ฝันคืนทิศ บทที่ 4

กระทู้สนทนา
บทที่ 1 http://pantip.com/topic/33223537
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/33226042
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/33228150

เขาทำได้เพียงมองคู่รักที่กำลังหยอกล้อกันหัวเราะด้วยความแค้นหนักในใจ เขานึกขึ้นได้ทันทีว่า
ที่คุณวิทย์ว่าจ้างให้เขาและเยาว์ออกแบบบ้านให้ ก็เพื่อจะทำเป็นเรือนหอให้แก่ แวว  
เขารู้สึกหน้าชาอย่างบอกไม่ถูก เหมือนถูกตบด้วยแรงเหวี่ยงฝ่ามือเข้าฉาดใหญ่
ไม่คิดฝันว่าชายคนที่ แวว วัชรา กำลังจะแต่งงานด้วยนั้นกลับเป็นลูกค้ารายใหญ่คนล่าสุดของเขาเอง


           เมื่อตำรวจตรวจดูใบขับขี่คุณวิทย์แล้วพบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ จึงปล่อยให้รถคันนั้นแล่นออกไป
ตอนนี้ความคิดของวุฒิเต็มไปด้วยความสับสน หัวใจแตกสลาย เกิดเป็นปมในใจที่ร้อนเร่า
ไฟเก่าที่ยังไม่ดับลงย้อนกลับมาปะทุแผ่รังสีความร้อนระอุในอารมณ์ คุคะนองทำร้ายใจเขาเหลือเกิน

แม้จะรู้ดีว่า แวว วัชรา มีคนที่ดีพร้อม จากความรักที่เคยมีต่อแวว ตอนนี้กลับกลายเป็นความเจ็บแค้นอยู่ในใจ

เขานึกสาปแช่งคู่รักนั้น ให้มีอันวิบัติ เขาเริ่มมองดูฉากชีวิตของตัวเองแล้วก็ลงเอยไม่ต่างจาก

อัศดาตัวละครในหนังสือเรื่องสั้นของเยาว์ที่เขาอ่าน แม้จะต่างเวลาต่างบริบทแต่สิ้นสุดก็พบความร้ายกาจจากสังคมเหมือนกัน
แสงสว่างแห่งจิตใจของเขาพลันดับวูบลง ชายหนุ่มในวัยสี่สิบก็ต้องพบกับวิกฤติเข้าแล้ว
          
             หลังจากเสร็จโปรเจ็คบ้านคุณวิทย์ ก็ไม่มีงานรับจ้างให้ทำอีก วุฒิถึงขั้นป่วยเป็นโรคซึมเศร้า

เขาฟุ้งซ่านมาก จนไม่มีสมาธิที่จะทำงานอย่างเดิม เขาคิดอะไรที่เกี่ยวกับงานเขียนแบบไม่ออก
ทั้งๆที่เป็นงานที่เขาชำนาญ เขาผวาเมื่อคิดถึงงานเหล่านั้น วุฒิทนทุกข์อย่างมากกับความเสียใจในรักและสังคม

เมื่อใดที่คิดถึงเหตุการณ์ในอดีตทั้งหมดที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

เมื่อคิดถึงก็พาลจะทำให้เขาอารมณ์เสียเหมือนภูเขาไฟปะทุโดยไม่มีกำหนดเวลาใดๆ
ส่วนเยาว์ผู้เป็นภรรยาก็ยังไม่มีงานออกแบบชิ้นใหม่ให้ทำ สภาพครอบครัวที่มีความสุข

บัดนี้ได้เปลี่ยนสถานะเป็นครอบครัวที่ต้องประหยัดกันแบบสุดเจียม
สิ่งนั้นได้กลายเป็นความทุกข์ใจและความกดดันของวุฒิละเยาว์อย่างไม่มีทางเลี่ยงได้

“สวัสดีค่ะ คุณหมอ” เยาว์กล่าวสวัสดีจิตแพทย์ที่ให้การรักษา

“สวัสดีครับ ตอนนี้อาการคนป่วยเป็นยังไงบ้างครับ” จิตแพทย์ถามเยาว์ที่นั่งเก้ากี้ของญาติคนป่วยที่นั่งซึมอยู่เฉยๆ

“เขาคิดมาก อารมณ์เสียบ่อยๆ บางวันเขาก็บ่นว่าอยากอยู่คนเดียว อยากทิ้งทั้งหมดให้เป็นแค่อดีต

ซึ่งดิฉันก็ไม่เข้าใจ เขาอาจจะกลุ้มใจมากเรื่องอะไรก็ไม่ทราบ จนบางครั้งไม่ทานข้าวเลยค่ะ

เขาจะเป็นอะไรมากมั้ยคะหมอ ตอนนี้ดิฉันไม่สบายใจเพราะเป็นห่วงเขามากค่ะ” เยาว์ตอบคุณหมอด้วยความกังวล

“งั้นหมอขอเวลาคุยกับคนไข้ส่วนตัว เชิญญาติออกไปรอข้างนอกก่อนครับ”

“คุณวุฒิครับ ตอนนี้รู้สึกยังไงครับ ยังคิดถึงความหลังอะไรอยู่ไหนลองเล่าให้หมอฟังได้มั้ยครับ”
จิตแพทย์สัมภาษณ์วุฒิด้วยคำถามตรงๆ

“เอ่อ คือรู้สึกหดหู่และท้อมาก ผมมีเรื่องราวในชีวิตมากมายในหัว ที่ฟุ้งเฟ้อและอยากระบายออก
ผมต้องหาทางปลดปล่อยให้ได้ครับหมอ วันวานทำให้ผมติดหล่มและรั้งไม่ให้ชีวิตของผมก้าวไปอย่างมั่นใจ
ผมเคยอกหักเพราะถูกปฏิเสธความรักมาก่อนที่จะพบกับภรรยาคนนี้ ผมไม่เข้าใจความรักเลย
ผมเห็นเธอคนนั้นทุกวัน ในข่าวทีวี และผมอยากจะหนีไปให้ไกล ผมลืมเธอไม่ได้เลย
ผมรู้สึกเบื่อ ไม่อยากทำอะไรนอกจากการการอยู่เฉยๆ”

วุฒิระบายให้หมอฟังแบบหมดเปลือก เขาเฟ้อจนหมอรู้สึกว่าอาการวุฒิไม่ค่อยดี


“แล้วมีกิจกรรมที่ทำผ่อนคลายบ้างมั้ยครับ คุณน่าจะหาอะไรทำเพื่อให้ลืมอดีตเหล่านั้น
เช่นดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกายบ้าง เอาอย่างนี้
หมอจะให้ยาคุณไปครับกินต่อเนื่องมันอาจจะไม่เห็นผลในช่วงแรก
แต่อย่าหยุดยาเอง ทานไปเรื่อยๆจนรู้สึกว่า ความคิดของคุณจะดีขึ้น แล้วค่อยกลับมาหาหมออีกเดือนหน้า”


แล้วเสียงกดกริ่งเรียกเจ้าหน้าที่พยาบาลหน้าห้องตรวจก็ดัง
เยาว์เดินเข้าห้องตรวจมานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะของจิตแพทย์ข้างวุฒิเหมือนเดิม

“หมอให้ยาสามอย่างนี้นะ ให้คนไข้กินก่อนนอนทุกวัน ต้องพยายามอย่าให้เขาหยุดกินยาเอง
เขาอาจจะเบื่อการกินยา แต่มีทางเดียวเท่านั้นคือการกินยานี้ และคุณต้องช่วยเป็นกำลังใจให้เขานะครับ”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ ” เยาว์กล่าวขอบคุณหมอใหญ่รวมทั้งวุฒิ

“ครับ คุณหมอ”


       เพื่อนฝูงต่างโทรมาให้กำลังใจ เมื่อรู้ว่าเขาอยู่ในความถดถอยเช่นนี้
หลายปีแล้วที่เขาไม่ได้เจอเพื่อนสมัยเรียนเลย แต่ว่าตอนนี้เขาต้องการอยู่กับตัวเอง
เขาต้องการสมาธิ เวลานี้วุฒิต้องการเวลาในการใช้ปัญญาที่จะทำให้ชีวิตของเขากลับฟื้นคืนมาให้ได้ แน่นอนว่าชีวิตวุฒิ กำลังล้ม


         ผ่านสัปดาห์วันเด็ก เรื่องการประกวดร้องเพลงของแพรวผู้เป็นลูกสาว
แพรวไม่ได้รางวัลใดๆในการประกวดในครั้งนั้น ทำให้วุฒิเลิกหวังลมๆแล้งๆในอนาคตที่ยิ่งใหญ่ของลูกสาว

เขารู้สึกว่ามีเรื่องราวต่างๆมากมายวนเวียนอยู่ในหัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาอยากระบาย เขาไม่ปล่อยให้ประสบการณ์ในอดีตกลายเป็นเพียงวันวานที่ผ่านไปเลยไปแล้วเท่านั้น

เขารู้ว่าไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรมันได้อีกแล้ว แต่เขาอยากจะทำให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับใครหลายคนที่เดินตามแนวทาง
วุฒิพยายามทำความเข้าใจระบบทัศนคติและความคิดของตัวเอง มุ่งหน้าอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับจิตวิทยามากเป็นพิเศษ
ทั้งที่ไม่เคยสนใจมาก่อน


      เยาว์ตัดสินใจย้ายลูกออกจากโรงเรียนนานาชาติ ที่มีค่าเทอมแพง
แล้วย้ายมาเรียนในโรงเรียนรัฐบาลใกล้บ้านแทน ตอนนี้วุฒิเลิกคาดหวังในอนาคตของลูกทั้งสองทุกอย่าง
เขาปล่อยให้เด็กทั้งสองได้เป็นผู้เลือกอนาคตของตัวเอง


      ตอนนี้วุฒิต้องอยู่กับปัจจุบันเพื่อสุขภาพของตัวเอง เขาคิดถึง ฟ้าคำแพง
และความใฝ่ฝันของเขาเปลี่ยนไป เขาหวนคิดถึงการดูหนังในวัยเด็กของตัวเอง
เขาคิดว่าการเขียนหนังสือกลายเป็นไฟว์บังคับที่เขาต้องทำ เมื่อเขากำลังขาดแรงบันดาลใจในอาชีพสถาปนิก

เขาทำมันไม่ได้เหมือนก่อน ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปมากกว่าเดิม เขาคิดถึงการเขียนเรื่องสั้นเป็นจริงเป็นจัง
เพื่อหาทางระบายออก วุฒิพยายามอยู่หลายครั้ง กว่าเขาจะเขียนได้ก็ทำเอาเขารู้สึกมึนหัวเพราะอาการป่วยมากเลยทีเดียว

เขาจะเขียนได้ก็ต่อเมื่อมีสมาธิมากพอที่จะถ่ายทอด แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่เกินความพยายามของวุฒิ
เมื่อแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์พร้อมให้เขาสลักตัวอักษรลงในหน้าจอที่ว่างเปล่า แล้วเขาก็เริ่มลงมือเขียน

เรื่องสั้น ฝันกับฝน

เข้าสู่ปลายเดือนมิถุนายนแล้วฝนยังไม่ตกเลย

ตั้งแต่กลางเดือนที่แล้วมีครั้งเดียวที่ตกตอนบุญบั้งไฟประจำปีของหมู่บ้าน

ชาวไร่ชาวนาต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าอากาศร้อน เขารอตกกล้าทำนามาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภา

ถึงตอนนี้เข้าปลายเดือนมิถุนายน ก็ยังไม่มีทีท่าว่าฝนจะตกลงในแปลงนาอีกสักหยด
ซึ่งตามปกติทุกปีในช่วงนี้น้ำในนาคงเต็มปริ่มแปลงนาล้นคันคูให้ทำงานแล้ว

แต่ปีนี้แปลก เขาเป็นชาวนาธรรมดาคนหนึ่งที่มีที่นาเป็นสถานที่ทำงาน

แต่ต้องประสบชะตากรรมฝนแล้งกว่าทุกปี ทุกวันได้ยินแต่เสียงประกาศทางวิทยุเรื่องฝนฟ้าอากาศ

วิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องละสามร้อย บอกกับเขาว่าฝนจะตกในอีกไม่นาน
ประมาณวันที่สิบหกกลางเดือนนี้ ทำให้เขารู้สึกใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง

มีกรรมกรผู้ใช้แรงงานเพื่อนบ้านของเขาหลายคนกำลังขนไม้มากองเรียง
บ้างกำลังขุดหลุมเพื่อเป็นที่ลงเสา อยู่ข้างบ้านที่กำลังก่อสร้าง
เขาคิดว่าคนเหล่านี้มีชีวิตที่ลำบากอยู่ในฐานะที่เขาไม่ประสงค์ เขาจึงไม่คิดจะทำงานที่หนักเช่นคนพวกนั้น


“แย่นะปีนี้ฝนยังไม่ตกเลย ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ปักดำเสียที” เขาบ่นให้คนที่สัญจรฟังด้วยใจระเหี่ย

“ฟังในวิทยุเขาบอกว่าอีก ไม่นานก็ตกแล้วไม่ใช่เหรอ”

เพื่อนชาวนาคนหนึ่งที่คุ้นเคยกันดี ขับมอเตอร์ไซค์เข้าไปท้ายหมู่บ้านซึ่งต้องผ่านหน้าบ้านเขาตอนเช้า แล้วรถชาวนาคนนั้นก็แล่นไป


“เฮ้ย อีจ้อยกับข้าวกับปลาเสร็จหรือยัง หิวจะแย่อยู่แล้ว มีอะไรกินเอาออกมาเร็ว”

เขาตะโกนบอกเมีย เมียรีบลุกลี้ลุกลนหาสำรับกับข้าวมาให้ มีเพียงข้าวเหนียวไข่ต้ม ชุบน้ำปลาเป็นอาหารมื้อเช้า

“เอ้า มีแค่นี้เองเร๊อะ! อะไรกัน ร้อนก็ร้อนแกมาทำให้ฉันโมโห คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย”

ด้วยความโมโหและเครียดในความจน จึงตะคอกเมียเมื่อเห็นกับข้าวมีเพียงไข่ต้มเป็นอาหารเช้า

“ก็มีเท่านี้น่ะพี่ ในตลาดก็มีแต่ของแพงๆวันนี้มีเงินซื้อไข่ไก่มาได้กินกัน พี่กับฉันคนละใบ”

เมียพูดด้วยอาการปนประชดประชัน

“ถ้าข้ามีเงินมากกว่านี้จะให้เอ็งไปซื้อเนื้อสดมาทำลาบ ทำแกงอ่อมเนื้อลายกินกัน”

“แหมพี่ จะหาเงินที่ไหนล่ะฉันก็ไม่มีเวลาหาหรอกนะ”เมียเขาพูดเหน็บแนม
ปกติเมียของเขาก็ไม่มีเวลาหารายได้เพราะทุกวันต้องทำงานบ้าน จ่ายตลาด หาซื้ออาหารมาเข้าครัวให้เขากิน


           ในระหว่างกินข้าวเหนียวกับไข่ต้มอยู่นั้นเขาคิดอยู่ในใจตลอดเวลาว่า
หากรัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบภัยแล้งเขาคงมีเงินไว้ให้เมียซื้อกับข้าวกับปลามีกินดีกว่านี้

เขาคิดว่าการที่ฝนตกนั้นเป็นเพราะบั้งไฟของหมู่บ้านที่ทำปีนี้ขึ้นไปไม่สูงพอ

ผิดกับหลายปีที่ผ่านมาที่มีช่างทำบั้งไฟเก่งๆ ทำบั้งไฟขึ้นสู่ท้องฟ้าลิบหายไปบนก้อนเมฆ
แต่ปีนี้ช่างทำบั้งไฟฝีมือดีประจำหมู่บ้านเกิดป่วยเป็นไข้ป่า

จึงเหลือเพียงเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ไม่มีความชำนาญเรื่องบั้งไป ต้องเป็นคนออกเรี่ยวแรงทำบั้งไฟกันเอง
ปีนี้จึงขาดแคลนบั้งไฟที่มีประสิทธิภาพ ในบุญประเพณี


            ตกสายเขานอนพักเอาแรงงีบหนึ่งใต้ถุนบ้านไม้ที่มีชั้นบนเป็นตัวบ้านส่วนชั้นล่างเป็นใต้ถุนโล่ง
เป็นกิจวัตรประจำวันเหมือนทุกวัน  เขาหลับไปงีบใหญ่ แล้วเกิดเห็นสัตว์ชนิดหนึ่งคล้ายงูตัวสีขาวขนาดใหญ่

มีรัศมีให้รู้ว่าเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์บางอย่าง เลื้อยเข้ามาในบ้าน เกิดร่องรอยที่พื้นเหมือนคมของล้อรถไถนาเดินตามปักเป็นทาง

แล้วพลางกลายร่างเป็นสิ่งหนึ่งที่มีราศีจรัสบนเรือนร่าง ใส่ชุดคล้ายกับเทวดาเดินไปเดินมา
เห็นแสงเปล่งปลั่งวูบวาบรอบตัว ดูเป็นร่างคนที่พูดได้บอกเขาว่าอีกไม่นานฝนก็จะตก ไม่เชื่อลองดู
ทันใดนั้นลมพัดกระหน่ำนำเอาเมฆดำทมิฬก้อนมหึมาลอยทั่วฟ้าปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ


           แล้วเม็ดฝนก็ค่อยๆหยาดลงมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นพายุฝนกระหน่ำห่าใหญ่
เขามองออกไปนอกบ้านเห็นน้ำเจิ่งนองทั่วท้องทุ่ง เขาคิดในใจว่าคงจะถึงเวลาที่ฟ้าฝนเป็นใจให้เขาทำนา

เขารีบไปบอกชาวบ้านคนอื่นทันที ชาวบ้านทุกคนต่างหลั่งไหลมาที่บ้านเขา
ไม่ปรากฏเห็นงูใหญ่เพราะกลายร่างเป็นเทวดาแล้วตอนนี้ ซึ่งร่างนั้นกำลังนั่งที่แคร่ไม้ไผ่ใต้ถุนบ้านเขา
เทวดาพูดเสียงดังประกาศให้ชาวบ้านรู้โดยทั่วกันบอกว่า

ถ้าหากอยากให้ฝนตกทุกปีให้หาดอกไม้ธูปเทียนไปถวายเก้าช่อเก้าดอก
ที่ใต้ต้นกระโดนใหญ่กลางหมู่บ้าน แล้วรักษาต้นกระโดนไว้ให้ดี อย่าให้ใครไปรบกวน
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้ยินดังนั้นจึงพากันไปที่ต้นกระโดน ต่างพากันหาดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้บูชา

ข่าวกระจายไปยังหมู่บ้านใกล้เคียงในตำบล ชาวบ้านนับร้อยแห่มาชุมนุมไปทั่วทั้งย่านที่มีต้นกระโดน

เห็นบางคนเอาของมีคมบ้างเป็นมีดพร้า มาขูดเปลือกไม้เป็นแถบให้เห็นเนื้อไม้ขาว
บางคนที่ขูดต้นไม้เกิดเห็นรูปปลาสามตัว จึงทายเอาว่าคงเป็นเทวดาจะบอกใบ้เป็นตัวเลขแปดมีสามตัว  
ต่างลือกันไปทั่วว่าต้องเป็นเลขหวยรัฐบาลที่มีเลขสามกับเลขแปดงวดต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่