บทที่ 1
http://pantip.com/topic/33223537
บทที่ 2
http://pantip.com/topic/33226042
บทที่ 3
http://pantip.com/topic/33228150
บทที่ 4
http://pantip.com/topic/33230643
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เมตตาติดตาม ฝันคืนทิศ และทุกคอมเม้นต์คือกำลังใจที่ดี ของ นคเรศ ณ เสนางค์
ดาวน์โหลด e-book ฝันคืนทิศ ได้ที่ Meb , Ookbee และ Hytext
วุฒิรู้สึกน้อยใจที่ไม่สามารถมอบของขวัญให้ลูกชายได้ในตอนนี้ ที่เขาและภรรยายังว่างงานอยู่อย่างนี้
ลำพังเงินเก็บที่เหลือจากงานออกแบบเดิมนั้น ก็ต้องประหยัดกันสุด เพื่อเอาไว้ใช้ในครอบครัวเป็นค่ากินค่าใช้สอยประจำวัน
ส่วนงานเขียนนั้นเขายังทำได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่สามารถการันตีว่าจะนำรายได้มาสู่ครอบครัวได้มากนัก
เขาพยายามหาทางที่จะขายงานเรื่องสั้นตามนิตยสารที่เปิดรับผลงานจากนักเขียนหน้าใหม่
แต่ต้องใช้เวลานานกว่าจะได้คำตอบ ทำให้เขารู้สึกท้ออยู่บ้างจะแต่ก็ไม่สามารถทำให้เขาเลิกความพยายาม
ช่วงนี้วุฒิคิดถึงงานเขียนเป็นหลัก ส่วนเรื่องงานสถาปนิกนั้นปล่อยให้เยาว์ทำหน้าที่ไปคนเดียวก่อน
เยาว์เปิดแฟนเพจใหม่เพื่อโปรโมทเรียกลูกค้ารายใหม่ๆ
ส่วนวุฒิหาเรื่องที่จะเขียนได้พอสมควร เขาเริ่มเขียนไปได้เรื่อยๆ
เขาพยายามคัดกรองสิ่งที่ประสบมาในชีวิตสร้างสรรค์เป็นงานเขียน
ที่เคยฝันว่าอยากจะมีผลงานรวมเล่มเรื่องสั้นสักเล่ม บางเรื่องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตรักของผู้ป่วยคล้ายเขา
เรื่องสั้น เธอผู้เปลี่ยนเขา
เขาเป็นคนที่แปลกมากคนหนึ่ง ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดา
ที่ดูจากรูปร่างภายนอกนั้นเหมือนคนปกติแบบเราๆท่านๆทุกประการ เขาทำงานเป็นนักเขียนอิสระ
เมื่อก่อนเขาเคยทำงานเป็นพนักงานบริษัทแต่ต้องออกจากงานที่บริษัทนั้น
เนื่องจากไม่ถนัดในการทำงานภายใต้กรอบที่เคร่งครัด จึงทำให้เขาดูเป็นคนแปลกๆที่หัวรั้น
ในสายตาของเจ้าของบริษัทที่เขาเคยทำงานด้วย แต่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับชีวิต
และมีความรับผิดชอบในการทำงานของตัวเองมากเลยทีเดียว
แน่นอนว่าเขาก็เป็นคนหนึ่งมีความหวังอยากสมปรารถนาในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความรัก
เขาตั้งหน้าตั้งตาเสาะหาคนที่จะเข้ามาเป็นคู่ชีวิตโดยเฉพาะด้วยโอกาสและความหวังจากการใช้งานอินเตอร์เน็ต
ทุกเช้าที่เขาตื่นขึ้นมาจากที่นอนในคอนโดมิเนียมหรูใจกลางกรุง
เขาจะต้องเข้าดูจดหมายอีเมล์ในอินเตอร์เน็ตเป็นกิจวัตรประจำวันรวมถึงวันนี้ด้วย
การรู้จักกันกับผู้หญิงในอินเตอร์เน็ตแค่เห็นกันที่รูปภาพและคำบรรยายตัวตนของกันและกัน
ทำให้เขาเลือกที่จะคุยแต่กับหญิงสาวที่หน้าตาดี ข้อความสนทนาจาก”เมย์”
สาวผิวขาวใบหน้าเรียวสวย ตาคม ผมยาว จมูกโด่ง เหมือนดารา ในข้อมูลของเธอบอกระบุส่วนสูง 165 ซม.
เธอคือเพื่อนสาวคนหนึ่งที่เขาเจอในเว็บไซต์หาคู่ อัศจรรย์ทำให้ทั้งสองรู้จักกันได้สักระยะหนึ่งแล้ว
จากการที่เขาเป็นคนเริ่มติดต่อไปเพื่อสร้างความสัมพันธ์นั้นก่อน ด้วยการลองส่งข้อความทักทาย
ครั้งนี้เขาอยากจะสร้างชีวิตให้เหมือนนิยายรักสักบทที่ตอนจบพระเอกและนางเอกพบรักและสมหวัง
และหวังใหโลกสีหม่นทึมเทาของเขาเปลี่ยนไป
“สวัสดีครับ ชื่ออะไรครับ ผมชื่อแม๊ตซ์ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณชื่ออะไรครับ”
“สวัสดีค่ะ ชื่อเมย์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“วันนี้ทานอะไรหรือยังครับ”
“ทานแล้วค่ะ อยากทานไข่เจียวชะอม เลยทำทานอิ่มไปเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“คุณอยู่ที่ไหนครับ ผมอยู่ กทม. เป็นคนต่างจังหวัด แต่เข้ามาอยู่และทำงานในกรุงเทพ”
“เป็นคนต่างจังหวัดค่ะ ทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้าน”
“อ๋อครับ ผมเป็นนักเขียนอิสระครับ”เป็นบทสนทนาของเขากับผู้หญิงคนหนึ่งในเว๊บไซต์หาคู่แห่งหนึ่ง
แล้วในวันถัดมาเมื่อเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตเขาก็ได้คุยกับผู้หญิงคนเดิมคือเมย์
“ช่วงนี้เมย์เป็นยังไงบ้างครับ มีคนมาจีบเยอะมั้ย หาคนรู้ใจในนี้ได้ยังครับ ส่วนผมยังไม่มีใครเหมือนเดิม ไม่ค่อยได้เล่น”
“มีคนเข้ามาคุยบ้าง.. คิดว่าอยู่แบบนี้ยังโอ ต้องหาคนที่ไว้ใจได้จริงๆว่าจะไม่เจ้าชู้
จึงจะกล้ามีความรักน่ะ”เมย์ตอบคำถามด้วยความคุ้นเคยในคำถาม
“ผมก็พอกัน กำลังรักษาแผลใจ ยังไงก็หวังเหมือนกันว่าจะเจอรักที่มั่นคงเหมือนเพื่อนในเว๊บไซค์คนอื่นๆ
ส่วนคุณเมย์คงไม่ยากหรอกเพราะเป็นผู้หญิงที่สวย มีโอกาสที่จะมีคนมาจีบ”
เขาพิมพ์ข้อความสนทนาต่อ ด้วยความรู้สึกที่อยากรู้ว่าเธอจะมีใจหรือเปล่า
ต่างคนต่างก็ต้องการคนในสเปกโดยที่เขา ฝันถึงผู้หญิงที่สวยมีฐานะการงานที่ดีเป็นคนทันสมัย
ในขณะที่ผู้หญิงที่ชื่อเมย์คนนี้นั้น เขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอในตอนนี้
แต่โลกส่วนตัวของเขาที่เคยเป็นสีเทาตอนนี้ได้แปลเปลี่ยนเป็นสีส้มของแสงตะวัน
ที่คอยส่องให้เขาเห็นด้านที่สดใสของชีวิต
ทุกวันเขาได้แต่รอคอยข้อความที่เธอส่งมา บางครั้งเขารอหลายวันจึงจะติดต่อเธอได้
เพราะเธอมีงานประจำต้องทำ จึงไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาในเว็บไซค์หาคู่ได้บ่อยๆ เหมือนเขา
แต่เขาประกอบอาชีพอิสระจึงมีเวลาว่างมากกว่าที่จะนำตัวเองเข้าสู่โลกออนไลน์
เขารู้สึกว่าชีวิตตัวเองเหมือนพระเอกหนังดราม่าที่เต็มไปด้วยความอาภัพ
และดำเนินชีวิตอย่างยากลำบากอย่างเปลี่ยวเหงาทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงานที่รายได้ไม่มั่นคงเอาเสียเลย
วันหนึ่งเขาจะคิดถึงแต่เรื่องเศร้าต่างๆที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต มีทั้งเรื่องอกหัก รักคุด
หรือแม้กระทั่งหน้าที่การงานของตัวเอง เขาเคยคิดที่จะสมัครเข้าทำงานสถาปนิกในบริษัทแต่ต้องเลิกล้มความคิดไป
เพราะเขาป่วยด้วยโรคที่ทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะออกนอกบ้านไปอยู่ในสังคมกับคนอื่นๆอย่างคนที่กลัวจะถูกสมน้ำหน้าจากสังคม
วันหนึ่งเธอก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง เขาอ่านดู
“สวัสดีค่ะคุณแม๊ตซ์ ช่วงนี้ทำอะไรอยู่คะ ไม่ออกไปเที่ยวไหนเหรอคะวันหยุด”
“ไม่ครับ ผมไม่มีเพื่อน ไม่รู้จะออกไปไหนไม่ค่อยมีเงินด้วย”
“อ๋อค่ะ แย่นะคะ อายุป่านนี้แล้วน่าจะสร้างฐานะได้แล้ว”
“อ๋อครับ ผมก็ทำนะงานแต่ต้องรอพิจารณาต้นฉบับ ถ้าวันไหนคิดออกก็เขียนได้ไหลลื่นดีครับ”
“อ๋อค่ะ วันนี้ทานอะไรยังคะ”
“ทานแล้วครับ ตอนเที่ยง แล้วคุณเมย์ละครับ”
เขาถามประโยคธรรมดากลับ แต่ในใจเขารู้สึกมีอะไรที่ทำให้ชุ่มฉ่ำในตอนนี้
แต่เมย์ไม่ตอบกลับในสิ่งที่เขาถาม เขาเกิดความสงสัย เขาคิดอยู่ในหัวว่าตัวเองช่างเป็นคนที่ไม่มีความน่าสนใจอะไรเลย
ชีวิตเขาดูไม่ค่อยมีคุณค่าในสายตาเธอ เขาคิดว่าเธอคงใฝ่ฝันถึงผู้ชายที่หน้าตาดี ร่ำรวย
เป็นคนมีสังคมชั้นสูง และมีอารมณ์ขัน ส่วนเขานั้นเป็นคนที่ช่างช่างหมองหม่น
ซึมเศร้าและเครียดกับชีวิตเหลือเกิน บทชีวิตของเขาดูเป็นอะไรที่ไม่มีใครต้องการจะรับบทอย่างนั้น
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ เห็นคุณดูเศร้าจัง มีเรื่องอะไรบอกได้นะ เมย์คุยได้ค่ะ”
เมย์ถามเขาด้วยความรู้สึกสงสารและเธอสังเกตเห็นความไม่ธรรมดาในชีวิตของเขา
“ป่าวครับ ผมแค่อยากบ่นอะไรเท่านั้นเอง”เขาเผยความต้องการที่เข้าไปหาเพื่อนในอินเตอร์เน็ต
“อ๋อค่ะ เห็นบอกว่าคุณไม่มีเพื่อนเลย ทำไมเหรอคะเพื่อนคุณไปไหนหมด”
“เพื่อนวัยเดียวกันกับผม ส่วนใหญ่เขามีครอบครัวมีลูกมีเมียกันหมดแล้ว ไม่มีคนที่เข้าใจชีวิตโสดแบบผมหรอก
บางคนก็ต้องทำงานนอกบ้านเขาคงไม่มีเวลามาคุยเล่นเรื่องของผม
และผมเองก็อายเพื่อนที่ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งๆที่เมื่อก่อนดูเป็นคนเก่งที่น่าจะมีอนาคต"
“โห แย่นะค่ะแบบนี้ ฉันว่าคุณน่าจะออกไปเที่ยวบ้างนะคะ พบปะพูดคุยกับเพื่อนคนอื่นๆบ้าง
บางทีเขาอาจจะไม่คิดรังเกียจคุณอย่างที่คิดก็ได้ คนแค่เครียดเท่านั้นเอง
การคุยกับคนอื่นน่าจะทำให้คุณได้ระบายออกในสิ่งที่ทุกข์ใจนะคะ เอาไว้ว่างๆมาเที่ยวที่บ้านเมย์ก็ได้ค่ะ ยินดีต้อนรับ”
แต่ถ้าผมพร้อมเมื่อไหร่แล้วผมจะไปหานะครับ ขอบคุณอีกครับ” แม้ในตอนแรกดูเหมือนเขาจะคิดมองตัวเองในแง่ลบ
แต่เมื่อเริ่มคุยกันสักพักเขาก็ เริ่มผ่อนคลาย เพราะเมย์คนที่เขาคิดว่าจะไม่ชอบคนแบบเขา
แต่เธอก็คุยกับเขาเหมือนคนสนิทที่รู้จักกันมานาน อย่างไม่สนใจว่าจะมีอะไรผิดปกติในชีวิตของเขาแม้แต่น้อย
เขาพยายามทำตัวเป็นปกติแต่ในใจเขา ยังไม่ลืมสิ่งที่ทำให้เขามีปมด้อย
เขาคิดว่าชีวิตนี้คงจะหาคนที่ยอมรับในข้อเสียของเขายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
แต่เขาก็ชอบเธออยู่เหมือนกัน ทุกวันเขายังรอที่จะได้พูดคุยกับเธอในโลกเสมือนจริง
โลกแห่งความฝันที่เขากำลังติดอยู่ในนั้น ยิ่งเศร้าหนักขึ้นไปอีกเมื่อตอนนี้เขาป่วยเป็นโรคจิต
จิตแพทย์บอกเขาว่าต้องกินยาต่อเนื่อง วันละหลายเม็ด ไปเรื่อยๆจนกว่าอาการสับสนในความคิดและอารมณ์เศ
นตัวเขาจะหาย
เขาต้องพยายามอย่างมากที่จะหาทางระบายสิ่งที่ทำให้เขาไม่สบายใจออกมาให้คนอื่นรับรู้
เขาต้องการความเห็นใจถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิต แต่เขาไม่กล้าบอกคนที่เขาติดต่อในอินเตอร์เน็ต
โดยเฉพาะเมย์ เขากลัวว่าเธอยิ่งจะมองเขาในแง่ลบ เธอออาจจะกลัวและไม่ไว้ใจที่จะติดต่อกับเขา
นั่นเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่มั่นใจในการเข้าสังคมกับเพื่อนฝูง และบิดกั้นหัวใจให้พบโลกกว้าง
แต่สำหรับเมย์เขาคิดว่านี่เป็นความรัก จึงกล้าที่จะสนทนากันแบบมีความหวัง
“สวัสดีครับ กำลังทำงานอยู่หรือเปล่าครับ ส่วนผมกำลังคิดงานเขียนไปเรื่อยๆ
คิดอะไรออกมาก็เขียน แต่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลยครับ เพราะไม่รู้ว่าทางสำนักพิมพ์จะลงตีพิมพ์ให้ผมหรือเปล่า
เพราะกำลังเอาเรื่องของตัวเองมาเขียน”
เขาทักทายเมย์ในบ่ายวันทำงาน
“ทำค่ะ ทำด้วยว่างด้วยเป็นยังไงบ้างคะ คุณสบายใจขึ้หรือเปล่า”
“ก็ดีครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว ผมปกติดีแล้วคุณเมย์ล่ะครับ สบายดีมั้ย”
“ก็เรื่อยๆค่ะ วันนี้เบื่อๆเจอลูกค้าเรื่องมาก ต่อราคานั่นนี่ เลยเครียดนิดหน่ย”
เมย์บ่นให้เขาฟังบ้าง โดยที่เขาเองก็อยากรู้เรื่องราวของเธอเหมือนกัน
“แล้วขายดีมั้ยครับ ขยันๆน่ะดีแล้วครับ จะได้ร่ำรวย”
“ค่ะ แล้ววันนี้คุณทำงานมั้ย หรือว่างอยู่”
“ทำครับ กำลังเขียนเรื่องที่ค้างไว้พอดีเลย ผมชอบเอ่อๆๆ”
เขาพยายามจะพูดสิ่งที่ต้องการแต่ยังอายที่จะเอ่ยเป็นวจีนั้นให้เธอฟัง
“เรื่องที่ฉันชวนคุณมาเที่ยวบ้านน่ะ คุณพอจะมาจะไปได้มั้ยไม่ต้องกลัวค่ะ ที่นี่ทุกคนใจดี”
“ตอนนี้ผมไม่ว่างเลยครับ ต้องเขียนต้นฉบับส่งประกวด เอาไว้ผมจะบอกเองนะว่าจะไปได้เมื่อไหร่”
เขาบ่ายเบี่ยงที่จะไปตามคำชวน เพราะความไม่ชอบอยู่นอกห้อง ประกอบกับที่เขาไม่มีเงิน
เขากลัวเธอจะรังเกียจในฐานะของเขา เพราะเขาเคยถูกผู้หญิงในอินเตอร์เน็ตปฎิเสธเมื่อไม่นานนี้เอง
ทำให้เขาเริ่มคิดที่จะทำอะไรบางอย่างที่จะทำให้ประวัติศาตร์ไม่กลับมาซ้ำรอยเดิม
“อ๋อค่ะ ว่างเมื่อไหร่ก็บอกนะคะ”
ฝันคืนทิศ บทที่5 รับวาเลนไทน์
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/33226042
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/33228150
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/33230643
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เมตตาติดตาม ฝันคืนทิศ และทุกคอมเม้นต์คือกำลังใจที่ดี ของ นคเรศ ณ เสนางค์
ดาวน์โหลด e-book ฝันคืนทิศ ได้ที่ Meb , Ookbee และ Hytext
วุฒิรู้สึกน้อยใจที่ไม่สามารถมอบของขวัญให้ลูกชายได้ในตอนนี้ ที่เขาและภรรยายังว่างงานอยู่อย่างนี้
ลำพังเงินเก็บที่เหลือจากงานออกแบบเดิมนั้น ก็ต้องประหยัดกันสุด เพื่อเอาไว้ใช้ในครอบครัวเป็นค่ากินค่าใช้สอยประจำวัน
ส่วนงานเขียนนั้นเขายังทำได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่สามารถการันตีว่าจะนำรายได้มาสู่ครอบครัวได้มากนัก
เขาพยายามหาทางที่จะขายงานเรื่องสั้นตามนิตยสารที่เปิดรับผลงานจากนักเขียนหน้าใหม่
แต่ต้องใช้เวลานานกว่าจะได้คำตอบ ทำให้เขารู้สึกท้ออยู่บ้างจะแต่ก็ไม่สามารถทำให้เขาเลิกความพยายาม
ช่วงนี้วุฒิคิดถึงงานเขียนเป็นหลัก ส่วนเรื่องงานสถาปนิกนั้นปล่อยให้เยาว์ทำหน้าที่ไปคนเดียวก่อน
เยาว์เปิดแฟนเพจใหม่เพื่อโปรโมทเรียกลูกค้ารายใหม่ๆ
ส่วนวุฒิหาเรื่องที่จะเขียนได้พอสมควร เขาเริ่มเขียนไปได้เรื่อยๆ
เขาพยายามคัดกรองสิ่งที่ประสบมาในชีวิตสร้างสรรค์เป็นงานเขียน
ที่เคยฝันว่าอยากจะมีผลงานรวมเล่มเรื่องสั้นสักเล่ม บางเรื่องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตรักของผู้ป่วยคล้ายเขา
เรื่องสั้น เธอผู้เปลี่ยนเขา
เขาเป็นคนที่แปลกมากคนหนึ่ง ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดา
ที่ดูจากรูปร่างภายนอกนั้นเหมือนคนปกติแบบเราๆท่านๆทุกประการ เขาทำงานเป็นนักเขียนอิสระ
เมื่อก่อนเขาเคยทำงานเป็นพนักงานบริษัทแต่ต้องออกจากงานที่บริษัทนั้น
เนื่องจากไม่ถนัดในการทำงานภายใต้กรอบที่เคร่งครัด จึงทำให้เขาดูเป็นคนแปลกๆที่หัวรั้น
ในสายตาของเจ้าของบริษัทที่เขาเคยทำงานด้วย แต่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับชีวิต
และมีความรับผิดชอบในการทำงานของตัวเองมากเลยทีเดียว
แน่นอนว่าเขาก็เป็นคนหนึ่งมีความหวังอยากสมปรารถนาในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความรัก
เขาตั้งหน้าตั้งตาเสาะหาคนที่จะเข้ามาเป็นคู่ชีวิตโดยเฉพาะด้วยโอกาสและความหวังจากการใช้งานอินเตอร์เน็ต
ทุกเช้าที่เขาตื่นขึ้นมาจากที่นอนในคอนโดมิเนียมหรูใจกลางกรุง
เขาจะต้องเข้าดูจดหมายอีเมล์ในอินเตอร์เน็ตเป็นกิจวัตรประจำวันรวมถึงวันนี้ด้วย
การรู้จักกันกับผู้หญิงในอินเตอร์เน็ตแค่เห็นกันที่รูปภาพและคำบรรยายตัวตนของกันและกัน
ทำให้เขาเลือกที่จะคุยแต่กับหญิงสาวที่หน้าตาดี ข้อความสนทนาจาก”เมย์”
สาวผิวขาวใบหน้าเรียวสวย ตาคม ผมยาว จมูกโด่ง เหมือนดารา ในข้อมูลของเธอบอกระบุส่วนสูง 165 ซม.
เธอคือเพื่อนสาวคนหนึ่งที่เขาเจอในเว็บไซต์หาคู่ อัศจรรย์ทำให้ทั้งสองรู้จักกันได้สักระยะหนึ่งแล้ว
จากการที่เขาเป็นคนเริ่มติดต่อไปเพื่อสร้างความสัมพันธ์นั้นก่อน ด้วยการลองส่งข้อความทักทาย
ครั้งนี้เขาอยากจะสร้างชีวิตให้เหมือนนิยายรักสักบทที่ตอนจบพระเอกและนางเอกพบรักและสมหวัง
และหวังใหโลกสีหม่นทึมเทาของเขาเปลี่ยนไป
“สวัสดีครับ ชื่ออะไรครับ ผมชื่อแม๊ตซ์ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณชื่ออะไรครับ”
“สวัสดีค่ะ ชื่อเมย์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“วันนี้ทานอะไรหรือยังครับ”
“ทานแล้วค่ะ อยากทานไข่เจียวชะอม เลยทำทานอิ่มไปเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“คุณอยู่ที่ไหนครับ ผมอยู่ กทม. เป็นคนต่างจังหวัด แต่เข้ามาอยู่และทำงานในกรุงเทพ”
“เป็นคนต่างจังหวัดค่ะ ทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้าน”
“อ๋อครับ ผมเป็นนักเขียนอิสระครับ”เป็นบทสนทนาของเขากับผู้หญิงคนหนึ่งในเว๊บไซต์หาคู่แห่งหนึ่ง
แล้วในวันถัดมาเมื่อเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตเขาก็ได้คุยกับผู้หญิงคนเดิมคือเมย์
“ช่วงนี้เมย์เป็นยังไงบ้างครับ มีคนมาจีบเยอะมั้ย หาคนรู้ใจในนี้ได้ยังครับ ส่วนผมยังไม่มีใครเหมือนเดิม ไม่ค่อยได้เล่น”
“มีคนเข้ามาคุยบ้าง.. คิดว่าอยู่แบบนี้ยังโอ ต้องหาคนที่ไว้ใจได้จริงๆว่าจะไม่เจ้าชู้
จึงจะกล้ามีความรักน่ะ”เมย์ตอบคำถามด้วยความคุ้นเคยในคำถาม
“ผมก็พอกัน กำลังรักษาแผลใจ ยังไงก็หวังเหมือนกันว่าจะเจอรักที่มั่นคงเหมือนเพื่อนในเว๊บไซค์คนอื่นๆ
ส่วนคุณเมย์คงไม่ยากหรอกเพราะเป็นผู้หญิงที่สวย มีโอกาสที่จะมีคนมาจีบ”
เขาพิมพ์ข้อความสนทนาต่อ ด้วยความรู้สึกที่อยากรู้ว่าเธอจะมีใจหรือเปล่า
ต่างคนต่างก็ต้องการคนในสเปกโดยที่เขา ฝันถึงผู้หญิงที่สวยมีฐานะการงานที่ดีเป็นคนทันสมัย
ในขณะที่ผู้หญิงที่ชื่อเมย์คนนี้นั้น เขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอในตอนนี้
แต่โลกส่วนตัวของเขาที่เคยเป็นสีเทาตอนนี้ได้แปลเปลี่ยนเป็นสีส้มของแสงตะวัน
ที่คอยส่องให้เขาเห็นด้านที่สดใสของชีวิต
ทุกวันเขาได้แต่รอคอยข้อความที่เธอส่งมา บางครั้งเขารอหลายวันจึงจะติดต่อเธอได้
เพราะเธอมีงานประจำต้องทำ จึงไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาในเว็บไซค์หาคู่ได้บ่อยๆ เหมือนเขา
แต่เขาประกอบอาชีพอิสระจึงมีเวลาว่างมากกว่าที่จะนำตัวเองเข้าสู่โลกออนไลน์
เขารู้สึกว่าชีวิตตัวเองเหมือนพระเอกหนังดราม่าที่เต็มไปด้วยความอาภัพ
และดำเนินชีวิตอย่างยากลำบากอย่างเปลี่ยวเหงาทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงานที่รายได้ไม่มั่นคงเอาเสียเลย
วันหนึ่งเขาจะคิดถึงแต่เรื่องเศร้าต่างๆที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต มีทั้งเรื่องอกหัก รักคุด
หรือแม้กระทั่งหน้าที่การงานของตัวเอง เขาเคยคิดที่จะสมัครเข้าทำงานสถาปนิกในบริษัทแต่ต้องเลิกล้มความคิดไป
เพราะเขาป่วยด้วยโรคที่ทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะออกนอกบ้านไปอยู่ในสังคมกับคนอื่นๆอย่างคนที่กลัวจะถูกสมน้ำหน้าจากสังคม
วันหนึ่งเธอก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง เขาอ่านดู
“สวัสดีค่ะคุณแม๊ตซ์ ช่วงนี้ทำอะไรอยู่คะ ไม่ออกไปเที่ยวไหนเหรอคะวันหยุด”
“ไม่ครับ ผมไม่มีเพื่อน ไม่รู้จะออกไปไหนไม่ค่อยมีเงินด้วย”
“อ๋อค่ะ แย่นะคะ อายุป่านนี้แล้วน่าจะสร้างฐานะได้แล้ว”
“อ๋อครับ ผมก็ทำนะงานแต่ต้องรอพิจารณาต้นฉบับ ถ้าวันไหนคิดออกก็เขียนได้ไหลลื่นดีครับ”
“อ๋อค่ะ วันนี้ทานอะไรยังคะ”
“ทานแล้วครับ ตอนเที่ยง แล้วคุณเมย์ละครับ”
เขาถามประโยคธรรมดากลับ แต่ในใจเขารู้สึกมีอะไรที่ทำให้ชุ่มฉ่ำในตอนนี้
แต่เมย์ไม่ตอบกลับในสิ่งที่เขาถาม เขาเกิดความสงสัย เขาคิดอยู่ในหัวว่าตัวเองช่างเป็นคนที่ไม่มีความน่าสนใจอะไรเลย
ชีวิตเขาดูไม่ค่อยมีคุณค่าในสายตาเธอ เขาคิดว่าเธอคงใฝ่ฝันถึงผู้ชายที่หน้าตาดี ร่ำรวย
เป็นคนมีสังคมชั้นสูง และมีอารมณ์ขัน ส่วนเขานั้นเป็นคนที่ช่างช่างหมองหม่น
ซึมเศร้าและเครียดกับชีวิตเหลือเกิน บทชีวิตของเขาดูเป็นอะไรที่ไม่มีใครต้องการจะรับบทอย่างนั้น
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ เห็นคุณดูเศร้าจัง มีเรื่องอะไรบอกได้นะ เมย์คุยได้ค่ะ”
เมย์ถามเขาด้วยความรู้สึกสงสารและเธอสังเกตเห็นความไม่ธรรมดาในชีวิตของเขา
“ป่าวครับ ผมแค่อยากบ่นอะไรเท่านั้นเอง”เขาเผยความต้องการที่เข้าไปหาเพื่อนในอินเตอร์เน็ต
“อ๋อค่ะ เห็นบอกว่าคุณไม่มีเพื่อนเลย ทำไมเหรอคะเพื่อนคุณไปไหนหมด”
“เพื่อนวัยเดียวกันกับผม ส่วนใหญ่เขามีครอบครัวมีลูกมีเมียกันหมดแล้ว ไม่มีคนที่เข้าใจชีวิตโสดแบบผมหรอก
บางคนก็ต้องทำงานนอกบ้านเขาคงไม่มีเวลามาคุยเล่นเรื่องของผม
และผมเองก็อายเพื่อนที่ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งๆที่เมื่อก่อนดูเป็นคนเก่งที่น่าจะมีอนาคต"
“โห แย่นะค่ะแบบนี้ ฉันว่าคุณน่าจะออกไปเที่ยวบ้างนะคะ พบปะพูดคุยกับเพื่อนคนอื่นๆบ้าง
บางทีเขาอาจจะไม่คิดรังเกียจคุณอย่างที่คิดก็ได้ คนแค่เครียดเท่านั้นเอง
การคุยกับคนอื่นน่าจะทำให้คุณได้ระบายออกในสิ่งที่ทุกข์ใจนะคะ เอาไว้ว่างๆมาเที่ยวที่บ้านเมย์ก็ได้ค่ะ ยินดีต้อนรับ”
แต่ถ้าผมพร้อมเมื่อไหร่แล้วผมจะไปหานะครับ ขอบคุณอีกครับ” แม้ในตอนแรกดูเหมือนเขาจะคิดมองตัวเองในแง่ลบ
แต่เมื่อเริ่มคุยกันสักพักเขาก็ เริ่มผ่อนคลาย เพราะเมย์คนที่เขาคิดว่าจะไม่ชอบคนแบบเขา
แต่เธอก็คุยกับเขาเหมือนคนสนิทที่รู้จักกันมานาน อย่างไม่สนใจว่าจะมีอะไรผิดปกติในชีวิตของเขาแม้แต่น้อย
เขาพยายามทำตัวเป็นปกติแต่ในใจเขา ยังไม่ลืมสิ่งที่ทำให้เขามีปมด้อย
เขาคิดว่าชีวิตนี้คงจะหาคนที่ยอมรับในข้อเสียของเขายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
แต่เขาก็ชอบเธออยู่เหมือนกัน ทุกวันเขายังรอที่จะได้พูดคุยกับเธอในโลกเสมือนจริง
โลกแห่งความฝันที่เขากำลังติดอยู่ในนั้น ยิ่งเศร้าหนักขึ้นไปอีกเมื่อตอนนี้เขาป่วยเป็นโรคจิต
จิตแพทย์บอกเขาว่าต้องกินยาต่อเนื่อง วันละหลายเม็ด ไปเรื่อยๆจนกว่าอาการสับสนในความคิดและอารมณ์เศ
นตัวเขาจะหาย
เขาต้องพยายามอย่างมากที่จะหาทางระบายสิ่งที่ทำให้เขาไม่สบายใจออกมาให้คนอื่นรับรู้
เขาต้องการความเห็นใจถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิต แต่เขาไม่กล้าบอกคนที่เขาติดต่อในอินเตอร์เน็ต
โดยเฉพาะเมย์ เขากลัวว่าเธอยิ่งจะมองเขาในแง่ลบ เธอออาจจะกลัวและไม่ไว้ใจที่จะติดต่อกับเขา
นั่นเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่มั่นใจในการเข้าสังคมกับเพื่อนฝูง และบิดกั้นหัวใจให้พบโลกกว้าง
แต่สำหรับเมย์เขาคิดว่านี่เป็นความรัก จึงกล้าที่จะสนทนากันแบบมีความหวัง
“สวัสดีครับ กำลังทำงานอยู่หรือเปล่าครับ ส่วนผมกำลังคิดงานเขียนไปเรื่อยๆ
คิดอะไรออกมาก็เขียน แต่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลยครับ เพราะไม่รู้ว่าทางสำนักพิมพ์จะลงตีพิมพ์ให้ผมหรือเปล่า
เพราะกำลังเอาเรื่องของตัวเองมาเขียน”
เขาทักทายเมย์ในบ่ายวันทำงาน
“ทำค่ะ ทำด้วยว่างด้วยเป็นยังไงบ้างคะ คุณสบายใจขึ้หรือเปล่า”
“ก็ดีครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว ผมปกติดีแล้วคุณเมย์ล่ะครับ สบายดีมั้ย”
“ก็เรื่อยๆค่ะ วันนี้เบื่อๆเจอลูกค้าเรื่องมาก ต่อราคานั่นนี่ เลยเครียดนิดหน่ย”
เมย์บ่นให้เขาฟังบ้าง โดยที่เขาเองก็อยากรู้เรื่องราวของเธอเหมือนกัน
“แล้วขายดีมั้ยครับ ขยันๆน่ะดีแล้วครับ จะได้ร่ำรวย”
“ค่ะ แล้ววันนี้คุณทำงานมั้ย หรือว่างอยู่”
“ทำครับ กำลังเขียนเรื่องที่ค้างไว้พอดีเลย ผมชอบเอ่อๆๆ”
เขาพยายามจะพูดสิ่งที่ต้องการแต่ยังอายที่จะเอ่ยเป็นวจีนั้นให้เธอฟัง
“เรื่องที่ฉันชวนคุณมาเที่ยวบ้านน่ะ คุณพอจะมาจะไปได้มั้ยไม่ต้องกลัวค่ะ ที่นี่ทุกคนใจดี”
“ตอนนี้ผมไม่ว่างเลยครับ ต้องเขียนต้นฉบับส่งประกวด เอาไว้ผมจะบอกเองนะว่าจะไปได้เมื่อไหร่”
เขาบ่ายเบี่ยงที่จะไปตามคำชวน เพราะความไม่ชอบอยู่นอกห้อง ประกอบกับที่เขาไม่มีเงิน
เขากลัวเธอจะรังเกียจในฐานะของเขา เพราะเขาเคยถูกผู้หญิงในอินเตอร์เน็ตปฎิเสธเมื่อไม่นานนี้เอง
ทำให้เขาเริ่มคิดที่จะทำอะไรบางอย่างที่จะทำให้ประวัติศาตร์ไม่กลับมาซ้ำรอยเดิม
“อ๋อค่ะ ว่างเมื่อไหร่ก็บอกนะคะ”