== หมานคร (2547) ในนครที่พวกเราทุกคนล้วนอยากจะมีหาง... ==



บางสิ่งยิ่งค้นหาก็ยิ่งไม่พบ
แต่ถ้าเราลองหยุดค้นหา และอยู่เฉยๆ
มันจะออกมาหาเราเอง...



“ป๊อด เอ็งจำคำยายไว้นะ ถ้าหากวันไหนที่เอ็งได้งานทำที่กรุงเทพ
วันนั้นเอ็งจะมีหาง....”



ป๊อดชายหนุ่มผู้ละทิ้งชีวิตบ้านนอกมาทำงานในเมืองกรุง ด้วยความหวังที่จะมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเดิม
แต่ชีวิตในมหานครของเขานั้นไม่ได้ดีอย่างที่เขาคิดไว้ ทุกอย่างเร่งรีบดูแล้ววุ่นวาย
ดูแล้วไม่เหมาะกับคนเอื่อยๆอย่างเขาเลยสักนิด .. ป๊อดไม่เคยมีความสุขเลย
จนกระทั่งเขาได้มาพบกับแม่บ้านสาวทำความสะอาดในบริษัทที่ชื่อว่า จิน...



หมานคร ภาพยนตร์ไทยเสียดสีสังคมเมืองหลวง ออกฉายในปี พ.ศ. 2547 
ผลงานการกำกับของวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง เจ้าของผลงานที่โด่งดังมากมายทั้งฟ้าทะลายโจร.. เปนชู้กับผี.. ล่าสุดกับฆาตกรรมอิหยังวะ
ซึ่งหมานครนั้นนำมาจากนิยายสั้นชื่อเดียวกันของคอยนุช (ซึ่งก็คือคุณศิริพรรณ เตชจินดาวงศ์ ภรรยาของคุณวิศิษฏ์นั่นเอง)
ก่อนที่ทางสามีจะชื่นชอบอย่างมากและนำมาดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ในที่สุด



สไตล์ของ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง มีความโดดเด่นอย่างมากคือสีสันที่จัดจ้าน
การวางภาพที่ดูแล้วบางทีก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับดูหนังของเวส แอนเดอร์สัน อยู่เช่นกัน
ในฝั่งของวิศิษฏ์ดูจี๊ดจ๊าด เผ็ดร้อนมากกว่า ยิ่งถ้าฟ้าทะลายโจรนะยิ่งสุดๆ แต่กับเรื่องหมานครนั้นดูซอฟต์ลงมา
ซีนเปิดฉากที่บ้านนอกน่ะใช่เลย แต่พอเข้าเมืองมา แม้สีสันดังกล่าวก็ดรอปลงแต่ก็ยังชัดเจนอยู่มาก



นำแสดงโดย มหาสมุทร บุณยรักษ์ ในบทป๊อดชายหนุ่มแสนซื่อ สู้งานทุกชนิดหนักเอาเบาสู้
แต่ชีวิตก็แสนน่าเบื่อเหลือหลายไร้จุดหมายสิ้นดีจนมาพบกับจิน (แสงทอง เกตุอู่ทอง) แม่บ้านสาวในที่ทำงานเดียวกัน
ป๊อดตกหลุมรักจินทันทีเมื่อแรกพบ ..ซึ่งการแสดงของทั้งสองท่านนี่คือรูปแบบของความนิ่งๆ หน้าตาย
คล้ายๆงานหนังของ Aki Kaurismäki ผู้กำกับชาวฟินน์ที่มักนำเรื่องราวชนชั้นกรรมาชีพมานำเสนอ แบบนี้เลย



การผจญภัยในเมืองใหญ่ซึ่งถ่ายทอดออกมาในรูปแบบความธรรมดาที่สุดแสนจะเหนือจริง..
คนที่ตามหานิ้วตัวเองที่ถูกตัดและไปอยู่ในกระป๋อง.. ฝนที่ตกลงมาเป็นหมวกกันน็อก.. หมีพูดได้..
คนตายในโลกคนเป็น.. ภูเขาขวดพลาสติกที่สูงเทียมฟ้า แต่ละอย่างมันเว่อร์สุดยอด
แต่มันก็เรียบง่ายจนดูเป็นธรรมชาติและไม่ขัดตาอะไรใดๆทั้งสิ้น



ทั้งเรื่องนำเสนอผ่านบทเพลง...ก่อน ของ Modern Dog แต่งโดย ปฐมพร ปฐมพร ที่เป็นธีมหลักของเรื่อง
และมีหลกหลายเวอร์ชั่นคลอไปแทบทั้งเรื่อง ซึ่งเนื้อหาเพลงก็สะท้อนถึงความรู้สึกของป๊อดตัวเอกที่มีต่อจินนางเอกได้เป็นอย่างดี
เพลงโปรดผมด้วยล่ะ เด็กเบเกอรี่อย่างผมชอบมาก ยิ่งฉากเปิดเรื่องด้วยเพลงนี้นี่แบบ อยู่ในโรงคือว้าวมากๆ..
แทบ End credit ก็ปิดท้ายด้วยเพลงนี้อีกครั้งแบบน่าประทับใจ ..และเสียงบรรยายทั้งเรื่องของเป็นเอก รัตนเรือง!!!



ป๊อดเข้าเมืองใหญ่พบกับผู้คนมากมายหลากหลาย ทั้งหญิงสาวอายุ 22 ที่เหมือนเด็ก 5-6 ขวบ..
ชายหนุ่มขี้ลืมที่เห็นอะไรเป็นต้องเลีย.. เพื่อนซี้ของเขาที่พบรักกับสาวไทยจีนที่คิดว่าตัวเองสืบเชื้อสายจากจักรพรรดิ..
พี่คงเดชวินมอเตอร์ไซค์ที่แม้จะตายไปแล้วแต่ก็ยังรับผิดชอบในหน้าที่คอยรับส่งพระเอกอยู่เสมอเมื่อมีโอกาส ..
รวมไปถึงหมีจอมซ่าที่ชื่อว่าธงชัย นี่มัน Ted ชัดๆ... ผมชอบเจ้าตัวนี้มาก จนอยากให้มีจักรวาลต่อเนื่อง
เรื่องโลกของธงชัยแบบแยกเป็นเรื่องนึงได้เลย มันทำได้นะ เรามาก่อน Ted ด้วยตั้ง 8 ปีแน่ะ แต่เสียดาย..ที่มันเป็นไปไม่ได้...



ทุกชีวิตที่ตัวเอกเราต้องพบเจอ ต้องว่ายวนอยู่ในโลกและความต้องการของตน
สังคมเมืองที่สับสนพอๆกับชีวิตแต่ละคนที่ดูแปลกประหลาดเหลือเกิน
แต่ก็นะ โลกความเป็นจริงผมว่าทุกวันนี้พวกเราต่างก็ไม่ค่อยจะปกติกันไปหมดแล้วล่ะนะ
ดังนั้นการจะไปตัดสินกลุ่มตัวละครในหนังก็อาจจะดูไม่เป็นธรรมสักเท่าไหร่



ความต้องการอีกอย่างที่ป๊อดเข้ามาอยู่ในมหานครนั้น เขาอยากมีหางครับ..
เป็นคนกรุงจะได้มีหางอย่างนั้นรึ.. ก่อนจากบ้านมายายก็บอกเขาไว้ว่าเมื่อไหร่เอ็งมีงานทำ เอ็งจะมีหาง..
หางที่ว่าก็เป็นสัญญะสำคัญของหนังที่อาจจะตีความได้ว่า คนที่มีหางก็เหมือนคนที่คอยยกตัวเองให้ดูว่าเก่งว่าดี เหนือกว่าคนอื่นเขา
อารมณ์มาอยู่ในเมืองใหญ่ก็หมายตัวว่าเรานั้นเก่งแล้ว หน้าตั้งหางเชิดได้ไม่อายใครอะไรแบบนี้
อันนี้ผมอิงจากสำนวน ยกหางตัวเองนะ



ทั้งที่จริงๆแล้วเราก็คนธรรมดา แต่ก็เพราะความธรรมดานี่ล่ะที่ทำให้เราต่างอยากเป็นคนพิเศษสำหรับใครต่อใคร
มีจุดเด่นที่ทำให้คนมาสนใจ ยิ่งในเมืองแสนเหงาแบบนี้ ถ้าเราเป็นที่ชื่นชอบของใครต่อใครก็คงจะดีไม่น้อย.
แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่การพยายามหลอกตัวเองทั้งนั้นล่ะ



เพราะความสุขที่แท้จริงนั้นมันง่ายมากและอยู่ใกล้ตัวของเราซะเหลือเกิน
เราไม่ต้องไปพยายามไขว่คว้าหรือค้นหาอะไรให้มันมากมาย ทุกอย่างมันอยู่รอบๆตัวเราทั้งนั้น ..
ยิ่งตามหายิ่งไม่พบ ยิ่งวิ่งไล่ยิ่งมองไม่เห็น ตามประโยคต้นเรื่องที่เพื่อนพระเอกบอกไว้นั่นเลย



ซีนที่ผมชอบมากที่สุดคือตอนที่ป๊อดกลับบ้านและพบว่าที่บ้านเกิดของเขาทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
แต่ในสายตาของเขาทุกอย่างมันเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เหมือนภาพ slowmotion
ซึ่งพ่อพระเอกบอกว่า บ้านนอกมันไม่ได้ช้าหรอก ทุกอย่างมันก็เป็นเหมือนเดิมน่ะล่ะ
เพียงแค่เวลาในเมืองที่เอ็งอยู่มันเร่งรีบมากเกินไปต่างหาก เอ็งเลยดูว่าที่บ้านนอกทุกอย่างมันดูช้าไปหมดเท่านั้นเอง



ผมดูหนังเรื่องนี้อีกหลายครั้งเมื่อเวลาผ่านมา ยิ่งนึกรักงานชิ้นนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ผมเคยเขียนถึงเปนชู้กับผี อีกงานของวิศิษฎ์ว่านี่คือของดีที่มาก่อนกาลไปสักนิด
เช่นเดียวกันกับหมานคร.. หากหนังเรื่องนี้ได้ออกฉายในช่วงเวลานี้ ความสำเร็จของมันต้องสูงมากกว่าเมื่อครั้งนั้นเป็นแน่
แม้เวลาจะผ่านมา 20 กว่าปีแล้วก็ตาม หากแต่เนื้อหามันยังร่วมสมัย ไม่มีคำว่าเก่า
เพราะสังคมไทยเรายังคงเป็นแบบนั้นเสมอ ยิ่งในโลกโซเชี่ยลทุกวันนี้ คนยิ่งอยากจะมีหางมากยิ่งเข้าไปใหญ่



ในเมืองที่กองภูเขาพลาสติกสูงเสียดฟ้าจนแทบจะเอื้อมมือคว้าไปถึงดวงจันทร์
..เมืองของหมา..  หมานคร


เพราะหนังมันฝังใจ


=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่