สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอ่าน ตามได้ที่
บทนำ
http://pantip.com/topic/32046546
บทที่ 1
http://pantip.com/topic/32102961
บทที่ 2
http://pantip.com/topic/32333496
บทที่ 3
http://pantip.com/topic/32342880
บทที่ 4
http://pantip.com/topic/32944640
***เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ผ่านการรีไรท์มา หากเคยอ่านบทนำ-บทที่ 3 ที่ผ่านมาแล้ว กรุณากลับไปอ่านบทนำใหม่เพื่อจูนด้วยค่ะ
The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ
โดย พิมพ์สราญ
บทที่ 5
“พายๆ โอเคหรือเปล่า” เสียงของภรตเรียกเธอให้ตื่นจากภวังค์ความทรงจำ
...ความทรงจำที่เธอจำไม่ได้
“โอเคนะ ทำไมเหรอ” พัชภิชาถามเสียงเบา แปลกใจที่ตอนนี้ตนอิงแอบอยู่กับภรตโดยมีชายหนุ่มช่วยประคองเธออยู่ในที
“จมูกอ่ะ” ภรตพูด หญิงสาวจึงใช้นิ้วเรียวสำรวจใต้จมูก เลือกดำเดาเธอไหลอีกแล้ว พัชภิชารีบหยิบกระดาษชำระที่เธอพกไว้ในกระเป๋าหนังครัชสีแดงเข้าชุดมาซับที่ใต้จมูก “สงสัยอากาศเปลี่ยนหรือเปล่า” ภรตสันนิษฐาน นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาเห็นอาการเช่นนี้ของพัชภิชา
“คงแบบนั้น เราโอเคแล้วล่ะ” พัชภิชาบอกก่อนจะยืนให้มั่นคง แต่ก็ต้องซวนเซอีกครั้งเพราะอาการปวดศีรษะเข้ามาเล่นงาน
“กลับก่อนเถอะ” ภรตว่า ใช้มือของตนเองเพื่อเช็คอุณหภูมิบนหน้าผากของหญิงสาว “ตัวก็ไม่ร้อนนะ แปลกจัง มา ซันไปส่ง”
“ไม่ดีมั้งซัน นี่เพิ่งเริ่มงานได้ชั่วโมงเดียว ต้องรับรองลูกค้าไม่ใช่เหรอ” พัชภิชาเกรงใจเพื่อน งานวันนี้เป็นงานเลี้ยงครั้งสำคัญของบริษัท เป็นงานสำคัญของภรต
“เอางี้ พายกลับห้องก่อนเลย” เขาพูด พัชภิชาและครอบครัวภรตพักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ในชั้นเดียวกัน ชายหนุ่มค่อยๆจับจูงเพื่อนที่ใช้กระดาษชำระอุดจมูกตัวเองมาบริเวณหน้างาน ไม่กี่นาทีเขาก็เรียกพนักงานหญิงที่เดินผ่านมาเอาไว้ “รบกวนช่วยพาคุณผู้หญิงไปส่งที่ห้องด้วยนะ” เขามอบหมายหน้าที่ก่อนหยิบธนบัตรจำนวนหนึ่งให้พนักงานสาวเป็นค่าทิป
“ได้ค่ะ” พนักงานสาวรับคำก่อนเข้ามาช่วยประคองพัชภิชา
“เดินเป็นเพื่อนก็พอจ๊ะ ฉันเริ่มโอเคแล้ว” หญิงสาวบอกก่อนเริ่มเดินตามพนักงานสาว
หญิงสาวครุ่นคิดถึงความทรงจำที่จู่ๆก็แวบเข้ามาในหัว น่าแปลกที่เธอไม่เคยรู้ว่าเคยมีความทรงจำนี้ แต่ส่วนลึกในใจเธอกลับแน่ใจว่ามันเกิดขึ้นจริง บางทีนี่อาจเป็นความทรงจำในช่วงเวลาสามปีก่อนที่เธอไปเรียนภาษาอังกฤษระยะสั้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พฤกษ์ที่ในขณะนั้นเรียนอยู่ที่แคลิฟอร์เนียในสาขาแพทย์ทางด้านประสาทวิทยาเล่าให้ฟังว่าพัชภิชารถจักรยานล้ม ตอนฟื้นขึ้นมาใหม่ๆ หญิงสาวจำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง แต่สองสัปดาห์ให้หลังความทรงจำต่างๆก็กลับมาจนครบเว้นแต่ระยะเวลาสามเดือนที่สหรัฐอเมริกา หญิงสาวรู้เพียงว่าเคยมาเรียนภาษา หลายครั้งเธอพยายามจะนึกเรื่องราวต่างๆให้ออก แต่ก็เหมือนมีหมอกสีเทามาคอยบดบังความทรงจำ มีเพียงฝันแปลกที่คอยติดตามแต่พอจะพยายามนึกอย่างไร ก็นึกไม่ออก
“คุณผู้หญิงคะ เปลี่ยนเป็นผ้าผืนนี้เถอะค่ะ” พนักงานสาวหมายถึงกระดาษชำระที่เปื้อนเลือดจนเปื่อยยุ่ย เธอแกะผ้าฝ้ายสีขาวออกจากห่อพลาสติกที่แสดงว่าผ้าผืนนี้ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์เป็นอย่างดีมาให้พัชภิชา
“ขอบคุณนะ” หญิงสาวรับผ้าผืนนั้นมาอุดจมูกเพื่อป้องกันไม่ไหลเลือดกำเดาไหลเพิ่ม ยังไม่ทันที่เธอจะคิดหาสาเหตุของกลิ่นแปลกๆที่อยู่ในผ้า แสงสว่างบริเวณโถงทางเดินก็ค่อยๆมืดดับลงไปพร้อมสติสัมปชัญญะของพัชภิชา
‘ต้องมีโค้ดเปิดเหรอ’ เสียงเล็กถามอย่างตื่นเต้น
‘ใช่’ อีกเสียงหนึ่งตอบ เจ้าของเสียงคือเด็กหนุ่มที่กำลังขมักขเม้นกับการออกแบบผลงาน
‘ช่วยคิดมั้ย’ เสียงเล็กถามอย่างเปี่ยมความหวัง
‘พิมพ์ไปเลย แล้วกดเอนเตอร์’ เด็กหนุ่มบอกอย่างใจกว้าง ‘ไม่ต้องบอกล่ะ ขอเดา’
‘ได้เล้ยหย่งเหอ นายต้องเดาไม่ออกแน่ๆ’
เพดานสีงาช้างที่ค่อยๆปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อยๆในครรลองสายตา ไม่ได้สร้างความงุนงงให้แก่พัชภิชาเท่ากับร่างสูงที่นั่งกอดอกอยู่บนโซฟาหนังสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่ถูกความสูงของเขาทำให้มันดูขนาดเล็กลง วันนี้ชายหนุ่มแปลกตาด้วยเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงสแล็คขายาวสีดำ มือใหญ่หยุดการอ่านหนังสือที่ค้างไว้ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับเธอ
“ตื่นแล้วเหรอ” เขาพูดก่อนจะมองหน้าปัดนาฬิกาสีเงินซึ่งเป็นรุ่นสั่งทำพิเศษอันมีเพียงห้าเรือนในโลกแล้วเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยคำพูด “ยาสลบแรงดีทีเดียว” จบคำพูดเขาสมองที่ค่อยๆพ้นจากอาการมึนงงของพัชภิชาจึงค่อยๆทำงาน
“ชั้นออกมาจากห้องบอลรูม กำลังกลับห้อง” เธอค่อยๆทวนเหตุการณ์กับตนเองตั้งแต่ที่รับผ้าจากบริกรมาเพื่อซับเลือดกำเดา “คุณทำเหรอ ทำไม” เธอถามและค่อยๆยันตัวขึ้นมานั่งก่อนมองสภาพรอบๆตัว เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ ห้องนี้ไม่ใช่ห้องพักของเธอ
เฉินหย่งเหอทำท่าจะพูดอะไรก่อนจะยั้งริมฝีปากเอาไว้ ค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปยืนหันหลังให้เธอ
“ฉันต้องคุยกับเธอพาย เธอจะใช้อาการความจำเสื่อมของเธอหนีจากหนี้ที่ติดฉันไว้ไม่ได้หรอก” เขาบอก
“อืม ฉันก็ว่าเราน่าเคยรู้จักกันนะ แต่ฉันก็จำคุณไม่ได้เลย ว่าแต่ฉันยืมเงินคุณด้วยเหรอ” เธอพยายามนึก แล้วก็ต้องยอมแพ้เมื่อนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก “ถ้าจะให้คืนคุณต้องมีสัญญานะ” เธอบอก ก็ช่วยไม่ได้ก็เธอจำเหตุการณ์ระหว่างทั้งคู่ไม่ได้จึงต้องปกป้องประโยชน์ของตัวเอง แล้วเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันเขากับเธอเป็นอย่างไร
...แต่ก็ไม่น่าจะเลวร้าย เธอรู้สึกได้
“หึๆ เธอยังเป็นคนตลกเหมือนเคย” ร่างสูงพูดด้วยเสียงที่แปลกพิกลในความรู้สึกเธอ “มันไม่ใช่เรื่องยืมเงิน แต่มันก็มีมูลค่ามหาศาล เธอเป็นคนคิดรหัสเปิดไฟล์สิ่งประดิษฐ์ของฉัน ซึ่งฉันยังแก้ไม่ได้ แล้วตอนนี้เธอดันลืมซะแล้ว”
“หา ให้ฉันคิดเนี่ยนะ คุณบ้าเหรอเปล่าเนี่ย คุณให้เพื่อนของคุณคิดรหัสเปิดไฟล์งาน ที่น่าจะสำคัญมาก โดยที่คุณไม่รู้รหัสเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว” พัชภิชาพูดอย่างเหลือเชื่อ เธอพยายามนึกถึงเรื่องระหว่างทั้งคู่ ตอนนี้เธอค่อนข้างมั่นใจว่าเธอคงสนิทสนมกับชายหนุ่มตรงหน้าพอสมควร “แล้วจะนึกยังไงเนี่ยถึงไว้ใจเพื่อนขนาดนี้”
“เพื่อนเหรอ” เขาพูดด้วยเสียงนุ่ม แล้วค่อยๆหันมาประสานสายตากับเธอ พัชภิชาเห็นแววกรุ้มกริ่มอย่างเต็มเปี่ยม ไม่น่าเชื่อว่าเขาเป็นคนเดียวกันกับท่านประธานผู้เคร่งขรึม หัวเรือใหญ่ของตระกูลเฉิน เศรษฐีอันดับต้นๆของเอเชีย ควบตำแหน่งอัจฉริยะเจ้าของนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์มูลค่ามหาศาล
“ไม่ใช่ซะหน่อย” รอยยิ้มพรายปรากฎบนใบหน้าหล่อเหลา
“งั้นยิ่งแล้วใหญ่ ฝากเรื่องสำคัญให้กับคนรู้จัก” เธอเดา ไม่อยากเชื่อว่าเฉินหย่งเหอเมื่อสามปีก่อนจะสะเพร่าได้ขนาดนี้ ขายหนุ่มที่ตอนนี้เปลี่ยนมานั่งที่ปลายเตียงค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้ ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันทำให้หญิงสาวต้องกระถดตัวหนี “ช่วยเขยิบไปนิดได้มั้ย”
“ใกล้กว่านี้ยังเคยมาแล้ว” เขาพูดก่อนจะย้ำประโยคต่อไปเป็นภาษาไทย “นอนด้วยกันทั้งคืนยังเคย”
“หา” พัชภิชารู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อตาของเธอกำลังทำงานอย่างหนักในการดึงตัวออกจากกัน ตอนนี้ความตกใจของเธอนั้นคงทำให้ตาเธอโตขึ้นเป็นอย่างมาก “นายว่าอะไรนะ”
“ก็” เขายังไม่เฉลยง่ายๆ มือเรียวม้วนผมยาวสลวยเล่นอย่างอารมณ์ดี จะว่าไปการที่พัชภิชาความจำเสื่อมก็พอมีข้อดี “เมือสามปีก่อน เราเป็นแฟนกัน”
“เฮ้ย” พัชภิชาร้องออกมา กำลังจะช็อกอยู่แล้วก่อนที่สมองจะเริ่มประมวลผล “เดี๋ยวก่อนนะหย่งเหอ เมื่อสามปีก่อนเนี่ยนายก็จะจะหน้าตาแบบนี้ถูกมั้ย”
คำถามที่แทรกสถานการณ์ที่มีเขาเป็นผู้ไล่ต้อน ประกอบกับน้ำเสียงที่นิ่งขึ้นของพัชภิชาทำให้เฉินหย่งเหอแปลกใจ แต่ยิ่งกว่านั้นคือในที่สุดเธอก็หัดเรียกชื่อเขาออกมาบ้างแล้ว ชายหนุ่มตอบคำถามนั้นด้วยความแปลกใจ
“ก็เป็นแบบนี้” เขาบอก
“เหอะ งั้นนายก็โกหกแล้วล่ะ” หญิงสาวพูด น้ำเสียงมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก พัชภิชาเพิ่งมาเป็นหญิงสาวรูปร่างเพรียวแบบนี้ได้สองปีกว่าๆเท่านั้น เมื่อสามปีก่อนเธอไม่ต่างอะไรกับลูกเป็ดขี้เหร่ แม้ว่าเธอจะไม่ถึงกับอ้วน แต่หุ่นที่อวบของเธอเมื่อประกอบกับส่วนสูงที่ค่อนข้างมาก และผมที่เธอมักจะตัดสั้นอยู่เสมอมันทำให้เธอดูเหมือนเด็กผู้ชายด้วยซ้ำ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งมีผู้ชายมาจีบตอนเรียนปีสี่ ขนาดตัวเธอเองยังทนสภาพตนเองไม่ได้จนต้องลดน้ำหนัก แล้วประสาอะไรกับผู้ชายหน้าตาอย่างเขาที่จะมาสนใจเธอ
...ไม่มีทาง
“คุณจะเรียกความเชื่อถือจากฉันได้ยังไงถ้าเริ่มแรกคุณก็โกหก” พัชพิชาบอกเขาเสียงเรียบ สรรพนามเรียกเขาเปลี่ยนกลับมาห่างเหินเหมือนเดิม “ถ้าจะนัดคุยกันสำหรับธุระของคุณ ฉันจะให้ความร่วมมือเต็มที่ แต่ช่วยมีมารยาทด้วยเถอะ”
จบคำพูดเหตุการณ์หลังจากนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วจนหญิงสาวตั้งตัวไม่ทัน ร่างสูงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในรูปแบบที่เธอไม่คิดมาก่อน มือหนาตรึงสองมือของเธอที่คิดจะใช้ต่อต้านตามสัญชาตญาณการป้องกันตัวโดยธรรมชาติ แต่ดูเหมือนร่างกายที่เพิ่งพ้นจากฤทธิ์ยาสลบทำให้มันปวกเปียกคล้ายการโบกมือตามจังหวะเพลงช้า จึงไม่แปลกที่มันโดนตรึงไว้กับเตียง รวมถึงช่วงขาเรียวที่เฉินหย่งเหอเอาขาขาวทว่าแข็งแรงกว่าเกาะเกี่ยวไว้เช่นกันจนเธอแทบจะขยับไม่ได้
“โกหกอะไรกัน” เขาพูดเสียงแผ่ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยแววสนุกสนานที่เขาปิดมันเอาไว้ไม่มิด
“ทำอะไรนะ ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้เลยนะ” พัชภิชาขู่เสียงโหด
“เธอจะทำเสียงแบบนี้ตอนเธอจะแพ้” เขาบอกเสียงรื่นรมย์ พัชภิชาเลิกสงสัยเรื่องแลอะเขาและเธอเคยสนิทกันแล้ว เขาเล่นรู้อารมณ์เธอได้หลากหลายขนาดนี้เธอเชื่อว่าทั้งสองต้องสนิทกันพอสมควรแล้ว
...เธอเคยเป็นแฟนเขาจริงๆเหรอเนี่ย
*******อ่านต่อ ความคิดเห็นที่ 1********
คุยกันนิดนึง
บทที่5มาแว้ว
ยังไงขอฝากเกมรักพิทักษ์ใจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ คอมเมนท์ติชมได้ตามสะดวก จะลงต่อเนื่องงดดองเค็มจ๊ะ
ด้วยรัก
ตฤณภัทร AKA ชะนีฟรีแลนซ์ คิคิ
ทางไปตอนที่ 6
http://pantip.com/topic/32965746
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ติดตามข่าวสารและนิยายของเราได้ที่
https://www.facebook.com/chanee.freelance
The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ บทที่ 5
บทนำ http://pantip.com/topic/32046546
บทที่ 1 http://pantip.com/topic/32102961
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/32333496
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/32342880
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/32944640
***เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ผ่านการรีไรท์มา หากเคยอ่านบทนำ-บทที่ 3 ที่ผ่านมาแล้ว กรุณากลับไปอ่านบทนำใหม่เพื่อจูนด้วยค่ะ
“พายๆ โอเคหรือเปล่า” เสียงของภรตเรียกเธอให้ตื่นจากภวังค์ความทรงจำ
...ความทรงจำที่เธอจำไม่ได้
“โอเคนะ ทำไมเหรอ” พัชภิชาถามเสียงเบา แปลกใจที่ตอนนี้ตนอิงแอบอยู่กับภรตโดยมีชายหนุ่มช่วยประคองเธออยู่ในที
“จมูกอ่ะ” ภรตพูด หญิงสาวจึงใช้นิ้วเรียวสำรวจใต้จมูก เลือกดำเดาเธอไหลอีกแล้ว พัชภิชารีบหยิบกระดาษชำระที่เธอพกไว้ในกระเป๋าหนังครัชสีแดงเข้าชุดมาซับที่ใต้จมูก “สงสัยอากาศเปลี่ยนหรือเปล่า” ภรตสันนิษฐาน นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาเห็นอาการเช่นนี้ของพัชภิชา
“คงแบบนั้น เราโอเคแล้วล่ะ” พัชภิชาบอกก่อนจะยืนให้มั่นคง แต่ก็ต้องซวนเซอีกครั้งเพราะอาการปวดศีรษะเข้ามาเล่นงาน
“กลับก่อนเถอะ” ภรตว่า ใช้มือของตนเองเพื่อเช็คอุณหภูมิบนหน้าผากของหญิงสาว “ตัวก็ไม่ร้อนนะ แปลกจัง มา ซันไปส่ง”
“ไม่ดีมั้งซัน นี่เพิ่งเริ่มงานได้ชั่วโมงเดียว ต้องรับรองลูกค้าไม่ใช่เหรอ” พัชภิชาเกรงใจเพื่อน งานวันนี้เป็นงานเลี้ยงครั้งสำคัญของบริษัท เป็นงานสำคัญของภรต
“เอางี้ พายกลับห้องก่อนเลย” เขาพูด พัชภิชาและครอบครัวภรตพักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ในชั้นเดียวกัน ชายหนุ่มค่อยๆจับจูงเพื่อนที่ใช้กระดาษชำระอุดจมูกตัวเองมาบริเวณหน้างาน ไม่กี่นาทีเขาก็เรียกพนักงานหญิงที่เดินผ่านมาเอาไว้ “รบกวนช่วยพาคุณผู้หญิงไปส่งที่ห้องด้วยนะ” เขามอบหมายหน้าที่ก่อนหยิบธนบัตรจำนวนหนึ่งให้พนักงานสาวเป็นค่าทิป
“ได้ค่ะ” พนักงานสาวรับคำก่อนเข้ามาช่วยประคองพัชภิชา
“เดินเป็นเพื่อนก็พอจ๊ะ ฉันเริ่มโอเคแล้ว” หญิงสาวบอกก่อนเริ่มเดินตามพนักงานสาว
หญิงสาวครุ่นคิดถึงความทรงจำที่จู่ๆก็แวบเข้ามาในหัว น่าแปลกที่เธอไม่เคยรู้ว่าเคยมีความทรงจำนี้ แต่ส่วนลึกในใจเธอกลับแน่ใจว่ามันเกิดขึ้นจริง บางทีนี่อาจเป็นความทรงจำในช่วงเวลาสามปีก่อนที่เธอไปเรียนภาษาอังกฤษระยะสั้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พฤกษ์ที่ในขณะนั้นเรียนอยู่ที่แคลิฟอร์เนียในสาขาแพทย์ทางด้านประสาทวิทยาเล่าให้ฟังว่าพัชภิชารถจักรยานล้ม ตอนฟื้นขึ้นมาใหม่ๆ หญิงสาวจำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง แต่สองสัปดาห์ให้หลังความทรงจำต่างๆก็กลับมาจนครบเว้นแต่ระยะเวลาสามเดือนที่สหรัฐอเมริกา หญิงสาวรู้เพียงว่าเคยมาเรียนภาษา หลายครั้งเธอพยายามจะนึกเรื่องราวต่างๆให้ออก แต่ก็เหมือนมีหมอกสีเทามาคอยบดบังความทรงจำ มีเพียงฝันแปลกที่คอยติดตามแต่พอจะพยายามนึกอย่างไร ก็นึกไม่ออก
“คุณผู้หญิงคะ เปลี่ยนเป็นผ้าผืนนี้เถอะค่ะ” พนักงานสาวหมายถึงกระดาษชำระที่เปื้อนเลือดจนเปื่อยยุ่ย เธอแกะผ้าฝ้ายสีขาวออกจากห่อพลาสติกที่แสดงว่าผ้าผืนนี้ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์เป็นอย่างดีมาให้พัชภิชา
“ขอบคุณนะ” หญิงสาวรับผ้าผืนนั้นมาอุดจมูกเพื่อป้องกันไม่ไหลเลือดกำเดาไหลเพิ่ม ยังไม่ทันที่เธอจะคิดหาสาเหตุของกลิ่นแปลกๆที่อยู่ในผ้า แสงสว่างบริเวณโถงทางเดินก็ค่อยๆมืดดับลงไปพร้อมสติสัมปชัญญะของพัชภิชา
‘ต้องมีโค้ดเปิดเหรอ’ เสียงเล็กถามอย่างตื่นเต้น
‘ใช่’ อีกเสียงหนึ่งตอบ เจ้าของเสียงคือเด็กหนุ่มที่กำลังขมักขเม้นกับการออกแบบผลงาน
‘ช่วยคิดมั้ย’ เสียงเล็กถามอย่างเปี่ยมความหวัง
‘พิมพ์ไปเลย แล้วกดเอนเตอร์’ เด็กหนุ่มบอกอย่างใจกว้าง ‘ไม่ต้องบอกล่ะ ขอเดา’
‘ได้เล้ยหย่งเหอ นายต้องเดาไม่ออกแน่ๆ’
เพดานสีงาช้างที่ค่อยๆปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อยๆในครรลองสายตา ไม่ได้สร้างความงุนงงให้แก่พัชภิชาเท่ากับร่างสูงที่นั่งกอดอกอยู่บนโซฟาหนังสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่ถูกความสูงของเขาทำให้มันดูขนาดเล็กลง วันนี้ชายหนุ่มแปลกตาด้วยเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงสแล็คขายาวสีดำ มือใหญ่หยุดการอ่านหนังสือที่ค้างไว้ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับเธอ
“ตื่นแล้วเหรอ” เขาพูดก่อนจะมองหน้าปัดนาฬิกาสีเงินซึ่งเป็นรุ่นสั่งทำพิเศษอันมีเพียงห้าเรือนในโลกแล้วเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยคำพูด “ยาสลบแรงดีทีเดียว” จบคำพูดเขาสมองที่ค่อยๆพ้นจากอาการมึนงงของพัชภิชาจึงค่อยๆทำงาน
“ชั้นออกมาจากห้องบอลรูม กำลังกลับห้อง” เธอค่อยๆทวนเหตุการณ์กับตนเองตั้งแต่ที่รับผ้าจากบริกรมาเพื่อซับเลือดกำเดา “คุณทำเหรอ ทำไม” เธอถามและค่อยๆยันตัวขึ้นมานั่งก่อนมองสภาพรอบๆตัว เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ ห้องนี้ไม่ใช่ห้องพักของเธอ
เฉินหย่งเหอทำท่าจะพูดอะไรก่อนจะยั้งริมฝีปากเอาไว้ ค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปยืนหันหลังให้เธอ
“ฉันต้องคุยกับเธอพาย เธอจะใช้อาการความจำเสื่อมของเธอหนีจากหนี้ที่ติดฉันไว้ไม่ได้หรอก” เขาบอก
“อืม ฉันก็ว่าเราน่าเคยรู้จักกันนะ แต่ฉันก็จำคุณไม่ได้เลย ว่าแต่ฉันยืมเงินคุณด้วยเหรอ” เธอพยายามนึก แล้วก็ต้องยอมแพ้เมื่อนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก “ถ้าจะให้คืนคุณต้องมีสัญญานะ” เธอบอก ก็ช่วยไม่ได้ก็เธอจำเหตุการณ์ระหว่างทั้งคู่ไม่ได้จึงต้องปกป้องประโยชน์ของตัวเอง แล้วเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันเขากับเธอเป็นอย่างไร
...แต่ก็ไม่น่าจะเลวร้าย เธอรู้สึกได้
“หึๆ เธอยังเป็นคนตลกเหมือนเคย” ร่างสูงพูดด้วยเสียงที่แปลกพิกลในความรู้สึกเธอ “มันไม่ใช่เรื่องยืมเงิน แต่มันก็มีมูลค่ามหาศาล เธอเป็นคนคิดรหัสเปิดไฟล์สิ่งประดิษฐ์ของฉัน ซึ่งฉันยังแก้ไม่ได้ แล้วตอนนี้เธอดันลืมซะแล้ว”
“หา ให้ฉันคิดเนี่ยนะ คุณบ้าเหรอเปล่าเนี่ย คุณให้เพื่อนของคุณคิดรหัสเปิดไฟล์งาน ที่น่าจะสำคัญมาก โดยที่คุณไม่รู้รหัสเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว” พัชภิชาพูดอย่างเหลือเชื่อ เธอพยายามนึกถึงเรื่องระหว่างทั้งคู่ ตอนนี้เธอค่อนข้างมั่นใจว่าเธอคงสนิทสนมกับชายหนุ่มตรงหน้าพอสมควร “แล้วจะนึกยังไงเนี่ยถึงไว้ใจเพื่อนขนาดนี้”
“เพื่อนเหรอ” เขาพูดด้วยเสียงนุ่ม แล้วค่อยๆหันมาประสานสายตากับเธอ พัชภิชาเห็นแววกรุ้มกริ่มอย่างเต็มเปี่ยม ไม่น่าเชื่อว่าเขาเป็นคนเดียวกันกับท่านประธานผู้เคร่งขรึม หัวเรือใหญ่ของตระกูลเฉิน เศรษฐีอันดับต้นๆของเอเชีย ควบตำแหน่งอัจฉริยะเจ้าของนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์มูลค่ามหาศาล
“ไม่ใช่ซะหน่อย” รอยยิ้มพรายปรากฎบนใบหน้าหล่อเหลา
“งั้นยิ่งแล้วใหญ่ ฝากเรื่องสำคัญให้กับคนรู้จัก” เธอเดา ไม่อยากเชื่อว่าเฉินหย่งเหอเมื่อสามปีก่อนจะสะเพร่าได้ขนาดนี้ ขายหนุ่มที่ตอนนี้เปลี่ยนมานั่งที่ปลายเตียงค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้ ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันทำให้หญิงสาวต้องกระถดตัวหนี “ช่วยเขยิบไปนิดได้มั้ย”
“ใกล้กว่านี้ยังเคยมาแล้ว” เขาพูดก่อนจะย้ำประโยคต่อไปเป็นภาษาไทย “นอนด้วยกันทั้งคืนยังเคย”
“หา” พัชภิชารู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อตาของเธอกำลังทำงานอย่างหนักในการดึงตัวออกจากกัน ตอนนี้ความตกใจของเธอนั้นคงทำให้ตาเธอโตขึ้นเป็นอย่างมาก “นายว่าอะไรนะ”
“ก็” เขายังไม่เฉลยง่ายๆ มือเรียวม้วนผมยาวสลวยเล่นอย่างอารมณ์ดี จะว่าไปการที่พัชภิชาความจำเสื่อมก็พอมีข้อดี “เมือสามปีก่อน เราเป็นแฟนกัน”
“เฮ้ย” พัชภิชาร้องออกมา กำลังจะช็อกอยู่แล้วก่อนที่สมองจะเริ่มประมวลผล “เดี๋ยวก่อนนะหย่งเหอ เมื่อสามปีก่อนเนี่ยนายก็จะจะหน้าตาแบบนี้ถูกมั้ย”
คำถามที่แทรกสถานการณ์ที่มีเขาเป็นผู้ไล่ต้อน ประกอบกับน้ำเสียงที่นิ่งขึ้นของพัชภิชาทำให้เฉินหย่งเหอแปลกใจ แต่ยิ่งกว่านั้นคือในที่สุดเธอก็หัดเรียกชื่อเขาออกมาบ้างแล้ว ชายหนุ่มตอบคำถามนั้นด้วยความแปลกใจ
“ก็เป็นแบบนี้” เขาบอก
“เหอะ งั้นนายก็โกหกแล้วล่ะ” หญิงสาวพูด น้ำเสียงมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก พัชภิชาเพิ่งมาเป็นหญิงสาวรูปร่างเพรียวแบบนี้ได้สองปีกว่าๆเท่านั้น เมื่อสามปีก่อนเธอไม่ต่างอะไรกับลูกเป็ดขี้เหร่ แม้ว่าเธอจะไม่ถึงกับอ้วน แต่หุ่นที่อวบของเธอเมื่อประกอบกับส่วนสูงที่ค่อนข้างมาก และผมที่เธอมักจะตัดสั้นอยู่เสมอมันทำให้เธอดูเหมือนเด็กผู้ชายด้วยซ้ำ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งมีผู้ชายมาจีบตอนเรียนปีสี่ ขนาดตัวเธอเองยังทนสภาพตนเองไม่ได้จนต้องลดน้ำหนัก แล้วประสาอะไรกับผู้ชายหน้าตาอย่างเขาที่จะมาสนใจเธอ
...ไม่มีทาง
“คุณจะเรียกความเชื่อถือจากฉันได้ยังไงถ้าเริ่มแรกคุณก็โกหก” พัชพิชาบอกเขาเสียงเรียบ สรรพนามเรียกเขาเปลี่ยนกลับมาห่างเหินเหมือนเดิม “ถ้าจะนัดคุยกันสำหรับธุระของคุณ ฉันจะให้ความร่วมมือเต็มที่ แต่ช่วยมีมารยาทด้วยเถอะ”
จบคำพูดเหตุการณ์หลังจากนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วจนหญิงสาวตั้งตัวไม่ทัน ร่างสูงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในรูปแบบที่เธอไม่คิดมาก่อน มือหนาตรึงสองมือของเธอที่คิดจะใช้ต่อต้านตามสัญชาตญาณการป้องกันตัวโดยธรรมชาติ แต่ดูเหมือนร่างกายที่เพิ่งพ้นจากฤทธิ์ยาสลบทำให้มันปวกเปียกคล้ายการโบกมือตามจังหวะเพลงช้า จึงไม่แปลกที่มันโดนตรึงไว้กับเตียง รวมถึงช่วงขาเรียวที่เฉินหย่งเหอเอาขาขาวทว่าแข็งแรงกว่าเกาะเกี่ยวไว้เช่นกันจนเธอแทบจะขยับไม่ได้
“โกหกอะไรกัน” เขาพูดเสียงแผ่ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยแววสนุกสนานที่เขาปิดมันเอาไว้ไม่มิด
“ทำอะไรนะ ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้เลยนะ” พัชภิชาขู่เสียงโหด
“เธอจะทำเสียงแบบนี้ตอนเธอจะแพ้” เขาบอกเสียงรื่นรมย์ พัชภิชาเลิกสงสัยเรื่องแลอะเขาและเธอเคยสนิทกันแล้ว เขาเล่นรู้อารมณ์เธอได้หลากหลายขนาดนี้เธอเชื่อว่าทั้งสองต้องสนิทกันพอสมควรแล้ว
...เธอเคยเป็นแฟนเขาจริงๆเหรอเนี่ย
*******อ่านต่อ ความคิดเห็นที่ 1********
คุยกันนิดนึง
บทที่5มาแว้ว
ยังไงขอฝากเกมรักพิทักษ์ใจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ คอมเมนท์ติชมได้ตามสะดวก จะลงต่อเนื่องงดดองเค็มจ๊ะ
ด้วยรัก
ตฤณภัทร AKA ชะนีฟรีแลนซ์ คิคิ
ทางไปตอนที่ 6 http://pantip.com/topic/32965746
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้