คุณบวรศักดิ์ครับ ประเทศไทยจะเกิดความปรองดองได้อย่างไรครับ ในเมื่อคนที่กำลังจะร่างกติกาให้คนยอมรับ ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นกลุ่มคนที่คอยต่อต้านพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง และพรรคการเมืองพรรคนั้น กลับเป็นพรรคที่คนส่วนใหญ่นิยมเสียด้วย ดังนั้นกติกาที่เป็นธรรมคงยากจะเกิด แล้วความปรองดองจะเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ
คุณบวรศักดิ์ครับ ยังจำได้ไหมครับ ที่องค์กรอิสระบางองค์กรที่ตีความคำว่า “และ” กับ “หรือ”มีความหมายเดียวกัน ซึ่งข้อเท็จจริง ถ้าผมบอกว่า กินข้าวผัดหรือกินราดหน้า มันย่อมหมายความว่า ผมกินอย่างไรอย่างหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่า ผมกินทั้งข้าวผัดและราดหน้า ดังนั้นการตีความในครั้งนั้น จึงเป็นการตีความเพื่อเพิ่มอำนาจให้กับตัวเองอย่างชัดเจนที่สุด
ซึ่งผมคิดว่าคุณบวรศักดิ์ก็เข้าใจเช่นเดียวกับผม ดังนั้นจึงพยายามจะเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ให้ประชาชนสามารถยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง เพื่อความชัดเจน แต่คุณบวรศักดิ์ครับ ประเด็นสำคัญก็คือ การตีความที่ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นหนึ่งในคู่ขัดแย้ง กลับยังคงดำรงอยู่ ยังคงทำหน้าที่กันอยู่ อย่างนี้คนอีกฝ่ายจะสบายใจได้อย่างไร แล้วจะปรองดองกันได้อย่างไรครับ
คุณบวรศักดิ์ครับ องค์กรบางองค์กรกลับประกาศอย่างอหังการ จำเป็นต้องเอียงข้าง เพื่อทำงานใหญ่ ทั้งๆที่ตัวเองมีหน้าที่อำนวยความยุติธรรมในการจัดการการเลือกตั้ง คนเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ แล้วจะให้ประชาชนอีกฟากฝั่งหนึ่งมั่นใจในความเป็นกลางได้อย่างไร ดังนั้นความปรองดองไม่น่าจะเกิดขึ้นได้นะครับ
คุณบวรศักดิ์ครับ องค์กรอิสระบางองค์กรก็ทำตัวให้เป็นที่ครหามากมาย อย่างเช่นการฟ้องผู้คุมนโยบายก่อนคนกระทำทุจริต จนทำให้อดีตนายกฯต้องถูกถอดถอน และอาจเสียสิทธิ์ทางการเมือง เพราะการเอาผิดย้อนหลังนั้น
แล้วถ้าต่อมาถ้าศาลตัดสินให้คนที่ถูกฟ้องว่าทุจริตเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วอย่างนี้จะเยียวยาอดีตนายกฯกันอย่างไรครับ นี่คือปัญหาของการใช้อำนาจกันโดยไม่สนใจผลกระทบ แล้วร่างรัฐธรรมนูญยังจะไปเพิ่มอำนาจให้อีก ผมคิดว่า รากเหง้าของความขัดแย้งคงไม่มีทางจบหรอกครับ
คุณบวรศักดิ์ครับ ก่อนหน้านั้นอาจมองว่า นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นพวกเข้ามาหวังผลประโยชน์ และด้วยคุณภาพของประชาชนยังไม่ดีพอ จึงได้นักการเมืองที่ไม่ดีเข้ามาบริหารประเทศ
แต่ตอนนี้ เหล่า สนช.ก็ดี เหล่า สปช.ก็ดี แต่ละคนล้วนมาจากการสรรหาทั้งสิ้น แล้วเป็นไงครับ มันก็หวังเข้ามามีอำนาจและผลประโยชน์ของตัวเองทั้งสิ้น ดังนั้นผมคิดว่า จะเป็นการเลือกตั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม ก็คงมีผลไม่ต่างกันหรอกนะครับ ดังนั้นเราจะมาเขียนรัฐธรรมนูญให้นานาชาติกังขาถึงความเป็นประชาธิปไตยไปทำไมเล่า
คุณบวรศักดิ์ครับ คุณบวรศักดิ์อาจมองเห็นถึงปัญหาของพรรคการเมืองอยู่ที่การบงการของหัวหน้าพรรค แต่คุณบวรศักดิ์คงลืมคิดถึงอนาคตกระมังครับ ถ้าเผื่อในอนาคตมีคนมีอำนาจมากพอ ที่จะควบคุมการสรรหาผ่านกรรมการคัดเลือก ก็จะสามารถสั่งการให้คนเหล่านี้ซ้ายหันขวาหันได้ตามใจชอบ และยิ่งรัฐธรรมนูญให้อำนาจคนพวกนี้เหลือล้น มันยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นกว่าเก่านะครับ ผมอยากให้คุณบวรศักดิไตร่ตรองให้ดีด้วยครับ
คุณบวรศักดิ์ครับ นายกฯคนนอกก็เช่นกันครับ ถ้ามีไว้เพื่อในยามเกิดวิกฤติ นั่นแสดงให้เห็นว่า คุณบวรศักดิ์เองก็ไม่ได้มั่นใจกับรัฐธรรมนูญใหม่ใช่ไหมครับ ไม่เชื่อว่า จะสามารถปฏิรูปและสร้างความปรองดองได้ จึงจำเป็นต้องให้มีนายกฯจากคนนอก เพื่อเข้ามาแก้ไขวิกฤติ
แต่คุณบวรศักดิ์ครับ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตลอดสิบปีที่ผ่านมา เราจะหานายกฯคนกลางที่เป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งประเทศได้อีกหรือครับ ดังนั้นอย่าพยายามเอาใจคนกลุ่มหนึ่ง แล้วแก้ปัญหาด้วยการเขียนกฎหมายให้การเรียกร้องที่ขัดรัฐธรรมนูญมาให้เป็นถูกเลยครับ เพราะนั่นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้นเอง
สุดท้ายอยากเรียนคุณบวรศักดิ์ว่า ไม่มีหรอกครับ รัฐธรรมนูญที่จะทำให้เกิดความปรองดอง ตราบใดที่ยังมีการตีความให้คนที่ทำผิดกติกาให้เป็นไปตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
ข้อสำคัญนะครับคุณบวรศักดิ์ จะเขียนกติกาอย่างไร ตราบใดที่ไม่สามารถเอาชนะใจคนส่วนใหญ่ได้ ตราบนั้นความวิกฤติก็จะต้องกลับมาอีก เมื่อคู่ขัดแย้งกับคนส่วนใหญ่พาเหรดกันนั่งในสภาเต็มไปหมดอย่างนั้น
คุณบวรศักดิ์ครับ ผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็นบ้างนะครับ-------ทวดเอง
คุณบวรศักดิ์ครับ ยังจำได้ไหมครับ ที่องค์กรอิสระบางองค์กรที่ตีความคำว่า “และ” กับ “หรือ”มีความหมายเดียวกัน ซึ่งข้อเท็จจริง ถ้าผมบอกว่า กินข้าวผัดหรือกินราดหน้า มันย่อมหมายความว่า ผมกินอย่างไรอย่างหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่า ผมกินทั้งข้าวผัดและราดหน้า ดังนั้นการตีความในครั้งนั้น จึงเป็นการตีความเพื่อเพิ่มอำนาจให้กับตัวเองอย่างชัดเจนที่สุด
ซึ่งผมคิดว่าคุณบวรศักดิ์ก็เข้าใจเช่นเดียวกับผม ดังนั้นจึงพยายามจะเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ให้ประชาชนสามารถยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง เพื่อความชัดเจน แต่คุณบวรศักดิ์ครับ ประเด็นสำคัญก็คือ การตีความที่ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นหนึ่งในคู่ขัดแย้ง กลับยังคงดำรงอยู่ ยังคงทำหน้าที่กันอยู่ อย่างนี้คนอีกฝ่ายจะสบายใจได้อย่างไร แล้วจะปรองดองกันได้อย่างไรครับ
คุณบวรศักดิ์ครับ องค์กรบางองค์กรกลับประกาศอย่างอหังการ จำเป็นต้องเอียงข้าง เพื่อทำงานใหญ่ ทั้งๆที่ตัวเองมีหน้าที่อำนวยความยุติธรรมในการจัดการการเลือกตั้ง คนเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ แล้วจะให้ประชาชนอีกฟากฝั่งหนึ่งมั่นใจในความเป็นกลางได้อย่างไร ดังนั้นความปรองดองไม่น่าจะเกิดขึ้นได้นะครับ
คุณบวรศักดิ์ครับ องค์กรอิสระบางองค์กรก็ทำตัวให้เป็นที่ครหามากมาย อย่างเช่นการฟ้องผู้คุมนโยบายก่อนคนกระทำทุจริต จนทำให้อดีตนายกฯต้องถูกถอดถอน และอาจเสียสิทธิ์ทางการเมือง เพราะการเอาผิดย้อนหลังนั้น
แล้วถ้าต่อมาถ้าศาลตัดสินให้คนที่ถูกฟ้องว่าทุจริตเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วอย่างนี้จะเยียวยาอดีตนายกฯกันอย่างไรครับ นี่คือปัญหาของการใช้อำนาจกันโดยไม่สนใจผลกระทบ แล้วร่างรัฐธรรมนูญยังจะไปเพิ่มอำนาจให้อีก ผมคิดว่า รากเหง้าของความขัดแย้งคงไม่มีทางจบหรอกครับ
คุณบวรศักดิ์ครับ ก่อนหน้านั้นอาจมองว่า นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นพวกเข้ามาหวังผลประโยชน์ และด้วยคุณภาพของประชาชนยังไม่ดีพอ จึงได้นักการเมืองที่ไม่ดีเข้ามาบริหารประเทศ
แต่ตอนนี้ เหล่า สนช.ก็ดี เหล่า สปช.ก็ดี แต่ละคนล้วนมาจากการสรรหาทั้งสิ้น แล้วเป็นไงครับ มันก็หวังเข้ามามีอำนาจและผลประโยชน์ของตัวเองทั้งสิ้น ดังนั้นผมคิดว่า จะเป็นการเลือกตั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม ก็คงมีผลไม่ต่างกันหรอกนะครับ ดังนั้นเราจะมาเขียนรัฐธรรมนูญให้นานาชาติกังขาถึงความเป็นประชาธิปไตยไปทำไมเล่า
คุณบวรศักดิ์ครับ คุณบวรศักดิ์อาจมองเห็นถึงปัญหาของพรรคการเมืองอยู่ที่การบงการของหัวหน้าพรรค แต่คุณบวรศักดิ์คงลืมคิดถึงอนาคตกระมังครับ ถ้าเผื่อในอนาคตมีคนมีอำนาจมากพอ ที่จะควบคุมการสรรหาผ่านกรรมการคัดเลือก ก็จะสามารถสั่งการให้คนเหล่านี้ซ้ายหันขวาหันได้ตามใจชอบ และยิ่งรัฐธรรมนูญให้อำนาจคนพวกนี้เหลือล้น มันยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นกว่าเก่านะครับ ผมอยากให้คุณบวรศักดิไตร่ตรองให้ดีด้วยครับ
คุณบวรศักดิ์ครับ นายกฯคนนอกก็เช่นกันครับ ถ้ามีไว้เพื่อในยามเกิดวิกฤติ นั่นแสดงให้เห็นว่า คุณบวรศักดิ์เองก็ไม่ได้มั่นใจกับรัฐธรรมนูญใหม่ใช่ไหมครับ ไม่เชื่อว่า จะสามารถปฏิรูปและสร้างความปรองดองได้ จึงจำเป็นต้องให้มีนายกฯจากคนนอก เพื่อเข้ามาแก้ไขวิกฤติ
แต่คุณบวรศักดิ์ครับ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตลอดสิบปีที่ผ่านมา เราจะหานายกฯคนกลางที่เป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งประเทศได้อีกหรือครับ ดังนั้นอย่าพยายามเอาใจคนกลุ่มหนึ่ง แล้วแก้ปัญหาด้วยการเขียนกฎหมายให้การเรียกร้องที่ขัดรัฐธรรมนูญมาให้เป็นถูกเลยครับ เพราะนั่นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้นเอง
สุดท้ายอยากเรียนคุณบวรศักดิ์ว่า ไม่มีหรอกครับ รัฐธรรมนูญที่จะทำให้เกิดความปรองดอง ตราบใดที่ยังมีการตีความให้คนที่ทำผิดกติกาให้เป็นไปตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
ข้อสำคัญนะครับคุณบวรศักดิ์ จะเขียนกติกาอย่างไร ตราบใดที่ไม่สามารถเอาชนะใจคนส่วนใหญ่ได้ ตราบนั้นความวิกฤติก็จะต้องกลับมาอีก เมื่อคู่ขัดแย้งกับคนส่วนใหญ่พาเหรดกันนั่งในสภาเต็มไปหมดอย่างนั้น