The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ บทที่ 5

กระทู้สนทนา
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอ่าน  ตามได้ที่
บทนำ http://pantip.com/topic/32046546
บทที่ 1 http://pantip.com/topic/32102961
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/32333496
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/32342880
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/32944640

***เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ผ่านการรีไรท์มา หากเคยอ่านบทนำ-บทที่ 3 ที่ผ่านมาแล้ว กรุณากลับไปอ่านบทนำใหม่เพื่อจูนด้วยค่ะยิ้ม

The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ

โดย พิมพ์สราญ

บทที่ 5



           “พายๆ โอเคหรือเปล่า” เสียงของภรตเรียกเธอให้ตื่นจากภวังค์ความทรงจำ

           ...ความทรงจำที่เธอจำไม่ได้

           “โอเคนะ ทำไมเหรอ” พัชภิชาถามเสียงเบา แปลกใจที่ตอนนี้ตนอิงแอบอยู่กับภรตโดยมีชายหนุ่มช่วยประคองเธออยู่ในที

           “จมูกอ่ะ” ภรตพูด หญิงสาวจึงใช้นิ้วเรียวสำรวจใต้จมูก เลือกดำเดาเธอไหลอีกแล้ว พัชภิชารีบหยิบกระดาษชำระที่เธอพกไว้ในกระเป๋าหนังครัชสีแดงเข้าชุดมาซับที่ใต้จมูก    “สงสัยอากาศเปลี่ยนหรือเปล่า” ภรตสันนิษฐาน นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาเห็นอาการเช่นนี้ของพัชภิชา

             “คงแบบนั้น เราโอเคแล้วล่ะ” พัชภิชาบอกก่อนจะยืนให้มั่นคง แต่ก็ต้องซวนเซอีกครั้งเพราะอาการปวดศีรษะเข้ามาเล่นงาน

              “กลับก่อนเถอะ” ภรตว่า ใช้มือของตนเองเพื่อเช็คอุณหภูมิบนหน้าผากของหญิงสาว    “ตัวก็ไม่ร้อนนะ แปลกจัง มา ซันไปส่ง”

             “ไม่ดีมั้งซัน นี่เพิ่งเริ่มงานได้ชั่วโมงเดียว ต้องรับรองลูกค้าไม่ใช่เหรอ” พัชภิชาเกรงใจเพื่อน งานวันนี้เป็นงานเลี้ยงครั้งสำคัญของบริษัท เป็นงานสำคัญของภรต

                “เอางี้ พายกลับห้องก่อนเลย” เขาพูด พัชภิชาและครอบครัวภรตพักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ในชั้นเดียวกัน ชายหนุ่มค่อยๆจับจูงเพื่อนที่ใช้กระดาษชำระอุดจมูกตัวเองมาบริเวณหน้างาน ไม่กี่นาทีเขาก็เรียกพนักงานหญิงที่เดินผ่านมาเอาไว้    “รบกวนช่วยพาคุณผู้หญิงไปส่งที่ห้องด้วยนะ” เขามอบหมายหน้าที่ก่อนหยิบธนบัตรจำนวนหนึ่งให้พนักงานสาวเป็นค่าทิป

            “ได้ค่ะ” พนักงานสาวรับคำก่อนเข้ามาช่วยประคองพัชภิชา

             “เดินเป็นเพื่อนก็พอจ๊ะ ฉันเริ่มโอเคแล้ว” หญิงสาวบอกก่อนเริ่มเดินตามพนักงานสาว

           หญิงสาวครุ่นคิดถึงความทรงจำที่จู่ๆก็แวบเข้ามาในหัว น่าแปลกที่เธอไม่เคยรู้ว่าเคยมีความทรงจำนี้ แต่ส่วนลึกในใจเธอกลับแน่ใจว่ามันเกิดขึ้นจริง บางทีนี่อาจเป็นความทรงจำในช่วงเวลาสามปีก่อนที่เธอไปเรียนภาษาอังกฤษระยะสั้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พฤกษ์ที่ในขณะนั้นเรียนอยู่ที่แคลิฟอร์เนียในสาขาแพทย์ทางด้านประสาทวิทยาเล่าให้ฟังว่าพัชภิชารถจักรยานล้ม ตอนฟื้นขึ้นมาใหม่ๆ หญิงสาวจำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง แต่สองสัปดาห์ให้หลังความทรงจำต่างๆก็กลับมาจนครบเว้นแต่ระยะเวลาสามเดือนที่สหรัฐอเมริกา หญิงสาวรู้เพียงว่าเคยมาเรียนภาษา หลายครั้งเธอพยายามจะนึกเรื่องราวต่างๆให้ออก แต่ก็เหมือนมีหมอกสีเทามาคอยบดบังความทรงจำ  มีเพียงฝันแปลกที่คอยติดตามแต่พอจะพยายามนึกอย่างไร ก็นึกไม่ออก

                “คุณผู้หญิงคะ เปลี่ยนเป็นผ้าผืนนี้เถอะค่ะ” พนักงานสาวหมายถึงกระดาษชำระที่เปื้อนเลือดจนเปื่อยยุ่ย เธอแกะผ้าฝ้ายสีขาวออกจากห่อพลาสติกที่แสดงว่าผ้าผืนนี้ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์เป็นอย่างดีมาให้พัชภิชา

               “ขอบคุณนะ” หญิงสาวรับผ้าผืนนั้นมาอุดจมูกเพื่อป้องกันไม่ไหลเลือดกำเดาไหลเพิ่ม ยังไม่ทันที่เธอจะคิดหาสาเหตุของกลิ่นแปลกๆที่อยู่ในผ้า แสงสว่างบริเวณโถงทางเดินก็ค่อยๆมืดดับลงไปพร้อมสติสัมปชัญญะของพัชภิชา



              ‘ต้องมีโค้ดเปิดเหรอ’ เสียงเล็กถามอย่างตื่นเต้น

              ‘ใช่’ อีกเสียงหนึ่งตอบ เจ้าของเสียงคือเด็กหนุ่มที่กำลังขมักขเม้นกับการออกแบบผลงาน

               ‘ช่วยคิดมั้ย’ เสียงเล็กถามอย่างเปี่ยมความหวัง

               ‘พิมพ์ไปเลย แล้วกดเอนเตอร์’ เด็กหนุ่มบอกอย่างใจกว้าง    ‘ไม่ต้องบอกล่ะ ขอเดา’

                 ‘ได้เล้ยหย่งเหอ นายต้องเดาไม่ออกแน่ๆ’

    
                เพดานสีงาช้างที่ค่อยๆปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อยๆในครรลองสายตา ไม่ได้สร้างความงุนงงให้แก่พัชภิชาเท่ากับร่างสูงที่นั่งกอดอกอยู่บนโซฟาหนังสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่ถูกความสูงของเขาทำให้มันดูขนาดเล็กลง วันนี้ชายหนุ่มแปลกตาด้วยเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงสแล็คขายาวสีดำ มือใหญ่หยุดการอ่านหนังสือที่ค้างไว้ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับเธอ

                “ตื่นแล้วเหรอ” เขาพูดก่อนจะมองหน้าปัดนาฬิกาสีเงินซึ่งเป็นรุ่นสั่งทำพิเศษอันมีเพียงห้าเรือนในโลกแล้วเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยคำพูด    “ยาสลบแรงดีทีเดียว” จบคำพูดเขาสมองที่ค่อยๆพ้นจากอาการมึนงงของพัชภิชาจึงค่อยๆทำงาน

               “ชั้นออกมาจากห้องบอลรูม กำลังกลับห้อง” เธอค่อยๆทวนเหตุการณ์กับตนเองตั้งแต่ที่รับผ้าจากบริกรมาเพื่อซับเลือดกำเดา    “คุณทำเหรอ ทำไม” เธอถามและค่อยๆยันตัวขึ้นมานั่งก่อนมองสภาพรอบๆตัว เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ ห้องนี้ไม่ใช่ห้องพักของเธอ

               เฉินหย่งเหอทำท่าจะพูดอะไรก่อนจะยั้งริมฝีปากเอาไว้ ค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปยืนหันหลังให้เธอ

              “ฉันต้องคุยกับเธอพาย เธอจะใช้อาการความจำเสื่อมของเธอหนีจากหนี้ที่ติดฉันไว้ไม่ได้หรอก” เขาบอก

              “อืม ฉันก็ว่าเราน่าเคยรู้จักกันนะ แต่ฉันก็จำคุณไม่ได้เลย ว่าแต่ฉันยืมเงินคุณด้วยเหรอ” เธอพยายามนึก แล้วก็ต้องยอมแพ้เมื่อนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก    “ถ้าจะให้คืนคุณต้องมีสัญญานะ” เธอบอก ก็ช่วยไม่ได้ก็เธอจำเหตุการณ์ระหว่างทั้งคู่ไม่ได้จึงต้องปกป้องประโยชน์ของตัวเอง แล้วเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันเขากับเธอเป็นอย่างไร

               ...แต่ก็ไม่น่าจะเลวร้าย เธอรู้สึกได้

             “หึๆ เธอยังเป็นคนตลกเหมือนเคย” ร่างสูงพูดด้วยเสียงที่แปลกพิกลในความรู้สึกเธอ    “มันไม่ใช่เรื่องยืมเงิน  แต่มันก็มีมูลค่ามหาศาล เธอเป็นคนคิดรหัสเปิดไฟล์สิ่งประดิษฐ์ของฉัน ซึ่งฉันยังแก้ไม่ได้ แล้วตอนนี้เธอดันลืมซะแล้ว”

              “หา ให้ฉันคิดเนี่ยนะ คุณบ้าเหรอเปล่าเนี่ย คุณให้เพื่อนของคุณคิดรหัสเปิดไฟล์งาน ที่น่าจะสำคัญมาก โดยที่คุณไม่รู้รหัสเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว” พัชภิชาพูดอย่างเหลือเชื่อ เธอพยายามนึกถึงเรื่องระหว่างทั้งคู่ ตอนนี้เธอค่อนข้างมั่นใจว่าเธอคงสนิทสนมกับชายหนุ่มตรงหน้าพอสมควร     “แล้วจะนึกยังไงเนี่ยถึงไว้ใจเพื่อนขนาดนี้”

            “เพื่อนเหรอ” เขาพูดด้วยเสียงนุ่ม แล้วค่อยๆหันมาประสานสายตากับเธอ พัชภิชาเห็นแววกรุ้มกริ่มอย่างเต็มเปี่ยม ไม่น่าเชื่อว่าเขาเป็นคนเดียวกันกับท่านประธานผู้เคร่งขรึม หัวเรือใหญ่ของตระกูลเฉิน เศรษฐีอันดับต้นๆของเอเชีย ควบตำแหน่งอัจฉริยะเจ้าของนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์มูลค่ามหาศาล    
  
         “ไม่ใช่ซะหน่อย” รอยยิ้มพรายปรากฎบนใบหน้าหล่อเหลา

             “งั้นยิ่งแล้วใหญ่ ฝากเรื่องสำคัญให้กับคนรู้จัก” เธอเดา ไม่อยากเชื่อว่าเฉินหย่งเหอเมื่อสามปีก่อนจะสะเพร่าได้ขนาดนี้  ขายหนุ่มที่ตอนนี้เปลี่ยนมานั่งที่ปลายเตียงค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้ ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันทำให้หญิงสาวต้องกระถดตัวหนี    “ช่วยเขยิบไปนิดได้มั้ย”

             “ใกล้กว่านี้ยังเคยมาแล้ว” เขาพูดก่อนจะย้ำประโยคต่อไปเป็นภาษาไทย    “นอนด้วยกันทั้งคืนยังเคย”

              “หา” พัชภิชารู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อตาของเธอกำลังทำงานอย่างหนักในการดึงตัวออกจากกัน ตอนนี้ความตกใจของเธอนั้นคงทำให้ตาเธอโตขึ้นเป็นอย่างมาก    “นายว่าอะไรนะ”

               “ก็” เขายังไม่เฉลยง่ายๆ มือเรียวม้วนผมยาวสลวยเล่นอย่างอารมณ์ดี จะว่าไปการที่พัชภิชาความจำเสื่อมก็พอมีข้อดี     “เมือสามปีก่อน เราเป็นแฟนกัน”

             “เฮ้ย” พัชภิชาร้องออกมา กำลังจะช็อกอยู่แล้วก่อนที่สมองจะเริ่มประมวลผล    “เดี๋ยวก่อนนะหย่งเหอ เมื่อสามปีก่อนเนี่ยนายก็จะจะหน้าตาแบบนี้ถูกมั้ย”

            คำถามที่แทรกสถานการณ์ที่มีเขาเป็นผู้ไล่ต้อน ประกอบกับน้ำเสียงที่นิ่งขึ้นของพัชภิชาทำให้เฉินหย่งเหอแปลกใจ แต่ยิ่งกว่านั้นคือในที่สุดเธอก็หัดเรียกชื่อเขาออกมาบ้างแล้ว ชายหนุ่มตอบคำถามนั้นด้วยความแปลกใจ

           “ก็เป็นแบบนี้” เขาบอก

            “เหอะ งั้นนายก็โกหกแล้วล่ะ” หญิงสาวพูด น้ำเสียงมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก พัชภิชาเพิ่งมาเป็นหญิงสาวรูปร่างเพรียวแบบนี้ได้สองปีกว่าๆเท่านั้น เมื่อสามปีก่อนเธอไม่ต่างอะไรกับลูกเป็ดขี้เหร่ แม้ว่าเธอจะไม่ถึงกับอ้วน แต่หุ่นที่อวบของเธอเมื่อประกอบกับส่วนสูงที่ค่อนข้างมาก และผมที่เธอมักจะตัดสั้นอยู่เสมอมันทำให้เธอดูเหมือนเด็กผู้ชายด้วยซ้ำ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งมีผู้ชายมาจีบตอนเรียนปีสี่ ขนาดตัวเธอเองยังทนสภาพตนเองไม่ได้จนต้องลดน้ำหนัก แล้วประสาอะไรกับผู้ชายหน้าตาอย่างเขาที่จะมาสนใจเธอ

           ...ไม่มีทาง

             “คุณจะเรียกความเชื่อถือจากฉันได้ยังไงถ้าเริ่มแรกคุณก็โกหก” พัชพิชาบอกเขาเสียงเรียบ สรรพนามเรียกเขาเปลี่ยนกลับมาห่างเหินเหมือนเดิม    “ถ้าจะนัดคุยกันสำหรับธุระของคุณ ฉันจะให้ความร่วมมือเต็มที่ แต่ช่วยมีมารยาทด้วยเถอะ”

             จบคำพูดเหตุการณ์หลังจากนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วจนหญิงสาวตั้งตัวไม่ทัน ร่างสูงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในรูปแบบที่เธอไม่คิดมาก่อน มือหนาตรึงสองมือของเธอที่คิดจะใช้ต่อต้านตามสัญชาตญาณการป้องกันตัวโดยธรรมชาติ แต่ดูเหมือนร่างกายที่เพิ่งพ้นจากฤทธิ์ยาสลบทำให้มันปวกเปียกคล้ายการโบกมือตามจังหวะเพลงช้า จึงไม่แปลกที่มันโดนตรึงไว้กับเตียง รวมถึงช่วงขาเรียวที่เฉินหย่งเหอเอาขาขาวทว่าแข็งแรงกว่าเกาะเกี่ยวไว้เช่นกันจนเธอแทบจะขยับไม่ได้

             “โกหกอะไรกัน” เขาพูดเสียงแผ่ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยแววสนุกสนานที่เขาปิดมันเอาไว้ไม่มิด

             “ทำอะไรนะ ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้เลยนะ” พัชภิชาขู่เสียงโหด

              “เธอจะทำเสียงแบบนี้ตอนเธอจะแพ้” เขาบอกเสียงรื่นรมย์ พัชภิชาเลิกสงสัยเรื่องแลอะเขาและเธอเคยสนิทกันแล้ว เขาเล่นรู้อารมณ์เธอได้หลากหลายขนาดนี้เธอเชื่อว่าทั้งสองต้องสนิทกันพอสมควรแล้ว

              ...เธอเคยเป็นแฟนเขาจริงๆเหรอเนี่ย

*******อ่านต่อ ความคิดเห็นที่ 1********
คุยกันนิดนึง

      บทที่5มาแว้ว  
       ยังไงขอฝากเกมรักพิทักษ์ใจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ คอมเมนท์ติชมได้ตามสะดวก จะลงต่อเนื่องงดดองเค็มจ๊ะ
            ด้วยรัก
      ตฤณภัทร AKA ชะนีฟรีแลนซ์ คิคิ
ทางไปตอนที่ 6 http://pantip.com/topic/32965746
      [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่