5 ปีที่แล้ว เขียนเป้าหมายไว้ในพันทิพ ตอนนี้ทำได้แล้วครับ กับเป้าหมายพอร์ต 20 ล้าน

กระทู้สนทนา
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ได้ตอบกระทู้ไว้กระทู้นึง และได้ตั้งเป้าหมายตัวเองในกระทู้นั้นด้วย
(ต่อมา จขกท ทำให้เป็นกระทู้ดังไปลง drama addict)

http://topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2010/06/B9368694/B9368694.html

ในความเห็น 103 นะครับ ลองไปตามอ่านกันได้ กระทู้สนุกดีครับ

จนมาถึงตอนนี้รวมๆก็ลงทุนมาจะ 10 ปีแล้วครับ ต้นทุนแรกเริ่มหลักหมื่น หลังๆ มีเติมเงินไปบ้าง แต่ไม่เกิน 3 แสน
ผ่านการขาดทุน หนักๆมาหลายรอบ ซัพไพร์ม น้ำท่วม โดยเฉพาะ ปลายปี 56 พอร์ตยุบจากจุดสูงสุดไป 40% ได้ชีวิตช่วงนั้นหดหู่พอสมควร
เงินหายไปหลายล้าน เพราะ มองกิจการผิดพลาด และกระจายความเสี่ยงได้ไม่ดี
แต่ก็พยายามศึกษาให้หนักขึ้นอีก หนังสือที่มีขายในซีเอ็ด อ่านทุกเล่มที่มีคำว่าหุ้น
(อ่านมาตั้งแต่เริ่มเล่นหุ้นแล้วล่ะครับ และ พยายามซื้อเพิ่มเรื่อยๆ แต่ปัจจุบันไม่ค่อยซื้อแล้วครับ นอกจากหนังสือแปล
เพราะ บางเล่มคนเขียนก็เขียนไปงั้นๆ ไม่ได้ใส่ความทุ่มเทอะไรเลย )

56-1 อ่านทุกบริษัทที่ซื้อหุ้น ฟัง oppday ให้หมดทุกบริษัทที่น่าสนใจ มองการเติบโตให้ออก อันนี้สำคัญมากที่สุด ไม่เติบโตไม่เล่นครับ
(ช่วงหลังๆ ใช้เทคนิคผสมกับพื้นฐานนะครับ)

จนมาปัจจุบัน อยากบอกว่า
ผมทำได้แล้วครับ อยากให้กำลังใจคนที่ขาดทุนหุ้นหรือ ยังไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุนนะครับ
ให้พยายามอ่านๆๆๆๆๆ ให้มากยิ่งขึ้น จิตวิยาการลงทุน สำคัญมากๆ (แนะนำหนังสือของคุณพรชัย นะครับ)
นักลงทุน นักเล่นหุ้นส่วนใหญ่ ที่ผมเจอมาส่วนใหญ่จะพลาดเรื่อง anchoring กันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ลงทุนได้ไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น
ลองแก้ด้านนี้กันดูครับ แล้วคุณจะพุ่งแน่นอน

ขอบคุณที่อ่านกันนะครับ



-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ส่วนแก้ไขเพิ่มเติม เป็นข้อความที่ตอบไว้ในความเห็นต่างๆ คิดว่าเป็นความรู้ ก็เลยเอามารวมให้อ่านง่ายขึ้น

จากความเห็น 26

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากความคิดเห็นที่ 67 
 
เงินต้น3แสน เล่นหุ้น10ปี มี28ล้าน
แปลว่าคุณทําผลตอบแทนได้ปีละ57%ทบต้นต่อเนื่องไม่ว่าsetบวกหรือลบ
Buffettทําได้20%ต่อปี
ดร.นิเวศน์น่าจะไม่เกิน30%ต่อปี
ถ้าตัวเลขนี้เป็นจริง ผมบอกได้เลยว่าคุณเป็นคนเล่นหุ้นที่เก่งที่สุดในโลกในรอบ100ปี
และภายในเวลา30ปีคุณจะเป็นคนรวยที่สุดในโลกแทนBill Gates
แต่บอกตามตรง ผมไม่เชื่อเลยสักนิด
จากคุณ drsp
21 มกราคม 2558 เวลา 09:00 น.

ความคิดเห็นที่ 67-1
เอ่อ พี่โจ ได้ 60% ต่อปีนะครับ พี่โยโย่ได้มากกว่านี้อีกครับ และมีในวีไออีกหลายคนได้ประมาณนี้ครับ
คุณได้เคบคำนวนพอร์ตเสี่ยป๋อง เสี่ยยักษ์ไหมครับ โตเร็วกว่าผมอีก ดังนั้นผมไม่มีทางเก่งสุดในโลกแน่นอน
เอาง่ายๆ ลองซื้อ magic wizard มาอ่านดูครับ คุณจะได้เห็น cagr ที่น่าทึ่งกว่านี้ในระดับโลกครับ บางบทมีคนได้ cagr 100% ครับ ลองไปอ่านดู
แต่ที่ไม่ดังเพราะพอร์ตเล็กครับ
ดร นิเวศ ก็ทำได้ 40 กว่าครับ
และที่ทำได้เพราะผมพอร์ตเล็กครับ ดร นิเวศแกเริ่ม 10 ล้านนะครับ cagr 40 กว่า ไซส์พอร์ต เริ่ม 10 ล้านยากกว่ามากกกกครับ
และเก่งกว่าผมมากครับ
ตอนนี้ผมคงไม่มีทางทำรีเทิน แบบเดิมแล้วครับ พอร์ตไซส์นี้ขอปีละ 20 30 ก็พอใจแล้วครับ แค่นี้ก็เกินฝันแล้ว

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/investment/20120814/465511/เปิดคัมภีร์เซียนวีไอ-โจ..ลูกอีสาน-กว่าจะมีพอร์ตหุ้น-เลข-9-หลัก.html
พี่โจ 60% ใน 12 ปี เก่งกว่าผมมากมายครับ สิ่งที่คุณไม่เห็นไม่ใช่จะไม่มีครับ
ที่บัฟเฟตทำได้ 20% กว่า เพราะ ไซส์พอร์ตแกระดับไหนครับ
หากให้บัฟเฟตมาเกิดในไทย มาเริ่มด้วย 300,000 ผมว่า แกได้มากกว่า 50 60 แน่นอน
และอีกอย่างตลาดไทยในรอบสิบปีมานี้ เป็นยุคทองของหุ้นด้วยแหละครับ

สมาชิกหมายเลข 1364777 
21 มกราคม 2558 เวลา 09:25 น.

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 102 
 
http://portal.settrade.com/blog/1001ii/2010/02/11/784
มีคนหลังไมค์มาถามเรื่อง anchoring หลายคน ลองอ่านตามลิงค์เลยครับ

สมาชิกหมายเลข 1364777 
21 มกราคม 2558 เวลา 18:15 น.

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 112 
 
มีคนถามเรื่องหนังสือมามากแนะนำตามนี้ละกันครับ
1. ตีแตก
2. one up on wallstreet แปลไทยนะครับ
3. อ่านงบการเงินให้เป็น ดร ภาพร
4. หนังสือของ hongvalue  รวยได้ด้วยหุ้นครับ
5. หนังสือบัฟเฟตบางคนชอบนะครับ แต่ไม่ใช่แนวผม ใครชอบวีไอแนวบัฟเฟต ก็ อ่านได้
ตอนผมเงินน้อยๆผมยืนอ่านฟรีหรือไม่ก็หาอ่านในห้องสมุดเอาครับ พยายามประหยัดเพื่อให้ทุนก้อนแรกเยอะที่สุดครับ
หรือไม่ก็อ่านในเว็บเอาครับ
ที่แนะนำเลยก็ของ yoyo way ครับ
http://www.ebooks.in.th/download/10209/Yoyo%27s_Investing_Way_2006-2010
(ขอบคุณพี่โยด้วยครับ พี่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากเล่นหุ้นครั้งแรกเลยครับ เนื่องจากหลงเข้าไปในบล็อกของพี่เขาครับ ตั้งแต่ 2 ทุ่ม
อ่านวันเดียวจนจบเลยครับ อ่านจน ตี 5 เลยครับ  แล้วก่อนซื้อหุ้นแต่ละตัวในปีแรกที่เล่นก็ inbox ไปถามพี่เขาตลอดครับ ขอบคุณอาจารย์คนแรกครับ)
บล็อกพี่สุมาอี้ครับ เสียเงินนะครับ แต่จ่ายทีเดียวอ่านได้ตลอดครับ
dekisugi.net
สิ่งที่ยากที่สุดของการเล่นหุ้น ไม่ใช่ช่วงศึกษาหรือช่วงพอร์ตใหญ่หรอกครับ
ช่วงที่ยากที่สุดคือช่วงระยะเริ่มแรกครับ
ไหนจะโดนปรามาสดูถูกสารพัด หากเขารู้ว่าเราเล่นหุ้น เขาจะมองว่าเราเล่นการพนัน เข้ามาก็หมดตัวกันทั้งนั้น ไม่ต่างจากเข้าบ่อน
อาจเนื่องด้วยคนหมดตัวจากปี 40 เยอะมาก
(สมัยนี้ไม่แน่ใจว่าคนส่วนใหญ่เริ่มยอมรับหุ้นมากขึ้นหรือเปล่า)
ไหนจะยังไม่มั่นใจในตัวเองว่าจะทำได้ไหม
ไหนจะต้องประหยัด อดออม พยายามไม่แตะเงินในพอร์ตปล่อยให้มันทบต้นมากที่สุด ปันผลยังต้องเอา reinvest เลย
ไหนจะ ไม่มีหลักฐานอะไรไปเถียงคนดูถูก  เพราะพอร์ตผมก็เล็กจิ๋วหลิว แม้รีเทินปีแรกจะได้ 100% กว่า แต่พอบอกเป็นตัวเงิน ก็มีแต่คนบอกว่า
อืมแล้วไง  บางคนเอาไปหารต่อเดือนอีก เหลือไม่กี่ตังค์หรอกครับ เขาก็บอกไม่เห็นคุ้มเหนื่อยเลย
ได้แต่คิดว่า ช่างเถอะ เขาไม่เข้าใจเรื่องทบต้นหรอก มันคือความมหัศจรรย์ที่สุด ของการสร้างความมั่งคั่งแล้ว
อนาคตผมจะแสดงให้เห็นเอง
ระหว่างนั้นก็ท่องคำพี่ลูกอีสานไว้ในใจเลยครับ  เป็นประโยคที่ชอบมากๆ และโดนมากในขณะนั้น
"ตั้งหน้าตั้งตาทำตามความฝันที่มีแต่เราเท่านั้นที่มองเห็น"

สมาชิกหมายเลข 1364777 
22 มกราคม 2558 เวลา 00:12 น.

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 116 
 
ที่จขกทเล่ามา เป็นไปได้หรอครับ ถ้าเป็นจริงก็เก่งกว่า Warren Buffet อีก เพราะถึงแม้จะไม่นับว่าพอร์ตจขกทเคยลบ 40% ตอนปี56 จขกทก็จะต้องเฉลี่ยทำกำไรได้ 61% ต่อปี ถึงจะทำเงินจาก 3แสนให้เป็น 35 ล้านได้  นี่คิดให้ปีแรกเริ่มด้วย 3แสนเลยนะครับ ไม่ใช่แค่หมื่นกว่าอย่างที่จขกทบอก ขนาด Warren ยังได้แค่ 21.5% ต่อปีเองนะครับ แล้วถ้าคิดเรื่อง -40% ตอนปี 56 ไปด้วย จขกทก็ต้องเฉลี่ยปีอื่นๆให้ได้ถึง 79.6% ต่อปี ถ้าทำแบบนี้ต่อไปได้อีก 10ปี ก็รวย 4พันล้านกันไปเลย ท่านอื่นมีความเห็นว่าไงกันบ้างครับ ผมไม่ได้จะมาตั้งครหาอะไรนะครับ แค่เหลือเชื่อกับเรื่องที่จขกทเล่ามา ซึ่งถ้าเป็นจริง ผมขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยครับ

ohwason 
22 มกราคม 2558 เวลา 04:17 น.

ตอบ ใน
ความคิดเห็นที่ 117 
 
ปี 56 ผมปิดบวกนะครับ ต้นปีโตไป เกือบเท่าตัว แค่หายจากจุดสูงสุด 40% ครับ  เหมือนตีรถฟรี  ปิดปีแทบไม่เหลือครับ
พอร์ตผมปิดบวกทุกปีนะครับ ยกเว้นปี ซัพไพร์มปีเดียวแต่ก็ลบไม่เยอะ พอดีมีลดพอร์ตไปก่อนหน้า ดวงดีด้วยครับ
ปีที่ลงทุนได้ดีที่สุดคือปี 52 ได้ 370% นะครับ เลยช่วยพอร์ตไว้ได้เยอะ เพื่อนๆที่อยู่ในเว็บไทยวีไอในสมัยนั้นคงรู้กันดีว่า
ปีนั้นคนในไทยวีไอรวยด้วยหุ้นอะไรกัน  กระทู้หุ้นตัวนี้ฮ็อตยิ่งกว่าอะไร มีหลายๆคนได้ 300 อัพกันครับ เพื่อนผมได้ 500 อัพยังมี
ปีนั้นผมอัดมาจิ้นไปเยอะด้วย
จะว่าเฮงด้วยก็คงไม่เถียงครับ หากเกิดวิกฤติอะไรระหว่างนั้น คงแย่เหมือนกันครับ
และมีได้ 100% อัพอีกหลายทีครับ เอามาช่วยปีไม่เพอฟอร์มครับ
บัฟเฟตทำได้แค่นี้เพราะไซส์พอร์ตครับ ไซส์พอร์ตคนละเรื่องเลย
ต่อจากนี้ไปผมหวังแค่ 20 30 % ต่อปีก็พอใจแล้วครับคงไม่ได้หวังรีเทินเท่าเดิมแล้ว
ปล1. แล้วเงินผมก็ไม่ถึง 35 ล้านนะครับ คุณคงดูผิดแล้วล่ะ  ได้ก็ดีซิครับ ^.^
ปล2. คนที่ไม่เชื่อไม่เป็นไรครับ ถือซะว่ามาอ่านนิทานสร้างแรงบันดาลใจเล่นๆล่ะกันครับ
ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลย  555  ยังนึกถึงตอนที่ตัดสินใจเดินเอาในบางครั้ง หากระยะทางไม่ไกลไป
เพื่อประหยัด 8 บาทในการจ่ายค่ารถเมล์อยู่เลย (ออกกำลังกายไปด้วยครับ)
แต่อย่างไรก็อยากให้รู้ไว้ว่าพยายามอดเปรี้ยวไว้กินหวานนะครับ  ผลตอบแทนทบต้นมัน amazing สุดๆเลยล่ะครับ
และอยากฝากอีกอย่างสำหรับน้องๆวัยสร้างตัวนะครับ รถคืออุปสรรคในการทำลายความมั่งคั่งของคนทั่วไปมากที่สุดครับ
ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่าออกรถเลย  จนกว่าคุณมีถึงระดับหนึ่งที่ การผ่อนรถไม่กระทบกระเทือนพอร์ตคุณค่อยออกครับ
เพื่อนผมซื้อรถ 600,000 เมื่อ 10 ปีที่แล้ว จนมาปัจจุบัน ผมว่าน่าจะราคาไม่ถึง 200,000
ในขณะเดียวกันผมเอาเงินเกือบ 3  แสนกว่ามาลงทุน ผลออกมามันคุ้มค่าครับ
มันมีให้เลือกครับว่าชีวิตเราจะ  บินก่อนผ่อนทีหลัง หริอ ลำบากก่อนสบายทีหลัง ก็เลือกๆเอาครับ

สมาชิกหมายเลข 1364777 
22 มกราคม 2558 เวลา 06:27 น.

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 127-1 
 
หนังสือแนะนำไปในความเห็น 112 แล้วนะครับ
เล่นหุ้นเน้นดูอนาคตครับ คาดการณ์อนาคต ตัวเลขย้อนหลังแทบไม่เกี่ยวครับ
อันนี้จากหนังสือพี่สุมาอี้นะครับ
"บุคลิกที่ปีเตอร์ ลินซ์มองว่าจำเป็นต่อการเล่นหุ้นก็คือ ความสามารถในการตัดสินใจในขณะที่ข้อมูลยังไม่ครบถ้วน" เพราะในตลาดหุ้นนั้น ถ้ารอให้ภาพทุกอย่างมันชัดเจน จนไม่มีความเสี่ยงอะไรแล้วจึงเข้าลงทุน เราก็มักจะช้าไปแล้ว

สมาชิกหมายเลข 1364777 
22 มกราคม 2558 เวลา 23:31 น.
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่