เป็นที่ทราบกันว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ภาพยนตร์ไทยหลายต่อหลายเรื่องก็ต้องประสบชะตากรรมอย่างที่ไม่มีใครช่วยได้เลย นั่นคือ "ขาดทุน" สร้างหนี้ให้กับผู้สร้างหนังไทยหลายแห่ง ทำให้บรรยากาศการชมหนังไทยในโรงหนังในประเทศด้วยกันเองดูวังเวง โรงหนังแต่ละแห่งกำหนดฉายวันแรกแค่ไม่เกิน 7 รอบ แล้วก็แผ่วๆ ลงๆ และจากไปก่อนเวลาอันควร
ทั้งที่บางเรื่องเป็นหนังที่เรามองว่ามีคุณภาพ ไม่ได้สุกเอาเผากินแต่อย่างใด ใช้เวลาถ่ายทำและตัดต่อนานมาก ทุ่มเงินไม่ใช่น้อยๆ และมีโอกาสที่จะเข้าชิงรางวัลได้อย่างชื่นใจ แต่การโปรโมทและเข้าฉายกลับล้มเหลว ไม่มีแรงอัดให้ผู้ที่จะชมตื่นตัว
ไม่ขอเกริ่นให้มาก เอาเป็นว่า ในช่วงครึ่งแรกที่ผ่านมา มีเรื่องใดบ้างที่พอจะเป็นตัวอย่างของความล้มเหลวทั้งปวง ไม่ได้วัดค่าหารายได้สูงต่ำ แต่มาจากการประเมินสภาพการณ์ล้วนๆ เพื่อที่จะเป็นที่สุดในช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไป..
เศียรสยอง
เห็นชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นหนังแนวสยองขวัญ ผลก็คือได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ในด้านลบไม่น้อย แถมยังเป็นข่าวพาดหัวตั้งแต่หนังยังไม่ฉาย เป็นผลงานการสร้างและแสดงนำของ "บอย เอเอฟ3" และครั้งแรกบนจอเงินของนักร้องสาวย่านลาดพร้าวอย่าง "ขนมจีน-กุลมาศ" แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย
อนันตา ศิลาพิชิตมาร
ผลงานแอนิเมชัน 2 มิติ จากผู้ที่เคยสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง "พระพุทธเจ้า" เมื่อปี 2550 กลับมาครานี้เข้ามาแบบเงียบๆ แล้วก็เงียบไปจริงๆ เก็บเงินแค่หลักหมื่นต้นๆ ทั้งที่ใช้งบในการสร้างที่ไม่ใช่อุจจาระเหลวๆ เลย เรื่องนี้ถือเป็นตัวอย่างของหนังการ์ตูน 2 มิติและเรื่องราวก็ดาดๆ ที่อาจไม่เข้าตาความต้องการของผู้ชมสมัยนี้
ฟีลกู๊ด รู้สึกดีที่มีกัน
ชื่อหนังที่ชื่อเดียวกับแนวหนังของค่ายหนังอันดับต้นๆ ของเมืองไทย แต่อนิจจา..เป็นหนังฟอร์มดีที่กวาดเงินน้อยๆ อีกเช่นกัน คนทำหนังก็โนเนม แม้ว่าจะดึง "เชน-ธนา", "เอ๋-มณีรัตน์" จากเพื่อนสนิท, "เปิ้ล-ไอริณ" และ "พิกเล็ท ชูการ์อายส์" มาเรียกความสนใจ แต่ก็มันก็ไม่รู้สึกดีเลยนะเนี่ย
สี่เส้า
เป็นหนังไทยแนวโรแมนติกดราม่าที่มีใบปิดที่ดูทำร้ายจิตใจและทำลายความเชื่อมั่นของวงการก็เป็นได้ ผลงานโดยผู้กำกับหน้าใหม่แต่ประสบการณ์โชกโชน และเป็นครั้งแรกของ "เต้ย-พงศกร" กับ "ฟาง เฟย์ฟางแก้ว" มาประชันฝีมือกับดาราวัยรุ่นจากแดนมังกร หนังออกมาดี วิวก็สวย แต่ก็ไม่ได้ผลเมื่อเข้าฉายในบ้านเราเอง คนที่ดูและไม่ดูก็มัวแต่บ่นกันพัลวัน ขึ้นทำเนียบหนังที่รายได้ต่ำสุดของ "เอ็นจีอาร์" ผู้เคยสร้างความลือลั่นมาแล้วจากหนังมะหมา
คู่ซัด อันตราย
น่าจะนับเป็นหนัง(ฝีมือของคน)ไทยแต่ระดับอินเตอร์อีกเรื่องที่แทบไม่ได้กล่าวขวัญถึงในบ้านเรา แม้ว่าจะได้ "จา พนม" เป็นพระเอกของเรื่อง แต่พอมีกระแสข่าวเรื่องของพระเอกคนนี้อย่างหนาหูล่ะก็...งั้นๆ
ขรัวโต อมตะเถระกรุงรัตนโกสินทร์
เป็นหนังดีมีสาระอีกเรื่องที่คนไทยไม่ควรมองข้าม กล่าวถึงชีวประวัติของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ที่หลายล้านคนเคารพนับถือได้อย่างแจ่มแจ้ง แต่ดูยังไงก็ไม่เห็นจะตื่นเต้นมากนัก "เศรษฐา ศิระฉายา" ที่รับบทท่านขรัวโตยามแก่ก็ปรากฏตัวแค่ไม่กี่นาที จนต้องประกาศว่าเตรียมพบกับภาคจบ แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะยังไม่จบบริบูรณ์ อีกทั้งรายได้แตะแค่ล้านต้นๆ (ที่ทำให้นึกถึงตำนานมหายันต์ของอ.หนู) แต่อย่างน้อยก็ได้นำเสนอสิ่งดีๆ มาให้คนดูหนังไทยได้รับรู้ ก็เอาใจช่วยสำหรับงานสร้างภาคจบของเรื่องนี้แล้วกัน
ฉลุย แตะขอบฟ้า
หนังแป้กส่งท้ายครึ่งแรกของปี ที่ดูไม่ธรรมดา เพราะเป็นหนังดังในอดีตที่นำมาถ่ายทอดใหม่ มีพระเอกของเรื่องคือ "นิกกี้-ณฉัตร" กับ "เจสซี่ เมฆวัฒนา" ส่วน "นิชคุณ" รับหน้าที่แสดงรับเชิญพิเศษให้เท่านั้นเอง ผลงานการกำกับของคู่ต่างวัย "อังเคิล" กับ "หนึ่ง-สุชาติ" ที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยและเกาหลีได้อย่างน่าสนใจ แต่รายได้น่าสงสารมาก เข้าโรงเพียง 2 สัปดาห์ก็เผ่นจากไป เลยเป็นฉลุ เตะขอบฟ้าได้อย่างหลุดลุ่ย
ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าจะถูกจัดให้เป็นหนังแป้กแห่งปี แต่เราหยิบยกมาเพียงเท่าที่เนื้อที่จะพอเหมาะพอควร ก็ให้มันแล้วๆ ไป... ไม่แน่ว่าเมื่องานประกาศรางวัลมาถึง หนังที่หลายคนบ่นว่าแป้กในช่วงที่เข้าฉาย อาจจะกลายเป็นหนังแป้กที่มีคุณค่าและน่าจดจำตลอดไป วงการหนังไทยจะกลับมาสดใสกว่าที่เคยเป็น ฟ้าหลังฝนยังต้อนรับเสมอ ขอแค่นี้ สวัสดี.
ที่สุดหนังไทย "แป้ก" ในครึ่งแรกปี 2558
ทั้งที่บางเรื่องเป็นหนังที่เรามองว่ามีคุณภาพ ไม่ได้สุกเอาเผากินแต่อย่างใด ใช้เวลาถ่ายทำและตัดต่อนานมาก ทุ่มเงินไม่ใช่น้อยๆ และมีโอกาสที่จะเข้าชิงรางวัลได้อย่างชื่นใจ แต่การโปรโมทและเข้าฉายกลับล้มเหลว ไม่มีแรงอัดให้ผู้ที่จะชมตื่นตัว
ไม่ขอเกริ่นให้มาก เอาเป็นว่า ในช่วงครึ่งแรกที่ผ่านมา มีเรื่องใดบ้างที่พอจะเป็นตัวอย่างของความล้มเหลวทั้งปวง ไม่ได้วัดค่าหารายได้สูงต่ำ แต่มาจากการประเมินสภาพการณ์ล้วนๆ เพื่อที่จะเป็นที่สุดในช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไป..
เศียรสยอง
เห็นชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นหนังแนวสยองขวัญ ผลก็คือได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ในด้านลบไม่น้อย แถมยังเป็นข่าวพาดหัวตั้งแต่หนังยังไม่ฉาย เป็นผลงานการสร้างและแสดงนำของ "บอย เอเอฟ3" และครั้งแรกบนจอเงินของนักร้องสาวย่านลาดพร้าวอย่าง "ขนมจีน-กุลมาศ" แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย
อนันตา ศิลาพิชิตมาร
ผลงานแอนิเมชัน 2 มิติ จากผู้ที่เคยสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง "พระพุทธเจ้า" เมื่อปี 2550 กลับมาครานี้เข้ามาแบบเงียบๆ แล้วก็เงียบไปจริงๆ เก็บเงินแค่หลักหมื่นต้นๆ ทั้งที่ใช้งบในการสร้างที่ไม่ใช่อุจจาระเหลวๆ เลย เรื่องนี้ถือเป็นตัวอย่างของหนังการ์ตูน 2 มิติและเรื่องราวก็ดาดๆ ที่อาจไม่เข้าตาความต้องการของผู้ชมสมัยนี้
ฟีลกู๊ด รู้สึกดีที่มีกัน
ชื่อหนังที่ชื่อเดียวกับแนวหนังของค่ายหนังอันดับต้นๆ ของเมืองไทย แต่อนิจจา..เป็นหนังฟอร์มดีที่กวาดเงินน้อยๆ อีกเช่นกัน คนทำหนังก็โนเนม แม้ว่าจะดึง "เชน-ธนา", "เอ๋-มณีรัตน์" จากเพื่อนสนิท, "เปิ้ล-ไอริณ" และ "พิกเล็ท ชูการ์อายส์" มาเรียกความสนใจ แต่ก็มันก็ไม่รู้สึกดีเลยนะเนี่ย
สี่เส้า
เป็นหนังไทยแนวโรแมนติกดราม่าที่มีใบปิดที่ดูทำร้ายจิตใจและทำลายความเชื่อมั่นของวงการก็เป็นได้ ผลงานโดยผู้กำกับหน้าใหม่แต่ประสบการณ์โชกโชน และเป็นครั้งแรกของ "เต้ย-พงศกร" กับ "ฟาง เฟย์ฟางแก้ว" มาประชันฝีมือกับดาราวัยรุ่นจากแดนมังกร หนังออกมาดี วิวก็สวย แต่ก็ไม่ได้ผลเมื่อเข้าฉายในบ้านเราเอง คนที่ดูและไม่ดูก็มัวแต่บ่นกันพัลวัน ขึ้นทำเนียบหนังที่รายได้ต่ำสุดของ "เอ็นจีอาร์" ผู้เคยสร้างความลือลั่นมาแล้วจากหนังมะหมา
คู่ซัด อันตราย
น่าจะนับเป็นหนัง(ฝีมือของคน)ไทยแต่ระดับอินเตอร์อีกเรื่องที่แทบไม่ได้กล่าวขวัญถึงในบ้านเรา แม้ว่าจะได้ "จา พนม" เป็นพระเอกของเรื่อง แต่พอมีกระแสข่าวเรื่องของพระเอกคนนี้อย่างหนาหูล่ะก็...งั้นๆ
ขรัวโต อมตะเถระกรุงรัตนโกสินทร์
เป็นหนังดีมีสาระอีกเรื่องที่คนไทยไม่ควรมองข้าม กล่าวถึงชีวประวัติของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ที่หลายล้านคนเคารพนับถือได้อย่างแจ่มแจ้ง แต่ดูยังไงก็ไม่เห็นจะตื่นเต้นมากนัก "เศรษฐา ศิระฉายา" ที่รับบทท่านขรัวโตยามแก่ก็ปรากฏตัวแค่ไม่กี่นาที จนต้องประกาศว่าเตรียมพบกับภาคจบ แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะยังไม่จบบริบูรณ์ อีกทั้งรายได้แตะแค่ล้านต้นๆ (ที่ทำให้นึกถึงตำนานมหายันต์ของอ.หนู) แต่อย่างน้อยก็ได้นำเสนอสิ่งดีๆ มาให้คนดูหนังไทยได้รับรู้ ก็เอาใจช่วยสำหรับงานสร้างภาคจบของเรื่องนี้แล้วกัน
ฉลุย แตะขอบฟ้า
หนังแป้กส่งท้ายครึ่งแรกของปี ที่ดูไม่ธรรมดา เพราะเป็นหนังดังในอดีตที่นำมาถ่ายทอดใหม่ มีพระเอกของเรื่องคือ "นิกกี้-ณฉัตร" กับ "เจสซี่ เมฆวัฒนา" ส่วน "นิชคุณ" รับหน้าที่แสดงรับเชิญพิเศษให้เท่านั้นเอง ผลงานการกำกับของคู่ต่างวัย "อังเคิล" กับ "หนึ่ง-สุชาติ" ที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยและเกาหลีได้อย่างน่าสนใจ แต่รายได้น่าสงสารมาก เข้าโรงเพียง 2 สัปดาห์ก็เผ่นจากไป เลยเป็นฉลุ เตะขอบฟ้าได้อย่างหลุดลุ่ย
ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าจะถูกจัดให้เป็นหนังแป้กแห่งปี แต่เราหยิบยกมาเพียงเท่าที่เนื้อที่จะพอเหมาะพอควร ก็ให้มันแล้วๆ ไป... ไม่แน่ว่าเมื่องานประกาศรางวัลมาถึง หนังที่หลายคนบ่นว่าแป้กในช่วงที่เข้าฉาย อาจจะกลายเป็นหนังแป้กที่มีคุณค่าและน่าจดจำตลอดไป วงการหนังไทยจะกลับมาสดใสกว่าที่เคยเป็น ฟ้าหลังฝนยังต้อนรับเสมอ ขอแค่นี้ สวัสดี.