สวัสดีคะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ การไปเที่ยวเกาหลี กับทัวร์ มาฝาก
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า นี่เป็นการเขียนครั้งแรก เพิ่งสมัคร pantip มาใหม่เลยทีเดียว
ขอแทนตัวเองว่า เรา นะคะ
อาจจะยืดนิดนึงเนาะ อย่าเพิ่งเบื่อ5555555 เราไปเที่ยวเกาหลีแบบงงๆ และไม่ได้คิดว่าจะไปเที่ยว 555555
เนื่องจากอาเราพาแฟนและย่าเรา ไปเที่ยวเกาหลี แล้วก็บอกแบบกะทันหันมาก เพราะอีก 3 อาทิตย์จะไปแล้ว เราก็ขอพ่อกับแม่ไปเที่ยว
ซึ่งพ่อกับแม่ก็อนุญาต เพราะไปเที่ยวกับญาติสนิทก็วางใจ ให้ไปได้
ฉะนั้นจึง รีบไปทำพาสปอร์ตก่อนเลย เพราะต้องส่งไปให้ทัวร์ ตอนแรกเกือบจะไม่ได้ไป ทัวร์เต็ม แต่ดีที่มีคนยกเลิกไม่ไป จึงกลายเป็นโชคดีของเรา เนื่องจากไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน ยกเว้นลาว ที่แค่ทำบัตรข้ามแดนชั่วคราว (เรียกถูกรึเปล่า 5555) ก็ต้องไปทำพาสปอร์ตเป็นธรรมดา พอไปถึงก็ทำเรื่อง เตรียมเอกสาร วัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก ถ่ายรูป จ่ายเงินเสร็จ รอรับอีก 3 วัน เมื่อได้แล้วก็ส่งให้อาไปทำเรื่องต่อ
จากนั้นก็นับวันรอ...
ระหว่างรอก็ค่อนข้างตื่นเต้นนิดส์นึงส์ 5555
ก็คนมันไม่เคยไปเกาหลีนิ ศึกษาข้อมูลที่เป็นประโยชน์เล็กน้อยมากกก ขอบอกว่าน้อยมาก เพราะชอบดูซีรีย์เกาหลี
เลยคิดว่ามันคงต้องเป็นแบบในนั้นละ
เราก็เตรียมเสื้อผ้า สำรวจสภาพอากาศ ก็ตกใจ เฮ้ย!! หนาวแท้ ตอนนั้นกำลังเหงื่อแตกเหงื่อแตน จริงดิหนาวกว่าหน้าหนาวบ้านฉันอีก
ตายๆๆ ตอนนั้นเริ่มคิดละ มันคงไม่หนาวขนาดนั้นหรอก (ไม่รู้อะไรซะแล้ว) เลยสั่งเสื้อกันหนาวทางเน็ตมา 2 ตัว และก็ไปช้อปปิ้งที่ใบหยก ได้โค้ตไม่หนามากมาตัวนึง แล้วก็เตรียมเสื้อแขนยาว เสื้อยืด ถุงเท้า เกงขายาว เสื้อกันหนาว เป็นอันเสร็จ
จัดกระเป๋าเสร็จก่อนเป็นอาทิตย์ 555555
เราไปเที่ยวเกาหลีวันที่ 14 -18 มีนาคม 58
ไปสายการบินนกสกู๊ต ไฟลท์ประมาณ 5 ทุ่ม
ถึง6 โมงเช้าของเกาหลี ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง
คืนวันที่ 14 พ่อเรามาส่งเรา น้อง และย่าที่ดอนเมือง เจอกับอาที่นั่นเลย
สามทุ่มก็มาเจอไกด์ ซึ่งไกด์ก็ติดบัตรชื่อเรา ชื่อโรงแรม ชื่อกรุ้ปทัวร์ ไว้บนกระเป๋าให้
(มันเรียกอย่างทางการว่าอะไร 5555)
เสร็จแล้วก็แจกโปรแกรมทัวร์ แล้วก็บัตรกระดาษที่ให้เขียนข้อมูลมา 2หรือ3 ใบนี่แหละ (มันเรียกอะไรไม่รู้ ด้วยความไม่รู้ เขาให้ไรมาก็ทำตามหมด เซ็นตามช่องที่เขาจุดไว้ให้ อาชีพก็เขียน student) จากนั้นก็เตรียมพาสปอร์ตขึ้นมา
แล้วก็ไปเช็คอินและโหลดกระเป๋า เราเอากระเป๋าใบเล็กๆไปใบเดียว แค่ 7 โล
เสร็จแล้วก็ไปรอที่ เกทร้อยกว่า (จำไม่ได้ มัวแต่ตื่นเต้น) กินข้าวที่ s&p รองท้อง รอเครื่องประมาณชม.กว่า จากนั้นก็ขึ้นเครื่อง
กรุ้ปเราไกด์ดีมาก ชิลล์ๆ ไม่เยอะ บอกให้รอคนอื่นขึ้นก่อนพวกเราไปหลังๆก็ได้
พอขึ้นเครื่องก็หาที่นั่งพี่แอร์บริการดี ใจเย็นมาก ชื่นชม เราได้ที่นั่งที่แยกออกมาคนเดียวจากครอบครัว แต่ก็ไม่ไกลกัน ยังพอคุยกันได้ เสร็จเรียบร้อยเครื่องขึ้น พี่แอร์ก็สาธิตอุปกรณ์ต่างๆ เสร็จก็ดับไฟ ขายของกิน เราก็จัดมาม่าไปถ้วยนึง เพราะคนรอบข้างกิน แล้วกลิ่นเย้ายวนเหลือเกิน จากนั้นก็ฟังเพลงนอน แต่นั่งไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ อาจเพราะที่นั่งเล็ก หรือไม่ก็เราไม่เคยนั่งเครื่องบินนานเกินชม.
อาหารบนเครื่องเป็นข้าวไก่อบซอสอะไรสักอย่าง ซึ่งเราเรื่องมากเล็กน้อย 55555 ไม่ชอบเมนูนี้เลยเอาให้อากิน แล้วก็กินขนมหวานเป็นเผือกบวชแทน ซึ่งก็กินไป 2 คำ เพราะมองไปนอกหน้าต่างนั่นมันประเทศเกาหลี จะถึงแล้ว (ดูพระอาทิตย์ขึ้นบนเครื่องบินสวย ประทับใจมาก)
เครื่องลงจอด ก็หยิบสัมภาระบนหัวเตรียมพร้อม เหยียบแผ่นดินเกาหลี (เว่อร์ไปไหม)
จากนั้นกรุ้ปเราก็รวมตัว ไกด์อธิบายคร่าวๆ และให้ไปเข้าห้องน้ำ ก่อนไปตม. ซึ่งเขาให้เข้าห้องน้ำ แต่เรา น้อง และย่าจัดการล้างหน้าแปรงฟันก่อนไม่ถึง 2 นาที แล้วออกไปรวมกลุ่ม
ไกด์ก็อธิบายว่าสนบ.อินชอนใหญ่ติดอันดับโลก มี2 ส่วน (เรียกเทอร์มินอลรึเปล่า?)
ตอนนี้เราอยู่ตรงส่วนที่ 2 ต้องนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไป อีกที่นึง (เพิ่งรู้ แม่เจ้า บอกแล้วว่าไม่ได้ศึกษาอะไรมาเลย 555555) ปล.กรุ้ปเรามียี่สิบกว่าคน โดดทัวร์ไปหลายคน เหลือแค่ 11 คน เศร้าใจ T^T พอไปถึงตรงโน้นก็ต่อแถวเข้าตม. (ซึ่งก็ไม่ได้ศึกษามาว่าตม.เกาหลีค่อนข้างเข้มงวด เพิ่งมารู้ตอนกลับมา แล้วอ่านกระทู้ในพันทิป นี่ฉันรู้อะไรบ้างเนี่ย!) ไกด์บอกแถวไหนสั้นต่อเลย ก็ต่อแถวไปเรื่อยๆ พอถึงคิวจำได้ว่า ไกด์บอกให้แสกนนิ้วมือ แต่พอไปถึงเราก็ไม่ได้แสกน แล้วตม.ก็ไม่ได้มีท่าทีบอกให้แสกนเลย เราก็ไม่ได้แสกน พอยืนพาสปอร์ตกับใบที่เขาให้เซ็นเสร็จ ตม.ก็ปั้มอะไรสักอย่าง แล้วก็คืนให้ เป็นอันเสร็จ จากนั้นก็เปิด pokget wifi อัพรูปลงไอจี แพรบบบบ
พอครอบครัวเราเสร็จเรียบร้อย ก็ไปรับกระเป๋าที่ช่อง 11 ตามที่ไกด์บอก และแยกย้ายไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน เราก็สบายเลยจ้า นั่งหวีผม ทาแป้งรอ พอลูกทัวร์ทั้ง 11 คนครบแล้วไกด์ก็พาพวกเราไปเจอกับไกด์ท้องถิ่นและตากล้องประจำทริปซึ่งเป็นชาวเกาหลี (ท้องถิ่นก็ต้องชาวเกาหลีอยู่แล้วละ)
ซึ่งไกด์ท้องถิ่นก็พูดไทยได้ค่อนข้างรู้เรื่องแต่ก็ไม่ชัดถ้อยชัดคำเท่าไหร่ แต่ก็รู้ว่าพูดอะไร แล้วก็พากันเดินไปขึ้นรถ
ขอบอกว่า ตอนแรกไม่คิด่าจะหนาวขนาดนี้ เดินก้าวออกจากประตูปุ๊ป อื้อหือ หนาวมากกกกก ควันออกปาก 4 องศา อื้อหื้อ เราใส่เสื้อ 3 ชั้น โอววว นี่ชั้นจะทนได้รึเปล่า5555555
พอขึ้นรถ เนื่องจากที่นั่งมีเกือบ 40 แต่ผู้โดยสาร มีแค่ 11 ใครอยากจะนั่งตรงไหนเชิญจ้า บ้านเรามี 5 คนคนละเบาะเลยจ้ะ ไกด์ก็เริ่มทักทายและแนะนำตัว
และตั้งชื่อให้ เราบ้าน5 เพราะมี 5 คน มีบ้าน7 และบ้าน2 ไกด์ก็อธิบายโปรแกรมคร่าวๆ เราก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เล่นเน็ตไปเรื่อยๆ แต่สัญญาณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จากนั้นก็งีบหลับไปแปปนึง
ที่แรก Yeoju Premium Outlets หนาวอ่ะ ยังปรับตัวไม่ได้ และแบรนด์เนม ก็ไม่ใช่จุดมุ่งหมายในการเที่ยวครั้งนี้ เราเน้นไปที่ของกินมากกว่า
จึงเริ่มหาขนมกิน ได้กินวาฟเฟิลที่อาซื้อมาชิม และอานตี้แอนด์ ที่บ้านเราไม่มีขายมั้ง 5555555 จึงค้นพบว่าสิ่งที่แปลกใหม่คือ บ้านเขาจะตัดมาเป็นชิ้นพอดีคำให้เรา 55555 ได้ฤกษ์จ่ายตังค์ครั้งแรก (แม่ให้เงินเรา 5000 บาท ซึ่งอาแลกกับไกด์ให้แล้วก่อนขึ้นเครื่อง จึงมีเงินติดตัวในทริปนี้ 150000 วอน) 1500 วอน ประมาณ 45 บาท สัญญาณเน็ตไม่ค่อยดี เพราะอยู่ตจว.
ขนมนี้ เราผิดหวังมาก คนต่อแถวซื้อเยอะมาก แต่เราว่ามันไม่อร่อยอ่ะ
จากนั้นแวะทานมื้อเที่ยง ชาบูชาบู เติมหมูได้ไม่อั้น ไกด์เตรียมน้ำจิ้มพันท้ายไว้ให้
ไกด์พาแวะชมลานสกี ตอนนั้น หิมะละลายแล้ว
มุ่งหน้าสู่เกาะนามิ
สวยงาม
บรรยากาศดี
แว้บแรกเห็น เห้ยยย เขานึ่งซาลาเปาในล้อรถ555555
ข้าวโพดมหาภัย ฝักละ 3000 วอน แต่หาความอร่อยมิได้ แข็งโพ้ด
มื้อเย็น ทักคาลบี้ ข้าวไก่ผัดซอส
คืนแรกพักโรงแรมในซูวอน เช่าหัวปลั้กไฟ มัดจำ 1000 วอน อาบน้ำแต่งตัว จัดข้าวของเล็กน้อย เพราะตอนเช้าก็เช็คเอ้าท์แล้ว ก็ออกไปเดินเล่น ตอน3ทุ่ม กับอาสองคนและน้อง (ย่าอยู่บนห้องพัก) เดินไปเรื่อยๆ เดินซื้อขนมและเข้าร้านต่างๆ ร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องสำอางค์ แต่ไม่ได้ซื้อ ซื้อแต่ขนมกินเล่น อาเราซื้อซูโคส เพิ่งทอดใหม่ๆโรยผงซินนามอน ซึ่งเราไม่ค่อยชอบแต่ก็อร่อยดี ส่วนเราซื้อขนมรูปปลาทอดไส้ถั่วแดง 4 ตัว 1000 วอน ซึ่งเรากับลุงคนขายสนทนากันลำบากเพราะลุงแกไม่พูดอังกฤษ เราก็พูดผิดๆถูกๆ จึงยื่นแบงค์ 1000 วอนไป ได้มา 4 ตัว กินคนละตัวกับอาสองคนและน้อง
บรรยากาศ
ก่อนขึ้นห้องพัก แวะมินิมาร์ทหน้าโรงแรม ได้ขนมกับบะหมี่ขึ้นไปกิน
นมกล้วยในตำนาน
พอขึ้นมาบนห้องพักเราก็วิดิโอคอลไปหาพ่อกับแม่ ทุกห้องมีwifi แต่ต้องเปิดคอมพิวเตอร์ ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร ติดอย่างเดียวจะพักหน้าจอยังไง 5555 อ่านเกาหลีบนแป้นไม่ออก เสร็จแล้วก็มาต้มบะหมี่กินกับน้อง รับทานเสร็จล้มตัวนอน หมดไปหนึ่งวันที่เกาหลี
[CR] ประสบการณ์เที่ยวเกาหลีใต้ ครั้งแรก!!
สวัสดีคะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ การไปเที่ยวเกาหลี กับทัวร์ มาฝาก
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า นี่เป็นการเขียนครั้งแรก เพิ่งสมัคร pantip มาใหม่เลยทีเดียว
ขอแทนตัวเองว่า เรา นะคะ
อาจจะยืดนิดนึงเนาะ อย่าเพิ่งเบื่อ5555555 เราไปเที่ยวเกาหลีแบบงงๆ และไม่ได้คิดว่าจะไปเที่ยว 555555
เนื่องจากอาเราพาแฟนและย่าเรา ไปเที่ยวเกาหลี แล้วก็บอกแบบกะทันหันมาก เพราะอีก 3 อาทิตย์จะไปแล้ว เราก็ขอพ่อกับแม่ไปเที่ยว
ซึ่งพ่อกับแม่ก็อนุญาต เพราะไปเที่ยวกับญาติสนิทก็วางใจ ให้ไปได้
ฉะนั้นจึง รีบไปทำพาสปอร์ตก่อนเลย เพราะต้องส่งไปให้ทัวร์ ตอนแรกเกือบจะไม่ได้ไป ทัวร์เต็ม แต่ดีที่มีคนยกเลิกไม่ไป จึงกลายเป็นโชคดีของเรา เนื่องจากไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน ยกเว้นลาว ที่แค่ทำบัตรข้ามแดนชั่วคราว (เรียกถูกรึเปล่า 5555) ก็ต้องไปทำพาสปอร์ตเป็นธรรมดา พอไปถึงก็ทำเรื่อง เตรียมเอกสาร วัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก ถ่ายรูป จ่ายเงินเสร็จ รอรับอีก 3 วัน เมื่อได้แล้วก็ส่งให้อาไปทำเรื่องต่อ
จากนั้นก็นับวันรอ...
ระหว่างรอก็ค่อนข้างตื่นเต้นนิดส์นึงส์ 5555
ก็คนมันไม่เคยไปเกาหลีนิ ศึกษาข้อมูลที่เป็นประโยชน์เล็กน้อยมากกก ขอบอกว่าน้อยมาก เพราะชอบดูซีรีย์เกาหลี
เลยคิดว่ามันคงต้องเป็นแบบในนั้นละ
เราก็เตรียมเสื้อผ้า สำรวจสภาพอากาศ ก็ตกใจ เฮ้ย!! หนาวแท้ ตอนนั้นกำลังเหงื่อแตกเหงื่อแตน จริงดิหนาวกว่าหน้าหนาวบ้านฉันอีก
ตายๆๆ ตอนนั้นเริ่มคิดละ มันคงไม่หนาวขนาดนั้นหรอก (ไม่รู้อะไรซะแล้ว) เลยสั่งเสื้อกันหนาวทางเน็ตมา 2 ตัว และก็ไปช้อปปิ้งที่ใบหยก ได้โค้ตไม่หนามากมาตัวนึง แล้วก็เตรียมเสื้อแขนยาว เสื้อยืด ถุงเท้า เกงขายาว เสื้อกันหนาว เป็นอันเสร็จ
จัดกระเป๋าเสร็จก่อนเป็นอาทิตย์ 555555
เราไปเที่ยวเกาหลีวันที่ 14 -18 มีนาคม 58
ไปสายการบินนกสกู๊ต ไฟลท์ประมาณ 5 ทุ่ม
ถึง6 โมงเช้าของเกาหลี ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง
คืนวันที่ 14 พ่อเรามาส่งเรา น้อง และย่าที่ดอนเมือง เจอกับอาที่นั่นเลย
สามทุ่มก็มาเจอไกด์ ซึ่งไกด์ก็ติดบัตรชื่อเรา ชื่อโรงแรม ชื่อกรุ้ปทัวร์ ไว้บนกระเป๋าให้
(มันเรียกอย่างทางการว่าอะไร 5555)
เสร็จแล้วก็แจกโปรแกรมทัวร์ แล้วก็บัตรกระดาษที่ให้เขียนข้อมูลมา 2หรือ3 ใบนี่แหละ (มันเรียกอะไรไม่รู้ ด้วยความไม่รู้ เขาให้ไรมาก็ทำตามหมด เซ็นตามช่องที่เขาจุดไว้ให้ อาชีพก็เขียน student) จากนั้นก็เตรียมพาสปอร์ตขึ้นมา
แล้วก็ไปเช็คอินและโหลดกระเป๋า เราเอากระเป๋าใบเล็กๆไปใบเดียว แค่ 7 โล
เสร็จแล้วก็ไปรอที่ เกทร้อยกว่า (จำไม่ได้ มัวแต่ตื่นเต้น) กินข้าวที่ s&p รองท้อง รอเครื่องประมาณชม.กว่า จากนั้นก็ขึ้นเครื่อง
กรุ้ปเราไกด์ดีมาก ชิลล์ๆ ไม่เยอะ บอกให้รอคนอื่นขึ้นก่อนพวกเราไปหลังๆก็ได้
พอขึ้นเครื่องก็หาที่นั่งพี่แอร์บริการดี ใจเย็นมาก ชื่นชม เราได้ที่นั่งที่แยกออกมาคนเดียวจากครอบครัว แต่ก็ไม่ไกลกัน ยังพอคุยกันได้ เสร็จเรียบร้อยเครื่องขึ้น พี่แอร์ก็สาธิตอุปกรณ์ต่างๆ เสร็จก็ดับไฟ ขายของกิน เราก็จัดมาม่าไปถ้วยนึง เพราะคนรอบข้างกิน แล้วกลิ่นเย้ายวนเหลือเกิน จากนั้นก็ฟังเพลงนอน แต่นั่งไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ อาจเพราะที่นั่งเล็ก หรือไม่ก็เราไม่เคยนั่งเครื่องบินนานเกินชม.
อาหารบนเครื่องเป็นข้าวไก่อบซอสอะไรสักอย่าง ซึ่งเราเรื่องมากเล็กน้อย 55555 ไม่ชอบเมนูนี้เลยเอาให้อากิน แล้วก็กินขนมหวานเป็นเผือกบวชแทน ซึ่งก็กินไป 2 คำ เพราะมองไปนอกหน้าต่างนั่นมันประเทศเกาหลี จะถึงแล้ว (ดูพระอาทิตย์ขึ้นบนเครื่องบินสวย ประทับใจมาก)
เครื่องลงจอด ก็หยิบสัมภาระบนหัวเตรียมพร้อม เหยียบแผ่นดินเกาหลี (เว่อร์ไปไหม)
จากนั้นกรุ้ปเราก็รวมตัว ไกด์อธิบายคร่าวๆ และให้ไปเข้าห้องน้ำ ก่อนไปตม. ซึ่งเขาให้เข้าห้องน้ำ แต่เรา น้อง และย่าจัดการล้างหน้าแปรงฟันก่อนไม่ถึง 2 นาที แล้วออกไปรวมกลุ่ม
ไกด์ก็อธิบายว่าสนบ.อินชอนใหญ่ติดอันดับโลก มี2 ส่วน (เรียกเทอร์มินอลรึเปล่า?)
ตอนนี้เราอยู่ตรงส่วนที่ 2 ต้องนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไป อีกที่นึง (เพิ่งรู้ แม่เจ้า บอกแล้วว่าไม่ได้ศึกษาอะไรมาเลย 555555) ปล.กรุ้ปเรามียี่สิบกว่าคน โดดทัวร์ไปหลายคน เหลือแค่ 11 คน เศร้าใจ T^T พอไปถึงตรงโน้นก็ต่อแถวเข้าตม. (ซึ่งก็ไม่ได้ศึกษามาว่าตม.เกาหลีค่อนข้างเข้มงวด เพิ่งมารู้ตอนกลับมา แล้วอ่านกระทู้ในพันทิป นี่ฉันรู้อะไรบ้างเนี่ย!) ไกด์บอกแถวไหนสั้นต่อเลย ก็ต่อแถวไปเรื่อยๆ พอถึงคิวจำได้ว่า ไกด์บอกให้แสกนนิ้วมือ แต่พอไปถึงเราก็ไม่ได้แสกน แล้วตม.ก็ไม่ได้มีท่าทีบอกให้แสกนเลย เราก็ไม่ได้แสกน พอยืนพาสปอร์ตกับใบที่เขาให้เซ็นเสร็จ ตม.ก็ปั้มอะไรสักอย่าง แล้วก็คืนให้ เป็นอันเสร็จ จากนั้นก็เปิด pokget wifi อัพรูปลงไอจี แพรบบบบ
พอครอบครัวเราเสร็จเรียบร้อย ก็ไปรับกระเป๋าที่ช่อง 11 ตามที่ไกด์บอก และแยกย้ายไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน เราก็สบายเลยจ้า นั่งหวีผม ทาแป้งรอ พอลูกทัวร์ทั้ง 11 คนครบแล้วไกด์ก็พาพวกเราไปเจอกับไกด์ท้องถิ่นและตากล้องประจำทริปซึ่งเป็นชาวเกาหลี (ท้องถิ่นก็ต้องชาวเกาหลีอยู่แล้วละ)
ซึ่งไกด์ท้องถิ่นก็พูดไทยได้ค่อนข้างรู้เรื่องแต่ก็ไม่ชัดถ้อยชัดคำเท่าไหร่ แต่ก็รู้ว่าพูดอะไร แล้วก็พากันเดินไปขึ้นรถ
ขอบอกว่า ตอนแรกไม่คิด่าจะหนาวขนาดนี้ เดินก้าวออกจากประตูปุ๊ป อื้อหือ หนาวมากกกกก ควันออกปาก 4 องศา อื้อหื้อ เราใส่เสื้อ 3 ชั้น โอววว นี่ชั้นจะทนได้รึเปล่า5555555
พอขึ้นรถ เนื่องจากที่นั่งมีเกือบ 40 แต่ผู้โดยสาร มีแค่ 11 ใครอยากจะนั่งตรงไหนเชิญจ้า บ้านเรามี 5 คนคนละเบาะเลยจ้ะ ไกด์ก็เริ่มทักทายและแนะนำตัว
และตั้งชื่อให้ เราบ้าน5 เพราะมี 5 คน มีบ้าน7 และบ้าน2 ไกด์ก็อธิบายโปรแกรมคร่าวๆ เราก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เล่นเน็ตไปเรื่อยๆ แต่สัญญาณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จากนั้นก็งีบหลับไปแปปนึง
ที่แรก Yeoju Premium Outlets หนาวอ่ะ ยังปรับตัวไม่ได้ และแบรนด์เนม ก็ไม่ใช่จุดมุ่งหมายในการเที่ยวครั้งนี้ เราเน้นไปที่ของกินมากกว่า
จึงเริ่มหาขนมกิน ได้กินวาฟเฟิลที่อาซื้อมาชิม และอานตี้แอนด์ ที่บ้านเราไม่มีขายมั้ง 5555555 จึงค้นพบว่าสิ่งที่แปลกใหม่คือ บ้านเขาจะตัดมาเป็นชิ้นพอดีคำให้เรา 55555 ได้ฤกษ์จ่ายตังค์ครั้งแรก (แม่ให้เงินเรา 5000 บาท ซึ่งอาแลกกับไกด์ให้แล้วก่อนขึ้นเครื่อง จึงมีเงินติดตัวในทริปนี้ 150000 วอน) 1500 วอน ประมาณ 45 บาท สัญญาณเน็ตไม่ค่อยดี เพราะอยู่ตจว.
ขนมนี้ เราผิดหวังมาก คนต่อแถวซื้อเยอะมาก แต่เราว่ามันไม่อร่อยอ่ะ
จากนั้นแวะทานมื้อเที่ยง ชาบูชาบู เติมหมูได้ไม่อั้น ไกด์เตรียมน้ำจิ้มพันท้ายไว้ให้
ไกด์พาแวะชมลานสกี ตอนนั้น หิมะละลายแล้ว
มุ่งหน้าสู่เกาะนามิ
สวยงาม
บรรยากาศดี
แว้บแรกเห็น เห้ยยย เขานึ่งซาลาเปาในล้อรถ555555
ข้าวโพดมหาภัย ฝักละ 3000 วอน แต่หาความอร่อยมิได้ แข็งโพ้ด
มื้อเย็น ทักคาลบี้ ข้าวไก่ผัดซอส
คืนแรกพักโรงแรมในซูวอน เช่าหัวปลั้กไฟ มัดจำ 1000 วอน อาบน้ำแต่งตัว จัดข้าวของเล็กน้อย เพราะตอนเช้าก็เช็คเอ้าท์แล้ว ก็ออกไปเดินเล่น ตอน3ทุ่ม กับอาสองคนและน้อง (ย่าอยู่บนห้องพัก) เดินไปเรื่อยๆ เดินซื้อขนมและเข้าร้านต่างๆ ร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องสำอางค์ แต่ไม่ได้ซื้อ ซื้อแต่ขนมกินเล่น อาเราซื้อซูโคส เพิ่งทอดใหม่ๆโรยผงซินนามอน ซึ่งเราไม่ค่อยชอบแต่ก็อร่อยดี ส่วนเราซื้อขนมรูปปลาทอดไส้ถั่วแดง 4 ตัว 1000 วอน ซึ่งเรากับลุงคนขายสนทนากันลำบากเพราะลุงแกไม่พูดอังกฤษ เราก็พูดผิดๆถูกๆ จึงยื่นแบงค์ 1000 วอนไป ได้มา 4 ตัว กินคนละตัวกับอาสองคนและน้อง
บรรยากาศ
ก่อนขึ้นห้องพัก แวะมินิมาร์ทหน้าโรงแรม ได้ขนมกับบะหมี่ขึ้นไปกิน
นมกล้วยในตำนาน
พอขึ้นมาบนห้องพักเราก็วิดิโอคอลไปหาพ่อกับแม่ ทุกห้องมีwifi แต่ต้องเปิดคอมพิวเตอร์ ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร ติดอย่างเดียวจะพักหน้าจอยังไง 5555 อ่านเกาหลีบนแป้นไม่ออก เสร็จแล้วก็มาต้มบะหมี่กินกับน้อง รับทานเสร็จล้มตัวนอน หมดไปหนึ่งวันที่เกาหลี