องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/33145515
องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/33149824
องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 3
http://pantip.com/topic/33154416
องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 4
http://pantip.com/topic/33158811
องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 5
http://pantip.com/topic/33168197
องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 6
http://pantip.com/topic/33177085
ผู้มา มาในชุดรัดกุมเหลือแต่ดวงตา จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในกระโจมแม่ทัพใหญ่ นี่แสดงถึงความหละหลวมของวินัยทัพข้อหนึ่ง หรือ ผู้มามีวิชาตัวเบาสูงเยี่ยมอีกประการหนึ่ง "สำหรับเรื่องนี้ ท่านย่อมมีเหตุผลที่ดี นักโทษที่ถูกตัดศีรษะเสียบประจาน เป็นบุตรชายคนโตหัวหน้าสาขาที่สอง" น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจนัก "ข้าพเจ้าพอทราบถึงความเป็นมาของมัน แต่หากไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด ย่อมสะกิดความสงสัยในใจใครหลายคนขึ้น หากเป็นเช่นนั้น อำนาจสิทธิขาดของข้าพเจ้า ย่อมลดทอนลง" เหตุผลนี้มีน้ำหนักและเล็งเห็นผลประโยชน์ส่วนรวมอย่างยิ่ง หากเป็นดังเช่นว่า ความเคลื่อนไหวในภาคกลางย่อมเป็นไปอย่างยากลำบากกว่าเดิม "อย่างไรก็ตาม ท่านได้เพาะสร้างศัตรูภายในไว้แล้ว ภาชนะที่แตกร้าว ย่อมยากจะต่อได้เหมือนเดิม" เสียงทหารยามก้าวเดินหนักๆ ใกล้เข้ามา กำลังจะตรวจตราเข้ามาในรัศมีห้าสิบก้าว ผู้มาเยือนนั้นก็จากไปแล้ว
แท้จริงแล้วคุณชายพัด กับบุรุษหยาบกร้านนั้น เป็นพันธมิตรที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน ลักษณะหนึ่งแสร้งเป็นคนดี หนึ่งเป็นคนร้ายนั้น ทำให้เหยื่อหลงตายใจว่าผู้แสดงเป็นคนดีมีใจเมตตาช่วยเหลือหยิบยื่นไมตรีด้วยใจธรรมะ แต่ท้ายที่สุดแล้ว พันธมิตรสองฝ่ายนี้กลับตักตวงแบ่งสรรผลประโยชน์อย่างชาวมิจฉาชีพ หากเหยื่อเป็นสตรีรูปโฉมงดงามย่อมต้องมัวหมองมีราคีด้วยถูกปล้นสวาท หากเหยื่อเป็นพ่อค้าวานิช ย่อมสูญเสียทรัพย์สินเงินทองหรือแม้กระทั่งชีวิต สำหรับสาเหตุที่สองกลุ่มอันธพาลนี้ยังคงก่อกรรมทำชั่วได้ก็เนื่องจากมีผู้มีอำนาจคอยหนุนหลัง "อย่าได้ต่อสู้กันแล้ว" ทันใดนั้นก่อนจะมีผู้ใดคาดคิด ไป่หยุนก็ผุดลุกขึ้นไปยืนระหว่างการแสดงละครฉากนั้น เมื่อมีตัวละครไม่ได้รับเชิญขึ้นมาบนเวที ฝ่ายคนร้ายก็ย่อมต้องแสดงต่อไป ชายฉกรรจ์ร่างหยาบใหญ่ แท้จริงมีฝีมือเป็นถึงศิษย์เอกสำนัก หากแต่มีพฤติการเลวร้ายเกินไป จึงถูกขับออกจากสำนัก อาศัยเลี้ยงชีพโดยการหลอกผู้คนไปวันๆ แต่วิชาหมัดพยัฆค์คำรณ ที่ฝึกปรือถึงขั้นที่เจ็ดยังคงมีอานุภาพอย่างที่ควรจะเป็น
กระท่อมนั้นเหลือเพียงไฟวับแวม คนชรานั้นเข้าสู่นิทราแล้ว ทารกก็เช่นกัน แท้จริงแล้ว ในหนึ่งวันผู้เฒ่ากับเด็กนั้นหลับมากกว่าตื่นเสียอีก หลันฮัวยังคงนั่งขัดสมาธิโคจรพิษออกจากร่างกาย ทันใดนั้นนางทราบถึงฝ่ามือสองข้างสัมผัสที่หลัง กำลังจะพูดอะไรแต่คนผู้นั้นเขียนอักษรคำว่า "ไม่" นางจึงไม่ได้ลืมตาขึ้น ฝ่ามือนั้นชักนำพิษออกจากทุกจุดเส้น ชีพจรของนาง คืนนี้เพิ่งเป็นคืนที่สองแต่ความทรมาณจากพิษที่นางได้รับเริ่มมากขึ้นเป็นลำดับ หากไม่ได้คนนิรนามคนนี้ช่วยไว้วันรุ่งขึ้นนางคงต้องตายอย่างน่าเกลียดน่ากลัว จะอย่างไรหลันฮัวเป็นสตรี ย่อมทนทานมิได้ที่จะต้องตายอย่างอัปลักษณ์โลหิตหลั่งไหลทวารทั้งเจ็ด ก่อนตายคลุ้มคลั่งขีดข่วนใบหน้ารวมถึงฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตัวเอง "พระคุณครั้งนี้ขอรับด้วยใจ หากมีสิ่งใดหลันฮัวช่วยได้จะไม่ปฏิเสธเลย" คนผู้นั้นเขียนตัวอักษร "เด็ก" ที่หลังของนางอีก นางเข้าใจดี ก่อนที่จะพูดอะไรมากกว่านี้ คนผู้นั้นก็จากไปแล้ว
บุรุษหน้ากากหนังเดินดุ่มท่ามกลางความมืด ตรงทางด่านมีกวางขนาดใหญ่นอนขวางอยู่ มันนอนนิ่งเกือบไม่ขยับแล้วแต่ยังมีลมหายใจรวยรินอยู่ ชายประหลาดนั้นก้มลงโคจรพลังรีดพิษงูออกจากกวางตัวนั้น ผ่านไปเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม กวางนั้นค่อยๆ โหย่งตัวขึ้นแล้วเผ่นแผลวเข้าสู่ดงไม้หนาทึบ จากนั้นคนหน้าหนังก็ลอยตัวขึ้นสู่คาคบไม้นอนเอาหลังพิงลำต้นไม้ใหญ่พักผ่อน
ศิษย์ไร้สำนักนั้น ตั้งท่าเตรียมพร้อม "ในเมื่อคุณชายต้องการพิทักษ์บุปผา เราจะช่วยหนุนเสริมปณิธานให้เอง" ไป่หยุนยื่นดาบให้กับเพื่อนร่วมสำนัก ในเมื่อคู่ต่อสู้ไม่ใช้อาวุธ มันก็ไม่ใช้เช่นกัน เนื่องจากชายหนุ่มไม่เคยฝึกทั้งวิชาหมัดและวิชาฝ่ามือ จึงใช้สันมือต่างคมกระบี่ เกิดเป็นวิชากระบี่คู่ฝ่ามือที่บัญญัติขึ้นโดยฉับพลัน สภาวะหมัดชายฉกรรจ์อันหยาบกร้านนั้นเกรียวกราดยิ่งนัก ซ้ำเดินในกำลังภายในสายเย็น บรรยากาศภายในเหลาจึงเปลี่ยนเป็นหนาวเย็น บุรุษหนุ่มแม้จะด้อยประสบการณ์ต่อสู้ แต่ร่ำเรียนพื้นฐานกระบี่เมฆวายุอย่างลึกซึ้งกว่าผู้ใดในสำนัก แถมยังมีการโคจรพลังภายในล้ำลึกพิศดาร แม้ว่าพลังฝึกปรือจะยังน้อยอยู่ ไป่หยุนกวาดสันมือขวาออกด้วยกระบวนท่าแรก แฝงพลังร้อน ชายร่างใหญ่ไม่กล้าปะทะหักหาญเนื่องจากเห็นว่าฝ่ามือฝ่ายตรงข้ามแฝงพลังภายใน กระบวนท่าที่สองเป็นการฟันสันมือลงจากด้านบนแฝงพลังเย็น ผู้ใช้หมัดงงงันวูบ "นี่เป็นไปได้อย่างไร" ผู้ใช้พลังภายในสองสายอย่างแคล่วคล่องนับว่าเป็นอัจฉริยะระดับปรมาจารย์บู๊ ไป่หยุนไม่ทันสังเกตความเปลี่ยนแปลงของฝ่ายตรงข้างที่เชื่องช้าลง กลับฟันฝ่ามือเฉียงลงเป็นกระบวนท่าที่สามต่อเนื่องพร้อมแฝงพลังร้อน
อันว่าในการต่อสู้ไม่ว่าจะคับขัน หรือ ไม่จริงจังก็แล้วแต่ มิอาจเสียสมาธิจากการต่อสู้ตรงหน้า ไม่เช่นนั้นอาจเกิดผลร้ายเกินคาดคิด ฝ่ามือแฝงพลังร้อนนั้นส่งหัวหน้านักเลงอันธพาลนั้นลงไปนั่งกับพื้น คลื่นความร้อนแผ่ไปทั่วร่างซีกขวา ความอึดอัดขัดข้องมิได้ถูกระบายออก ความร้อนความเย็นมากระทบกัน เกิดความปั่นป่วนในชีพจร ต้องยินยอมหงายหลังลงแผ่กับพื้น หลับตาลงรวบรวมสมาธิโคจรพลังภายในร่างกายที่แตกซ่าน ภายในสามวันเจ็ดวันไม่อาจใช้วรยุทธ์ได้อีก จนป่านนี้ทุกผู้คนยังไม่อยากเชื่อว่าศิษย์โง่งมเรียนกระบวนท่าห้าปีไม่ถึงครึ่งจะล้มผู้มีฝีมือบู๊ลงภายในสามกระบวนท่า นี่นับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ
องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 7
องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/33149824
องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 3 http://pantip.com/topic/33154416
องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 4 http://pantip.com/topic/33158811
องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 5 http://pantip.com/topic/33168197
องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 6 http://pantip.com/topic/33177085
ผู้มา มาในชุดรัดกุมเหลือแต่ดวงตา จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในกระโจมแม่ทัพใหญ่ นี่แสดงถึงความหละหลวมของวินัยทัพข้อหนึ่ง หรือ ผู้มามีวิชาตัวเบาสูงเยี่ยมอีกประการหนึ่ง "สำหรับเรื่องนี้ ท่านย่อมมีเหตุผลที่ดี นักโทษที่ถูกตัดศีรษะเสียบประจาน เป็นบุตรชายคนโตหัวหน้าสาขาที่สอง" น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจนัก "ข้าพเจ้าพอทราบถึงความเป็นมาของมัน แต่หากไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด ย่อมสะกิดความสงสัยในใจใครหลายคนขึ้น หากเป็นเช่นนั้น อำนาจสิทธิขาดของข้าพเจ้า ย่อมลดทอนลง" เหตุผลนี้มีน้ำหนักและเล็งเห็นผลประโยชน์ส่วนรวมอย่างยิ่ง หากเป็นดังเช่นว่า ความเคลื่อนไหวในภาคกลางย่อมเป็นไปอย่างยากลำบากกว่าเดิม "อย่างไรก็ตาม ท่านได้เพาะสร้างศัตรูภายในไว้แล้ว ภาชนะที่แตกร้าว ย่อมยากจะต่อได้เหมือนเดิม" เสียงทหารยามก้าวเดินหนักๆ ใกล้เข้ามา กำลังจะตรวจตราเข้ามาในรัศมีห้าสิบก้าว ผู้มาเยือนนั้นก็จากไปแล้ว
แท้จริงแล้วคุณชายพัด กับบุรุษหยาบกร้านนั้น เป็นพันธมิตรที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน ลักษณะหนึ่งแสร้งเป็นคนดี หนึ่งเป็นคนร้ายนั้น ทำให้เหยื่อหลงตายใจว่าผู้แสดงเป็นคนดีมีใจเมตตาช่วยเหลือหยิบยื่นไมตรีด้วยใจธรรมะ แต่ท้ายที่สุดแล้ว พันธมิตรสองฝ่ายนี้กลับตักตวงแบ่งสรรผลประโยชน์อย่างชาวมิจฉาชีพ หากเหยื่อเป็นสตรีรูปโฉมงดงามย่อมต้องมัวหมองมีราคีด้วยถูกปล้นสวาท หากเหยื่อเป็นพ่อค้าวานิช ย่อมสูญเสียทรัพย์สินเงินทองหรือแม้กระทั่งชีวิต สำหรับสาเหตุที่สองกลุ่มอันธพาลนี้ยังคงก่อกรรมทำชั่วได้ก็เนื่องจากมีผู้มีอำนาจคอยหนุนหลัง "อย่าได้ต่อสู้กันแล้ว" ทันใดนั้นก่อนจะมีผู้ใดคาดคิด ไป่หยุนก็ผุดลุกขึ้นไปยืนระหว่างการแสดงละครฉากนั้น เมื่อมีตัวละครไม่ได้รับเชิญขึ้นมาบนเวที ฝ่ายคนร้ายก็ย่อมต้องแสดงต่อไป ชายฉกรรจ์ร่างหยาบใหญ่ แท้จริงมีฝีมือเป็นถึงศิษย์เอกสำนัก หากแต่มีพฤติการเลวร้ายเกินไป จึงถูกขับออกจากสำนัก อาศัยเลี้ยงชีพโดยการหลอกผู้คนไปวันๆ แต่วิชาหมัดพยัฆค์คำรณ ที่ฝึกปรือถึงขั้นที่เจ็ดยังคงมีอานุภาพอย่างที่ควรจะเป็น
กระท่อมนั้นเหลือเพียงไฟวับแวม คนชรานั้นเข้าสู่นิทราแล้ว ทารกก็เช่นกัน แท้จริงแล้ว ในหนึ่งวันผู้เฒ่ากับเด็กนั้นหลับมากกว่าตื่นเสียอีก หลันฮัวยังคงนั่งขัดสมาธิโคจรพิษออกจากร่างกาย ทันใดนั้นนางทราบถึงฝ่ามือสองข้างสัมผัสที่หลัง กำลังจะพูดอะไรแต่คนผู้นั้นเขียนอักษรคำว่า "ไม่" นางจึงไม่ได้ลืมตาขึ้น ฝ่ามือนั้นชักนำพิษออกจากทุกจุดเส้น ชีพจรของนาง คืนนี้เพิ่งเป็นคืนที่สองแต่ความทรมาณจากพิษที่นางได้รับเริ่มมากขึ้นเป็นลำดับ หากไม่ได้คนนิรนามคนนี้ช่วยไว้วันรุ่งขึ้นนางคงต้องตายอย่างน่าเกลียดน่ากลัว จะอย่างไรหลันฮัวเป็นสตรี ย่อมทนทานมิได้ที่จะต้องตายอย่างอัปลักษณ์โลหิตหลั่งไหลทวารทั้งเจ็ด ก่อนตายคลุ้มคลั่งขีดข่วนใบหน้ารวมถึงฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตัวเอง "พระคุณครั้งนี้ขอรับด้วยใจ หากมีสิ่งใดหลันฮัวช่วยได้จะไม่ปฏิเสธเลย" คนผู้นั้นเขียนตัวอักษร "เด็ก" ที่หลังของนางอีก นางเข้าใจดี ก่อนที่จะพูดอะไรมากกว่านี้ คนผู้นั้นก็จากไปแล้ว
บุรุษหน้ากากหนังเดินดุ่มท่ามกลางความมืด ตรงทางด่านมีกวางขนาดใหญ่นอนขวางอยู่ มันนอนนิ่งเกือบไม่ขยับแล้วแต่ยังมีลมหายใจรวยรินอยู่ ชายประหลาดนั้นก้มลงโคจรพลังรีดพิษงูออกจากกวางตัวนั้น ผ่านไปเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม กวางนั้นค่อยๆ โหย่งตัวขึ้นแล้วเผ่นแผลวเข้าสู่ดงไม้หนาทึบ จากนั้นคนหน้าหนังก็ลอยตัวขึ้นสู่คาคบไม้นอนเอาหลังพิงลำต้นไม้ใหญ่พักผ่อน
ศิษย์ไร้สำนักนั้น ตั้งท่าเตรียมพร้อม "ในเมื่อคุณชายต้องการพิทักษ์บุปผา เราจะช่วยหนุนเสริมปณิธานให้เอง" ไป่หยุนยื่นดาบให้กับเพื่อนร่วมสำนัก ในเมื่อคู่ต่อสู้ไม่ใช้อาวุธ มันก็ไม่ใช้เช่นกัน เนื่องจากชายหนุ่มไม่เคยฝึกทั้งวิชาหมัดและวิชาฝ่ามือ จึงใช้สันมือต่างคมกระบี่ เกิดเป็นวิชากระบี่คู่ฝ่ามือที่บัญญัติขึ้นโดยฉับพลัน สภาวะหมัดชายฉกรรจ์อันหยาบกร้านนั้นเกรียวกราดยิ่งนัก ซ้ำเดินในกำลังภายในสายเย็น บรรยากาศภายในเหลาจึงเปลี่ยนเป็นหนาวเย็น บุรุษหนุ่มแม้จะด้อยประสบการณ์ต่อสู้ แต่ร่ำเรียนพื้นฐานกระบี่เมฆวายุอย่างลึกซึ้งกว่าผู้ใดในสำนัก แถมยังมีการโคจรพลังภายในล้ำลึกพิศดาร แม้ว่าพลังฝึกปรือจะยังน้อยอยู่ ไป่หยุนกวาดสันมือขวาออกด้วยกระบวนท่าแรก แฝงพลังร้อน ชายร่างใหญ่ไม่กล้าปะทะหักหาญเนื่องจากเห็นว่าฝ่ามือฝ่ายตรงข้ามแฝงพลังภายใน กระบวนท่าที่สองเป็นการฟันสันมือลงจากด้านบนแฝงพลังเย็น ผู้ใช้หมัดงงงันวูบ "นี่เป็นไปได้อย่างไร" ผู้ใช้พลังภายในสองสายอย่างแคล่วคล่องนับว่าเป็นอัจฉริยะระดับปรมาจารย์บู๊ ไป่หยุนไม่ทันสังเกตความเปลี่ยนแปลงของฝ่ายตรงข้างที่เชื่องช้าลง กลับฟันฝ่ามือเฉียงลงเป็นกระบวนท่าที่สามต่อเนื่องพร้อมแฝงพลังร้อน
อันว่าในการต่อสู้ไม่ว่าจะคับขัน หรือ ไม่จริงจังก็แล้วแต่ มิอาจเสียสมาธิจากการต่อสู้ตรงหน้า ไม่เช่นนั้นอาจเกิดผลร้ายเกินคาดคิด ฝ่ามือแฝงพลังร้อนนั้นส่งหัวหน้านักเลงอันธพาลนั้นลงไปนั่งกับพื้น คลื่นความร้อนแผ่ไปทั่วร่างซีกขวา ความอึดอัดขัดข้องมิได้ถูกระบายออก ความร้อนความเย็นมากระทบกัน เกิดความปั่นป่วนในชีพจร ต้องยินยอมหงายหลังลงแผ่กับพื้น หลับตาลงรวบรวมสมาธิโคจรพลังภายในร่างกายที่แตกซ่าน ภายในสามวันเจ็ดวันไม่อาจใช้วรยุทธ์ได้อีก จนป่านนี้ทุกผู้คนยังไม่อยากเชื่อว่าศิษย์โง่งมเรียนกระบวนท่าห้าปีไม่ถึงครึ่งจะล้มผู้มีฝีมือบู๊ลงภายในสามกระบวนท่า นี่นับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ