คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
รายละเอียดสัญญาซื้อขายข้าวมีอยู่ 4 ฉบับที่ดำเนินการไต่สวน สัญญาที่หนึ่ง เป็นการขายข้าวเก่ากับ จีเอสเอสจี ปริมาณ 2 ล้านตัน จำนวนเงินกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท สัญญาที่สอง เป็นข้าวใหม่กับ จีเอสเอสจี ปริมาณ 2 ล้านตัน จำนวนเงิน 28,988 ล้านบาทเศษ สัญญาที่สาม ข้าวนาปรังปี 2555 กับ จีเอสเอสจี ปริมาณ 2.3 ล้านตัน จำนวนเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท สัญญาที่สี่ ข้าวนาปี 2554/2555 ข้าวนาปรัง 2555 กับ ไห่หนาน ปริมาณ 6.5 พันตัน จำนวนเงิน 847 ล้านบาทเศษ
สัญญาที่ 1 มีนายสมคิด เอื้อนสุภา และนายรัฐนิธ โสจิระกุล เป็นผู้รับมอบอำนาจ สัญญาที่ 2 มีนายสมคิด และนายรัฐนิธ เป็นผู้รับมอบอำนาจ สัญญาที่ 3 มีนายสมคิด และนายรัฐนิธ เป็นผู้รับมอบอำนาจ และสัญญาที่ 4 มีนายลิตร พอใจ เป็นผู้รับมอบอำนาจ
ทั้งนี้มีผู้เจรจาฝ่ายไทย คือ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผอ.สำนักการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรม อดีตผอ.สำนักการค้าต่างประเทศ โดยมีนายบุญทรง นายภูมิ และ พ.ต.วีระวุฒิ เป็นผู้ให้ความเห็นชอบ
เมื่อทำการซื้อขายข้าวที่อ้างว่าเป็นรัฐต่อรัฐแล้ว ก็ได้มีผู้ประกอบการค้าข้าวอยู่ 3 กลุ่มได้เข้ามาร่วมรับซื้อข้าว ใช้แคชเชียร์เช็คจ่ายให้แก่กรมการค้าต่างประเทศ โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องคือ พ.ต.วีระวุฒิ กับนายโจ หรือนิมล รักดี ซึ่งเป็นคนของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เข้าไปเกี่ยวข้องในการซื้อขายครั้งนี้
เราจะเห็นได้ว่า ผลแห่งการซื้อขายข้าวครั้งสุดท้าย เป็นการรับซื้อต่อภายในประเทศ มิได้มีการส่งออกนอกประเทศแต่อย่างใด เป็นการบริหารจัดการโดยบริษัท สยามอินดิก้าฯ ซึ่งมีนายอภิชาต จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยงเป็นเจ้าของ
แต่มีผู้ถือหุ้นอยู่หลายคน ได้แก่ นางรัตนา แซ่เฮ้ง น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์ น.ส.สุธิดา จันทะเอ นายสุธี เชื่อมไธสง น.ส.สุนีย์ จันทร์สกุลพร นายกฤษณะ สุระมนต์ นายสมยศ คุณจักร บริษัท สิราลัย จำกัด หรือกีทา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และ น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร
จากการพิจารณาข้อเท็จจริง เห็นว่า มีผู้ถูกกล่าวหารวม 21 ราย แบ่งเป็น ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 ราย คือ นายบุญทรง นายภูมิ และ พ.ต.วีระวุฒิ วัจจนะพุกกะ เลขานุการนายบุญทรง ข้าราชการระดับสูง 3 ราย คือ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรม และอดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ
เอกชนอีก 13 ราย คือ นายสมคิด เอื้อนสุภา นายรัฐนิธ โสจิระกุล นายลิตร พอใจ ผู้รับมอบอำนาจชำระเงินและผู้รับมอบอำนาจรับมอบข้าว น.ส.รัตนา แซ่เฮง กรรมการบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด น.ส.สุธิดา จันทะเอ กรรมการบริษัท สยามอินดิก้าฯ น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์ กรรมการบริษัท สยามอินดิก้าฯ และในฐานะส่วนตัว นายโจ หรือนิมล รักดี นายสุธี เชื่อมไธสง น.ส.สุนีย์ จันทร์สกุลพร นายกฤษณะ สุระมนต์ นายสมยศ คุณจักร น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร กรรมการบริษัท สิราลัย จำกัด และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร
รวมถึงบริษัท 2 แห่ง คือ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท สิราลัย จำกัด หรือบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ได้ร่วมกันกระทำความผิด ด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำงาน โดยช่วยเหลือ มุ่งหมาย เอื้อประโยชน์ให้กับ Guangdong (กวางตุ้ง) stationery & sporting goods imp. & exp. Corp. และ Hainan (ไห่หนาน) grain and oil industrial trading company ซึ่งมิได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขาย แต่ให้มีสิทธิเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่นแล้วนำข้าวที่ซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาขายตลาดภายในประเทศ หรือต่ำกว่าราคาที่ฝ่ายไทยเสนอ หรือต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ นำไปขายต่อให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ หรือนำไปให้บริษัท สยามอินดิก้าฯ นำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศ และประเทศชาติอย่างร้ายแรง
ผู้ถูกกล่าวหาข้างต้นร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหา ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อพิจารณาลงโทษทางวินัย และให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาตามฐานความผิดดังกล่าวข้างต้น ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 92 และ 97 แล้วแต่กรณี สำหรับผู้ถูกกล่าวหารายอื่นั้น ให้คณะอนุกรรมการไต่สวน ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปโดยเร็ว
นอกจากนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเพิ่มเติม ดังนี้
1.ให้นำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องกล่าวหานี้ ในส่วนของการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว และการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ไปดำเนินการศึกษาเพื่อกำหนดมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะ เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามมาตรา 19 (12) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราบการทุจริต พ.ศ.2542
2.สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับ จีเอสเอสจี และ ไห่หนาน แจ้งให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ดำเนินการให้ผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสียหายชดใช้ค่าเสียหาย ตามมาตรา 73/1 วรรคท้าย แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช.
3.แจ้งให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน หรือการชำระภาษีของผู้ถูกกล่าวหา รวมถึงผู้เกี่ยวข้องที่ทำการสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คให้กับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ตามมาตรา 103/7 แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช.
http://www.isranews.org/เรื่องเด่น-สำนักข่าวอิศรา/item/35951-nacc02_35951.html
สัญญาที่ 1 มีนายสมคิด เอื้อนสุภา และนายรัฐนิธ โสจิระกุล เป็นผู้รับมอบอำนาจ สัญญาที่ 2 มีนายสมคิด และนายรัฐนิธ เป็นผู้รับมอบอำนาจ สัญญาที่ 3 มีนายสมคิด และนายรัฐนิธ เป็นผู้รับมอบอำนาจ และสัญญาที่ 4 มีนายลิตร พอใจ เป็นผู้รับมอบอำนาจ
ทั้งนี้มีผู้เจรจาฝ่ายไทย คือ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผอ.สำนักการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรม อดีตผอ.สำนักการค้าต่างประเทศ โดยมีนายบุญทรง นายภูมิ และ พ.ต.วีระวุฒิ เป็นผู้ให้ความเห็นชอบ
เมื่อทำการซื้อขายข้าวที่อ้างว่าเป็นรัฐต่อรัฐแล้ว ก็ได้มีผู้ประกอบการค้าข้าวอยู่ 3 กลุ่มได้เข้ามาร่วมรับซื้อข้าว ใช้แคชเชียร์เช็คจ่ายให้แก่กรมการค้าต่างประเทศ โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องคือ พ.ต.วีระวุฒิ กับนายโจ หรือนิมล รักดี ซึ่งเป็นคนของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เข้าไปเกี่ยวข้องในการซื้อขายครั้งนี้
เราจะเห็นได้ว่า ผลแห่งการซื้อขายข้าวครั้งสุดท้าย เป็นการรับซื้อต่อภายในประเทศ มิได้มีการส่งออกนอกประเทศแต่อย่างใด เป็นการบริหารจัดการโดยบริษัท สยามอินดิก้าฯ ซึ่งมีนายอภิชาต จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยงเป็นเจ้าของ
แต่มีผู้ถือหุ้นอยู่หลายคน ได้แก่ นางรัตนา แซ่เฮ้ง น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์ น.ส.สุธิดา จันทะเอ นายสุธี เชื่อมไธสง น.ส.สุนีย์ จันทร์สกุลพร นายกฤษณะ สุระมนต์ นายสมยศ คุณจักร บริษัท สิราลัย จำกัด หรือกีทา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และ น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร
จากการพิจารณาข้อเท็จจริง เห็นว่า มีผู้ถูกกล่าวหารวม 21 ราย แบ่งเป็น ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 ราย คือ นายบุญทรง นายภูมิ และ พ.ต.วีระวุฒิ วัจจนะพุกกะ เลขานุการนายบุญทรง ข้าราชการระดับสูง 3 ราย คือ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรม และอดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ
เอกชนอีก 13 ราย คือ นายสมคิด เอื้อนสุภา นายรัฐนิธ โสจิระกุล นายลิตร พอใจ ผู้รับมอบอำนาจชำระเงินและผู้รับมอบอำนาจรับมอบข้าว น.ส.รัตนา แซ่เฮง กรรมการบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด น.ส.สุธิดา จันทะเอ กรรมการบริษัท สยามอินดิก้าฯ น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์ กรรมการบริษัท สยามอินดิก้าฯ และในฐานะส่วนตัว นายโจ หรือนิมล รักดี นายสุธี เชื่อมไธสง น.ส.สุนีย์ จันทร์สกุลพร นายกฤษณะ สุระมนต์ นายสมยศ คุณจักร น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร กรรมการบริษัท สิราลัย จำกัด และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร
รวมถึงบริษัท 2 แห่ง คือ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท สิราลัย จำกัด หรือบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ได้ร่วมกันกระทำความผิด ด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำงาน โดยช่วยเหลือ มุ่งหมาย เอื้อประโยชน์ให้กับ Guangdong (กวางตุ้ง) stationery & sporting goods imp. & exp. Corp. และ Hainan (ไห่หนาน) grain and oil industrial trading company ซึ่งมิได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขาย แต่ให้มีสิทธิเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่นแล้วนำข้าวที่ซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาขายตลาดภายในประเทศ หรือต่ำกว่าราคาที่ฝ่ายไทยเสนอ หรือต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ นำไปขายต่อให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ หรือนำไปให้บริษัท สยามอินดิก้าฯ นำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศ และประเทศชาติอย่างร้ายแรง
ผู้ถูกกล่าวหาข้างต้นร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหา ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อพิจารณาลงโทษทางวินัย และให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาตามฐานความผิดดังกล่าวข้างต้น ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 92 และ 97 แล้วแต่กรณี สำหรับผู้ถูกกล่าวหารายอื่นั้น ให้คณะอนุกรรมการไต่สวน ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปโดยเร็ว
นอกจากนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเพิ่มเติม ดังนี้
1.ให้นำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องกล่าวหานี้ ในส่วนของการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว และการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ไปดำเนินการศึกษาเพื่อกำหนดมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะ เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามมาตรา 19 (12) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราบการทุจริต พ.ศ.2542
2.สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับ จีเอสเอสจี และ ไห่หนาน แจ้งให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ดำเนินการให้ผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสียหายชดใช้ค่าเสียหาย ตามมาตรา 73/1 วรรคท้าย แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช.
3.แจ้งให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน หรือการชำระภาษีของผู้ถูกกล่าวหา รวมถึงผู้เกี่ยวข้องที่ทำการสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คให้กับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ตามมาตรา 103/7 แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช.
http://www.isranews.org/เรื่องเด่น-สำนักข่าวอิศรา/item/35951-nacc02_35951.html
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เรื่องที่ 3 นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร วงการข้าว เรียกชื่อว่า‘เสี่ยเปี้ยง’ คือใคร ?

เสี่ยเปี๋ยงรู้จักทักษิณครั้งแรกตอนที่ทักษิณยังเป็นนายก และเคยช่วยเหลือกันในการค้าข้าวส่งออกไปอินโด
เปิดสัมพันธ์ลับ'วัฒนา-อภิชาต(เสี่ยเปี๋ยง)' 'ถ้าไม่มีนายกฯทักษิณผมไม่ได้ขายข้าวให้บูล็อก'
http://www.biothai.net/news/4170
"เสี่ยเปี๋ยง" เคยพัวพันในเรื่อง "การทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร" สมัยนายกทักษิณ...
ไขสัมพันธ์“ไอ้ปาล์ม-เสี่ยเปี๋ยง-วัฒนา-อริสมันต์” จากบ้านเอื้ออาทร-ปมตั้งบริษัทผีซื้อข้าว?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จำคุก "เสี่ยเปี๋ยง" คนสนิททักษิณ ฐานยักยอกข้าว ก.พาณิชย์ 24/6/2557

อภิชาติ จันทร์สกุลพร บุรุษหลังฉากข้าวจีทูจีฉาว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
~ ศรอรชุน ~

เสี่ยเปี๋ยงรู้จักทักษิณครั้งแรกตอนที่ทักษิณยังเป็นนายก และเคยช่วยเหลือกันในการค้าข้าวส่งออกไปอินโด
เปิดสัมพันธ์ลับ'วัฒนา-อภิชาต(เสี่ยเปี๋ยง)' 'ถ้าไม่มีนายกฯทักษิณผมไม่ได้ขายข้าวให้บูล็อก'
http://www.biothai.net/news/4170
"เสี่ยเปี๋ยง" เคยพัวพันในเรื่อง "การทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร" สมัยนายกทักษิณ...
ไขสัมพันธ์“ไอ้ปาล์ม-เสี่ยเปี๋ยง-วัฒนา-อริสมันต์” จากบ้านเอื้ออาทร-ปมตั้งบริษัทผีซื้อข้าว?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จำคุก "เสี่ยเปี๋ยง" คนสนิททักษิณ ฐานยักยอกข้าว ก.พาณิชย์ 24/6/2557

อภิชาติ จันทร์สกุลพร บุรุษหลังฉากข้าวจีทูจีฉาว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
~ ศรอรชุน ~
ความคิดเห็นที่ 5
เรื่องที่ 2 การทุจริต ก็เหมือนอาชญากรรม... ผู้ทุจริตหรืออาชญากรย่อม "ทิ้งร่องรอย"...
จี ทู จี ( ผี ) หลอกคนไทยทั่วประเทศ
คุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์นําข้อมูลการขายข้าวมาเปิดเผยให้คน ไทยเจ้าของเงินรับรู้ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล คนไทยโดนผีหลอกกันทั่วประเทศ เพราะเจ้า ‘ จี ‘ ที่รัฐบาลบอกว่าเป็นรัฐบาลจีนที่มาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยนั้น ที่แท้กลายเป็น ผีตัวเป็นๆ ไปซะงั้น
ถ้าจะลําดับความชั่วร้ายของกระบวนการ รวมทั้งความสลับซับซ้อนแล้ว เชื่อว่าแนวคิดการทําชั่วระดับ เซียนสําหรับการซื้อข้าวของผีครั้งนี้ จะเรียกว่า ‘ ทักษิณคิด ผีทํา ‘ ก็คงไม่ผิดนัก
ท่านผู้อ่านเคยอ่านหนังสือจากบทสุดท้ายก่อนบทต้นๆไหมครับ ถ้าไม่เคยน่าจะลองดู เพราะจะเข้าใจ เนื้อหาได้ง่ายขึ้น ผมว่านะ
ผมขอทดสอบโดยเริ่มที่บทสุดท้ายก่อนครับ เริ่มที่ตอนจบ ‘ ทักษิณคิด ผีทํา ‘ รูปนี้ไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย คนและผี ควงคู่กัน

นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร วงการ เรียกชื่อว่า‘เสี่ยเปี้ยง’
ตัวละครสำคัญในเรื่องจีทูจีเก๊ ถ้าเป็นช่องสามก็ต้องเทียบได้กับณเดช นั่นแหละครับ...
ส่วนที่เห็นหน้าเหลี่ยมๆนั่น ก็คือคุณทักษิณ ท่านไม่ใช่ระดับนักแสดง แต่เป็นมากกว่านั้น "ผู้กำกับการแสดง" ยังไงละครับ
ซื้อขาย ต้องมีการชําระเงิน เขาชําระเงินกันอย่างไร
ถ้าผู้ซื้อเป็น จี จากจีนจริง เงินเข้าบัญชีหลวงต้องมีเส้นทางที่มาจากแดนไกล จากรัฐบาลจีน จาก ประเทศจีน
แต่นี้เป็นจีผี เงินที่ได้รับจึงมาจากบัญชีผี
รูปนี้เป็น statement ธนาคาร บัญชีของกรมการค้าต่างประเทศ เงินที่ได้จากการขายข้าวนํามาเข้า บัญชีนี้ครับ

ขอนําข้อมูลของคุณหมอมาฉายซ้ํา ที่อยากให้ดูคือรายการของวันที่ 12 ตค. 55 ‘ 527,177,652.00 กับ 177.000.000.00 รวมแล้วเป็นเงินกว่า 700 ล้านบาท ( กรอบแดง )
ผู้ซื้อข้าวนําเงินไปซื้อ ‘ แคชเชียร์เช็ค ‘ สองใบ สั่งจ่าย กรมการค้าต่างประเทศ จ่ายเป็นค่าข้าว เข้า บัญชีตามรายการนี้ ครับ
คุณหมอวรงค์กล่าวหาว่าสมคิดเป็นคนที่นําเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็คทั้งสองใบ ไม่ใช่รัฐบาลจีนจากไหน ทั้งสิ้น คุณหมอกล่าวหาแรงนะ
หน้าตา cashier cheque เป็นอย่างนี้ครับ

พวกเรานั่งดูทีวีอยู่ทางบ้าน สงสัยอยู่ว่านายกจะนําหลักฐานมาแสดงไหมว่า เช็คทั้งสองฉบับที่หลวงนํา เข้าบัญชีนั้น เป็นเช็คที่ได้รับมาจากรัฐบาลจีนจริง ไม่ใช่จากคนชื่อสมคิด
แต่...ไม่มีคําตอบหรือคําชี้แจง...จากนายกรัฐมนตรีหญิง
ส่วนฝ่ายข้าราชการประจํา ไม่ว่าจะเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ข้าราชการที่มีหน้าที่ดูแลบัญชีหลวงโดยตรง เงียบเป็นเป่าสาก เช่นกัน
สมคิด คือ ใคร
คุณหมอวรงค์นําภาพบ้านของสมคิดมาโชว์ รูปบนเป็นหน้าบ้านของบ้านสมคิด รูปล่างเป็นภาพบ้าน ของภรรยา ดูสภาพบ้านแล้ว ทําให้นึกถึง คนรถ คนสวน คนใช้ ที่เป็นตัวละครในคดีซุกหุ้นของคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตรครับ

มีอีกครับ มีหลักฐานโยงต่อว่า สมคิดเป็นผู้ที่ได้รับมอบอํานาจจาก นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร วงการ เรียกชื่อว่า‘เสี่ยเปี้ยง’ ให้เป็นผู้ไปจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้าจํากัดเมื่อวันที่๑๓มกราคม ๒๕๔๗ นั่นเอง เสี่ยเปี้ยงนี่ครับที่เรียกกันว่า ผีตัวเป็นๆ

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่เคยมีคำตอบสำหรับคำถามนี้ของประชาชนชาวไทยเลย...
1. รัฐบาลไม่ได้นําเงินที่ผ่านการฟอกมาเข้าบัญชีหลวง เงินที่ได้รับเข้าบัญชีกรมการค้าต่างประเทศเป็น เงินจากผู้ซื้อข้าวตัวจริง และผู้ซื้อข้าวนี้คือรัฐบาลจีน จริงหรือ ?
2. รัฐบาลไม่เปิดเผยข้อมูลว่าข้าวที่ขายไปทั้งหมดนี้ ขายได้เป็นเงินเท่าไหร่ ในราคาเท่าไหร่ ?
~ ศรอรชุน ~
จี ทู จี ( ผี ) หลอกคนไทยทั่วประเทศ
คุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์นําข้อมูลการขายข้าวมาเปิดเผยให้คน ไทยเจ้าของเงินรับรู้ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล คนไทยโดนผีหลอกกันทั่วประเทศ เพราะเจ้า ‘ จี ‘ ที่รัฐบาลบอกว่าเป็นรัฐบาลจีนที่มาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยนั้น ที่แท้กลายเป็น ผีตัวเป็นๆ ไปซะงั้น
ถ้าจะลําดับความชั่วร้ายของกระบวนการ รวมทั้งความสลับซับซ้อนแล้ว เชื่อว่าแนวคิดการทําชั่วระดับ เซียนสําหรับการซื้อข้าวของผีครั้งนี้ จะเรียกว่า ‘ ทักษิณคิด ผีทํา ‘ ก็คงไม่ผิดนัก
ท่านผู้อ่านเคยอ่านหนังสือจากบทสุดท้ายก่อนบทต้นๆไหมครับ ถ้าไม่เคยน่าจะลองดู เพราะจะเข้าใจ เนื้อหาได้ง่ายขึ้น ผมว่านะ
ผมขอทดสอบโดยเริ่มที่บทสุดท้ายก่อนครับ เริ่มที่ตอนจบ ‘ ทักษิณคิด ผีทํา ‘ รูปนี้ไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย คนและผี ควงคู่กัน

นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร วงการ เรียกชื่อว่า‘เสี่ยเปี้ยง’
ตัวละครสำคัญในเรื่องจีทูจีเก๊ ถ้าเป็นช่องสามก็ต้องเทียบได้กับณเดช นั่นแหละครับ...
ส่วนที่เห็นหน้าเหลี่ยมๆนั่น ก็คือคุณทักษิณ ท่านไม่ใช่ระดับนักแสดง แต่เป็นมากกว่านั้น "ผู้กำกับการแสดง" ยังไงละครับ
ซื้อขาย ต้องมีการชําระเงิน เขาชําระเงินกันอย่างไร
ถ้าผู้ซื้อเป็น จี จากจีนจริง เงินเข้าบัญชีหลวงต้องมีเส้นทางที่มาจากแดนไกล จากรัฐบาลจีน จาก ประเทศจีน
แต่นี้เป็นจีผี เงินที่ได้รับจึงมาจากบัญชีผี
รูปนี้เป็น statement ธนาคาร บัญชีของกรมการค้าต่างประเทศ เงินที่ได้จากการขายข้าวนํามาเข้า บัญชีนี้ครับ

ขอนําข้อมูลของคุณหมอมาฉายซ้ํา ที่อยากให้ดูคือรายการของวันที่ 12 ตค. 55 ‘ 527,177,652.00 กับ 177.000.000.00 รวมแล้วเป็นเงินกว่า 700 ล้านบาท ( กรอบแดง )
ผู้ซื้อข้าวนําเงินไปซื้อ ‘ แคชเชียร์เช็ค ‘ สองใบ สั่งจ่าย กรมการค้าต่างประเทศ จ่ายเป็นค่าข้าว เข้า บัญชีตามรายการนี้ ครับ
คุณหมอวรงค์กล่าวหาว่าสมคิดเป็นคนที่นําเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็คทั้งสองใบ ไม่ใช่รัฐบาลจีนจากไหน ทั้งสิ้น คุณหมอกล่าวหาแรงนะ
หน้าตา cashier cheque เป็นอย่างนี้ครับ

พวกเรานั่งดูทีวีอยู่ทางบ้าน สงสัยอยู่ว่านายกจะนําหลักฐานมาแสดงไหมว่า เช็คทั้งสองฉบับที่หลวงนํา เข้าบัญชีนั้น เป็นเช็คที่ได้รับมาจากรัฐบาลจีนจริง ไม่ใช่จากคนชื่อสมคิด
แต่...ไม่มีคําตอบหรือคําชี้แจง...จากนายกรัฐมนตรีหญิง
ส่วนฝ่ายข้าราชการประจํา ไม่ว่าจะเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ข้าราชการที่มีหน้าที่ดูแลบัญชีหลวงโดยตรง เงียบเป็นเป่าสาก เช่นกัน
สมคิด คือ ใคร
คุณหมอวรงค์นําภาพบ้านของสมคิดมาโชว์ รูปบนเป็นหน้าบ้านของบ้านสมคิด รูปล่างเป็นภาพบ้าน ของภรรยา ดูสภาพบ้านแล้ว ทําให้นึกถึง คนรถ คนสวน คนใช้ ที่เป็นตัวละครในคดีซุกหุ้นของคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตรครับ

มีอีกครับ มีหลักฐานโยงต่อว่า สมคิดเป็นผู้ที่ได้รับมอบอํานาจจาก นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร วงการ เรียกชื่อว่า‘เสี่ยเปี้ยง’ ให้เป็นผู้ไปจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้าจํากัดเมื่อวันที่๑๓มกราคม ๒๕๔๗ นั่นเอง เสี่ยเปี้ยงนี่ครับที่เรียกกันว่า ผีตัวเป็นๆ

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่เคยมีคำตอบสำหรับคำถามนี้ของประชาชนชาวไทยเลย...
1. รัฐบาลไม่ได้นําเงินที่ผ่านการฟอกมาเข้าบัญชีหลวง เงินที่ได้รับเข้าบัญชีกรมการค้าต่างประเทศเป็น เงินจากผู้ซื้อข้าวตัวจริง และผู้ซื้อข้าวนี้คือรัฐบาลจีน จริงหรือ ?
2. รัฐบาลไม่เปิดเผยข้อมูลว่าข้าวที่ขายไปทั้งหมดนี้ ขายได้เป็นเงินเท่าไหร่ ในราคาเท่าไหร่ ?
~ ศรอรชุน ~
ความคิดเห็นที่ 21
เรื่องแถม ทั้งหมดทั้งมวล คือ คำตอบว่า "ทำไมถึงได้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้" ...

ฉบับเต็ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ถอนหายใจ... สงสารประเทศไทย...
~ ศรอรชุน ~

ฉบับเต็ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ถอนหายใจ... สงสารประเทศไทย...
~ ศรอรชุน ~
ความคิดเห็นที่ 17
เรื่องที่ 5 ผู้รับผิดชอบในความเสียหายจากจีทูจีเก๊ คือใคร ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ป.ป.ช.พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่าผู้ถูกกล่าวหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และให้เสนอความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญา มีรายชื่อ ดังนี้
1. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ , ประธานอนุกรรมการระบายข้าว
2. นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ , ประธานอนุกรรมการระบายข้าว
3. พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตผู้ช่วยเลขานุการ-เลขานุการ รมว.พาณิชย์
4.นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
5. นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศและรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
6.นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมและผู้อำนวยการสำนัการค้าข้างต่างประทเศ
7.นายสมคิด เอื้อสุภา (คนสนิทเสี่ยเปี๋ยง ที่ออกเช็คให้ ก.พาณิชย์ และรับมอบอำนาจในการจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้า)
8.นายรัฐนิธ โสจิระกุล (นายปาล์ม ผู้ช่วย ส.ส. ของนางรพีพรรณ พงษ์เรืองรอง ภรรยาของอริสมันต์ ฯ“ผู้มีอำนาจ” บริษัท “GSSG IMP AND EXPORT CORP” จากเมืองกวางเจา ประเทศจีน เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ)
9.นายลิตร พอใจ อดีตผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด
10.น.ส.รัตนา แซ่เฮง ในฐานะกรรมการบริษัท สยามอินดิก้า
11.น.ส.สุธิดา จันทะเอ ในฐานะกรรมการบริษัท สยามอินดิก้า
12.น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์ ในฐานะกรรมการบริษัท สยามอินดิก้า
13.นายโจ หรือนิมล รักดี (ผู้รับมอบอำนาจจาก “รัฐนิธ โสติกุล” ให้ดำเนินการแทน)
15.นายสุธี เชื่อมไธสง
16.น.ส.สุนีย์ จันทร์สกุลพร
17.นายกฤษณะ สุระมนต์
18.นายสมยศ คุณจักร ,บริษัท สิราลัยจำกัดหรือบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
19.น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร ในฐานะกรรมการบริษัท สิราลัย
20.นายอภิชาติ จันทร์สกุลพรหรือ เสี่ยเปี๋ยง คนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
http://news.voicetv.co.th/thailand/157146.html
---------------------------------------------------------------------------------
ผู้ที่ต้องรับผิดชอบสูงสุด ที่คงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้คือ...
คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ

~ ศรอรชุน ~
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ป.ป.ช.พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่าผู้ถูกกล่าวหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และให้เสนอความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญา มีรายชื่อ ดังนี้
1. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ , ประธานอนุกรรมการระบายข้าว
2. นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ , ประธานอนุกรรมการระบายข้าว
3. พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตผู้ช่วยเลขานุการ-เลขานุการ รมว.พาณิชย์
4.นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
5. นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศและรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
6.นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมและผู้อำนวยการสำนัการค้าข้างต่างประทเศ
7.นายสมคิด เอื้อสุภา (คนสนิทเสี่ยเปี๋ยง ที่ออกเช็คให้ ก.พาณิชย์ และรับมอบอำนาจในการจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทสยามอินดิก้า)
8.นายรัฐนิธ โสจิระกุล (นายปาล์ม ผู้ช่วย ส.ส. ของนางรพีพรรณ พงษ์เรืองรอง ภรรยาของอริสมันต์ ฯ“ผู้มีอำนาจ” บริษัท “GSSG IMP AND EXPORT CORP” จากเมืองกวางเจา ประเทศจีน เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ)
9.นายลิตร พอใจ อดีตผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด
10.น.ส.รัตนา แซ่เฮง ในฐานะกรรมการบริษัท สยามอินดิก้า
11.น.ส.สุธิดา จันทะเอ ในฐานะกรรมการบริษัท สยามอินดิก้า
12.น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์ ในฐานะกรรมการบริษัท สยามอินดิก้า
13.นายโจ หรือนิมล รักดี (ผู้รับมอบอำนาจจาก “รัฐนิธ โสติกุล” ให้ดำเนินการแทน)
15.นายสุธี เชื่อมไธสง
16.น.ส.สุนีย์ จันทร์สกุลพร
17.นายกฤษณะ สุระมนต์
18.นายสมยศ คุณจักร ,บริษัท สิราลัยจำกัดหรือบริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
19.น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร ในฐานะกรรมการบริษัท สิราลัย
20.นายอภิชาติ จันทร์สกุลพรหรือ เสี่ยเปี๋ยง คนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
http://news.voicetv.co.th/thailand/157146.html
---------------------------------------------------------------------------------
ผู้ที่ต้องรับผิดชอบสูงสุด ที่คงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้คือ...
คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ

~ ศรอรชุน ~
ความคิดเห็นที่ 13
เรื่องที่ 4 จีทูจีเก๊ เขาทำกันอย่างไร ? ใครได้? ใครเสีย?

ดูคลิปนี้คลิปเดียว... เข้าใจแจ่มแจ้งครับ...
~ ศรอรชุน ~

ดูคลิปนี้คลิปเดียว... เข้าใจแจ่มแจ้งครับ...
~ ศรอรชุน ~
แสดงความคิดเห็น
.... มาเข้าใจ 5 เรื่องราวการขายข้าวแบบจีทูจี(เก๊) "มันลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน!" ยังกะหนังฮอลีวู๊ดเลยครับเจ้านาย ....
ตัวย่อ จี มาจาก Government แปลว่า รัฐบาล จี ทู จี หมายถึง รัฐบาล ต่อ รัฐบาล
ประเทศไทยค้าขายกับต่างประเทศมานานแล้ว ตัวละครมีเพียงสองคือรัฐบาลและเอกชน จับคู่สลับกัน ไปมา เอกชนค้ากับเอกชน เอกชนค้ากับรัฐบาล และรัฐบาลค้ากับรัฐบาล
ถ้าเอกชนค้ากับเอกชน ไม่เกี่ยวกับคนอื่น แต่ถ้าเอกชนค้ากับรัฐบาล เจ้าของภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง ทันที รัฐบาลต้องทําตามระเบียบเมื่อค้าขายกับเอกชน ไม่ว่าจะซื้อหรือจะขาย ต้องโปร่งใส ให้มีการ แข่งขันและต้องตรวจสอบได้
แต่ถ้าเป็นการค้าขายระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล ความน่าเชื่อถือมีสูงขึ้น ระเบียบยอมให้มีการตกลง ทางการค้าระหว่างสองรัฐบาลได้โดยไม่ต้องมีการแข่งขัน ไม่ต้องมีการประมูล เพราะถือเป็นเครดิตของ รัฐบาลทั้งสองฝ่าย
ตัวอย่างที่เห็นบ่อยครั้งคือการซื้ออาวุธของกองทัพ เราจะได้ยินบ่อยครั้งจากกองทัพว่าคนไทย เจ้าของเงินภาษีไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ เพราะเป็นการจัดซื้อแบบ จี ทู จี อย่างนี้เป็นต้น
จี ทู จีมาแล้วกี่ครั้ง
รัฐบาล ‘ทักษิณคิด เพื่อไทยทํา ‘ ชอบจี ทู จี มาก งานแรกหลังชนะเลือกตั้งน่าจะเป็นการซื้อแท็บเล็ต ให้เด็กๆอ้างว่าซื้อแบบจีทูจี ผมว่าเป็นจีทูจีกลายพันธ์ุครับเพราะสุดท้ายรัฐบาลกลายเป็นผู้ จัดการประมูลซื้อแท็บเล็ตเสียเอง โดยอนุญาตให้บริษัทเอกชนจากประเทศจีนมีสิทธิเป็นผู้ประมูล เท่านั้น บริษัทจากประเทศอื่นไม่มีสิทธิ
งานที่สองนี่เล่นหนัก รัฐบาลนําข้าวที่ซื้อมาจากชาวนาในโครงการรับจํานํา มาขายต่อ
"รัฐบาลรายงาน คนไทยเจ้าของเงินว่ารัฐบาลขายข้าวแบบ จี ทู จี เพราะฉะนั้นไม่ต้องถามว่าประมูลเมื่อไหร่ อย่างไร เพราะ จี ทู จี ไม่มีประมูล"
รวมทั้งรัฐบาลยังจําเป็นต้องปิดข้อมูลการซื้อขายไว้เป็นความลับ ต่อท้ายว่า รัฐบาลได้ขายข้าวแบบ จี ทู จี ไปได้หลายประเทศแล้ว
ส่วนนายกหญิงออกมาจ้อหน้าจอ ย้ําว่าขายจี ทู จี ได้จริง มีเอ็มโอยู อยู่ในกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ในวัน นั้นรัฐมนตรีพาณิชย์ รัฐมนตรีคู่ใจของนายกหญิงบอกต่อว่า ไปไกลแล้ว ยิ่งกว่า เอ็มโอยู เสียอีก ถึงขั้น ทําสัญญาเรียบร้อยแล้วด้วย...
v
v
v
น้องๆสื่อรุกถามขอดูสัญญาหน่อย รู้นะว่าขาดทุนแน่ เพราะซื้อมาแพง แต่อยากรู้ว่าขาดทุนเท่าไหร่ (คนไทยเฝ้าฟังด้วยความระทึกใจว่า จะขาดทุนมากไหมหนอ เงินภาษีของฉันทั้งนั้น) คําตอบจากปาก นายกหญิง ‘ ราคาขายและจํานวนที่ขายบอกไม่ได้ ขอปิดเป็นความลับค่าาา ‘
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
~ ศรอรชุน ~