(แชร์) วิธีการล้างสารพิษ (detox) ให้ได้ประโยชน์จริง (part 1)

วิธีการล้างสารพิษ (detox) ให้ได้ประโยชน์จริง!! (part 1)



   เนื่องจากการ "ล้างสารพิษ" เป็นเรื่องที่ใกล้ตัว และส่งผลต่อสุขภาพของเราอย่างตรงไปตรงมา แต่มีคำถามที่เกิดขึ้นมากมาย ว่า ใช้อะไรดี?? ใช้แบบนี้ อันตรายไหม?? แบบไหนดีกว่า?? มีประโยชน์จริงๆไหม  ผมจะขอขยายความเรื่อง ล้างสารพิษ หรือที่เราเรียกว่า ดีท็อกซ์ ให้อ่านกันครับ
    ก่อนอื่น ผมอยากแนะนำเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารโดยรวมๆ ให้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นกันก่อนนะครับ



      โดยปกติการเมื่อเรากินอาหารเข้าไป อาหารจะผ่านหลอดอาหารมาย่อยที่กระเพาะอาหาร (stomach) และลำไส้เล็ก (small intestine)  ซึ่งในส่วนนี้จะทำการดูดซึมสารอาหาร แร่ธาตุ รวมถึง ยาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ และเมื่อย่อยเรียบร้อยแล้ว กากอาหารจะผ่านมาสู่ลำไส้ใหญ่ (colon)  โดยในส่วนนี้จะมีการดูดซึมน้ำและเกลือแร่ และวิตามินบางส่วนกลับ ก่อนจะเข้าสู่ส่วนของไส้ตรง (rectum) และถ่ายออกมาเป็นอุจจาระ

    สารพิษอะไรบ้างที่เป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหาร??
สารที่มีพิษต่อระบบทางเดินอาหารนั้น เป็นได้ทั้ง

สิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก เช่น แบคทีเรีย โปรโตซัว
สารเคมีต่างๆ เช่น ยาฆ่าแมลง โลหะหนัก เป็นต้น

    และ..อีกอย่างหนึ่งที่ผมได้ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อที่ว่า จะมีคราบไขมันจากอาหารหรือ สารพิษ (toxins) และอุจจาระที่อาจตกค้างบริเวณผนังของลำไส้ โดยคราบเหล่านี้จะไปส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของมนุษย์ เช่น ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย เสี่ยงต่อการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร และทำให้น้ำหนักเพิ่ม??  หรือเรียกอาการรวมๆนี้ว่า Autointoxication ซึ่งเป็นความเชื่อตั้งแต่สมัยของอียิปต์และกรีกโบราณ

    จึงทำให้เป็นที่มาการการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก โดย วิธีการสวนล้างลำไส้ ที่เรียกว่า Colon irrigation (CI) ซึ่งเป็นวิธีการล้างโดยการสวนของเหลวทางไส้ตรง (rectum) ซึ่งปริมาณที่ใช้ประมาณ 1 ลิตร โดยอาจจะมีสวนผสมของสมุนไพร ต่างๆ รวมถึง กาแฟ

    การล้างลำไส้ทางสายสวน ขอเรียกย่อๆ  หรือ CI จะใช้ในกรณีที่จำเป็นต้องล้างลำไส้ ก่อนทำการส่องกล้องเพื่อตรวจหาและวินิจฉัยสาเหตุของโรคทางลำไส้ต่างๆเท่านั้นครับ ซึ่งโดยปกตินั้นการทำ CI มีทั้ง 2 แบบ คือ การกินพวกอิเล็กโทรไลต์ เช่น โซเดียมฟอสเฟต  และอีกวิธีคือการสวนด้วยของเหลว ในตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า การทำ CI มีประโยชน์ในด้านอื่นๆอย่างไร แต่กลับมีรายงานเกี่ยวกับอาการข้างเคียงของการใช้สายสวนซะมากกว่า  เช่น อาการปวดท้อง อาการขาดน้ำและเกลือแร่ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งหากทำผิดวิธีอาจส่งผลให้ถึงตายได้ครับ ในบทความนี้จะเน้นไปที่การใช้สายสวน ขอใช้แทนสั้นๆว่า CI




การทำ CI ได้ประโยชน์จริงหรือไม่??

    ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาทางการแพทย์นั้นยังไม่มีหลักฐานที่สนับสนุนประโยชน์ของการทำ CI ครับ แต่ผมก็ไปหาข้อมูลของอีกฝั่งที่เป็นแพทย์ทางเลือกเช่นเดียวกัน ซึ่งขอเน้นย้ำว่า เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ ประโยชน์ของการทำ มีดังนี้
    - ล้างคราบอาหาร คราบไขมันบริเวณผิวหนังลำไส้
    - เพิ่มความสามารถในการดูดซึมสารอาหารพวกวิตามิน
    - ทำให้ร่างกายสดชื่น ลดอการอ่อนเพลีย
    - ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้
    - เพิ่มการขับของเสียออกจากตับ

จากข้อดีที่กล่าวมาทั้งหมด ก็ไม่ได้มีการนิ่งเฉยของวงการแพทย์ครับ เกิดความสงสัยมากมายในวงการแพทย์เกี่ยวกับระบบการขับของเสียของร่างกาย ซึ่งพบว่า มีหลายๆอย่างขัดกับระบบสรีรวิยาของมนุษย์ครับ โดยผู้เชี่ยวชาญนั้นได้มีการให้ข้อมูลยืนยันว่า ระบบการทำงานของร่างกายนั้นเพียงพอต่อที่จะกำจัดสิ่งสกปรก เหล่าคราบต่างๆ หรือเศษอาหารออกจากทางเดินอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่สามารถที่จะหลงเหลืออยู่ในทางเดินอาหารครับ ทำให้เรื่องประโยชน์ของการทำ CI ที่เกี่ยวข้องกับการตกค้างของอหารนั้นน่าจะตัดไปได้เลย

กาแฟที่ใช้ทำ CI มีผลอย่างไรต่อลำไส้ใหญ่อย่างไร ??

ปกติการทำ CI จะใช้น้ำบริสุทธิ์ แต่ก็มีการประยุกต์นำกาแฟใช้เป็นส่วนผสมซึ่งมีงานวิจัยผลว่า  การ ''กิน'' กาแฟ มีผลเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ครับ และยังมีงานวิจัยที่รายงานว่า การทำ CI ด้วยกาแฟ สามารถล้างพวกคราบขุ่นของน้ำดีที่ติดผนังลำไส้ ทำให้ส่องกล้องวินิจฉัยได้ง่ายขึ้น แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกายแต่อย่างใด

ในเรื่องของผลการขับของเสียออกจากตับหละ ??

มีรายงานการวิจัยเกี่ยวกับสารในกาแฟที่ไม่ใช่คาเฟอีนนะครับ โดยพบว่าการดื่มกาแฟมีผลลดการเกิดภาวะตับแข็ง และการบาดเจ็บของเซลล์ตับ ซึ่งคาดว่ามีกลไกเกี่ยวกับการเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ขับสารพิษครับ แต่ในเรื่องการทำ CI เป็นเพียงแค่ "ความเชื่อ" ว่า จะเพิ่มการขับน้ำดีที่นำของเสียออกจากตับ ออกมาที่ลำไส้ และลดอาการปวดท้อง โดยเป็นการศึกษาเฉพาะใน"ผู้ป่วยโรคมะเร็ง"ในระบบทางเดินอาหาร
    
นอกจากนี้ก็มีการศึกษาวิจัยที่ทำโดยคนไทยครับ โดยเปรียบเทียบ การดื่มกาแฟวันละ 2 ครั้ง นาน 11 วัน กับการทำ CI ด้วยกาแฟสัปดาห์ละ 3 ครั้ง นาน 6 สัปดาห์ พบว่าทั้งสองวิธีไม่มีผลการต้านอนุมูลอิสระของร่างกายที่วัดจากเลือดแต่อย่างใด

    แต่ก่อนที่จะปักใจเชื่อตามที่สรุปมา เนื่องจากผมไม่เคยผ่านการใช้สายสวนล้างลำไส้ จึงไม่สามารถจะสรุปได้ออกมาเต็มปากว่าการทำ CI ไม่มีประโยชน์ ดังนั้น ผมจึงเพียงอยากให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำ CI ดังนี้ครับ

    - มุมมองของผมซึ่งเป็นการรักษาในแผนปัจจุบัน ไม่แนะนำให้ทำ ด้วยประการทั้งปวงเนื่องจากเป็นการรบกวนสภาวะปกติของลำไส้ และเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียง เช่น การปวดเกร็ง ภาวะขาดน้ำและอิเล็กโทรไลต์ ภาวะติดเชื้อ และการทำบ่อยๆอาจจะมีผลลดปริมาณแบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้ซึ่งทำหน้าที่สร้างวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายครับ

    -หากผมลองมองในมุมมองของแพทย์ทางเลือก ประโยชน์ของการทำ CI มีเพียงการช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติครับ และถ้าลองมองเกี่ยวกับประโยชน์จากกาแฟ ผมยังไม่เห็นความแตกต่างระหว่างการกินกาแฟ กับการทำ CI ด้วยกาแฟ ที่มีความเชื่อว่ามีผลเพิ่มการขับของเสียที่ตับ เพราะการดูดซึมที่กระเพาะและลำไส้เล็กจะถูกดูดซึมเข้าไปที่ตับโดยตรงโดยตรงอยู่แล้วครับ แต่หากผ่านทาง rectum จะเข้าเส้นเลือดดำโดยตรงต้องวนไปอวัยวะอื่นๆก่อนจะมาที่ตับครับ

    - หากทำ แนะนำว่า ควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรซื้อมาทำเอง เพราะหากเกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรง อาจจะแก้ไขได้ไม่ทันถ่วงที

    - การ ทำ CI มีประโยชน์ในบุคคลที่มีระบบขับถ่ายไม่ค่อยดี หรือท้องผูก ซึ่งมีการขับถ่ายน้อยกว่าสามครั้งต่อสัปดาห์ และต้องใช้แรงในการขับถ่ายค่อนข้างสูง หากคุณระบบขับถ่ายปกติจะไม่แนะนำให้ทำครับ

    -สำหรับด้านการดูดซึมสารอาหารซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ลำไส้เล็ก การทำ CI ที่ลำไส้ใหญ่ดูจะมีผลน้อยมากเกี่ยวกับดูดซึมสารอาหารครับ

    - การทำให้ CI หากทำให้ถูกวิธี และพอเหมาะ ผมคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อบางคนครับ แต่ยังไม่ถึงขั้นจำเป็นต้องทำครับ

การสรุปนี้ ผมจะเน้นไปทางด้านการรักษาแผนปัจจุบันเป็นหลัก และหลักฐานอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์นะครับ

หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนที่สนใจการทำ ดีท็อกซ์ ล้างสารพิษ นะครับ ในหัวข้อต่อไปจะเขียนแนะนำการดีทอกซ์โดยวิธีการกิน  ซึ่งมีหลายอย่างแนะนำครับ ใน part 2 ครับ

ฝากไลค์เพจ เพื่อติดตามข้อมูลอัพเดทเรื่อยๆด้วยครับ
https://www.facebook.com/pharmachair?fref=nf


กระทู้เก่าๆ

วิตามินซี ทำให้ผิวขาว จริงหรือ??
http://pantip.com/topic/33385586

>> วิธีรักษาแผลเป็นให้ได้ผล part 1
http://pantip.com/topic/33394096

แชร์วิธีลบรอยแผลเป็นให้ได้ผล part 2
http://pantip.com/topic/33441070

อ้างอิง:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่