ขอบคุณทุกๆ คนที่มาอ่านนะคะ
ขอบคุณ:
คุณ Susisiri,
คุณ ดาบ อนุชา,
น้องปุ้ย อรุสา,
คุณเสี่ย kasareev,
คุณนุ่น lovereason,
คุณ ถวิลหาถนนสายฝัน,
น้องแพรว thezircon,
คุณ PURINWASA,
คุณนัน turtle_cheesecake,
น้องนุ้ย ณวลี
คุณ nasa nasa
คุณ เขมปัณณ์,
คุณ มานีโอลา,
คุณ คาโบนาร่าลาซาญญ่ามักกะโรนี,
คุณ Su_jeong
คุณ ดีแอน
คุณ หมูครับ
ตกหล่นใครไปต้องขอโทษด้วยนะคะ เพราะชื่อหายไป 3 คนค่ะ
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยนะคะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ
http://pantip.com/topic/32705425
บทที่ ๑
http://pantip.com/topic/32747704
บทที่ ๒
http://pantip.com/topic/32775622
บทที่ ๓
http://pantip.com/topic/32798708
บทที่ ๔
http://pantip.com/topic/32839123
บทที่ ๕
http://pantip.com/topic/32895410
บทที่ ๖
http://pantip.com/topic/32962172
บทที่ ๗
http://pantip.com/topic/33348347
บทที่ ๘
ร่างสูงล่ำสันยืนตระหง่านอยู่ในหลืบหลังบาร์เหล้า สองแขนประสานกันบนแผ่นอก เขากำลังกวาดสายตาระแวดระวังไปรอบห้องตามแบบที่หล่อนเห็นอยู่เสมอ หากวันนี้อาจต่างจากวันอื่นก็ตรงที่เรื่องซึ่งได้รู้มา รวมกับที่หล่อนขยายความให้ใหญ่โตเกินจริงดึงเขากลับมาทำงานจนได้ ระยะหลังๆ นี้หล่อนกลัวอยู่เสมอว่าวันหนึ่งจะเสียเขาไป ขาดพลรบไปเสียคนแล้วหล่อนจะวางใจใครได้อีก
แม้ภายนอกจะยังไม่มืดเสียทีเดียว หากแต่แทบทุกโต๊ะก็เต็มหมดแล้ว ส่วนใหญ่เป็นหน้าเดิมๆ และหล่อนก็ฝืนยิ้มต้อนรับ ทักทายคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยเปื่อย เป็นการแสดงละครแบบที่หล่อนถนัดแม้บางครั้งจะเหนื่อยหน่ายเต็มที แต่ตราบใดที่ต้องการให้สถานที่นี้เป็นสวรรค์ในท่ามกลางนรกรอบด้าน หล่อนก็ต้องคงภาพลวงตานี้ไว้ สงครามเรียกแขกได้ดียิ่งกว่ายามสงบเสียอีก
ผู้ชายเหล่านี้บางคนมีลูกเมียแล้ว เพียงแต่อพยพหนีการทิ้งระเบิดหนักหน่วงไปอยู่หัวเมือง ในขณะที่ตัวเองไปไหนไม่ได้เพราะต้องทำงาน ที่เป็นทหารต่างชาติก็มีไม่น้อย หล่อนไม่เลือกหรอกว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน หล่อนเป็นแม่ค้า เป็นนักธุรกิจ และสินค้าของหล่อนก็คือความบันเทิงซึ่งขายได้ และขายได้ดีเสียด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามสงครามแบบนี้
ภายนอกเริ่มมืด หากภายในโดยเฉพาะบริเวณเวทีสว่างจ้าราวเที่ยงวัน ไม่มีเสียล่ะที่หล่อนจะเกรงกลัวคำสั่งให้พรางไฟ ข้ออ้างของหล่อนคือสถานที่นี้ปิดมิดชิด ไม่มีหน้าต่างที่ตรงไหนสักแห่ง ที่เคยมีหล่อนก็สั่งช่างให้โบกปูนปิดหมดแล้ว ไม่มีทางที่แสงสว่างจากภายในจะเล็ดลอดออกไปภายนอกให้มองลงมาเห็นได้
พลรบเบี่ยงเบนสายตานำหล่อนไปที่โต๊ะในมุมมืดฝั่งตรงข้ามห้อง และหล่อนก็มองตาม ผู้ชายสามคนนั่งล้อมวงกันอยู่ที่นั่น คนหนึ่งอยู่ในวัยกลางคนและแต่งตัวดีที่สุดในกลุ่ม หล่อนรู้ว่าเป็นใคร วิชัยเป็นเจ้าของไนท์คลับชั้นดีสองแห่งทางฝั่งพระนคร และเขาก็ต้องการบาร์ของหล่อนซึ่งกิจการดีกว่าถ้าว่าไปตามจริง แต่หล่อนไม่ยอมขาย ไม่เกรงกลัวอีกด้วยที่ปฏิเสธคนซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อในกิจการแบบนี้ ในเมื่อหล่อนเองก็กว้างขวางและมีอิทธิพลอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เงินสร้างความหวาดเกรงให้คนเราได้ หล่อนเชื่อเช่นนั้นเสมอ และบาร์แห่งนี้ก็คือขุมเงินขุมทองของหล่อน มีหรือที่หล่อนจะยอมเสียไปง่ายๆ เหมือนเช่นที่หล่อนจะไม่มีวันยอมเสียพลรบให้ใครนั่นแหละ
มาลินีก้าวขึ้นเวที ซึ่งว่าไปแล้วเป็นเพียงพื้นแคบๆ ที่ยกขึ้นสูง และไฟในบริเวณอื่นก็หรี่ลง การร้องรำทำเพลงซึ่งสร้างชื่อให้บาร์ของหล่อนเริ่มต้นทันทีที่ภายนอกมืดสนิท นั่นเป็นสิ่งที่รู้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ลูกค้าประจำ เพลงส่วนใหญ่ที่ร้องๆ กันก็เป็นเพลงที่กำลังนิยมหรือไม่ก็มีมาก่อนสงครามเริ่ม แม้แต่เพลงสำหรับรำวงก็มี
คืนหนึ่งเดือนหงายเจิดจ้า
อร่ามงามตาท้องฟ้าพราวไป
แต่ฉันต้องหลงระทมตรมใจ
ความสุขอยู่ในฤทัยใฝ่ฝัน
ยิ่งดึกการแสดงก็จะยิ่งเร่าร้อนขึ้นถ้าคืนนั้นไม่มีการทิ้งระเบิดมาขัดจังหวะเสียก่อน
นี่แหละคือสิ่งที่บาร์ของหล่อนมีและเรียกแขกได้ดี การแสดงของ ‘เด็ก’ ของหล่อนมีระดับกว่าระบำเก้าชั้นของนายหรั่งซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกันมากนัก ในเมื่อระบำเก้าชั้นคือการแสดงจ้ำบ้ะของหญิงงามเมือง แต่นักร้องและนักแสดงของหล่อนไม่ใช่ และหล่อนก็พยายามให้แน่ใจด้วยว่าลูกค้าของหล่อนทุกคนรู้เรื่องนั้น
“นงคราญอยู่ไหน” หล่อนกระซิบถามพลรบเมื่อเขาเป็นฝ่ายเดินมาหา
นงคราญเป็นเด็กใหม่ เป็นเด็กซึ่งหล่อนตั้งใจฝึกให้เป็นนักร้องประจำคลับ และตั้งใจจะใช้เป็นตัวดึงพลรบไว้กับหล่อน เพราะไม่เพียงแต่ยังหัวอ่อนและว่าง่ายเท่านั้น เด็กสาวคนนั้นยังสวยพอใช้ ไม่ถึงขั้นสวยขนาดจะทำให้พลรบหลง หล่อนต้องมั่นใจในเรื่องนั้นด้วย หล่อนคงทนเห็นเขาหลงใหลใครไม่ได้ แม้แต่คิดยังทนไม่ได้ หล่อนต้องเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับเขา
ยิ่งกว่านั้นยังไม่จำเป็นต้องบังคับขืนใจกันอีกด้วย ในเมื่อดูก็รู้ว่านงคราญใฝ่ฝันในตัวพลรบอยู่ไม่น้อย ถ้าเพียงแต่จะทำให้เขาคล้อยตามได้
“กำลังแต่งตัวครับ จะขึ้นร้องเพลงต่อจากพี่นี”
“ไปบอกให้ออกมาดูแลโต๊ะเสี่ยวิชัยก่อนเถอะ วันนี้พี่ไม่มีอารมณ์จะเจรจาอะไรด้วย”
เขารับคำแต่โดยดีทั้งๆ ที่ไม่เห็นด้วย นงคราญยังใหม่เกินไป
ห้องแต่งตัวสำหรับนักร้องนักแสดงของบาร์เป็นห้องซึ่งกั้นไว้เป็นสัดส่วนทางด้านหลัง เขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เข้าออกได้ตลอดเวลาในเมื่อใครๆ ก็ยอมรับกันว่าเขาเป็นคนจัดการที่นี่ และทั้งยังไม่เคยรุ่มร่ามกับผู้หญิงคนไหนที่ทำงานที่นี่ไม่ว่าจะเป็นใคร และไม่ว่าโอกาสจะเปิดให้อย่างไร เรื่องนั้นทุกคนรู้ดี
นงคราญแต่งตัวเรียบร้อย ปากแก้มคิ้วคางวาดไว้ด้วยสีฉูดฉาด และพร้อมจะขึ้นเวทีแล้วเมื่อเขาถ่ายทอดคำสั่งของผู้เป็นนายจ้างให้รู้
“ทำไมต้องเป็นนงด้วยล่ะพี่พล” หล่อนกระเง้ากระงอด ก็ด้วยหวังว่าเขาจะแสดงท่าทีปกป้องหล่อนบ้าง
แต่พอเห็นเขาเงียบไม่มีปฏิกริยาตอบสนองใดๆ หล่อนก็บ่นพึม
“บอมบ์ลงคืนนี้ก็ดีหรอก”
ราวนั่นเป็นคำอธิษฐาน สัญญาณเตือนภัยแผดก้องตอบรับ นงคราญสะดุ้งสุดตัว ผวาเข้าคว้าแขนเขา ทั้งตกใจจริงๆ และทั้งเป็นจริตที่หล่อนมาเรียนรู้เอาที่นี่
“นงไม่ได้ตั้งใจ…”
“ช่างเถอะ ออกประตูหลังก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องไปเบียดกับแขกที่ประตูหน้า” เขาสั่ง หลุมหลบภัยอยู่ใกล้ๆ นี่เอง
หวนคิดถึงคำบอกเล่าของแขกขาประจำคนหนึ่งเมื่อกลางวัน
‘เขาว่าฝรั่งจะบอมบ์ไฟฉายที่สามแยก’
ในยามสงครามแบบนี้การขึ้นต้นประโยคด้วย ‘เขาว่า’ เป็นเรื่องปกติ มีทั้งจริงทั้งเท็จในเมื่อข่าวลือนั้นมีมาให้ได้ยินอยู่เสมอ หากเรื่องนี้เข้าเค้าในเมื่อไฟขนาดใหญ่ดวงนั้นทำหน้าที่ค้นหาเป้าหมายให้ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานยิงขึ้นสกัดเครื่องบินทิ้งระเบิด และในเมื่อดวงไฟที่เกียกกายดับไปแล้วเมื่อคืนก่อนเพราะถูกบอมบ์ ดวงต่อไปก็น่าจะเป็นที่สามแยกซึ่งใครๆ เริ่มเรียกกันว่าสามแยกไฟฉายนั่นแหละ
และถ้า ‘ฝรั่ง’ จะทิ้งระเบิดทำลายไฟดวงนั้นก็หมายถึงต้องผ่านบ้านของเขาด้วย
คราวนี้จะไม่เหมือนการทิ้งระเบิดที่ผ่านๆ มา เวลานี้ทุกคนติดอยู่ชั้นบนเพราะน้ำท่วม แม้เขาจะใช้กระสอบทรายกั้นน้ำไว้บ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนทะลักล้นเข้าไปภายในได้อยู่ดี แม่กับแก้วตาพาไพลินลงมาชั้นล่างไม่ทันแน่ เขาต้องกลับไปช่วย
เพียงเธอ (บทที่ ๘)
คุณ Susisiri,
คุณ ดาบ อนุชา,
น้องปุ้ย อรุสา,
คุณเสี่ย kasareev,
คุณนุ่น lovereason,
คุณ ถวิลหาถนนสายฝัน,
น้องแพรว thezircon,
คุณ PURINWASA,
คุณนัน turtle_cheesecake,
น้องนุ้ย ณวลี
คุณ nasa nasa
คุณ เขมปัณณ์,
คุณ มานีโอลา,
คุณ คาโบนาร่าลาซาญญ่ามักกะโรนี,
คุณ Su_jeong
คุณ ดีแอน
คุณ หมูครับ
ตกหล่นใครไปต้องขอโทษด้วยนะคะ เพราะชื่อหายไป 3 คนค่ะ
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยนะคะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ http://pantip.com/topic/32705425
บทที่ ๑ http://pantip.com/topic/32747704
บทที่ ๒ http://pantip.com/topic/32775622
บทที่ ๓ http://pantip.com/topic/32798708
บทที่ ๔ http://pantip.com/topic/32839123
บทที่ ๕ http://pantip.com/topic/32895410
บทที่ ๖ http://pantip.com/topic/32962172
บทที่ ๗ http://pantip.com/topic/33348347
ร่างสูงล่ำสันยืนตระหง่านอยู่ในหลืบหลังบาร์เหล้า สองแขนประสานกันบนแผ่นอก เขากำลังกวาดสายตาระแวดระวังไปรอบห้องตามแบบที่หล่อนเห็นอยู่เสมอ หากวันนี้อาจต่างจากวันอื่นก็ตรงที่เรื่องซึ่งได้รู้มา รวมกับที่หล่อนขยายความให้ใหญ่โตเกินจริงดึงเขากลับมาทำงานจนได้ ระยะหลังๆ นี้หล่อนกลัวอยู่เสมอว่าวันหนึ่งจะเสียเขาไป ขาดพลรบไปเสียคนแล้วหล่อนจะวางใจใครได้อีก
แม้ภายนอกจะยังไม่มืดเสียทีเดียว หากแต่แทบทุกโต๊ะก็เต็มหมดแล้ว ส่วนใหญ่เป็นหน้าเดิมๆ และหล่อนก็ฝืนยิ้มต้อนรับ ทักทายคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยเปื่อย เป็นการแสดงละครแบบที่หล่อนถนัดแม้บางครั้งจะเหนื่อยหน่ายเต็มที แต่ตราบใดที่ต้องการให้สถานที่นี้เป็นสวรรค์ในท่ามกลางนรกรอบด้าน หล่อนก็ต้องคงภาพลวงตานี้ไว้ สงครามเรียกแขกได้ดียิ่งกว่ายามสงบเสียอีก
ผู้ชายเหล่านี้บางคนมีลูกเมียแล้ว เพียงแต่อพยพหนีการทิ้งระเบิดหนักหน่วงไปอยู่หัวเมือง ในขณะที่ตัวเองไปไหนไม่ได้เพราะต้องทำงาน ที่เป็นทหารต่างชาติก็มีไม่น้อย หล่อนไม่เลือกหรอกว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน หล่อนเป็นแม่ค้า เป็นนักธุรกิจ และสินค้าของหล่อนก็คือความบันเทิงซึ่งขายได้ และขายได้ดีเสียด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามสงครามแบบนี้
ภายนอกเริ่มมืด หากภายในโดยเฉพาะบริเวณเวทีสว่างจ้าราวเที่ยงวัน ไม่มีเสียล่ะที่หล่อนจะเกรงกลัวคำสั่งให้พรางไฟ ข้ออ้างของหล่อนคือสถานที่นี้ปิดมิดชิด ไม่มีหน้าต่างที่ตรงไหนสักแห่ง ที่เคยมีหล่อนก็สั่งช่างให้โบกปูนปิดหมดแล้ว ไม่มีทางที่แสงสว่างจากภายในจะเล็ดลอดออกไปภายนอกให้มองลงมาเห็นได้
พลรบเบี่ยงเบนสายตานำหล่อนไปที่โต๊ะในมุมมืดฝั่งตรงข้ามห้อง และหล่อนก็มองตาม ผู้ชายสามคนนั่งล้อมวงกันอยู่ที่นั่น คนหนึ่งอยู่ในวัยกลางคนและแต่งตัวดีที่สุดในกลุ่ม หล่อนรู้ว่าเป็นใคร วิชัยเป็นเจ้าของไนท์คลับชั้นดีสองแห่งทางฝั่งพระนคร และเขาก็ต้องการบาร์ของหล่อนซึ่งกิจการดีกว่าถ้าว่าไปตามจริง แต่หล่อนไม่ยอมขาย ไม่เกรงกลัวอีกด้วยที่ปฏิเสธคนซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อในกิจการแบบนี้ ในเมื่อหล่อนเองก็กว้างขวางและมีอิทธิพลอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เงินสร้างความหวาดเกรงให้คนเราได้ หล่อนเชื่อเช่นนั้นเสมอ และบาร์แห่งนี้ก็คือขุมเงินขุมทองของหล่อน มีหรือที่หล่อนจะยอมเสียไปง่ายๆ เหมือนเช่นที่หล่อนจะไม่มีวันยอมเสียพลรบให้ใครนั่นแหละ
มาลินีก้าวขึ้นเวที ซึ่งว่าไปแล้วเป็นเพียงพื้นแคบๆ ที่ยกขึ้นสูง และไฟในบริเวณอื่นก็หรี่ลง การร้องรำทำเพลงซึ่งสร้างชื่อให้บาร์ของหล่อนเริ่มต้นทันทีที่ภายนอกมืดสนิท นั่นเป็นสิ่งที่รู้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ลูกค้าประจำ เพลงส่วนใหญ่ที่ร้องๆ กันก็เป็นเพลงที่กำลังนิยมหรือไม่ก็มีมาก่อนสงครามเริ่ม แม้แต่เพลงสำหรับรำวงก็มี
คืนหนึ่งเดือนหงายเจิดจ้า
อร่ามงามตาท้องฟ้าพราวไป
แต่ฉันต้องหลงระทมตรมใจ
ความสุขอยู่ในฤทัยใฝ่ฝัน
ยิ่งดึกการแสดงก็จะยิ่งเร่าร้อนขึ้นถ้าคืนนั้นไม่มีการทิ้งระเบิดมาขัดจังหวะเสียก่อน
นี่แหละคือสิ่งที่บาร์ของหล่อนมีและเรียกแขกได้ดี การแสดงของ ‘เด็ก’ ของหล่อนมีระดับกว่าระบำเก้าชั้นของนายหรั่งซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกันมากนัก ในเมื่อระบำเก้าชั้นคือการแสดงจ้ำบ้ะของหญิงงามเมือง แต่นักร้องและนักแสดงของหล่อนไม่ใช่ และหล่อนก็พยายามให้แน่ใจด้วยว่าลูกค้าของหล่อนทุกคนรู้เรื่องนั้น
“นงคราญอยู่ไหน” หล่อนกระซิบถามพลรบเมื่อเขาเป็นฝ่ายเดินมาหา
นงคราญเป็นเด็กใหม่ เป็นเด็กซึ่งหล่อนตั้งใจฝึกให้เป็นนักร้องประจำคลับ และตั้งใจจะใช้เป็นตัวดึงพลรบไว้กับหล่อน เพราะไม่เพียงแต่ยังหัวอ่อนและว่าง่ายเท่านั้น เด็กสาวคนนั้นยังสวยพอใช้ ไม่ถึงขั้นสวยขนาดจะทำให้พลรบหลง หล่อนต้องมั่นใจในเรื่องนั้นด้วย หล่อนคงทนเห็นเขาหลงใหลใครไม่ได้ แม้แต่คิดยังทนไม่ได้ หล่อนต้องเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับเขา
ยิ่งกว่านั้นยังไม่จำเป็นต้องบังคับขืนใจกันอีกด้วย ในเมื่อดูก็รู้ว่านงคราญใฝ่ฝันในตัวพลรบอยู่ไม่น้อย ถ้าเพียงแต่จะทำให้เขาคล้อยตามได้
“กำลังแต่งตัวครับ จะขึ้นร้องเพลงต่อจากพี่นี”
“ไปบอกให้ออกมาดูแลโต๊ะเสี่ยวิชัยก่อนเถอะ วันนี้พี่ไม่มีอารมณ์จะเจรจาอะไรด้วย”
เขารับคำแต่โดยดีทั้งๆ ที่ไม่เห็นด้วย นงคราญยังใหม่เกินไป
ห้องแต่งตัวสำหรับนักร้องนักแสดงของบาร์เป็นห้องซึ่งกั้นไว้เป็นสัดส่วนทางด้านหลัง เขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เข้าออกได้ตลอดเวลาในเมื่อใครๆ ก็ยอมรับกันว่าเขาเป็นคนจัดการที่นี่ และทั้งยังไม่เคยรุ่มร่ามกับผู้หญิงคนไหนที่ทำงานที่นี่ไม่ว่าจะเป็นใคร และไม่ว่าโอกาสจะเปิดให้อย่างไร เรื่องนั้นทุกคนรู้ดี
นงคราญแต่งตัวเรียบร้อย ปากแก้มคิ้วคางวาดไว้ด้วยสีฉูดฉาด และพร้อมจะขึ้นเวทีแล้วเมื่อเขาถ่ายทอดคำสั่งของผู้เป็นนายจ้างให้รู้
“ทำไมต้องเป็นนงด้วยล่ะพี่พล” หล่อนกระเง้ากระงอด ก็ด้วยหวังว่าเขาจะแสดงท่าทีปกป้องหล่อนบ้าง
แต่พอเห็นเขาเงียบไม่มีปฏิกริยาตอบสนองใดๆ หล่อนก็บ่นพึม
“บอมบ์ลงคืนนี้ก็ดีหรอก”
ราวนั่นเป็นคำอธิษฐาน สัญญาณเตือนภัยแผดก้องตอบรับ นงคราญสะดุ้งสุดตัว ผวาเข้าคว้าแขนเขา ทั้งตกใจจริงๆ และทั้งเป็นจริตที่หล่อนมาเรียนรู้เอาที่นี่
“นงไม่ได้ตั้งใจ…”
“ช่างเถอะ ออกประตูหลังก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องไปเบียดกับแขกที่ประตูหน้า” เขาสั่ง หลุมหลบภัยอยู่ใกล้ๆ นี่เอง
หวนคิดถึงคำบอกเล่าของแขกขาประจำคนหนึ่งเมื่อกลางวัน
‘เขาว่าฝรั่งจะบอมบ์ไฟฉายที่สามแยก’
ในยามสงครามแบบนี้การขึ้นต้นประโยคด้วย ‘เขาว่า’ เป็นเรื่องปกติ มีทั้งจริงทั้งเท็จในเมื่อข่าวลือนั้นมีมาให้ได้ยินอยู่เสมอ หากเรื่องนี้เข้าเค้าในเมื่อไฟขนาดใหญ่ดวงนั้นทำหน้าที่ค้นหาเป้าหมายให้ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานยิงขึ้นสกัดเครื่องบินทิ้งระเบิด และในเมื่อดวงไฟที่เกียกกายดับไปแล้วเมื่อคืนก่อนเพราะถูกบอมบ์ ดวงต่อไปก็น่าจะเป็นที่สามแยกซึ่งใครๆ เริ่มเรียกกันว่าสามแยกไฟฉายนั่นแหละ
และถ้า ‘ฝรั่ง’ จะทิ้งระเบิดทำลายไฟดวงนั้นก็หมายถึงต้องผ่านบ้านของเขาด้วย
คราวนี้จะไม่เหมือนการทิ้งระเบิดที่ผ่านๆ มา เวลานี้ทุกคนติดอยู่ชั้นบนเพราะน้ำท่วม แม้เขาจะใช้กระสอบทรายกั้นน้ำไว้บ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนทะลักล้นเข้าไปภายในได้อยู่ดี แม่กับแก้วตาพาไพลินลงมาชั้นล่างไม่ทันแน่ เขาต้องกลับไปช่วย