เช็ดโต๊ะไปจนดึกดื่น
สุดท้ายกอปรกันขึ้นเป็นพลังข้อมือกรงเล็บเหยี่ยวที่ผู้ใดก็ไม่กล้าดูแคลน
หรือในเรื่องเดียวกันนี้ เขียนถึงลี้คิมฮวง ที่ทุ่มเทความรัก ความคะนึงหา ลงไปกับปลายมีดสั้นที่แกะสลักสตรีท่านหนึ่ง
แกะสลักไป จิบสุราไป ไอออกมาเป็นลิ่มเลือดไป จวบจนหยุดไอ ก็จิบสุรา แกะสลักอีกครั้ง
รูปสลักจากท่อนไม้นั้น ปรากฏเงาร่างของสตรีนางหนึ่ง ซึ่งตัวจริงนางอยู่ห่างไกลลี้คิมฮวงอย่างยิ่ง
ลี้คิมฮวงไม่ได้อยู่ชิดใกล้นางเลย
แต่นางกลับอยู่ในใจลี้คิมฮวงตลอดมา......
ขอเพียงมีเวลาว่าง ลี้คิมฮวงก็จะเริ่มลงมือแกะสลักท่อนไม้เป็นรูปนาง โดยไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่าย
ตลอดเวลาที่แกะสลัก ก็เหมือนความรัก ความคะนึงหาที่มีต่อนาง ได้ถ่ายทอดออกไปจนหมดสิ้น
ในด้านสมาธิ นี่ถือได้ว่า เป็นการฝึกปรือสอดประสานระหว่างจิตใจ สู่มือที่มั่นคง และมือที่มั่นคงไปสู่การควบคุมมีดสั้นที่แม่นยำ
นี่คือเคล็ดลับประการหนึ่ง อันเป็นที่มาของ ลี้คิมฮวง มีดบินไม่เคยพลาดเป้า
ยิ่งในเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้น ลี้คิมฮวงปรากฏกายในวัย 38 ส่วน อาฮุย ปรากฏกายท่ามกลางละอองของหิมะ ด้วยวัยเพียง 22
วัยอันร้อนแรง ใจอันร้อนแรง กระบี่อันร้อนแรง แต่ประสบการณ์ในยุทธจักร ถือว่ายังด้อย
ยิ่งประสบการณ์ในด้านความรัก ถือว่ายังด้อยยิ่งกว่าด้อย
กล่าวสำหรับสนธิ และสุเทพ ไม่ว่าจะมองจากด้านใด คนทั้งสองเพียงกรีดมือ วาดเท้า ก็เป็นกระบวนท่า
ยิ่งทางด้านความรัก คนทั้งสองยิ่งเชี่ยวชาญ ยิ่งช่ำชอง ถือได้ว่า เป็นนักรัก ในนักรัก
ส่วนแตงโม 31 โตโน่ 29 แต่สุเทพ 66 สนธิ 68 ปี
ความจริงสรรพอาวุธต่างๆ ก็ทำให้ตัวละครแต่ละคนค้นพบสัจธรรมของชีวิตได้ ยกตัวอย่างระดับมีเรามีกระบี่นั้น
นับว่ายังห่างไกลจากระดับ กระบี่อยู่ที่ใจมากนัก
แต่กระบี่อยู่ที่ใจ ก็ยังไม่สามารถซ่อนรังสีอำมหิตได้ ไม่ว่าท่านจะพยายามซ่อนมีดในรอยยิ้มเพียงใดก็ตาม
จวบจนเข้าสู่มรรคาของกระบี่ ที่เรียกกันว่า " งำประกายมิดชิด " จึงจะถึงขั้น กระบี่ไม่อยู่ที่ใจ มีกระบี่อยู่ทั่วไป ใบไม้ กิ่งไม้ก็คือกระบี่
แต่ระดับสุดยอดยิ่งกว่าก็คือ สูงสุดคืนสู่สามัญ นั่นคือ ไม่มีเรา ไม่มีกระบี่
นั่นคือสภาวะของจิตใจ หลุดพ้นจากสภาพยึดติด เป็นไร้รูป ไร้รส ไร้รอย ไร้สรรพสิ่ง
พูดตามหลักธรรมของท่านพุทธทาส ก็คือ ถึงระดับจิตใจ
ไม่มีตัวเรา ของเรา
แต่สำหรับสุเทพ ผู้ย่างก้าวไปเป็น พระสุเทพ ปภากโร นั้นไปด้วยลักษณะแก้วน้ำที่ว่างเปล่า
หรือไปด้วยลักษณะแก้วน้ำที่เต็มล้นกระฉอก กลิ่นอายที่อบอวลทุกครั้งที่พระสงฆ์รูปนี้ปรากฏตัวแสดงความคิดนั้น
ร้อนรุ่ม หรือ ชุ่มเย็น ต่อความรู้สึก พุทธศาสนิกชนย่อมตอบใจตนเองได้
อย่าพึ่งพูดไปไกลถึงระดับ " ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา "
เอาแค่หลุดพ้นจากระดับ " สวรรค์ในอก นรกในใจ " ให้ได้ก่อนครับ