>> วิธีรักษาแผลเป็นให้ได้ผล (แชร์ให้อ่าน)<<

แผลเป็น รักษายังไง ?
แผลเป็น คือ รอยบริเวณผิวหนังที่เกิดหลังจากการได้รับบาดแผล ไม่ว่าจะเป็น การบาด ถลอก ไฟไหม้น้ำร้อนลวก ผ่าตัด และ ที่เป็นปัญหาอย่างมากคือ แผลเป็นสิว

โดยพื้นฐานแล้วร่างกายจะมีระบบฟื้นฟูสภาพผิวเพื่อให้กลับมาปกติ แต่ถึงยังไงก็คงยากที่จะกลับมาสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็น

ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดแผลเป็นนั้นมีอะไรบ้าง ??

- ตำแหน่งที่เป็นแผล (เช่น ตามข้อพับ แผลจะหายยาก เนื่องจาการเคลื่อนไหว )
-ความลึกและขนาดของบาดแผล (แผลลึก โอกาสเป็น แผลเป็น ยิ่งสูง)
-ระยะเวลาของการเป็นแผล (แผลหายไวๆยิ่งดี)
- อายุ และกรรมพันธุ์ (อายุมากโอกาสเกิดแผลเป็นยิ่งมาก)
-การสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ (เนื่องจากรบกวนการสมานแผล)

ลักษณะของแผลเป็นที่เกิดขึ้นนั้นมีหลายแบบตั้งแต่ แผลเป็นทั่วไป (รอยแดง) แผลนูนหรือคีลอยด์ (keloid) แผลเป็นจากไฟไหม้  แผลเป็นหลุม และรอยผิวแตกลาย



ดูแล รอยแผล ให้เป็น แผลเป็น น้อยที่สุด จะดีกว่า ??

    กระบวนการสมานแผลซับซ้อนมากๆ ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อกระบวนการสมานแผล (wound healing) ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการอักเสบ และการติดเชื้อ ซึ่งทำให้สมานแผลผิดปกติ และส่งผลให้ระยะเวลาการเป็นแผลยาวนานขึ้น โอกาสการเป็นแผลเป็นยิ่งมากขึ้น ถ้าเราลดการเกิดการอักเสบ การติดเชื้อลงได้ โอกาสการเป็นแผลเป็นก็ลดลง การดูแลบาดแผลให้สะอาด ลดการอักเสบติดเชื้อจึงเป็นสิ่งสำคัญ และการดูแลบาดแผลแนะนำว่าไม่ควรให้แผลโดนน้ำครับเพราะ ยิ่งแผลแห้งตกสะเก็ดและหายไวเท่าไหร่ยิ่งดีครับ

การรักษา มีวิธีไหนบ้าง ????

การรักษามีวิธีมีหลายวิธี เช่น การยิงเลเซอร์ การลอกผิว ซึ่งได้ผลดี แต่ราคาสูง ณ ที่นี้ ขอเน้นไปที่การรักษาด้วยยา และตัวผลิตภัณฑ์เวชสำอางค์ ที่มีขายในร้านขายยานะครับ

ยาที่มีส่วนช่วยสมานแผล ??

ยา corticosteroid  (สเตียรอยด์)

แบบใช้ภายนอกแบบเฉพาะที่ การใช้ในขนาดต่ำๆ พบว่ามีผลช่วยการสมานแผล การใช้ประโยชน์จริงๆนั้น จะเห็นในหมอผิวหนังที่จะใช้ฉีดหัวสิวเพื่อลดการอักเสบของสิว หรืออาจจะใช้ฉีดเพื่อรักษาแผลเป็นนูน (คีลอยด์) และเน้นว่า แบบทานั้นไม่มีผลช่วยลดคีลอยด์ครับ เนื่องจากตัวครีม อาจจะไปมีผลต่อการสมานแผลมากกว่า และเสี่ยงทำให้แผลมีการติดเชื้อ

ยา NSAIDs เช่น Ibuprofen, mefenamic acid, diclofenac

จากงานวิจัยแนะนำว่า ในช่วงของการสมานแผลไม่ควรใช้ NSAIDs ติดต่อการนานๆ เนื่องจากไปรบกวนขั้นตอนต่างๆ ของกระบวนการสมานแผล แต่หากใช้ในระยะสั้นๆ 2-3 วัน ถือว่ายังพอได้อยู่ครับ หรือเพื่อบรรเทาอาการปวดไม่มากแนะนำใช้ยา paracetamol ครับ

แผลคีลอยด์ เกิดจากกอะไร ??

แผลเป็นชนิดนี้มีลักษณะแผลนูน และเป็นปัญหากวนใจมากที่สุด ที่เกิดจากเซลล์มีการสร้างปริมาณคอลลาเจนมากผิดปกติถึง 20 เท่า ซึ่งสาเหตุนั้นยังไม่แน่ชัดครับ ส่วนใหญ่ขึ้นกับ
บริเวณที่เป็น ส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณ ไหล่ แขน ขา
อายุที่มากขึ้น
คนผิวคล้ำจะเป็นมากกว่าคนผิวขาว

ส่วนความเชื่อที่เกี่ยวกับการกินอาหารโปรตีน เช่น ไข่ ทำให้เกิดคีลอยด์นั้น เท่าที่ค้นข้อมูลเบื้องต้นยังไม่พบความสัมพันธ์ครับ แต่สารอาหารที่พบความสัมพันธ์กับการเกิดคีลอยด์คือตัวกรดไขมันครับ โดยเฉพาะกรดไลโนเลอิก ที่พบในน้ำมันพืช และกรดอะราชิโดนิก ที่พบในไขมันจากสัตว์  ซึ่งหากกินมากเกินที่ร่างกายต้องการต่อวันมีผลทำให้เกิดแผลคีลอยด์มากขึ้นครับ


โภชนาการ ก็สำคัญ ???

การได้รับสารอาหารที่ครบหลักๆ เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี เหล็ก สังกะสี และ แมกนีเซียม ช่วยให้การสมานแผลดีขึ้นครับ หากใครกลัวการเป็นแผลเป็น การควบคุมปริมาณอาหารให้ได้รับเพียงพอและไม่มากเกินไป ถือว่าสำคัญมากครับ

แสงแดด ปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม ??

บริเวณรอยแผลเป็นที่สร้างใหม่ จะไวต่อการโดนแสงแดด ซึ่งอาจจะทำให้รอยแดงมากขึ้น จนถึงคล้ำ ไม่สม่ำเสมอกับผิวปกติ หากรอยแผลอยู่นอกร่มผ้าแล้ว ควรสวมเสื้อผ้าปิดด้วยครับ

หัวข้อ ต่อไปจะเขียนเกี่ยวกับการลดรอยเป็น โดยการใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางมาให้อ่านกันนะครับ

ฝากกดไลค์เพจของผมด้วยครับ จะแชร์ข้อมูลดีๆมาให้อ่านเรื่อยๆครับ

https://www.facebook.com/pharmachair?ref=aymt_homepage_panel

กระทู้เก่าครับ

กิน Vitamin C ขาวจริงหรือ??

http://pantip.com/topic/33385586
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่