เวลาข้าวยากหมากแพง ของแพงหน้าก็แดง หน้าก็แดง ขอถูกก็ซื้อไม่ได้ ซื้อไม่ได้ หิวจะขาดใจ ……….. ซะ!!! ไม่ได้เขียนเนื้อเพลง แค่เขียนสิ่งที่อยู่ในใจ หลังปิดร้านชีวิตก็ยังแห้งกรอบ ยังเป็นช่วงยอดขายออนไลน์ตกไม่ขยับ เพราะแบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จัก ลูกค้ายังไม่ทราบว่าเราทำของดีราคาสมเหตุสมผลขาย แถมงานส่งออกต่างประเทศก็ต้องใช้เวลาในการสร้างฐานลูกค้า งานสั่งตัดน้อยลง หน้าร้านก็ปิดไปแล้ว กระแสจิตที่ส่งไปหาลูกค้าผ่านทางเฟสบุคก็ยังไม่ถึง เลยต้องรับงานอื่นแหลกรานแบบอะไรเป็นเงินเป็นทองรับหมด จับพลัดจับผลูยังไงไม่รู้เลยไปได้งานยูนิฟอร์มมา ถ้าถามว่าได้มาอย่างไรคือช่วงนั้นอะไรก็ไม่รู้ดลใจ โพสโฆษณาในเฟสบุคซะง้าน รับงานยูนิฟอร์มทั้งวัดตัวตัดและทำไซส์ S M L XL ออกแบบตามมโนกรรมของลูกค้าหรือทางเรารับมโนให้ แถมผลิตแบบไม่มีขั้นต่ำ ชนิด 1 ชุดก็ทำ ช่างเป็นผู้หญิงสู้ชีวิตอะไรเช่นนี้
บระเจ้าช่วงนั้นงานเข้า 5 เจ้าจ้า ให้มีพอประทังชีวิต โชว์รูมรถยนต์ 1 แห่ง – บริษัทฯ ขายเคมีภัณท์ 1 แห่ง – พนักงานต้อนรับผู้โดยสารภาคพื้นดิน 1 แห่ง – พนักงานขายโรงงานวัสดุกรอบแว่น 1 แห่ง – แอร์สายการบิน 1 แห่ง – นักเรียนแอร์ 1 แห่ง ฟังเหมือนงานเยอะ แต่อย่าลืม รับงานแหลกแบบ 1 ชุดก็ทำ จำนวนงานไม่ได้มากมายนับเป็นชิ้นได้ดังนี้ งานโชว์รูมรถยนต์ 8 ชิ้น – บริษัทฯ ขายเคมีภัณท์ 18 ชุด – พนักงานต้อนรับผู้โดยสารภาคพื้นดิน 40 ชุด – พนักงานขายโรงงานวัสดุกรอบแว่น 10 ชุด – แอร์สายการบินแห่งหนึ่ง 13 ชิ้น – นักเรียนแอร์ 6 รุ่น 337 ชิ้น นั่นคือประสบการณ์ 5 เดือนสำหรับการรับงานยูนิฟอร์ม ข้อดีคือทำให้ได้เงินทุนหมุนเวียน แต่ข้อเสียคือ เราใช้ทรัพยากรของเราในทางที่ผิด
“ขุ่นแม่” ก็คิดถึง “ลูกสาว” นะ แต่ “ขุ่นแม่” ต้องเลือก
คำถาม ได้ตังส์แล้วผิดยังไง ?
คำตอบ ผิดแน่ เพราะ ฝ่ายผลิตของเราไม่มีเวลาในการสร้างสรรค์งานคอลเลคชั่นใหม่ ที่ทำเงินได้มากกว่า
เป็น 5 เดือน ที่หน้ามืดตามัว นิ้วมือ นิ้วเท้ารัวๆๆ เหยียบจักรเร่งงานยูนิฟอร์ม ถึงแม้ว่าเราจะสนุกสนานกับการเป็น “ขุ่นแม่” ของเหล่าบรรดา “ลูกสาว” แต่ไม่นานเราก็ต้องพักเรื่องลูกๆ แล้วหันกลับมาจริงจังกับผลิตภัณท์หลักที่เรามีความถนัดมากกว่า นั่นคือ เสื้อผ้าสำเร็จรูปสำหรับสตรีทำงาน สตรีวัยกลางคนระหว่าง 28-48 ปี ที่มีชีวิตครอบครัวและสังคมควบคู่กัน สตรีที่เป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญมีเงินที่จะแบ่งซื้อความสุขให้ตัวเองได้ นั่นคือคำจำกัดความของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ “Marisara” ซึ่งกลุ่มลูกค้า “บริษัทฯ” ที่เรารับงานยูนิฟอร์มมาขัดตาทัพเหล่านั้น “ไม่ใช่”
เพราะงานยูนิฟอร์ม ยิ่งรับจำนวนสั่งขั้นต่ำน้อย ร้อยทั้งร้อยเป็นงานวัดตัว หมายถึงวัดไซส์สั่งตัด หาใช่งานไซส์เสื้อโปโล S M L XL ไม่ ดังนั้นเมี้ยนก็ต้องบึ่งรถไปวัดตัว พอทีมช่างรับไซส์ลูกค้าแล้วต้องขึ้นแพทเทิน 1 ชุดต่อ 1 คน สำหรับลงงานตัวอย่าง หลังจากนั้นต้องนัดลูกค้าฟิตติ้ง (ลองชุด) ซึ่งก็แน่นอน ต้องมีไม่พอดีให้กลับมาแก้ วันส่งงานลูกสาวบางคนสมบูรณ์ ลูกสาวบางคนยอมขมขื่นอดอาหาร รูปร่างยืดหดต่างกันไป บางรายยืดมากหดมาก ตอนฟิตติ้งเคยใส่ได้ เวลาส่งงานกลับใส่ไม่ได้ซะง้าน เมี้ยนก็ต้องเก็บชุดกลับมาแก้ใหม่ งานยูนิฟอร์มใช้เวลามากอย่างนี้ แล้วจะเอาเวลาไหนไปทำตลาดอื่น +++ ดั่งคำโบราณว่าไว้ “อย่าจับปลาสองมือ” ถึงแม้ว่า ทาทา ยัง จะ “อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน” แต่พี่อิทธิ พลางกูรบอกว่า “เราสามคน จนใจพูดไม่ออก ไม่มีใครมีทางออก ฉีกเส้นทางสามทาง ออกจากกัน แยกใจไว้สองทาง จบความหลังไปที…. เจ็บอย่างนี้ไม่มีต่อไป….” เราเลยต้องฟังพี่อัสนี, วสันต์ โชติกุล บอก “โอ้ย อย่างเนี้ย ได้อย่างเสียอย่าง เลือกเดินตรงทางสักทางได้มั้ย”
ประจวบกับเป็นช่วงใกล้สิ้นปี ฤกษ์งามยามดีของธุรกิจค้าปลีก โบนัสออก วันหยุดเยอะ New Year Solution ปีใหม่ ชีวิตใหม่ เหนื่อยมาทั้งปีแล้วขอให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง Holiday Spirit คึกคักเราก็ต้องคึกคักด้วย เตรียมใส่เกียร์ตั้งแต่เดือน 8 ทำตัวอย่าง 1 เดือน ผลิตสินค้าเดือนครึ่ง ภายในกลางเดือน 10 สินค้าต้องเสร็จเรียบร้อยเพราะต้องการเวลาอย่างน้อย 2 อาทิตย์ในการ เตรียมงาน logistic ต่างๆ (แพ๊คของ, ส่งของ, ถ่ายรูปสินค้า, จัดแสดงสินค้าเพื่อรอขาย) หลังจากนั้น เจ้าของธุรกิจค้าปลีกไม่ใช่ว่าจะเปิดหน้าร้านรอขายอย่างเดียวได้ ต้องคิดเรื่องโปรโมชั่นและโฆษณาต่างๆ เพื่อจูงใจลูกค้า อย่าลืมว่าทั่งโลกฮอลิเดย์พร้อมกัน ไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่รู้ว่าสิ้นปีเป็นนาทีทองของธุรกิจค้าปลีก คนอื่นเขาก็เค้นสมองและ ขยับแข้งขา เตรียมงานเหมือนกัน คือโลกนี้มันไม่ได้มีแค่เรากับร้านป้าข้างบ้านนะคะ !!! ยิ่งในสิงคโปร์เขามี Black Friday คือวันศุกร์สุดท้ายของปี หยุดยาวติดกัน 3 วัน ช้อปกันระเบิด ไม่เตรียมตัวให้ดีก็พลาดแล้วพลาดเลยต้องรอปีหน้า ใครจะรอไหวจริงป่ะ
เตรียมของเดือน 10 เพื่อรอขายเดือน 11 ยอดพุ่งแบบโชติช่วงชัชวาล ยอดขายออนไลน์ 312 ชุดในเดือนนั้นกระแทกเพดานสนั่นหวั่นไหว นี่ถ้าไม่เกิดความผิดพลาดทางเทคนิคเรื่องรายละเอียดไซส์ของสินค้าละก็ ยอดคืนคงจะแปลเป็นยอดขายให้ได้ไชโยกันยิ่งกว่า ไหนๆ ก็ว่ากันด้วยเรื่องตัวเลขแล้ว ขอเปรียบเทียบพฤติกรรมนักช้อบ Zalora ไทยกับสิงคโปร์ซะหน่อย เลขที่ออกไทยแลนด์ยอดพุ่งเดือน 7 (ที่ไม่บอกเดือน 3 ทั้งๆ ที่กราฟโชว์หลาว่าขายได้มากกว่าเดือนไหนๆ ก็เพราะปี 2015 ยังไม่จบรอบเลยขอวิเคราะห์ยอดจากปี 2013-2014 ที่ผ่านมาก่อน อีกอย่างช่วงต้นปี 2015 สไตล์สินค้าที่ส่งขายในซาโลร่า ประเทศไทยมีการปรับแบบ ลองนั่งวิเคราะห์กับจัดซื้อแล้วนี่อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขึ้น ยังไม่ด่วนสรุปต้องรอดูกันต่อไป
ลองเปรียบเทียบงานปี 2013 กับงานปี 2015 ดู พระเจ้าช่วยกล้วยตาก !!! ช่างแตกต่างราวกับยุคเพชรา เชาวราษฎร์ กับชมพู่ อารยา อะไรอย่างนั้น +++
ประหนึ่ง เพชรา เชาวราษฎร์ กับชมพู่ อารยา
อ่านย้อนหลังบทที่
1-5 ได้ที่
http://pantip.com/topic/33763651
6-10 ได้ที่
http://pantip.com/topic/33765578
11-12 ได้ที่
http://pantip.com/topic/33768776
ประสบการณ์สร้างธุรกิจเสื้อผ้า จากปากแม่ค้าโดยตรง (บทที่ 13 เลือกซักคนว่าจะ “เพชรา” หรือ “อารยา”)
บระเจ้าช่วงนั้นงานเข้า 5 เจ้าจ้า ให้มีพอประทังชีวิต โชว์รูมรถยนต์ 1 แห่ง – บริษัทฯ ขายเคมีภัณท์ 1 แห่ง – พนักงานต้อนรับผู้โดยสารภาคพื้นดิน 1 แห่ง – พนักงานขายโรงงานวัสดุกรอบแว่น 1 แห่ง – แอร์สายการบิน 1 แห่ง – นักเรียนแอร์ 1 แห่ง ฟังเหมือนงานเยอะ แต่อย่าลืม รับงานแหลกแบบ 1 ชุดก็ทำ จำนวนงานไม่ได้มากมายนับเป็นชิ้นได้ดังนี้ งานโชว์รูมรถยนต์ 8 ชิ้น – บริษัทฯ ขายเคมีภัณท์ 18 ชุด – พนักงานต้อนรับผู้โดยสารภาคพื้นดิน 40 ชุด – พนักงานขายโรงงานวัสดุกรอบแว่น 10 ชุด – แอร์สายการบินแห่งหนึ่ง 13 ชิ้น – นักเรียนแอร์ 6 รุ่น 337 ชิ้น นั่นคือประสบการณ์ 5 เดือนสำหรับการรับงานยูนิฟอร์ม ข้อดีคือทำให้ได้เงินทุนหมุนเวียน แต่ข้อเสียคือ เราใช้ทรัพยากรของเราในทางที่ผิด
“ขุ่นแม่” ก็คิดถึง “ลูกสาว” นะ แต่ “ขุ่นแม่” ต้องเลือก
คำถาม ได้ตังส์แล้วผิดยังไง ?
คำตอบ ผิดแน่ เพราะ ฝ่ายผลิตของเราไม่มีเวลาในการสร้างสรรค์งานคอลเลคชั่นใหม่ ที่ทำเงินได้มากกว่า
เป็น 5 เดือน ที่หน้ามืดตามัว นิ้วมือ นิ้วเท้ารัวๆๆ เหยียบจักรเร่งงานยูนิฟอร์ม ถึงแม้ว่าเราจะสนุกสนานกับการเป็น “ขุ่นแม่” ของเหล่าบรรดา “ลูกสาว” แต่ไม่นานเราก็ต้องพักเรื่องลูกๆ แล้วหันกลับมาจริงจังกับผลิตภัณท์หลักที่เรามีความถนัดมากกว่า นั่นคือ เสื้อผ้าสำเร็จรูปสำหรับสตรีทำงาน สตรีวัยกลางคนระหว่าง 28-48 ปี ที่มีชีวิตครอบครัวและสังคมควบคู่กัน สตรีที่เป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญมีเงินที่จะแบ่งซื้อความสุขให้ตัวเองได้ นั่นคือคำจำกัดความของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ “Marisara” ซึ่งกลุ่มลูกค้า “บริษัทฯ” ที่เรารับงานยูนิฟอร์มมาขัดตาทัพเหล่านั้น “ไม่ใช่”
เพราะงานยูนิฟอร์ม ยิ่งรับจำนวนสั่งขั้นต่ำน้อย ร้อยทั้งร้อยเป็นงานวัดตัว หมายถึงวัดไซส์สั่งตัด หาใช่งานไซส์เสื้อโปโล S M L XL ไม่ ดังนั้นเมี้ยนก็ต้องบึ่งรถไปวัดตัว พอทีมช่างรับไซส์ลูกค้าแล้วต้องขึ้นแพทเทิน 1 ชุดต่อ 1 คน สำหรับลงงานตัวอย่าง หลังจากนั้นต้องนัดลูกค้าฟิตติ้ง (ลองชุด) ซึ่งก็แน่นอน ต้องมีไม่พอดีให้กลับมาแก้ วันส่งงานลูกสาวบางคนสมบูรณ์ ลูกสาวบางคนยอมขมขื่นอดอาหาร รูปร่างยืดหดต่างกันไป บางรายยืดมากหดมาก ตอนฟิตติ้งเคยใส่ได้ เวลาส่งงานกลับใส่ไม่ได้ซะง้าน เมี้ยนก็ต้องเก็บชุดกลับมาแก้ใหม่ งานยูนิฟอร์มใช้เวลามากอย่างนี้ แล้วจะเอาเวลาไหนไปทำตลาดอื่น +++ ดั่งคำโบราณว่าไว้ “อย่าจับปลาสองมือ” ถึงแม้ว่า ทาทา ยัง จะ “อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน” แต่พี่อิทธิ พลางกูรบอกว่า “เราสามคน จนใจพูดไม่ออก ไม่มีใครมีทางออก ฉีกเส้นทางสามทาง ออกจากกัน แยกใจไว้สองทาง จบความหลังไปที…. เจ็บอย่างนี้ไม่มีต่อไป….” เราเลยต้องฟังพี่อัสนี, วสันต์ โชติกุล บอก “โอ้ย อย่างเนี้ย ได้อย่างเสียอย่าง เลือกเดินตรงทางสักทางได้มั้ย”
ประจวบกับเป็นช่วงใกล้สิ้นปี ฤกษ์งามยามดีของธุรกิจค้าปลีก โบนัสออก วันหยุดเยอะ New Year Solution ปีใหม่ ชีวิตใหม่ เหนื่อยมาทั้งปีแล้วขอให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง Holiday Spirit คึกคักเราก็ต้องคึกคักด้วย เตรียมใส่เกียร์ตั้งแต่เดือน 8 ทำตัวอย่าง 1 เดือน ผลิตสินค้าเดือนครึ่ง ภายในกลางเดือน 10 สินค้าต้องเสร็จเรียบร้อยเพราะต้องการเวลาอย่างน้อย 2 อาทิตย์ในการ เตรียมงาน logistic ต่างๆ (แพ๊คของ, ส่งของ, ถ่ายรูปสินค้า, จัดแสดงสินค้าเพื่อรอขาย) หลังจากนั้น เจ้าของธุรกิจค้าปลีกไม่ใช่ว่าจะเปิดหน้าร้านรอขายอย่างเดียวได้ ต้องคิดเรื่องโปรโมชั่นและโฆษณาต่างๆ เพื่อจูงใจลูกค้า อย่าลืมว่าทั่งโลกฮอลิเดย์พร้อมกัน ไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่รู้ว่าสิ้นปีเป็นนาทีทองของธุรกิจค้าปลีก คนอื่นเขาก็เค้นสมองและ ขยับแข้งขา เตรียมงานเหมือนกัน คือโลกนี้มันไม่ได้มีแค่เรากับร้านป้าข้างบ้านนะคะ !!! ยิ่งในสิงคโปร์เขามี Black Friday คือวันศุกร์สุดท้ายของปี หยุดยาวติดกัน 3 วัน ช้อปกันระเบิด ไม่เตรียมตัวให้ดีก็พลาดแล้วพลาดเลยต้องรอปีหน้า ใครจะรอไหวจริงป่ะ
เตรียมของเดือน 10 เพื่อรอขายเดือน 11 ยอดพุ่งแบบโชติช่วงชัชวาล ยอดขายออนไลน์ 312 ชุดในเดือนนั้นกระแทกเพดานสนั่นหวั่นไหว นี่ถ้าไม่เกิดความผิดพลาดทางเทคนิคเรื่องรายละเอียดไซส์ของสินค้าละก็ ยอดคืนคงจะแปลเป็นยอดขายให้ได้ไชโยกันยิ่งกว่า ไหนๆ ก็ว่ากันด้วยเรื่องตัวเลขแล้ว ขอเปรียบเทียบพฤติกรรมนักช้อบ Zalora ไทยกับสิงคโปร์ซะหน่อย เลขที่ออกไทยแลนด์ยอดพุ่งเดือน 7 (ที่ไม่บอกเดือน 3 ทั้งๆ ที่กราฟโชว์หลาว่าขายได้มากกว่าเดือนไหนๆ ก็เพราะปี 2015 ยังไม่จบรอบเลยขอวิเคราะห์ยอดจากปี 2013-2014 ที่ผ่านมาก่อน อีกอย่างช่วงต้นปี 2015 สไตล์สินค้าที่ส่งขายในซาโลร่า ประเทศไทยมีการปรับแบบ ลองนั่งวิเคราะห์กับจัดซื้อแล้วนี่อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขึ้น ยังไม่ด่วนสรุปต้องรอดูกันต่อไป
ลองเปรียบเทียบงานปี 2013 กับงานปี 2015 ดู พระเจ้าช่วยกล้วยตาก !!! ช่างแตกต่างราวกับยุคเพชรา เชาวราษฎร์ กับชมพู่ อารยา อะไรอย่างนั้น +++
ประหนึ่ง เพชรา เชาวราษฎร์ กับชมพู่ อารยา
อ่านย้อนหลังบทที่
1-5 ได้ที่http://pantip.com/topic/33763651
6-10 ได้ที่ http://pantip.com/topic/33765578
11-12 ได้ที่ http://pantip.com/topic/33768776