ข้อความที่กล่าวถึงต่อไปนี้ นำมาจากหนังสือ “ชีวิตแท้ในพระเจ้า”

สาระสำคัญของสาส์นที่จะนำเสนอในที่นี้มี 4 ประการ
1. สาส์นนี้ มาจากพระเยซูเจ้าอย่างแท้จริง
2. การรวมเป็นเอกภาพเดียวกันของพระศาสนจักร
3. การยอมรับและยกย่องให้เกียรติพระมารดามารีย์ ว่า พระนางคือราชินีแห่งสวรรค์ พระมารดาของพระเจ้าและมารดาของเราทุกคนด้วย
4. การยอมรับในรหัสธรรมล้ำลึกเกี่ยวกับศีลมหาสนิทและการประทับอยู่จริงของพระองค์ในศีลมหาสนิท

วาสุลา ไรเด็น นับถือกรีกออร์โธด๊อกซ์ (
นิกายหนึ่งในศาสนาคริสต์) เกิดในอียิปต์ เป็นแม่บ้านของสามีชาวสวีดิช มีบุตรชาย 2 คน ใช้ชีวิตในโลกที่สามเป็นส่วนใหญ่ ปี 1985 ขณะพำนักอยู่ในบังคลาเทศ พระเป็นเจ้าทรงทาบทามเธอผ่านอารักขาเทวดา“ดาเนียล”ของเธอ
หลังจากชำระเธอให้บริสุทธิ์(
ทางวิญญาณ) และทำให้เธอก้าวหน้าฝ่ายจิตแล้ว พระเป็นเจ้าทรงเชื้อเชิญเธอให้มารับใช้พระองค์ ด้วยการถ่ายทอดพระวาจาของพระองค์ไปถึงทุกคน วาสุลาได้รับการดลใจในรูปของคำพูดในวิญญาณ และนิมิตภายใน พระเป็นทรงรับสั่งให้เธอตั้งชื่อสาส์นพยากรณ์เหล่านี้ว่า
“ชีวิตแท้ในพระเจ้า” คำพยากรณ์ที่เธอได้รับจากพระเยซูเจ้าหลายประการได้กล่าวทำนายไว้อย่างถูกต้อง เช่น การล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์โซเวียต , เหตุการณ์ 11 กันยา ในสหรัฐ , เหตุการณ์สึนามิ ในแถบภูมิภาคเอเชีย เมื่อปี 2004 และคำนายอื่นๆ
โดยสาระสำคัญของสารเพื่อเรียกให้เราทุกคนได้สำนึกกลับใจ คืนดีกัน สร้างความรักและสันติภาพอย่างแท้จริง และเหนืออื่นใด เพื่อให้พระศาสนจักรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวดังเช่นสมัยอัครสาวกยุคแรกๆ
ปัจจุบันมีการแปลหนังสือ “ชีวิตแท้ในพระเจ้า”ออกเผยแพร่มากกว่า 40 ภาษา ทั่วโลก ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมภาคภาษาอังกฤษได้ที่
http://www.tlig.org/en/messages/online-book/
สาส์นทั้งหมดนี้มาจากเบื้องบน

"แกะของเรา ย่อมฟังเสียงของเรา.... เป็นเราเอง อย่าสงสัยไปเลย วาสุลา ทุกสิ่งล้วนมาจากเรา จงเขียนลงไป” (12.05.1988)
“เราบอกลูกทุกคนแล้วว่า พระจิตเจ้า(
ชาวคริสเตียนเรียก พระวิญญาณบริสุทธิ์) พระผู้ช่วยเหลือ ผู้ซึ่งพระบิดาเจ้าทรงส่งมาในนามของเรา จะสอนลูกทุกอย่างและเตือนใจลูกให้ระลึกถึงสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แล้ว เรามิได้ให้คำสอนบทใหม่แก่ลูก เราเพียงแต่เตือนใจลูกให้ระลึกถึงความจริง และนำผู้หลงทางกลับมาสู่ความจริงอันสมบูรณ์ครบถ้วน เรา องค์พระผู้เป็นเจ้า จะคอยปลุกเร้าใจลูกด้วยพระผู้เตือนใจและพระจิตเจ้าของเรา –พระผู้ช่วยเหลือ- จะดำรงอยู่ท่ามกลางลูกเสมอ ในฐานะพระผู้เตือนใจให้ระลึกถึงพระวาจาของเรา จึงอย่าได้งงงวยไปเลยเมื่อพระจิตเจ้าของเราตรัสแก่ลูก เครื่องเตือนใจเหล่านี้มอบให้แก่ลูกด้วยเดชะพระหรรษทานของเรา เพื่อดลให้ลูกกลับใจ และเพื่อเตือนใจลูกให้ระลึกถึงทางของเรา” (20.12.1988)
(11 ปีให้หลัง องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงรับสั่งให้จดอีกข้อความหนึ่งขึ้นมา)
“สาส์นทั้งหมดนี้มาจากเบื้องบน และได้รับการดลใจจากเรา สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ในการสอนและหักล้างข้อผิดพลาด สามารถใช้เพื่อนำพระศาสนจักสู่สามัคคีธรรม นำชีวิตผู้คนและสอนให้เขาเหล่านั้นศักดิ์สิทธิ์ เรามอบสาส์นเหล่านี้แก่ลูกเพื่ออธิบาย (ฉันได้ยินดีคำว่า “เข้าใจ” พร้อมๆกัน) การเผยความจริงของพระเป็นเจ้า(พระคัมภีร์) ที่มอบไว้แก่ลูกให้ลูกเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น สาส์นเหล่านี้เป็นแหล่งพระหรรษทานอันน่าพิศวงมิรู้สิ้นสำหรับลูกทุกคน เพื่อทำให้ลูกเป็นคนใหม่” (30.7.1999)
การรวมกันของพระศาสนจักรหนึ่งเดียว
(องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ได้ทรงประทานนิมิตภายใน ให้ฉันเห็นแท่งเหล็กสามแท่ง อันเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มคริสตชนสามนิกายใหญ่ คือ คาทอลิก ออร์โธด๊อกซ์ และโปรเตสแตนท์ ทรงเรียกผู้นำของพวกเขาให้มาพบกันด้วยการโน้มเข้าหากัน แต่(จิตใจ) พวกเขาต้องโน้มเข้าหากันด้วย.....พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาถึงพระบิดาเจ้าว่า “เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน”)

พระสันตะปาปาฟรังซิส กับ ผู้นำศาสนานิกายออโธด๊อกซ์
“พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้านั้น มิได้เป็นเพียงลมปาก พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า คือ ความรัก สันติสุข สามัคคีธรรม และความเชื่อในจิตใจ เป็นพระศาสนจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่รวมจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียวกัน กุญแจไขสู่เอกภาพก็คือ ความรักและความสุภาพ พระเยซูเจ้าไม่เคยรับสั่งให้ลูกๆแบ่งแยกกัน ความร้าวฉานในพระศาสนจักรของพระองค์ หาใช่ความปรารถนาของพระองค์ไม่” (23.09.1991)
“จงปกป้องความจริงให้ถึงที่สุด ลูกจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ แต่เราจะยอมให้เป็นไปในระดับที่ทำให้วิญญาณของลูกบริสุทธิ์ และอ่อนน้อมเท่านั้น” (ทรงกล่าวซ้ำในฉบับวันที่ 05.06.1992, 25.09.1997,22.06.1998)
“เรา องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ต้องการให้มีความขัดแย้งใดๆ ในพระศาสนจักรของเรา ลูกจะต้องรวมตัวกันเพื่อเรา รักเรา ติดตามเรา เป็นประจักษ์พยานให้เรา ลูกจะรักกันและกันเหมือนที่เรารักลูก ลูกจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และเป็นแกะฝูงเดียวภายใต้นายชุมพาบาลแก่ผู้เดียว ตามที่ลูกรู้ดี เราได้เลือกปีเตอร์ (เปโตร หรือ พระสันตะปาปา) เราได้มอบอาชญาสิทธิ์แก่เขา ลูกก็รู้ว่า เราได้มอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้แก่เขา เราได้ขอให้ปีเตอร์คอยเลี้ยงดูฝูงแกะของเรา (ยอห์น 21:15-17) อำนาจสิทธิ์นี้เราเป็นผู้มอบให้ เราไม่ปรารถนาให้ใครมาเปลี่ยนแปลงความประสงค์ของเรา” (19.03.1988)

“แล้วเราจะมอบคฑาเหล็กไว้ในมือปีเตอร์ เพื่อให้เขาใช้ปกป้องฝูงแกะของเรา และสำหรับผู้ไม่รู้และยังเฝ้าถามตัวเองว่า ‘ ทำไมเราถึงต้องมีผู้นำทางด้วย? ’ เราบอกลูกว่า “ลูกเคยเห็นฝูงแกะที่ปราศจากผู้เลี้ยงไหม?” เราคือพระชุมพาบาลจากสวรรค์ของลูก และเราได้เลือกปีเตอร์ให้ดูแลแกะของเราจนกว่าเราจะกลับมา เราได้มอบความรับผิดชอบแก่เขา เมื่อเป็นดังนี้แล้ว ทำไมจึงยังถกเถียงกันอยู่อีกเล่า? ทำไมยังมีการโต้แย้งเรื่องไร้ประโยชน์กันอยู่อีกเล่า? และสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จักวาจาของเรานั้น เราขอให้ลูกอ่านพระคัมภีร์ซึ่งจะพบได้ในพระวรสารของยอห์นอัครสาวกของเรา (บทที่ท 21 : 15-17)
แล้วเราจะรวบรวมพระศาสนจักรของเราไว้ด้วยกัน และต้อนลูกมาเข้าฝูงเดียวกันด้วยอ้อมแขนของเรา เพราะตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้พวกลูกต่างแตกกระสาน ซ่านเซ็นเป็นหลายหมู่หลายคณะ แยกตัวกันเป็นหลายลัทธิ ลูกได้ฉีกกายเราออกจากกัน และจะเป็นเช่นนี้ไม่ได้ (พระเยซูเจ้าทรงตรัสหนักแน่นมาก) เราจะรวบรวมลูกทั้งหมดเข้าด้วยกัน (พระเยซูเจ้าทรงหมายความถึง การรวมพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ออร์โธด๊อกซ์ และโปรเตสแตนท์เข้าด้วยกัน รวมทั้งกลุ่ม,นิกายอื่นๆ พระเป็นเจ้าทรงเรียกเราให้มาอยู่ภายใต้ปีเตอร์(พระสันตะปาปา) จากนั้น เราและปีเตอร์จะทำงานร่วมกัน เราจะแสดงพระวาจาส่วนสำคัญที่ซ่อนอยู่ เราจะแสดงรหัสธรรมมากมายของเราเพื่อให้เขาสามารถสอนสิ่งเหล่านี้ให้แก่ลูกๆของเรา.... ภายใต้การสั่งสอนนี้ ลูกจะได้เห็น สวรรค์ใหม่และแผ่นดินใหม่ ” (16.05.1988)

พระสันตะปาปา กับ ผู้นำศาสนานิกายโปแตสแตนท์
“จงสวดภาวนาเพื่อพระศาสนจักรทั้งหมด จงเป็นดุจกำยานเครื่องหอมของพระศาสนจักรของเรา โดยการนี้ เราหมายถึงให้ลูกสวดภาวนาเพื่อบรรดาผู้ประกาศพระวาจาของเรา นับตั้งแต่พระสันตะปาปา ผู้แทนของเราจนถึงผู้ทำงานแพร่ธรรมและปรกาศกในยุคของลูก นับตั้งแต่พระนักบวช จนถึงบรรดาฆราวาส เพื่อพวกเขาจะได้เข้าใจในทันทีว่า ลูกทุกคนล้วนเป็นอวัยวะของกายเดียว กายของเรา” (10.01.1990)
“จงฟังและเขียนลงไป : ความรุ่งโรจน์จะทอแสงจากฝั่งตะวันออก เราจะกล่าวกับบ้านฝั่งตะวันตกว่า จงเหลียวมองทางตะวันออกเถิด อย่าร่ำไขมขื่นกับเรื่องการละทิ้งความเชื่อในศาสนา และความเสื่อมโทรมของบ้านลูกเลย อย่าตื่นตระหนกไป เหตุว่าในวันพรุ่ง ลูกจะกินและดื่มร่วมกับหน่อเนื้อของเราจากฝั่งตะวันออก พระจิตของเราจะนำลูกมารวมกัน ลูกไม่เคยได้ยินหรอกหรือว่าตะวันออกและตะวันตกจะเป็นอาณาจักรหนึ่งเดียว? ลูกไม่เคยได้ยินหรอกหรือที่ว่า เราจะพอใจให้สมโภชวันเดียวกัน” (ฉันเข้าใจว่า พระคริสตเจ้าทรงกล่าวถึงสาส์นเรื่องเอกภาพทั้งหมดของพระองค์ ทรงเรียกให้เราทั้งหมดรวมวันสมโภชปัสกา...)
“....เราจะนำเอากิ่งไม้ที่เราสลักชื่อ ‘เปาโล พร้อมกับผู้ภักดีต่อเขา’ กับกิ่งไม้ที่สลักชื่อ ‘ปีเตอร์และผู้ภักดีต่อเขา’ มาทาบกัน เราจะทำให้กิ่งไม้สองกิ่งกลายเป็นกิ่งเดียว เราจะมัดเข้าไว้ด้วยกันด้วยนามใหม่ของเรา นี่จะเป็นสะพานเชื่อมตะวันตกสู่ตะวันออก นามศักดิ์สิทธิ์ของเราจะเป็นสะพานเชื่อม.... พวกเขาจะไม่ประกอบพิธีเพียงลำพังอีกต่อไป แต่ประกอบพิธีร่วมกัน และเราจะครองราชย์เหนือเขาทุกคน”
(ฉันไม่ทราบว่า โครงสร้างในอนาคตของพระศาสนจักรที่รวมกันแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตัดสินพระทัยที่จะไม่กล่าวถึง และพระองค์ก็ไม่ได้ช่วยส่องสว่างทางปัญญาแก่ฉันในเรื่องนี้ แต่ฉันเชื่อว่า จะเกิดขึ้นด้วยจิตตารมณ์.... )
“องค์ความเมตตาและความเที่ยงธรรมกำลังทรงงานอยู่ ด้วยการสำแดงอัศจรรย์ต่างๆ อย่างที่ไม่เคยมีปรากฏในยุคใดสมัยใด และเอกภาพจะมาเยือนพวกลูกดุจรุ่งอรุณ และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วปานการล่มสลายของลักทธิคอมมิวนิสต์ เอกภาพจะมาจากพระเป็นเจ้าและชนชาติของลูกจะเรียกขานเอกภาพนี้ว่า เป็นอัศจรรย์ครั้งยิ่งใหญ่ เป็นช่วงเวลาแห่งพระพรในประวัติศาสตร์ของลูก” (10.01.1990)
พระมารดาของเรา คือราชินีแห่งสวรรค์
“วาสุลา ถึงเวลารวมพระศาสนจักรของเราให้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ลูกรัก จงมาด้วยกันเถิด มาสร้างซากโบราณนี้ขึ้นใหม่ สร้างรากฐานดั้งเดิมของเราขึ้นใหม่ รากฐานที่เราก่อตั้งขึ้นมากับมือ จงให้เกียรติยกย่องพระมารดาของเรา ในเมื่อเราผู้เป็นพระวจนาตถ์และอยู่เหนือสรรพสิ่งยังให้เกียรติยกย่องพระนาง เราจะไม่ปรารถนาให้ลูกผู้เป็น ‘ผงธุลี และ เถ้าถ่าน’ ยอมรับพระนางในฐานะราชินีสวรรค์และ ให้เกียรติยกย่องพระนางกระนั้นหรือ? ความเศร้าของเราวันนี้ก็คือ การที่เราพบว่า ลูกๆของเราไม่ได้เห็นความสำคัญของพระนางเลย ผู้ถวายตัวต่อเราส่วนใหญ่ที่อยู่ใต้นามลูเธอร์(นิกายโปเตสแตนท์) และผู้ที่แยกตัวออกไปทั้งหมด ต้องกลับมาหาปีเตอร์” (พระศาสนจักรคาทอลิก ที่พระเยซูเจ้าทรงแต่งตั้ง – 22.12.1987)
“เราจึงบอกคริสตจักรเหล่านั้น ที่นักบวชไม่ยอมรับธรรมล้ำลึกของเราว่า จงสำนึกรู้และแสวงหาเราอย่างจริงจังเถิด จงข่มความไม่พอใจของเจ้าต่อพระมารดาของเราเถิด ทุกชาติพันธุ์จงรับรู้ว่า เลือดเนื้อของเราเกิดจากพระมารดาของเรา ถูกแล้ว ร่างกายของเราเกิดจากพรหมจารีย์ศกัดิ์สิทธิ์ยิ่ง เกิดจากโลหิตอันบริสุทธิ์ ขอถวายพรแด่พระนามของพระนาง!" (16.10.2000)
“ลูกรักของเรา ลูกพึงให้เกียรติพระมารดาของเราเหมือนกับที่เราให้เกียรติพระนาง ลูกพึงเผยแพร่และแสดงวิธีการเดินรูป 14 ภาค.... แก่บรรดาผู้เป็นประจักษ์พยานให้เราทุกคน” (19.03.1988)

หากใครได้เคยอ่านข้อคัดค้าน95ข้อของมาร์ติน ลูเธอร์ จะรู้ดีว่า มาร์ติน ลูเธอร์ มีปัญหากับพระศาสนจักรในยุคนั้นคือประเด็นของใบล้างบาป และอำนาจยกบาปของพระสันตะปาปา ไม่ใช่เรื่องพระแม่มารีย์ หรือรูปปั้นรูปภาพอะไรใดๆ
ตรงกันข้ามตลอดชีวิตของเขา ในฐานะอดีตบาทหลวง ได้ปกป้องหลักข้อเชื่อต่างๆเกี่ยวกับพระมารดามารีย์ ทั้งเรื่องพรหมจารีย์นิรันดร การขึ้นสวรรค์ และฐานะมารดาพระเจ้า อย่างแข็งขันตลอดชีวิตของตน ซึ่งแน่นอนว่า หลักการตีความเรื่องการลบบทบาทความสำคัญของพระมารดามารีย์จากคริสตจักรในแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นการตีความที่เกิดขึ้นหลังสมัยของ มาร์ติน ลูเธอร์ เป็นร้อยปี
ที่มา : จาก facebook โดยคุณ จิต ศรัทธา
ติดตามตอนที่ 2 ได้ที่
http://pantip.com/topic/33343505
คาทอลิก ออร์โธด๊อกซ์ และโปรเตสแตนท์ จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน (ตอนที่ 1)
สาระสำคัญของสาส์นที่จะนำเสนอในที่นี้มี 4 ประการ
1. สาส์นนี้ มาจากพระเยซูเจ้าอย่างแท้จริง
2. การรวมเป็นเอกภาพเดียวกันของพระศาสนจักร
3. การยอมรับและยกย่องให้เกียรติพระมารดามารีย์ ว่า พระนางคือราชินีแห่งสวรรค์ พระมารดาของพระเจ้าและมารดาของเราทุกคนด้วย
4. การยอมรับในรหัสธรรมล้ำลึกเกี่ยวกับศีลมหาสนิทและการประทับอยู่จริงของพระองค์ในศีลมหาสนิท
วาสุลา ไรเด็น นับถือกรีกออร์โธด๊อกซ์ (นิกายหนึ่งในศาสนาคริสต์) เกิดในอียิปต์ เป็นแม่บ้านของสามีชาวสวีดิช มีบุตรชาย 2 คน ใช้ชีวิตในโลกที่สามเป็นส่วนใหญ่ ปี 1985 ขณะพำนักอยู่ในบังคลาเทศ พระเป็นเจ้าทรงทาบทามเธอผ่านอารักขาเทวดา“ดาเนียล”ของเธอ
หลังจากชำระเธอให้บริสุทธิ์(ทางวิญญาณ) และทำให้เธอก้าวหน้าฝ่ายจิตแล้ว พระเป็นเจ้าทรงเชื้อเชิญเธอให้มารับใช้พระองค์ ด้วยการถ่ายทอดพระวาจาของพระองค์ไปถึงทุกคน วาสุลาได้รับการดลใจในรูปของคำพูดในวิญญาณ และนิมิตภายใน พระเป็นทรงรับสั่งให้เธอตั้งชื่อสาส์นพยากรณ์เหล่านี้ว่า “ชีวิตแท้ในพระเจ้า” คำพยากรณ์ที่เธอได้รับจากพระเยซูเจ้าหลายประการได้กล่าวทำนายไว้อย่างถูกต้อง เช่น การล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์โซเวียต , เหตุการณ์ 11 กันยา ในสหรัฐ , เหตุการณ์สึนามิ ในแถบภูมิภาคเอเชีย เมื่อปี 2004 และคำนายอื่นๆ
โดยสาระสำคัญของสารเพื่อเรียกให้เราทุกคนได้สำนึกกลับใจ คืนดีกัน สร้างความรักและสันติภาพอย่างแท้จริง และเหนืออื่นใด เพื่อให้พระศาสนจักรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวดังเช่นสมัยอัครสาวกยุคแรกๆ
ปัจจุบันมีการแปลหนังสือ “ชีวิตแท้ในพระเจ้า”ออกเผยแพร่มากกว่า 40 ภาษา ทั่วโลก ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมภาคภาษาอังกฤษได้ที่ http://www.tlig.org/en/messages/online-book/
สาส์นทั้งหมดนี้มาจากเบื้องบน
"แกะของเรา ย่อมฟังเสียงของเรา.... เป็นเราเอง อย่าสงสัยไปเลย วาสุลา ทุกสิ่งล้วนมาจากเรา จงเขียนลงไป” (12.05.1988)
“เราบอกลูกทุกคนแล้วว่า พระจิตเจ้า(ชาวคริสเตียนเรียก พระวิญญาณบริสุทธิ์) พระผู้ช่วยเหลือ ผู้ซึ่งพระบิดาเจ้าทรงส่งมาในนามของเรา จะสอนลูกทุกอย่างและเตือนใจลูกให้ระลึกถึงสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แล้ว เรามิได้ให้คำสอนบทใหม่แก่ลูก เราเพียงแต่เตือนใจลูกให้ระลึกถึงความจริง และนำผู้หลงทางกลับมาสู่ความจริงอันสมบูรณ์ครบถ้วน เรา องค์พระผู้เป็นเจ้า จะคอยปลุกเร้าใจลูกด้วยพระผู้เตือนใจและพระจิตเจ้าของเรา –พระผู้ช่วยเหลือ- จะดำรงอยู่ท่ามกลางลูกเสมอ ในฐานะพระผู้เตือนใจให้ระลึกถึงพระวาจาของเรา จึงอย่าได้งงงวยไปเลยเมื่อพระจิตเจ้าของเราตรัสแก่ลูก เครื่องเตือนใจเหล่านี้มอบให้แก่ลูกด้วยเดชะพระหรรษทานของเรา เพื่อดลให้ลูกกลับใจ และเพื่อเตือนใจลูกให้ระลึกถึงทางของเรา” (20.12.1988)
(11 ปีให้หลัง องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงรับสั่งให้จดอีกข้อความหนึ่งขึ้นมา)
“สาส์นทั้งหมดนี้มาจากเบื้องบน และได้รับการดลใจจากเรา สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ในการสอนและหักล้างข้อผิดพลาด สามารถใช้เพื่อนำพระศาสนจักสู่สามัคคีธรรม นำชีวิตผู้คนและสอนให้เขาเหล่านั้นศักดิ์สิทธิ์ เรามอบสาส์นเหล่านี้แก่ลูกเพื่ออธิบาย (ฉันได้ยินดีคำว่า “เข้าใจ” พร้อมๆกัน) การเผยความจริงของพระเป็นเจ้า(พระคัมภีร์) ที่มอบไว้แก่ลูกให้ลูกเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น สาส์นเหล่านี้เป็นแหล่งพระหรรษทานอันน่าพิศวงมิรู้สิ้นสำหรับลูกทุกคน เพื่อทำให้ลูกเป็นคนใหม่” (30.7.1999)
การรวมกันของพระศาสนจักรหนึ่งเดียว
(องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ได้ทรงประทานนิมิตภายใน ให้ฉันเห็นแท่งเหล็กสามแท่ง อันเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มคริสตชนสามนิกายใหญ่ คือ คาทอลิก ออร์โธด๊อกซ์ และโปรเตสแตนท์ ทรงเรียกผู้นำของพวกเขาให้มาพบกันด้วยการโน้มเข้าหากัน แต่(จิตใจ) พวกเขาต้องโน้มเข้าหากันด้วย.....พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาถึงพระบิดาเจ้าว่า “เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน”)
พระสันตะปาปาฟรังซิส กับ ผู้นำศาสนานิกายออโธด๊อกซ์
“พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้านั้น มิได้เป็นเพียงลมปาก พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า คือ ความรัก สันติสุข สามัคคีธรรม และความเชื่อในจิตใจ เป็นพระศาสนจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่รวมจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียวกัน กุญแจไขสู่เอกภาพก็คือ ความรักและความสุภาพ พระเยซูเจ้าไม่เคยรับสั่งให้ลูกๆแบ่งแยกกัน ความร้าวฉานในพระศาสนจักรของพระองค์ หาใช่ความปรารถนาของพระองค์ไม่” (23.09.1991)
“จงปกป้องความจริงให้ถึงที่สุด ลูกจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ แต่เราจะยอมให้เป็นไปในระดับที่ทำให้วิญญาณของลูกบริสุทธิ์ และอ่อนน้อมเท่านั้น” (ทรงกล่าวซ้ำในฉบับวันที่ 05.06.1992, 25.09.1997,22.06.1998)
“เรา องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ต้องการให้มีความขัดแย้งใดๆ ในพระศาสนจักรของเรา ลูกจะต้องรวมตัวกันเพื่อเรา รักเรา ติดตามเรา เป็นประจักษ์พยานให้เรา ลูกจะรักกันและกันเหมือนที่เรารักลูก ลูกจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และเป็นแกะฝูงเดียวภายใต้นายชุมพาบาลแก่ผู้เดียว ตามที่ลูกรู้ดี เราได้เลือกปีเตอร์ (เปโตร หรือ พระสันตะปาปา) เราได้มอบอาชญาสิทธิ์แก่เขา ลูกก็รู้ว่า เราได้มอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้แก่เขา เราได้ขอให้ปีเตอร์คอยเลี้ยงดูฝูงแกะของเรา (ยอห์น 21:15-17) อำนาจสิทธิ์นี้เราเป็นผู้มอบให้ เราไม่ปรารถนาให้ใครมาเปลี่ยนแปลงความประสงค์ของเรา” (19.03.1988)
“แล้วเราจะมอบคฑาเหล็กไว้ในมือปีเตอร์ เพื่อให้เขาใช้ปกป้องฝูงแกะของเรา และสำหรับผู้ไม่รู้และยังเฝ้าถามตัวเองว่า ‘ ทำไมเราถึงต้องมีผู้นำทางด้วย? ’ เราบอกลูกว่า “ลูกเคยเห็นฝูงแกะที่ปราศจากผู้เลี้ยงไหม?” เราคือพระชุมพาบาลจากสวรรค์ของลูก และเราได้เลือกปีเตอร์ให้ดูแลแกะของเราจนกว่าเราจะกลับมา เราได้มอบความรับผิดชอบแก่เขา เมื่อเป็นดังนี้แล้ว ทำไมจึงยังถกเถียงกันอยู่อีกเล่า? ทำไมยังมีการโต้แย้งเรื่องไร้ประโยชน์กันอยู่อีกเล่า? และสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จักวาจาของเรานั้น เราขอให้ลูกอ่านพระคัมภีร์ซึ่งจะพบได้ในพระวรสารของยอห์นอัครสาวกของเรา (บทที่ท 21 : 15-17)
แล้วเราจะรวบรวมพระศาสนจักรของเราไว้ด้วยกัน และต้อนลูกมาเข้าฝูงเดียวกันด้วยอ้อมแขนของเรา เพราะตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้พวกลูกต่างแตกกระสาน ซ่านเซ็นเป็นหลายหมู่หลายคณะ แยกตัวกันเป็นหลายลัทธิ ลูกได้ฉีกกายเราออกจากกัน และจะเป็นเช่นนี้ไม่ได้ (พระเยซูเจ้าทรงตรัสหนักแน่นมาก) เราจะรวบรวมลูกทั้งหมดเข้าด้วยกัน (พระเยซูเจ้าทรงหมายความถึง การรวมพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ออร์โธด๊อกซ์ และโปรเตสแตนท์เข้าด้วยกัน รวมทั้งกลุ่ม,นิกายอื่นๆ พระเป็นเจ้าทรงเรียกเราให้มาอยู่ภายใต้ปีเตอร์(พระสันตะปาปา) จากนั้น เราและปีเตอร์จะทำงานร่วมกัน เราจะแสดงพระวาจาส่วนสำคัญที่ซ่อนอยู่ เราจะแสดงรหัสธรรมมากมายของเราเพื่อให้เขาสามารถสอนสิ่งเหล่านี้ให้แก่ลูกๆของเรา.... ภายใต้การสั่งสอนนี้ ลูกจะได้เห็น สวรรค์ใหม่และแผ่นดินใหม่ ” (16.05.1988)
พระสันตะปาปา กับ ผู้นำศาสนานิกายโปแตสแตนท์
“จงสวดภาวนาเพื่อพระศาสนจักรทั้งหมด จงเป็นดุจกำยานเครื่องหอมของพระศาสนจักรของเรา โดยการนี้ เราหมายถึงให้ลูกสวดภาวนาเพื่อบรรดาผู้ประกาศพระวาจาของเรา นับตั้งแต่พระสันตะปาปา ผู้แทนของเราจนถึงผู้ทำงานแพร่ธรรมและปรกาศกในยุคของลูก นับตั้งแต่พระนักบวช จนถึงบรรดาฆราวาส เพื่อพวกเขาจะได้เข้าใจในทันทีว่า ลูกทุกคนล้วนเป็นอวัยวะของกายเดียว กายของเรา” (10.01.1990)
“จงฟังและเขียนลงไป : ความรุ่งโรจน์จะทอแสงจากฝั่งตะวันออก เราจะกล่าวกับบ้านฝั่งตะวันตกว่า จงเหลียวมองทางตะวันออกเถิด อย่าร่ำไขมขื่นกับเรื่องการละทิ้งความเชื่อในศาสนา และความเสื่อมโทรมของบ้านลูกเลย อย่าตื่นตระหนกไป เหตุว่าในวันพรุ่ง ลูกจะกินและดื่มร่วมกับหน่อเนื้อของเราจากฝั่งตะวันออก พระจิตของเราจะนำลูกมารวมกัน ลูกไม่เคยได้ยินหรอกหรือว่าตะวันออกและตะวันตกจะเป็นอาณาจักรหนึ่งเดียว? ลูกไม่เคยได้ยินหรอกหรือที่ว่า เราจะพอใจให้สมโภชวันเดียวกัน” (ฉันเข้าใจว่า พระคริสตเจ้าทรงกล่าวถึงสาส์นเรื่องเอกภาพทั้งหมดของพระองค์ ทรงเรียกให้เราทั้งหมดรวมวันสมโภชปัสกา...)
“....เราจะนำเอากิ่งไม้ที่เราสลักชื่อ ‘เปาโล พร้อมกับผู้ภักดีต่อเขา’ กับกิ่งไม้ที่สลักชื่อ ‘ปีเตอร์และผู้ภักดีต่อเขา’ มาทาบกัน เราจะทำให้กิ่งไม้สองกิ่งกลายเป็นกิ่งเดียว เราจะมัดเข้าไว้ด้วยกันด้วยนามใหม่ของเรา นี่จะเป็นสะพานเชื่อมตะวันตกสู่ตะวันออก นามศักดิ์สิทธิ์ของเราจะเป็นสะพานเชื่อม.... พวกเขาจะไม่ประกอบพิธีเพียงลำพังอีกต่อไป แต่ประกอบพิธีร่วมกัน และเราจะครองราชย์เหนือเขาทุกคน”
(ฉันไม่ทราบว่า โครงสร้างในอนาคตของพระศาสนจักรที่รวมกันแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตัดสินพระทัยที่จะไม่กล่าวถึง และพระองค์ก็ไม่ได้ช่วยส่องสว่างทางปัญญาแก่ฉันในเรื่องนี้ แต่ฉันเชื่อว่า จะเกิดขึ้นด้วยจิตตารมณ์.... )
“องค์ความเมตตาและความเที่ยงธรรมกำลังทรงงานอยู่ ด้วยการสำแดงอัศจรรย์ต่างๆ อย่างที่ไม่เคยมีปรากฏในยุคใดสมัยใด และเอกภาพจะมาเยือนพวกลูกดุจรุ่งอรุณ และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วปานการล่มสลายของลักทธิคอมมิวนิสต์ เอกภาพจะมาจากพระเป็นเจ้าและชนชาติของลูกจะเรียกขานเอกภาพนี้ว่า เป็นอัศจรรย์ครั้งยิ่งใหญ่ เป็นช่วงเวลาแห่งพระพรในประวัติศาสตร์ของลูก” (10.01.1990)
พระมารดาของเรา คือราชินีแห่งสวรรค์
“วาสุลา ถึงเวลารวมพระศาสนจักรของเราให้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ลูกรัก จงมาด้วยกันเถิด มาสร้างซากโบราณนี้ขึ้นใหม่ สร้างรากฐานดั้งเดิมของเราขึ้นใหม่ รากฐานที่เราก่อตั้งขึ้นมากับมือ จงให้เกียรติยกย่องพระมารดาของเรา ในเมื่อเราผู้เป็นพระวจนาตถ์และอยู่เหนือสรรพสิ่งยังให้เกียรติยกย่องพระนาง เราจะไม่ปรารถนาให้ลูกผู้เป็น ‘ผงธุลี และ เถ้าถ่าน’ ยอมรับพระนางในฐานะราชินีสวรรค์และ ให้เกียรติยกย่องพระนางกระนั้นหรือ? ความเศร้าของเราวันนี้ก็คือ การที่เราพบว่า ลูกๆของเราไม่ได้เห็นความสำคัญของพระนางเลย ผู้ถวายตัวต่อเราส่วนใหญ่ที่อยู่ใต้นามลูเธอร์(นิกายโปเตสแตนท์) และผู้ที่แยกตัวออกไปทั้งหมด ต้องกลับมาหาปีเตอร์” (พระศาสนจักรคาทอลิก ที่พระเยซูเจ้าทรงแต่งตั้ง – 22.12.1987)
“เราจึงบอกคริสตจักรเหล่านั้น ที่นักบวชไม่ยอมรับธรรมล้ำลึกของเราว่า จงสำนึกรู้และแสวงหาเราอย่างจริงจังเถิด จงข่มความไม่พอใจของเจ้าต่อพระมารดาของเราเถิด ทุกชาติพันธุ์จงรับรู้ว่า เลือดเนื้อของเราเกิดจากพระมารดาของเรา ถูกแล้ว ร่างกายของเราเกิดจากพรหมจารีย์ศกัดิ์สิทธิ์ยิ่ง เกิดจากโลหิตอันบริสุทธิ์ ขอถวายพรแด่พระนามของพระนาง!" (16.10.2000)
“ลูกรักของเรา ลูกพึงให้เกียรติพระมารดาของเราเหมือนกับที่เราให้เกียรติพระนาง ลูกพึงเผยแพร่และแสดงวิธีการเดินรูป 14 ภาค.... แก่บรรดาผู้เป็นประจักษ์พยานให้เราทุกคน” (19.03.1988)
หากใครได้เคยอ่านข้อคัดค้าน95ข้อของมาร์ติน ลูเธอร์ จะรู้ดีว่า มาร์ติน ลูเธอร์ มีปัญหากับพระศาสนจักรในยุคนั้นคือประเด็นของใบล้างบาป และอำนาจยกบาปของพระสันตะปาปา ไม่ใช่เรื่องพระแม่มารีย์ หรือรูปปั้นรูปภาพอะไรใดๆ
ตรงกันข้ามตลอดชีวิตของเขา ในฐานะอดีตบาทหลวง ได้ปกป้องหลักข้อเชื่อต่างๆเกี่ยวกับพระมารดามารีย์ ทั้งเรื่องพรหมจารีย์นิรันดร การขึ้นสวรรค์ และฐานะมารดาพระเจ้า อย่างแข็งขันตลอดชีวิตของตน ซึ่งแน่นอนว่า หลักการตีความเรื่องการลบบทบาทความสำคัญของพระมารดามารีย์จากคริสตจักรในแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นการตีความที่เกิดขึ้นหลังสมัยของ มาร์ติน ลูเธอร์ เป็นร้อยปี
ที่มา : จาก facebook โดยคุณ จิต ศรัทธา
ติดตามตอนที่ 2 ได้ที่ http://pantip.com/topic/33343505