สวัสดียามบ่ายค่ะ

วันนี้ขอเสนอ ‘Pop up you! เนื้อคู่ จู่ๆ ก็มา’ เป็นตอนที่ ๔ แล้วค่ะ
แต่ก่อนอื่น ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านค่ะ
ขอบคุณคอมเมนท์และแรงใจจากคุณ Psycho man, คุณน้องเรือลันล้า, คุณคาโบนาร่าลาซาญญ่ามักกะโรนี มากๆๆด้วยค่ะ
ความเดิมตอนที่แล้ว>>>
http://pantip.com/topic/33099447
♫ ♫ ♫ ♫ ♫
ตอนที่ ๔: เสียการทรงตัว
หากมองไปที่บนเวทีในตอนนี้ ศูนย์รวมสายตาของแขกเหรื่อและนักข่าวของงานคือโฆษกพรรคกำลังชี้แจงรายละเอียดการทำงานของพรรคและเคลียร์คำถามปั่นกระแสของข่าว
หลังจากกระแสข่าวด่างพร้อยของผู้สมัครพรรคไทยขยันได้รับการเคลียร์ให้กลับมาขาวสะอาดได้สำเร็จ สถานการณ์ตึงเครียดในงานค่อยๆ ดีขึ้นและความวุ่นวายก็ถูกแทนที่ด้วยเพลงเต้นรำยุคโก๋หลังวัง จอพรีเซนเทชั่นขนาดยักษ์ประมวลภาพครอบครัวไฮโซและเหล่าคนดังที่ให้การสนับสนุนพรรคมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง บรรยากาศในงานจึงคืนสู่ความปกติสุข
ในฐานะที่ปรึกษาอาวุโสของพรรค ทะนงศักดิ์นำลูกพรรคแวะทักทายแขกวีไอพีแต่ละโต๊ะอย่างเป็นกันเอง และความที่เป็นคนบ้านเดียวกันทะนงศักดิ์จึงดึงตัวเจนยุทธ์บุตรชายของจอมบุญอดีตผู้ใหญ้บ้านท่าดอกรักมาแนะนำกับย่าแป้นอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ย่าแป้นและครอบครัวต่างยิ้มยินดีที่ทะนงศักดิ์ปฏิบัติอย่างให้เกียรติ จะมีก็เพียงภพรักที่ไม่ยินดียินร้ายสักเท่าไหร่
“นี่นะหรือพ่อเจนลูกชายผู้ใหญ่จอมบุญ ไม่ได้เจอกันสิบกว่าปีพ่อเจนโตเป็นหนุ่มหล่อเหลาเสียจนจำไม่ได้” ย่ายิ้มแป้น ก่อนที่พ่อจะเลื่อนมือไปเบรกย่าเบาๆ
“แม่ครับ ตอนนี้คุณจอมบุญเขาเป็นถึงนักธุรกิจชื่อดังระดับประเทศ แม่ยังจะไปเรียกเขาบ้านๆ แบบนั้นอีก แม่นะแม่” นายประนพบุตรชายยกมือเกาหัวแกรกด้วยความรู้สึกเค้อเก้อแทนมารดา แต่เจนยุทธ์เลื่อนมือมาจับมือย่าเอาไว้ราวกับจะแสดงถึงความจริงใจพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธด้วยท่าทางสุภาพ
“ไม่เป็นไรครับ เรียกพ่อแบบเดิมดีแล้วครับ ผมกับพ่อดีใจมากที่ทุกคนยังให้ความเป็นกันเองเหมือนเมื่อก่อน เสียดายพ่อติดคุยงานกับผู้ร่วมทุนที่เวียดนามจึงไม่ได้มาด้วย” เขาว่า กิริยาและน้ำเสียงล้วนเปี่ยมล้นไปด้วยความสุภาพนอบน้อมมีสัมมาคารวะสร้างความปลาบปลื้มให้แก่นางประนอมจนต้องยิ้มปรี่อย่างออกหน้าออกตา สำหรับนายตำรวจหนุ่มภพรักแม้จะอึดอัดจนอยากลุกออกไปจากงานแต่ในเมื่อทำไม่ได้ เขาเลยต้องทนนั่งเฉยๆ มองดูย่าและพ่อกับแม่เจรจาพาทีกับคนพวกนั้นอย่างถูกปากถูกคอ
คาลัว มิลค์จากถาดเสิร์ฟของบริกรถูกยกขึ้นมาดื่มอีกแก้ว นับเป็นแก้วที่สาม หรือว่าแก้วที่สี่รักเดียวก็ชักไม่แน่ใจเธอยกมันขึ้นดื่มรวดเดียวหมดและคืนแก้วกลับลงที่เดิม ก่อนจะทอดสายตาอาลัยอาวรณ์ไปยังว่าที่สส.หนุ่มที่กำลังถูกพวกนักข่าวมะรุมมะตุ้มอยู่กลางงาน การจะเข้าถึงตัวเขานั้นแสนยากเย็น รอบๆ ตัวเขาตอนนี้นอกจากจะเต็มไปด้วยพวกนักข่าวแล้วยังมีบอดีการ์ดและผู้ติดตามเป็นสิบๆ สรุปว่าพี่เจนของเธอเป็นผู้สมัครหน้าใหม่พรรคไทยขยัน หรือว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์เกาหลีกันแน่พูดถึงซุป’ตาร์ก็ให้นึกไปถึงยัยดาราหน้าเด้ง เค้ก คะนึงนิจยังจะมียัยคุณหนูฝนเมษาหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักคู่หมั้นค้างปีนั่นอีก
แต่เฮอะ! สองคนนั่นไม่ใช่สเปกพี่เจนหรอก อย่างพี่เจนต้องสาวขาลุยทนร้อนทนฝนแบบเธอต่างหากรักเดียวยิ้มยินดีให้กับความคิดตัวเอง พลางหันไปคว้าค็อกเทลจากถาดของบริกรมาดื่มอีกแก้วเพื่อเพิ่มความมั่นใจจนลืมสนิทว่าเคยรับปากมั่นเหมาะกับจีรศักดิ์ว่าจะไม่ดื่มหนักอีก
เมื่อซัดเข้าไปหลายแก้วจนฤทธิ์แอลกอฮอล์แผ่ซ่านและความมั่นใจก็พวยพุ่งเธอจึงพร้อมจะลุยได้อีกครั้ง เธอพาตัวเองแหวกกลุ่มผู้สื่อข่าวที่กำลังห้อมล้อมเจนยุทธ์เพื่อเก็บภาพและบันทึกการสัมภาษณ์ตามหัวข้อคำถามที่ได้ท่องจำมาอย่างดี แต่ด้วยส่วนสูงห้าฟุตกับรองเท้าส้นเข็มหกนิ้วนอกจากจะไม่ช่วยดึงความสนใจของเจนยุทธ์ได้แล้วมันยังทำเธอเสียหลักหน้าเกือบทิ่มพื้นดีแต่มีแผ่นอกหนาๆ ของใครคนหนึ่งเข้ามรองรับไว้
“โอ๊ย!”
หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นและเจอะกับสายตาคู่เข้มเจ้าของสองแขนใหญ่ๆ ที่รับร่างเธอพอจะๆ ว่าเขาเป็นใครเท่านั้นเธอก็รีบผละออกทันที ใจที่อยากเอ่ยขอบคุณก็เปลี่ยนเป็นอาการเซ็งๆ แววตาสดใสออกอาการผิดหวังเล็กน้อย
“ทำไมต้องเป็นคุณด้วยเนี่ย” เธอบ่น
“ทำไมครับ เป็นผมแล้วมันยังไงไม่ทราบ” ชายหนุ่มอมยิ้ม “หมู่นี้เราสองคนเจอกันบ่อยแฮะ สงสัยเป็นพรหมลิขิต”
ผีลิขิตสิไม่ว่า! รักเดียวแบะปากพร้อมเมินหน้าใส่เขา ก่อนจะเดินกลับเข้าไปสู่วงล้อมของนักข่าวเพียงเพื่อจะขอสัมภาษณ์เจนยุทธ์แบบใกล้ๆ แต่ปรากฏว่าเขากับผู้สมัครคนอื่นถูกต้อนกลับเข้าไปในห้องรับรองด้านหลังเวทีเสียแล้ว
“โธ่เอ้ย” หญิงสาวสะบัดลมหายใจอย่างฉุนๆ หันไปชี้หน้าโบ้ยความผิดให้คนร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตชอตสลีฟว์สีน้ำเงินวาว “เป็นเพราะคุณ เห็นมั้ย ฉันเลยตามไปสัมภาษณ์ไม่ทัน”
ชายหนุ่มส่ายหัว กล่าวด้วยเสียงขบขัน “เป็นนักข่าวมันต้องคล่องแคล่วว่องไวสิคุณ เซ่อซ่าแบบนี้จะไปตามใครเค้าทัน”
“คุณ!” ถลึงตาใส่คนปากเปราะไปทีหนึ่ง แต่ฝ่ายนั้นไม่สนกลับหลังหันให้และสาวเท้ายาวๆ ไปตักอาหารที่ไลน์บุฟเฟ่ต์หน้าตาเฉย
ไปๆ มาๆ คลิปสัมภาษณ์ที่รักเดียวได้มาจึงล้วนเป็นคำถามจากสำนักข่าวอื่นทั้งนั้น แต่รักเดียวสะบัดหน้าทิ้งความกังวลเหล่านั้นไปอย่างไม่ยี่หระ.. ช่างเถอะ แค่สกู๊ปข่าวกรอบเล็กๆ สองตารางนิ้วบนหน้าเว็บไทยซียูนิวส์ที่บก.ธีระไม่ค่อยจะเห็นความสำคัญซักเท่าไหร่
หญิงสาวยกมือดูเวลา เพิ่งจะสี่ทุ่ม แม้งานเลี้ยงจะยังไม่เลิกรา แต่ในเมื่อไม่เห็นทางจะได้เข้าใกล้เจนยุทธ์เลยสักครั้ง รักเดียวจึงตัดสินใจกลับ เธอเดินเบลอๆ ออกมาหน้าโรงแรมหวังว่าจะประหยัดเงินค่าลีมูซีนหรูราคาแพงหูดับ ยอมเดินมาไกลอีกหน่อยจนถึงริมถนนใหญ่เพื่อเรียกแท็กซี่แต่ดูเหมือนว่าค่ำคืนนี้จะเต็มไปด้วยคนอยากกลับบ้าน แท็กซี่ว่างถึงได้ไม่ผ่านมาซักคัน อาการมึนๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์เริ่มสำแดงผล แม้จะมั่นใจว่าไม่ได้เมาแต่เธอก็เดินไม่ค่อยตรงทางสักเท่าไหร่
จนกระทั่งความซวยระลอกสองเล่นงานเข้าอีกจนได้ รองเท้าส้นเข็มเจ้ากรรมทำเธอสะดุดกับฝาท่อ ดีแต่เธอเป็นนักกีฬาการทรงตัวดีมาแต่ไหนแต่ไรก็เลยไม่ถึงกับล้มหัวทิ่ม แต่กระนั้นปลายกระโปรงยาวรุ่มร่ามก็ดันไปเกี่ยวกับเหล็กเส้นเก่าสนิมเกรอะที่โผล่ขึ้นมาจากฝาท่อ เนื้อผ้าชีฟองขาดรุ่ย รักเดียวแก้เผ็ดเจ้ากระโปรงไม่รักดีด้วยการจับมันฉีกแควกให้ขาดพ้นๆ ไปเสียเลย ก่อนจะแสยะยิ้มด้วยความสะใจ กระโปรงยาวลากพื้นเลยกลายเป็นกระโปรงสั้นกุด โชว์ต้นขาขาวจั๊วะไปในพริบตา
นานเป็นชั่วโมงในการยืนรอแท็กซี่ แสงแห่งความหวังฉายมารำไรจากรถเบื้องหน้า รักเดียวยื่นแขนขาวๆ ของตัวเองไปโบกเรียกด้วยสายตาที่พล่าเบลอจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่สมองส่วนที่ยังใช้การได้ก็เฉลียวสงสัยว่า ทำไมโลโก้ที่แปะข้างรถมันถึงได้ดูทะ

ๆ ชอบกล ต่อเมื่อรถที่ว่านั่น แล่นปร๋อมาจอดข้างๆ และเจ้าของรถชะโงกหน้าข้ามหน้าต่างรถออกมาเธอถึงได้รู้ว่า อ้อ! นี่ มัน ไม่ช่าย แท็ก ซี่...
“ชั่วโมงเท่าไหร่” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งในนั้นเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน
คนถูกถามตะแคงหน้า เงี่ยหูฟัง ตาปรือๆ “อาราย... เท่าหร่าย?”
“ค่าขนม คิดเท่าไหร่”
รักเดียวส่ายหัว “ม่ายกิน... อิ่มแล้ว... จากลับบ้านนนน”
“ชัดเลย เหมือนที่สายรายงานมาเป๊ะ สาว ขาว เมา พูดจาไม่รู้เรื่อง… เข้าชาร์จเลยหมู่”
Pop up you! เนื้อคู่ จู่ๆ ก็มา
วันนี้ขอเสนอ ‘Pop up you! เนื้อคู่ จู่ๆ ก็มา’ เป็นตอนที่ ๔ แล้วค่ะ
แต่ก่อนอื่น ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่านค่ะ
ขอบคุณคอมเมนท์และแรงใจจากคุณ Psycho man, คุณน้องเรือลันล้า, คุณคาโบนาร่าลาซาญญ่ามักกะโรนี มากๆๆด้วยค่ะ
ความเดิมตอนที่แล้ว>>>
http://pantip.com/topic/33099447
♫ ♫ ♫ ♫ ♫
ตอนที่ ๔: เสียการทรงตัว
หากมองไปที่บนเวทีในตอนนี้ ศูนย์รวมสายตาของแขกเหรื่อและนักข่าวของงานคือโฆษกพรรคกำลังชี้แจงรายละเอียดการทำงานของพรรคและเคลียร์คำถามปั่นกระแสของข่าว
หลังจากกระแสข่าวด่างพร้อยของผู้สมัครพรรคไทยขยันได้รับการเคลียร์ให้กลับมาขาวสะอาดได้สำเร็จ สถานการณ์ตึงเครียดในงานค่อยๆ ดีขึ้นและความวุ่นวายก็ถูกแทนที่ด้วยเพลงเต้นรำยุคโก๋หลังวัง จอพรีเซนเทชั่นขนาดยักษ์ประมวลภาพครอบครัวไฮโซและเหล่าคนดังที่ให้การสนับสนุนพรรคมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง บรรยากาศในงานจึงคืนสู่ความปกติสุข
ในฐานะที่ปรึกษาอาวุโสของพรรค ทะนงศักดิ์นำลูกพรรคแวะทักทายแขกวีไอพีแต่ละโต๊ะอย่างเป็นกันเอง และความที่เป็นคนบ้านเดียวกันทะนงศักดิ์จึงดึงตัวเจนยุทธ์บุตรชายของจอมบุญอดีตผู้ใหญ้บ้านท่าดอกรักมาแนะนำกับย่าแป้นอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ย่าแป้นและครอบครัวต่างยิ้มยินดีที่ทะนงศักดิ์ปฏิบัติอย่างให้เกียรติ จะมีก็เพียงภพรักที่ไม่ยินดียินร้ายสักเท่าไหร่
“นี่นะหรือพ่อเจนลูกชายผู้ใหญ่จอมบุญ ไม่ได้เจอกันสิบกว่าปีพ่อเจนโตเป็นหนุ่มหล่อเหลาเสียจนจำไม่ได้” ย่ายิ้มแป้น ก่อนที่พ่อจะเลื่อนมือไปเบรกย่าเบาๆ
“แม่ครับ ตอนนี้คุณจอมบุญเขาเป็นถึงนักธุรกิจชื่อดังระดับประเทศ แม่ยังจะไปเรียกเขาบ้านๆ แบบนั้นอีก แม่นะแม่” นายประนพบุตรชายยกมือเกาหัวแกรกด้วยความรู้สึกเค้อเก้อแทนมารดา แต่เจนยุทธ์เลื่อนมือมาจับมือย่าเอาไว้ราวกับจะแสดงถึงความจริงใจพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธด้วยท่าทางสุภาพ
“ไม่เป็นไรครับ เรียกพ่อแบบเดิมดีแล้วครับ ผมกับพ่อดีใจมากที่ทุกคนยังให้ความเป็นกันเองเหมือนเมื่อก่อน เสียดายพ่อติดคุยงานกับผู้ร่วมทุนที่เวียดนามจึงไม่ได้มาด้วย” เขาว่า กิริยาและน้ำเสียงล้วนเปี่ยมล้นไปด้วยความสุภาพนอบน้อมมีสัมมาคารวะสร้างความปลาบปลื้มให้แก่นางประนอมจนต้องยิ้มปรี่อย่างออกหน้าออกตา สำหรับนายตำรวจหนุ่มภพรักแม้จะอึดอัดจนอยากลุกออกไปจากงานแต่ในเมื่อทำไม่ได้ เขาเลยต้องทนนั่งเฉยๆ มองดูย่าและพ่อกับแม่เจรจาพาทีกับคนพวกนั้นอย่างถูกปากถูกคอ
คาลัว มิลค์จากถาดเสิร์ฟของบริกรถูกยกขึ้นมาดื่มอีกแก้ว นับเป็นแก้วที่สาม หรือว่าแก้วที่สี่รักเดียวก็ชักไม่แน่ใจเธอยกมันขึ้นดื่มรวดเดียวหมดและคืนแก้วกลับลงที่เดิม ก่อนจะทอดสายตาอาลัยอาวรณ์ไปยังว่าที่สส.หนุ่มที่กำลังถูกพวกนักข่าวมะรุมมะตุ้มอยู่กลางงาน การจะเข้าถึงตัวเขานั้นแสนยากเย็น รอบๆ ตัวเขาตอนนี้นอกจากจะเต็มไปด้วยพวกนักข่าวแล้วยังมีบอดีการ์ดและผู้ติดตามเป็นสิบๆ สรุปว่าพี่เจนของเธอเป็นผู้สมัครหน้าใหม่พรรคไทยขยัน หรือว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์เกาหลีกันแน่พูดถึงซุป’ตาร์ก็ให้นึกไปถึงยัยดาราหน้าเด้ง เค้ก คะนึงนิจยังจะมียัยคุณหนูฝนเมษาหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักคู่หมั้นค้างปีนั่นอีก
แต่เฮอะ! สองคนนั่นไม่ใช่สเปกพี่เจนหรอก อย่างพี่เจนต้องสาวขาลุยทนร้อนทนฝนแบบเธอต่างหากรักเดียวยิ้มยินดีให้กับความคิดตัวเอง พลางหันไปคว้าค็อกเทลจากถาดของบริกรมาดื่มอีกแก้วเพื่อเพิ่มความมั่นใจจนลืมสนิทว่าเคยรับปากมั่นเหมาะกับจีรศักดิ์ว่าจะไม่ดื่มหนักอีก
เมื่อซัดเข้าไปหลายแก้วจนฤทธิ์แอลกอฮอล์แผ่ซ่านและความมั่นใจก็พวยพุ่งเธอจึงพร้อมจะลุยได้อีกครั้ง เธอพาตัวเองแหวกกลุ่มผู้สื่อข่าวที่กำลังห้อมล้อมเจนยุทธ์เพื่อเก็บภาพและบันทึกการสัมภาษณ์ตามหัวข้อคำถามที่ได้ท่องจำมาอย่างดี แต่ด้วยส่วนสูงห้าฟุตกับรองเท้าส้นเข็มหกนิ้วนอกจากจะไม่ช่วยดึงความสนใจของเจนยุทธ์ได้แล้วมันยังทำเธอเสียหลักหน้าเกือบทิ่มพื้นดีแต่มีแผ่นอกหนาๆ ของใครคนหนึ่งเข้ามรองรับไว้
“โอ๊ย!”
หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นและเจอะกับสายตาคู่เข้มเจ้าของสองแขนใหญ่ๆ ที่รับร่างเธอพอจะๆ ว่าเขาเป็นใครเท่านั้นเธอก็รีบผละออกทันที ใจที่อยากเอ่ยขอบคุณก็เปลี่ยนเป็นอาการเซ็งๆ แววตาสดใสออกอาการผิดหวังเล็กน้อย
“ทำไมต้องเป็นคุณด้วยเนี่ย” เธอบ่น
“ทำไมครับ เป็นผมแล้วมันยังไงไม่ทราบ” ชายหนุ่มอมยิ้ม “หมู่นี้เราสองคนเจอกันบ่อยแฮะ สงสัยเป็นพรหมลิขิต”
ผีลิขิตสิไม่ว่า! รักเดียวแบะปากพร้อมเมินหน้าใส่เขา ก่อนจะเดินกลับเข้าไปสู่วงล้อมของนักข่าวเพียงเพื่อจะขอสัมภาษณ์เจนยุทธ์แบบใกล้ๆ แต่ปรากฏว่าเขากับผู้สมัครคนอื่นถูกต้อนกลับเข้าไปในห้องรับรองด้านหลังเวทีเสียแล้ว
“โธ่เอ้ย” หญิงสาวสะบัดลมหายใจอย่างฉุนๆ หันไปชี้หน้าโบ้ยความผิดให้คนร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตชอตสลีฟว์สีน้ำเงินวาว “เป็นเพราะคุณ เห็นมั้ย ฉันเลยตามไปสัมภาษณ์ไม่ทัน”
ชายหนุ่มส่ายหัว กล่าวด้วยเสียงขบขัน “เป็นนักข่าวมันต้องคล่องแคล่วว่องไวสิคุณ เซ่อซ่าแบบนี้จะไปตามใครเค้าทัน”
“คุณ!” ถลึงตาใส่คนปากเปราะไปทีหนึ่ง แต่ฝ่ายนั้นไม่สนกลับหลังหันให้และสาวเท้ายาวๆ ไปตักอาหารที่ไลน์บุฟเฟ่ต์หน้าตาเฉย
ไปๆ มาๆ คลิปสัมภาษณ์ที่รักเดียวได้มาจึงล้วนเป็นคำถามจากสำนักข่าวอื่นทั้งนั้น แต่รักเดียวสะบัดหน้าทิ้งความกังวลเหล่านั้นไปอย่างไม่ยี่หระ.. ช่างเถอะ แค่สกู๊ปข่าวกรอบเล็กๆ สองตารางนิ้วบนหน้าเว็บไทยซียูนิวส์ที่บก.ธีระไม่ค่อยจะเห็นความสำคัญซักเท่าไหร่
หญิงสาวยกมือดูเวลา เพิ่งจะสี่ทุ่ม แม้งานเลี้ยงจะยังไม่เลิกรา แต่ในเมื่อไม่เห็นทางจะได้เข้าใกล้เจนยุทธ์เลยสักครั้ง รักเดียวจึงตัดสินใจกลับ เธอเดินเบลอๆ ออกมาหน้าโรงแรมหวังว่าจะประหยัดเงินค่าลีมูซีนหรูราคาแพงหูดับ ยอมเดินมาไกลอีกหน่อยจนถึงริมถนนใหญ่เพื่อเรียกแท็กซี่แต่ดูเหมือนว่าค่ำคืนนี้จะเต็มไปด้วยคนอยากกลับบ้าน แท็กซี่ว่างถึงได้ไม่ผ่านมาซักคัน อาการมึนๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์เริ่มสำแดงผล แม้จะมั่นใจว่าไม่ได้เมาแต่เธอก็เดินไม่ค่อยตรงทางสักเท่าไหร่
จนกระทั่งความซวยระลอกสองเล่นงานเข้าอีกจนได้ รองเท้าส้นเข็มเจ้ากรรมทำเธอสะดุดกับฝาท่อ ดีแต่เธอเป็นนักกีฬาการทรงตัวดีมาแต่ไหนแต่ไรก็เลยไม่ถึงกับล้มหัวทิ่ม แต่กระนั้นปลายกระโปรงยาวรุ่มร่ามก็ดันไปเกี่ยวกับเหล็กเส้นเก่าสนิมเกรอะที่โผล่ขึ้นมาจากฝาท่อ เนื้อผ้าชีฟองขาดรุ่ย รักเดียวแก้เผ็ดเจ้ากระโปรงไม่รักดีด้วยการจับมันฉีกแควกให้ขาดพ้นๆ ไปเสียเลย ก่อนจะแสยะยิ้มด้วยความสะใจ กระโปรงยาวลากพื้นเลยกลายเป็นกระโปรงสั้นกุด โชว์ต้นขาขาวจั๊วะไปในพริบตา
นานเป็นชั่วโมงในการยืนรอแท็กซี่ แสงแห่งความหวังฉายมารำไรจากรถเบื้องหน้า รักเดียวยื่นแขนขาวๆ ของตัวเองไปโบกเรียกด้วยสายตาที่พล่าเบลอจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่สมองส่วนที่ยังใช้การได้ก็เฉลียวสงสัยว่า ทำไมโลโก้ที่แปะข้างรถมันถึงได้ดูทะ
“ชั่วโมงเท่าไหร่” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งในนั้นเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน
คนถูกถามตะแคงหน้า เงี่ยหูฟัง ตาปรือๆ “อาราย... เท่าหร่าย?”
“ค่าขนม คิดเท่าไหร่”
รักเดียวส่ายหัว “ม่ายกิน... อิ่มแล้ว... จากลับบ้านนนน”
“ชัดเลย เหมือนที่สายรายงานมาเป๊ะ สาว ขาว เมา พูดจาไม่รู้เรื่อง… เข้าชาร์จเลยหมู่”