http://pantip.com/topic/33187504
บทที่ 5
'พยาบาลจริยา' หรือคนที่นี่ติดปากเรียก 'พยาบาลแจ้ว' เสียมากกว่าเดินมานั่งคุยด้วย หล่อนใจดีและยิ้มง่าย ไม่วางท่ากร่างเหมือนพยาบาลราศี รูปร่างสูงโปร่งดูดีน่าใกล้ชิดยามซ่อนอยู่ในกระโปรงชุดขาว
"เมื่อคืนฝนตกหนักเป็นบ้า" หล่อนปรารภพร้อมวางถาดอาหารเช้าลงบนโต๊ะไม้ไผ่ทาสีฟ้าอ่อน
"คุณพิมพ์เช้ายังหลับอยู่หรือครับ"
"เธอไม่ตื่นไม่หลับหรอกนายชมทอง เธอเหมือนคนที่หลุดพ้นแล้วเสียมากกว่า"
ชมทองกลืนกาแฟไม่ลงไปเลยเมื่อได้ยินคำตอบระคายหูเช่นนั้น หล่อนหัวเราะขบขัน ยักไหล่เล็กน้อย แล้วเริ่มใส่ใจกับโจ๊กทรงเครื่องฝีมือ 'แม่ครัวน้อย' นางเป็นอีกคนหนึ่งที่ฤกษ์สุรัตน์จ้างมาอยู่ที่นี่ แต่เขาเพิ่งทราบเมื่อตอนเช้าตรู่นี่เอง
"มาดูแลคุณพิมพ์เช้านานหรือยังครับ"
"เพิ่งจะเมื่อคืนนี้แหละ คุณฤกษ์จ้างมาอยู่เฉยๆ สองสามเดือนแล้ว เหมือนป้าน้อยไง ถูกจ้างมาเฝ้าบ้าน ที่ไม่เหมือนใครก็คงจะเป็นลุงแส เพราะย้ายมาจากบ้านใหญ่"
ชมทองพยักหน้าหงึกๆ เข้าใจเป็นอย่างดีว่าบ้านใหญ่หมายถึงคฤหาสน์ยุรวัฒน์ เขาเก็บชามโจ๊กเปล่าของตนใส่ถาด ถ้วยกาแฟก็เปล่าแล้วเหมือนกัน แม้ว่าอึกสุดท้ายเกือบกลืนไม่ลงเพราะโดนวาจาระคายหูสกัดเข้าให้เสียก่อนก็ตาม
"อ้อ คุณพิมพ์เช้ากินอะไรหรือยังครับ" เกือบจะผละไปแล้ว แต่เหมือนนึกได้ว่ายังถามในสิ่งที่ตนอยากรู้ไม่ครบถ้วน
"กินน้ำเกลือไง" พยาบาลแจ้วตอบยิ้มๆ "ฉันเพิ่งเปลี่ยนขวดใหม่ให้เมื่อตอนเช้ามืดนี่เอง น่าเวทนาเธอนะ เฮ้อ"
"หมายความว่ายังไงครับ"
"ก็อยู่ก็เหมือนไม่ใช่ ตายก็ไม่ตาย สภาพแบบนั้นไม่น่าเวทนาหรอกหรือ"
"เธอเองก็ไม่อยากเป็นแบบนั้นหรอก"
"ก็ใช่ ถ้าเลือกได้จริง เธอคงเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างพิการแต่รู้สึกตัว หรือไม่ก็ตายไปเลย"
หนุ่มยามเม้มปากกลบเกลื่อนความไม่พอใจ เขางงอีกแล้วว่าทำไมฤกษ์สุรัตน์ขยันจ้างหมอพยาบาลที่จรรยาบรรณน้อยมาดูแลภรรยาผู้น่าสงสารของตน พิมพ์เช้าไม่ได้น่าสงสารเพราะพิการและไม่รับรู้ใดๆ อย่างที่ใครต่อใครเข้าใจหรอก เขามองว่าเธอน่าเวทนาเพราะสามีคิดคดทรยศอย่างแสบสันเสียมากกว่า
"ก็ดีแล้วที่ไม่รับไม่รู้"
เขาเดินบ่นไปตามพื้นหญ้า กระทั่งมาหยุดหายใจลึกยาวหน้ากระท่อมป้อมยาม ภาพชายหญิงระเริงรักเล่นชู้ยังใสกระจ่างอยู่ในความทรงจำ แล้วเขาก็แน่ใจว่าภาพเหล่านั้นค่อนไปทางโหดร้ายแสนบัดซบหากว่าเจ้านายสาวผู้พิการเห็นอย่างรับรู้ คิดเสียว่าสวรรค์เมตตาเธอก็แล้วกัน ให้พิการด้วย ริบความรู้สึกทั้งสิ้นทั้งปวงไปด้วย คงเพื่อให้เธอทรมานน้อยลงสักหน่อย
"อ้าว นายชมทอง กินหมดแล้วหรือ เป็นยังไงบ้าง รสมือพอจะถูกปากไหมจ๊ะ"
แม่ครัวน้อยหิ้วตะกร้าหวายออกมาเจอเขายืนอารมณ์มัวๆ แต่นางคงไม่รู้หรอกจึงเอ่ยถามยิ้มแย้มขึ้น เขาก็พยักหน้าแกนๆ ตบท้ายด้วยชมเชยกันอีกเล็กน้อยเพื่อบำรุงขวัญคนปรุงให้ชุ่มชื่น
"อร่อยมากเลยครับ โดยเฉพาะหมูกรอบที่โรยหน้าน่ะครับ กรอบกำลังดี เคี้ยวเพลินมากเลย"
"ก็ดีแล้วจ้ะ ถูกปากก็กินเยอะๆ นะ คุณฤกษ์น่ะไม่ตืดหรอก ท่านบอกเสมอแหละว่าอยากซื้ออะไรมาทำกินก็ตามสบายเลย ไม่ต้องกังวล เงินทองเฉพาะส่วนกลางแกก็ตั้งไว้ให้เสร็จสรรพ"
"ครับ แล้วนั่นจะไปไหน หิ้วตะกร้าเหมือนไปจ่ายตลาด"
"ก็ไปจ่ายตลาดไง ว่าจะไปดูจำพวกเห็ดมาตุนไว้หน่อย คุณฤกษ์บอกว่าคุณเช้าชอบซุปเห็ดมาก"
"อร่อยแค่ไหนเธอก็คงไม่รับรู้หรอกครับ"
"เธอไม่รับรู้ แต่กระเพาะตับไตไส้พุงคงจะรับรู้บ้างนั่นแหละ เฮ้อ เราต้องคิดในทางที่ดีเข้าไว้นายชมทอง ไม่อย่างนั้นเราเองก็จะพลอยเสียกำลังใจตามเธอไปด้วย"
"คิดว่าสักวันหนึ่งเธอต้องหายเป็นปกติและเริ่มต้นชีวิตพิการตลอดไปอย่างมีความสุข"
"ฮื่อ ใช่ เราต้องคิดแบบนั้นแหละนายชมทอง คิดให้ทุกวัน"
เสียดายจังที่ตนเป็นยาม ต้องทำหน้าที่เฝ้าบ้านภูไหมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นก็อยากอาสาขับรถลงไปส่งนางให้ถึงตลาด จะช่วยหิ้วตะกร้าให้ด้วย เพราะนางเป็นคนแรกที่เผยความปรารถนาดีจากใจสู่เจ้านายสาวผู้น่าสงสารให้เขารับรู้และชื่นใจแทนเธอ โน่นแน่ะ นายแสนั่นเองที่ทำหน้าที่ขับรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่สีน้ำเงินเข้มไปส่งนาง
ฟ้าทั้งผืนขาวขุ่น เลยไปไม่ไกลก็ประดับก้อนเมฆสีเทาเข้ม คาดว่าฝนคงตกตอนเย็นหรือใกล้ค่ำ กระแสลมบนนี้แรงตลอดเวลาและคายมาแต่ความหนาวสาหัส กระดูกเสียววูบวาบจนต้องหาเครื่องนุ่งห่มหนาๆ มาห่อหุ้มให้อบอุ่น
ชมทองไม่ค่อยชอบอากาศเย็นจัดคมกริบแบบนี้นัก เขาชอบฤดูร้อนมากกว่า เพราะมองไปทางไหนก็เจอแต่แสงจัดสดใส ท้องฟ้าก็สว่างจ้าประดับเมฆขาวนุ่มชวนมอง ต้นไม้ใบหญ้าก็ผลิดอกออกใบกันสะพรั่ง การสัญจรทุกเส้นทางก็สะดวก
บ่ายสองโมงนิดๆ ตอนเขาออกจากกระท่อมป้อมยามที่นั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสือพิมพ์บ้างหมดไปสามสี่ฉบับ เขาคอแห้งอยากหาเครื่องดื่มร้อนๆ มาเพิ่มความชุ่มชื่นสักถ้วย ชาเขียวอุ่นๆ ก็เข้าที
พยาบาลแจ้วหลับปุ๋ยบนเก้าอี้ยาวในห้องโถง หล่อนไม่ถึงกับนอนเป็นเรื่องราวแค่นั่งฟุบกับพนักเท้าแขน คงกลัวว่าถ้านอนให้เห็นกันชัดๆ แล้วเจ้านายหนุ่มมาเจอเข้า หล่อนก็จะโดนตำหนิ เผลอๆ ก็อาจโดนไล่ออกด้วยข้อหาบกพร่องในหน้าที่
สำหรับเขาแล้ว แค่แอบมางีบหลับไม่ใช่ความผิดถึงขั้นใหญ่หลวงและต้องถูกลงโทษอย่างสาหัสได้เท่ากับสามีคิดคดทรยศต่อภรรยา ฤกษ์สุรัตน์นั่นแหละที่บกพร่องในหน้าที่อย่างมหันต์จนไม่มีบทลงโทษข้อไหนพอที่จะอนุโลมได้
อ้อ แม่ครัวน้อยก็งีบบนเก้าอี้ไม้ยาวในครัวด้วยเช่นกัน ทายเล่นๆ ว่านายแสก็คงหามุมเหมาะงีบหลับเหมือนกัน ทั้งบ้านคงเหลือเขาละสิที่ตาสว่างและกำลังง่วนกับการหาชาเขียวมาชงดื่มให้ท้องอุ่นๆ สักหน่อย
ทว่า หลังจากชงเสร็จสรรพกับยกถ้วยขึ้นตั้งท่าดื่มอึกแรก เสียงกระแอมเบาๆ ก็ดังขัดจังหวะ เขาเหลียวไปดูแม่ครัวสูงวัยซึ่งยังหลับปุ๋ย เมื่อไม่แน่ใจก็ลองเดินมาก้มสำรวจใกล้ๆ พลางส่ายหน้าเมื่อใจบอกว่าไม่ใช่เสียงของนางหรอก
"เอ.. ใครกระแอม หรือว่าจะเป็นคุณพยาบาลแจ้ว ตื่นแล้วหรือเปล่า"
เขาฉงนกับตัวเองพลางเดินมาดูให้แน่ใจในห้องโถง ก็ปรากฏว่าคุณพยาบาลยังหลับสนิทในท่วงท่าเดิม กระทั่งเสียงกระแอมหนสองดังขึ้น คราวนี้ชาเขียวถ้วยใหญ่ที่เขายกติดมือมาด้วยก็มีอันหมดคุณค่าไปในทันที
ขณะที่ตาเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น สองขาก็สาวเร่งอย่างเร็วรี่เหมือนเอาใจเจ้าของ ชมทองใจเต้นแรงผิดจังหวะไปเลย เมื่อฉุกคิดว่าเสียงกระแอมปริศนานั้นลอยมาทางทิศห้องนอนของเหล่าเจ้านาย และทันทีที่มาหยุดหน้าห้องนอนของพิมพ์เช้า จู่ๆ มือก็สั่นกึกๆ ด้วยว่าเสียงกระแอมนั้นยังครางแผ่วๆ ให้ได้ยินอีกเป็นหนสาม
อย่าหาว่าเสียมารยาทหรือรุกล้ำที่ที่ตนไม่ควรรุกล้ำเลย แต่ถึงขั้นนี้แล้ว ชมทองมั่นใจเต็มร้อยว่าตนหูไม่ฝาดแน่ เขาจึงลองเสี่ยงดันประตูเบาๆ มันเขยื้อนแง้มพอให้เขาลอดตาเข้าไปสำรวจชั้นแรกก่อน เมื่อเห็นอะไรไม่ถนัดนอกจากขาเตียงเบื้องหลังผนังกั้น เขาก็ดันให้มันกว้างขึ้น และไม่ใช่พอแค่ลอดตา แต่พาทั้งตัวแทรกเข้าไปได้เลย
ฝีเท้าย่องเบากริบมากถึงมากที่สุด ชมทองเม้มปากอย่างตื่นตัว ใจก็พานระทึกเหมือนกำลังเดินหน้าไปประจันกับผีดิบในป่าช้า เพราะนอกจากเสียงกระแอมคล้ายระคายในลำคออยู่ตลอดเวลาแล้ว เขายังได้ยินเสียงอื่นแทรกเข้ามาด้วย เหมือนเสียงคราง อุทานแผ่ว แล้วก็ขยับตัวจนเตียงไหวกระทั่งเกิดเสียงเสียดสีกันเบาๆ
"โอ้โฮ" ชมทองกลืนน้ำลายขณะงึมงำครางอย่างตื่นตะลึง "เราตาฝาดใช่ไหม"
เขาถามตัวเอง ทั่วศีรษะเหมือนโดนฟาดด้วยไม้ท่อนเขื่อง พองวูบวาบแล้วตามด้วยชานานหนึบไปชั่วขณะ พิมพ์เช้ารู้สึกตัวหรือ เธอขยับแขนขาได้ เหมือนว่ากระหายน้ำ เธอจึงเลื่อนตัวกับเอื้อมมือไปยังโต๊ะเล็กตรงหัวเตียง อีกนิดเดียวมือข้างนั้นก็แตะเหยือกน้ำได้แล้ว ทว่า เสียงฝีเท้าข้างนอกก็พลันดังมา
"ตายชัก"
ชมทองอุทานหวาดเสียวกับห่อปากตื่นเต้น แต่ก็ไม่รอช้าพาตัวเองเข้าซ่อนในที่ที่ซ่อนได้ เขาปราดไปเบียดอยู่ในซอกหลีบผ้าม่าน โชคดีว่าตรงนั้นวางตู้ไม้ใบใหญ่ ในนั้นแบ่งเป็นสามชั้น แต่ละชั้นก็จัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์และจำเป็นสำหรับคนไข้ แต่เฉพาะตู้ไม้ใบใหญ่นะ ตอนนี้มันจำเป็นสำหรับหนุ่มยามที่สะเออะรุกล้ำเขตหวงห้ามเช่นเขาอย่างยิ่งยวด
"อุ๊ย ตายแล้ว ทำไมมือห้อยแบบนั้น โชคดีนะคะที่เข็มน้ำเกลือไม่หลุดน่ะ"
พยาบาลแจ้วคือเจ้าของฝีเท้า หล่อนสะดุ้งตื่นในห้องโถงแล้วตระหนกกับความบกพร่องในหน้าที่ของตนเป็นการใหญ่ จึงตะลีตะลานวิ่งกลับมาเฝ้าคนไข้ ก็เพราะวิ่งมานั่นเอง เสียงฝีเท้าถึงได้ดังหนักๆ ชัดเจน มันเตือนได้ทั้งคนไข้ที่ขยับตัวได้ และหนุ่มยามที่เบียดตัวเองให้ลีบอยู่ในหลืบอย่างอึดอัดกันเลยทีเดียว
"ไม่เป็นไรนะคะคุณเช้า ไม่เจ็บนะ ฉันขอโทษค่ะ ฉันเป็นไข้นิดหน่อย พอกินยาแล้วก็ง่วงๆ จึงเผลอหลับในห้องโถง ทิ้งคุณไว้ตามลำพังทั้งที่คุณฤกษ์กำชับนักหนาว่าห้ามเด็ดขาด เอ๊ะ แล้วนี่ฉันจะสารภาพกับคุณไปทำไม คุณรับรู้ได้เสียที่ไหน เฮ้อ"
พยาบาลผู้บกพร่องในหน้าที่หัวเราะขบขันขณะช่วยจัดท่านอนให้คนไข้กลับสู่อิริยาบถเดิม ห่มผ้าคลุมถึงอก ตอนหล่อนเข้ามา ผ้าห่มร่นไปกองแถวน่อง ร่องรอยก็เหมือนว่าคนไข้ขยับตัวเล็กน้อย แต่หล่อนไม่เฉลียวใจและมองข้ามร่องรอยนั้นไป ด้วยว่านึกไม่ถึงไงว่าพิมพ์เช้าจะมีเวลาตื่นเป็นของตัวเอง และเวลาที่ว่านั้นต้องทำให้เธอมั่นใจด้วยว่า 'ปลอดภัย'
พยาบาลราศีมาถึงบ้านภูไหมตอนหนึ่งทุ่ม หล่อนมาพร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์สองสามกล่อง นายแสกับเขาต้องช่วยกันแบกเข้าไปไว้ในห้องนอนของพิมพ์เช้าพร้อมลำเลียงไปจัดเก็บไว้ในตู้ไม้ใบใหญ่อย่างเป็นระเบียบ
"น้ำเกลือเยอะไปหน่อย" เขางึมงำขณะโยนถุงบรรจุน้ำเกลือเล่นบนมือสองสามที
"ก็มันจำเป็น" นายแสเอ่ยบ้าง "คุณเช้าไม่รู้สึกตัว กินได้แต่อาหารเหลว ทางเดียวที่จะช่วยพยุงร่างกายไม่ให้อ่อนเพลียก็ต้องเป็นน้ำเกลือนี่แหละ"
"ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ แล้วนี่อะไรอีก ยาชาหรือ เยอะไปไหมครับ"
"อ่านภาษาพวกนี้ออกหรือ"
คราวนี้นายแสชักงง เพราะแกอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก และไม่คิดว่าหนุ่มยามจะอ่านออกด้วย หรือถ้าอ่านออกก็ไม่น่าจะเข้าใจศัพท์เฉพาะของยาหลายกล่องที่คุณหมอธานีสั่งจ่ายด้วยความรู้ทางการแพทย์
"ผมดูเอาจากรูปน่ะครับ"
ชมทองต้องแถออกนอกเส้นทางไปไกลทีเดียว แต่ก็แอบโล่งใจว่าคนถามพยักหน้าหงึกๆ ว่าเชื่อสนิท เพราะแกค่อยนิ่วหน้าเหล่ตาดูรูปขวดยาข้างกล่องกระดาษสีขาวแล้วครางอืมๆ
"ช่างสังเกตดีนี่หว่าพ่อหนุ่ม"
"ก็ไม่มีอะไรทำนี่ครับ ก้มๆ เงยๆ จัดของพวกนี้บางทีก็เวียนหัว ต้องหาวิธีหันเหบ้าง"
นายแสวัยชราเริ่มตงิดใจกับคำพูดคำจาและความคิดคมคายของพ่อหนุ่มยามจนอดที่จะเลียบเคียงเมียงมองอย่างสำรวจไม่ได้ แววตาฉลาดเป็นกรดอย่างนั้นค่อนข้างค้านกันนิดหน่อยถ้าจะบอกว่าดูจากรูปข้างกล่องก็บอกได้ว่าอะไรเป็นอะไร เอ.. แกก็ไม่เคยถามเสียด้วยว่าเรียนจบชั้นไหนมา อาจสูงกว่ามัธยมปลายของแกก็ได้ อนุปริญญา หรือไม่ก็ปริญญาไปเลย
ถ้าเป็นอย่างหลังจริงๆ ก็เสียดายแทนที่ต้องมาหยุดความรู้ไว้ที่ตำแหน่งยามเฝ้าบ้านภูไหม เพราะงานนี้ไม่ต้องอาศัยความรู้เยอะแยะขนาดนั้น แค่เฝ้ายามทั้งกลางวันกลางคืน ทำไปทุกวันๆ จนกว่าจะลาออกหรือถูกไล่ออก
"เสร็จกันหรือยัง" พยาบาลราศีแวะมาดู หล่อนกอดอกหลวมๆ และยืนห่างออกไปสักก้าวสองก้าว
"เสร็จแล้วครับ"
"ดีแล้ว คุณฤกษ์สั่งให้ซื้ออาหารดีๆ มาฝากพวกเธอทุกคนนะ ตอนนี้ให้ป้าน้อยจัดการอยู่ในครัว ออกไปกินกันได้อย่างเต็มที่ ทำงานดีๆ รับรองได้ว่าจะอิ่มหนำสำราญ ชีวิตจะสมบูรณ์พูนสุข"
หล่อนกล่าวโอ้อวดผ่านเสียงภาคภูมิเจือยโสในที พอจบก็โปรยยิ้มหวานแบบหยิ่งๆ แจกนายแสกับเขาคนละแวบ จากนั้นก็หมุนตัวเดินหน้าเชิดคอตั้งกลับออกไป
ชมทองปรายตาสิ้นศรัทธาตามหลังหล่อนไปแวบหนึ่งก่อนจะย้ายกล่องเปล่าไปวางเรียบชิดผนังพลางเช็ดมือเปื้อนฝุ่นกับกางเกงยีน เขาไม่ชอบพยาบาลจรรยาบรรณเสื่อมคนนี้อีกแล้วนับแต่คืนที่เจอพิศวาสลับๆ ของหล่อนกับฤกษ์สุรัตน์
ดังนั้น การเผชิญหน้ากันหลังจากนั้น เขาค่อยพบว่าตนซ่อนความไม่ชอบได้อย่างลำบากมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนก็ต้องเก็บซ่อนให้มิดชิดอย่างถึงที่สุด ห้ามกระโตกกระตากความรู้สึกผ่านสีหน้าหรือแววตาโดยเด็ดขาด ไม่ใช่วิตกว่าตนจะเดือดร้อน ทว่า เพื่อให้ตนมีความพร้อมสูงสุดต่อการปกป้องเจ้านายสาวผู้น่าสงสารชื่อ 'พิมพ์เช้า'
เงาอลวน - บทที่ 5 - รักษ์คำ
บทที่ 5
'พยาบาลจริยา' หรือคนที่นี่ติดปากเรียก 'พยาบาลแจ้ว' เสียมากกว่าเดินมานั่งคุยด้วย หล่อนใจดีและยิ้มง่าย ไม่วางท่ากร่างเหมือนพยาบาลราศี รูปร่างสูงโปร่งดูดีน่าใกล้ชิดยามซ่อนอยู่ในกระโปรงชุดขาว
"เมื่อคืนฝนตกหนักเป็นบ้า" หล่อนปรารภพร้อมวางถาดอาหารเช้าลงบนโต๊ะไม้ไผ่ทาสีฟ้าอ่อน
"คุณพิมพ์เช้ายังหลับอยู่หรือครับ"
"เธอไม่ตื่นไม่หลับหรอกนายชมทอง เธอเหมือนคนที่หลุดพ้นแล้วเสียมากกว่า"
ชมทองกลืนกาแฟไม่ลงไปเลยเมื่อได้ยินคำตอบระคายหูเช่นนั้น หล่อนหัวเราะขบขัน ยักไหล่เล็กน้อย แล้วเริ่มใส่ใจกับโจ๊กทรงเครื่องฝีมือ 'แม่ครัวน้อย' นางเป็นอีกคนหนึ่งที่ฤกษ์สุรัตน์จ้างมาอยู่ที่นี่ แต่เขาเพิ่งทราบเมื่อตอนเช้าตรู่นี่เอง
"มาดูแลคุณพิมพ์เช้านานหรือยังครับ"
"เพิ่งจะเมื่อคืนนี้แหละ คุณฤกษ์จ้างมาอยู่เฉยๆ สองสามเดือนแล้ว เหมือนป้าน้อยไง ถูกจ้างมาเฝ้าบ้าน ที่ไม่เหมือนใครก็คงจะเป็นลุงแส เพราะย้ายมาจากบ้านใหญ่"
ชมทองพยักหน้าหงึกๆ เข้าใจเป็นอย่างดีว่าบ้านใหญ่หมายถึงคฤหาสน์ยุรวัฒน์ เขาเก็บชามโจ๊กเปล่าของตนใส่ถาด ถ้วยกาแฟก็เปล่าแล้วเหมือนกัน แม้ว่าอึกสุดท้ายเกือบกลืนไม่ลงเพราะโดนวาจาระคายหูสกัดเข้าให้เสียก่อนก็ตาม
"อ้อ คุณพิมพ์เช้ากินอะไรหรือยังครับ" เกือบจะผละไปแล้ว แต่เหมือนนึกได้ว่ายังถามในสิ่งที่ตนอยากรู้ไม่ครบถ้วน
"กินน้ำเกลือไง" พยาบาลแจ้วตอบยิ้มๆ "ฉันเพิ่งเปลี่ยนขวดใหม่ให้เมื่อตอนเช้ามืดนี่เอง น่าเวทนาเธอนะ เฮ้อ"
"หมายความว่ายังไงครับ"
"ก็อยู่ก็เหมือนไม่ใช่ ตายก็ไม่ตาย สภาพแบบนั้นไม่น่าเวทนาหรอกหรือ"
"เธอเองก็ไม่อยากเป็นแบบนั้นหรอก"
"ก็ใช่ ถ้าเลือกได้จริง เธอคงเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างพิการแต่รู้สึกตัว หรือไม่ก็ตายไปเลย"
หนุ่มยามเม้มปากกลบเกลื่อนความไม่พอใจ เขางงอีกแล้วว่าทำไมฤกษ์สุรัตน์ขยันจ้างหมอพยาบาลที่จรรยาบรรณน้อยมาดูแลภรรยาผู้น่าสงสารของตน พิมพ์เช้าไม่ได้น่าสงสารเพราะพิการและไม่รับรู้ใดๆ อย่างที่ใครต่อใครเข้าใจหรอก เขามองว่าเธอน่าเวทนาเพราะสามีคิดคดทรยศอย่างแสบสันเสียมากกว่า
"ก็ดีแล้วที่ไม่รับไม่รู้"
เขาเดินบ่นไปตามพื้นหญ้า กระทั่งมาหยุดหายใจลึกยาวหน้ากระท่อมป้อมยาม ภาพชายหญิงระเริงรักเล่นชู้ยังใสกระจ่างอยู่ในความทรงจำ แล้วเขาก็แน่ใจว่าภาพเหล่านั้นค่อนไปทางโหดร้ายแสนบัดซบหากว่าเจ้านายสาวผู้พิการเห็นอย่างรับรู้ คิดเสียว่าสวรรค์เมตตาเธอก็แล้วกัน ให้พิการด้วย ริบความรู้สึกทั้งสิ้นทั้งปวงไปด้วย คงเพื่อให้เธอทรมานน้อยลงสักหน่อย
"อ้าว นายชมทอง กินหมดแล้วหรือ เป็นยังไงบ้าง รสมือพอจะถูกปากไหมจ๊ะ"
แม่ครัวน้อยหิ้วตะกร้าหวายออกมาเจอเขายืนอารมณ์มัวๆ แต่นางคงไม่รู้หรอกจึงเอ่ยถามยิ้มแย้มขึ้น เขาก็พยักหน้าแกนๆ ตบท้ายด้วยชมเชยกันอีกเล็กน้อยเพื่อบำรุงขวัญคนปรุงให้ชุ่มชื่น
"อร่อยมากเลยครับ โดยเฉพาะหมูกรอบที่โรยหน้าน่ะครับ กรอบกำลังดี เคี้ยวเพลินมากเลย"
"ก็ดีแล้วจ้ะ ถูกปากก็กินเยอะๆ นะ คุณฤกษ์น่ะไม่ตืดหรอก ท่านบอกเสมอแหละว่าอยากซื้ออะไรมาทำกินก็ตามสบายเลย ไม่ต้องกังวล เงินทองเฉพาะส่วนกลางแกก็ตั้งไว้ให้เสร็จสรรพ"
"ครับ แล้วนั่นจะไปไหน หิ้วตะกร้าเหมือนไปจ่ายตลาด"
"ก็ไปจ่ายตลาดไง ว่าจะไปดูจำพวกเห็ดมาตุนไว้หน่อย คุณฤกษ์บอกว่าคุณเช้าชอบซุปเห็ดมาก"
"อร่อยแค่ไหนเธอก็คงไม่รับรู้หรอกครับ"
"เธอไม่รับรู้ แต่กระเพาะตับไตไส้พุงคงจะรับรู้บ้างนั่นแหละ เฮ้อ เราต้องคิดในทางที่ดีเข้าไว้นายชมทอง ไม่อย่างนั้นเราเองก็จะพลอยเสียกำลังใจตามเธอไปด้วย"
"คิดว่าสักวันหนึ่งเธอต้องหายเป็นปกติและเริ่มต้นชีวิตพิการตลอดไปอย่างมีความสุข"
"ฮื่อ ใช่ เราต้องคิดแบบนั้นแหละนายชมทอง คิดให้ทุกวัน"
เสียดายจังที่ตนเป็นยาม ต้องทำหน้าที่เฝ้าบ้านภูไหมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นก็อยากอาสาขับรถลงไปส่งนางให้ถึงตลาด จะช่วยหิ้วตะกร้าให้ด้วย เพราะนางเป็นคนแรกที่เผยความปรารถนาดีจากใจสู่เจ้านายสาวผู้น่าสงสารให้เขารับรู้และชื่นใจแทนเธอ โน่นแน่ะ นายแสนั่นเองที่ทำหน้าที่ขับรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่สีน้ำเงินเข้มไปส่งนาง
ฟ้าทั้งผืนขาวขุ่น เลยไปไม่ไกลก็ประดับก้อนเมฆสีเทาเข้ม คาดว่าฝนคงตกตอนเย็นหรือใกล้ค่ำ กระแสลมบนนี้แรงตลอดเวลาและคายมาแต่ความหนาวสาหัส กระดูกเสียววูบวาบจนต้องหาเครื่องนุ่งห่มหนาๆ มาห่อหุ้มให้อบอุ่น
ชมทองไม่ค่อยชอบอากาศเย็นจัดคมกริบแบบนี้นัก เขาชอบฤดูร้อนมากกว่า เพราะมองไปทางไหนก็เจอแต่แสงจัดสดใส ท้องฟ้าก็สว่างจ้าประดับเมฆขาวนุ่มชวนมอง ต้นไม้ใบหญ้าก็ผลิดอกออกใบกันสะพรั่ง การสัญจรทุกเส้นทางก็สะดวก
บ่ายสองโมงนิดๆ ตอนเขาออกจากกระท่อมป้อมยามที่นั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสือพิมพ์บ้างหมดไปสามสี่ฉบับ เขาคอแห้งอยากหาเครื่องดื่มร้อนๆ มาเพิ่มความชุ่มชื่นสักถ้วย ชาเขียวอุ่นๆ ก็เข้าที
พยาบาลแจ้วหลับปุ๋ยบนเก้าอี้ยาวในห้องโถง หล่อนไม่ถึงกับนอนเป็นเรื่องราวแค่นั่งฟุบกับพนักเท้าแขน คงกลัวว่าถ้านอนให้เห็นกันชัดๆ แล้วเจ้านายหนุ่มมาเจอเข้า หล่อนก็จะโดนตำหนิ เผลอๆ ก็อาจโดนไล่ออกด้วยข้อหาบกพร่องในหน้าที่
สำหรับเขาแล้ว แค่แอบมางีบหลับไม่ใช่ความผิดถึงขั้นใหญ่หลวงและต้องถูกลงโทษอย่างสาหัสได้เท่ากับสามีคิดคดทรยศต่อภรรยา ฤกษ์สุรัตน์นั่นแหละที่บกพร่องในหน้าที่อย่างมหันต์จนไม่มีบทลงโทษข้อไหนพอที่จะอนุโลมได้
อ้อ แม่ครัวน้อยก็งีบบนเก้าอี้ไม้ยาวในครัวด้วยเช่นกัน ทายเล่นๆ ว่านายแสก็คงหามุมเหมาะงีบหลับเหมือนกัน ทั้งบ้านคงเหลือเขาละสิที่ตาสว่างและกำลังง่วนกับการหาชาเขียวมาชงดื่มให้ท้องอุ่นๆ สักหน่อย
ทว่า หลังจากชงเสร็จสรรพกับยกถ้วยขึ้นตั้งท่าดื่มอึกแรก เสียงกระแอมเบาๆ ก็ดังขัดจังหวะ เขาเหลียวไปดูแม่ครัวสูงวัยซึ่งยังหลับปุ๋ย เมื่อไม่แน่ใจก็ลองเดินมาก้มสำรวจใกล้ๆ พลางส่ายหน้าเมื่อใจบอกว่าไม่ใช่เสียงของนางหรอก
"เอ.. ใครกระแอม หรือว่าจะเป็นคุณพยาบาลแจ้ว ตื่นแล้วหรือเปล่า"
เขาฉงนกับตัวเองพลางเดินมาดูให้แน่ใจในห้องโถง ก็ปรากฏว่าคุณพยาบาลยังหลับสนิทในท่วงท่าเดิม กระทั่งเสียงกระแอมหนสองดังขึ้น คราวนี้ชาเขียวถ้วยใหญ่ที่เขายกติดมือมาด้วยก็มีอันหมดคุณค่าไปในทันที
ขณะที่ตาเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น สองขาก็สาวเร่งอย่างเร็วรี่เหมือนเอาใจเจ้าของ ชมทองใจเต้นแรงผิดจังหวะไปเลย เมื่อฉุกคิดว่าเสียงกระแอมปริศนานั้นลอยมาทางทิศห้องนอนของเหล่าเจ้านาย และทันทีที่มาหยุดหน้าห้องนอนของพิมพ์เช้า จู่ๆ มือก็สั่นกึกๆ ด้วยว่าเสียงกระแอมนั้นยังครางแผ่วๆ ให้ได้ยินอีกเป็นหนสาม
อย่าหาว่าเสียมารยาทหรือรุกล้ำที่ที่ตนไม่ควรรุกล้ำเลย แต่ถึงขั้นนี้แล้ว ชมทองมั่นใจเต็มร้อยว่าตนหูไม่ฝาดแน่ เขาจึงลองเสี่ยงดันประตูเบาๆ มันเขยื้อนแง้มพอให้เขาลอดตาเข้าไปสำรวจชั้นแรกก่อน เมื่อเห็นอะไรไม่ถนัดนอกจากขาเตียงเบื้องหลังผนังกั้น เขาก็ดันให้มันกว้างขึ้น และไม่ใช่พอแค่ลอดตา แต่พาทั้งตัวแทรกเข้าไปได้เลย
ฝีเท้าย่องเบากริบมากถึงมากที่สุด ชมทองเม้มปากอย่างตื่นตัว ใจก็พานระทึกเหมือนกำลังเดินหน้าไปประจันกับผีดิบในป่าช้า เพราะนอกจากเสียงกระแอมคล้ายระคายในลำคออยู่ตลอดเวลาแล้ว เขายังได้ยินเสียงอื่นแทรกเข้ามาด้วย เหมือนเสียงคราง อุทานแผ่ว แล้วก็ขยับตัวจนเตียงไหวกระทั่งเกิดเสียงเสียดสีกันเบาๆ
"โอ้โฮ" ชมทองกลืนน้ำลายขณะงึมงำครางอย่างตื่นตะลึง "เราตาฝาดใช่ไหม"
เขาถามตัวเอง ทั่วศีรษะเหมือนโดนฟาดด้วยไม้ท่อนเขื่อง พองวูบวาบแล้วตามด้วยชานานหนึบไปชั่วขณะ พิมพ์เช้ารู้สึกตัวหรือ เธอขยับแขนขาได้ เหมือนว่ากระหายน้ำ เธอจึงเลื่อนตัวกับเอื้อมมือไปยังโต๊ะเล็กตรงหัวเตียง อีกนิดเดียวมือข้างนั้นก็แตะเหยือกน้ำได้แล้ว ทว่า เสียงฝีเท้าข้างนอกก็พลันดังมา
"ตายชัก"
ชมทองอุทานหวาดเสียวกับห่อปากตื่นเต้น แต่ก็ไม่รอช้าพาตัวเองเข้าซ่อนในที่ที่ซ่อนได้ เขาปราดไปเบียดอยู่ในซอกหลีบผ้าม่าน โชคดีว่าตรงนั้นวางตู้ไม้ใบใหญ่ ในนั้นแบ่งเป็นสามชั้น แต่ละชั้นก็จัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์และจำเป็นสำหรับคนไข้ แต่เฉพาะตู้ไม้ใบใหญ่นะ ตอนนี้มันจำเป็นสำหรับหนุ่มยามที่สะเออะรุกล้ำเขตหวงห้ามเช่นเขาอย่างยิ่งยวด
"อุ๊ย ตายแล้ว ทำไมมือห้อยแบบนั้น โชคดีนะคะที่เข็มน้ำเกลือไม่หลุดน่ะ"
พยาบาลแจ้วคือเจ้าของฝีเท้า หล่อนสะดุ้งตื่นในห้องโถงแล้วตระหนกกับความบกพร่องในหน้าที่ของตนเป็นการใหญ่ จึงตะลีตะลานวิ่งกลับมาเฝ้าคนไข้ ก็เพราะวิ่งมานั่นเอง เสียงฝีเท้าถึงได้ดังหนักๆ ชัดเจน มันเตือนได้ทั้งคนไข้ที่ขยับตัวได้ และหนุ่มยามที่เบียดตัวเองให้ลีบอยู่ในหลืบอย่างอึดอัดกันเลยทีเดียว
"ไม่เป็นไรนะคะคุณเช้า ไม่เจ็บนะ ฉันขอโทษค่ะ ฉันเป็นไข้นิดหน่อย พอกินยาแล้วก็ง่วงๆ จึงเผลอหลับในห้องโถง ทิ้งคุณไว้ตามลำพังทั้งที่คุณฤกษ์กำชับนักหนาว่าห้ามเด็ดขาด เอ๊ะ แล้วนี่ฉันจะสารภาพกับคุณไปทำไม คุณรับรู้ได้เสียที่ไหน เฮ้อ"
พยาบาลผู้บกพร่องในหน้าที่หัวเราะขบขันขณะช่วยจัดท่านอนให้คนไข้กลับสู่อิริยาบถเดิม ห่มผ้าคลุมถึงอก ตอนหล่อนเข้ามา ผ้าห่มร่นไปกองแถวน่อง ร่องรอยก็เหมือนว่าคนไข้ขยับตัวเล็กน้อย แต่หล่อนไม่เฉลียวใจและมองข้ามร่องรอยนั้นไป ด้วยว่านึกไม่ถึงไงว่าพิมพ์เช้าจะมีเวลาตื่นเป็นของตัวเอง และเวลาที่ว่านั้นต้องทำให้เธอมั่นใจด้วยว่า 'ปลอดภัย'
พยาบาลราศีมาถึงบ้านภูไหมตอนหนึ่งทุ่ม หล่อนมาพร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์สองสามกล่อง นายแสกับเขาต้องช่วยกันแบกเข้าไปไว้ในห้องนอนของพิมพ์เช้าพร้อมลำเลียงไปจัดเก็บไว้ในตู้ไม้ใบใหญ่อย่างเป็นระเบียบ
"น้ำเกลือเยอะไปหน่อย" เขางึมงำขณะโยนถุงบรรจุน้ำเกลือเล่นบนมือสองสามที
"ก็มันจำเป็น" นายแสเอ่ยบ้าง "คุณเช้าไม่รู้สึกตัว กินได้แต่อาหารเหลว ทางเดียวที่จะช่วยพยุงร่างกายไม่ให้อ่อนเพลียก็ต้องเป็นน้ำเกลือนี่แหละ"
"ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ แล้วนี่อะไรอีก ยาชาหรือ เยอะไปไหมครับ"
"อ่านภาษาพวกนี้ออกหรือ"
คราวนี้นายแสชักงง เพราะแกอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก และไม่คิดว่าหนุ่มยามจะอ่านออกด้วย หรือถ้าอ่านออกก็ไม่น่าจะเข้าใจศัพท์เฉพาะของยาหลายกล่องที่คุณหมอธานีสั่งจ่ายด้วยความรู้ทางการแพทย์
"ผมดูเอาจากรูปน่ะครับ"
ชมทองต้องแถออกนอกเส้นทางไปไกลทีเดียว แต่ก็แอบโล่งใจว่าคนถามพยักหน้าหงึกๆ ว่าเชื่อสนิท เพราะแกค่อยนิ่วหน้าเหล่ตาดูรูปขวดยาข้างกล่องกระดาษสีขาวแล้วครางอืมๆ
"ช่างสังเกตดีนี่หว่าพ่อหนุ่ม"
"ก็ไม่มีอะไรทำนี่ครับ ก้มๆ เงยๆ จัดของพวกนี้บางทีก็เวียนหัว ต้องหาวิธีหันเหบ้าง"
นายแสวัยชราเริ่มตงิดใจกับคำพูดคำจาและความคิดคมคายของพ่อหนุ่มยามจนอดที่จะเลียบเคียงเมียงมองอย่างสำรวจไม่ได้ แววตาฉลาดเป็นกรดอย่างนั้นค่อนข้างค้านกันนิดหน่อยถ้าจะบอกว่าดูจากรูปข้างกล่องก็บอกได้ว่าอะไรเป็นอะไร เอ.. แกก็ไม่เคยถามเสียด้วยว่าเรียนจบชั้นไหนมา อาจสูงกว่ามัธยมปลายของแกก็ได้ อนุปริญญา หรือไม่ก็ปริญญาไปเลย
ถ้าเป็นอย่างหลังจริงๆ ก็เสียดายแทนที่ต้องมาหยุดความรู้ไว้ที่ตำแหน่งยามเฝ้าบ้านภูไหม เพราะงานนี้ไม่ต้องอาศัยความรู้เยอะแยะขนาดนั้น แค่เฝ้ายามทั้งกลางวันกลางคืน ทำไปทุกวันๆ จนกว่าจะลาออกหรือถูกไล่ออก
"เสร็จกันหรือยัง" พยาบาลราศีแวะมาดู หล่อนกอดอกหลวมๆ และยืนห่างออกไปสักก้าวสองก้าว
"เสร็จแล้วครับ"
"ดีแล้ว คุณฤกษ์สั่งให้ซื้ออาหารดีๆ มาฝากพวกเธอทุกคนนะ ตอนนี้ให้ป้าน้อยจัดการอยู่ในครัว ออกไปกินกันได้อย่างเต็มที่ ทำงานดีๆ รับรองได้ว่าจะอิ่มหนำสำราญ ชีวิตจะสมบูรณ์พูนสุข"
หล่อนกล่าวโอ้อวดผ่านเสียงภาคภูมิเจือยโสในที พอจบก็โปรยยิ้มหวานแบบหยิ่งๆ แจกนายแสกับเขาคนละแวบ จากนั้นก็หมุนตัวเดินหน้าเชิดคอตั้งกลับออกไป
ชมทองปรายตาสิ้นศรัทธาตามหลังหล่อนไปแวบหนึ่งก่อนจะย้ายกล่องเปล่าไปวางเรียบชิดผนังพลางเช็ดมือเปื้อนฝุ่นกับกางเกงยีน เขาไม่ชอบพยาบาลจรรยาบรรณเสื่อมคนนี้อีกแล้วนับแต่คืนที่เจอพิศวาสลับๆ ของหล่อนกับฤกษ์สุรัตน์
ดังนั้น การเผชิญหน้ากันหลังจากนั้น เขาค่อยพบว่าตนซ่อนความไม่ชอบได้อย่างลำบากมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนก็ต้องเก็บซ่อนให้มิดชิดอย่างถึงที่สุด ห้ามกระโตกกระตากความรู้สึกผ่านสีหน้าหรือแววตาโดยเด็ดขาด ไม่ใช่วิตกว่าตนจะเดือดร้อน ทว่า เพื่อให้ตนมีความพร้อมสูงสุดต่อการปกป้องเจ้านายสาวผู้น่าสงสารชื่อ 'พิมพ์เช้า'