เรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก หรือน่าตื่นเต้นอะไร ผมเล่าไม่เก่งด้วย
เนื้อๆไม่มีน้ำนะครับ เกิดขึ้นเมื่อประมาณสองเดือนที่แล้วครับ(เพิ่งว่างมาเล่าขออภัย)
-ไปเที่ยวและลืมกล้องไว้ที่ แอร์พอร์ตที่โอ๊คแลนด์ มูลค่าก็หลักแสนครับ มารู้ตัวก็ตอนเครื่องบินเทคออฟแล้ว
-ผมแจ้งแอร์โอสฯ แอร์โอสแจ้งนักบิน (นักบินหรือผู้ช่วยไม่ทราบได้ แต่ปรกติท่านนี้จะไม่เดินเข้ามาให้ห้องผู้โดยสาร ขอเรียกว่า จนท.)
จนท. เดินมาถึงที่นั่งผมถามรายละเอียดกระเป๋าและรายละเอียดกล้องรุ่นและเลนส์
-จนท.แจ้งนักบินให้โทรเลข แจ้งภาคพื้นดิน(งงเลยยังใช้อยู่หรอ หรือมันมีประสิทธิภาพในเทคนิคการบิน ดีใจเล็กๆได้ความรู้ใหม่)
-ภาคพื้นดินโทรเลขกลับมาบอกว่า เจอกระเป๋าใบนึง
แต่จะไม่เปิดดูของข้างใน ต้องติดต่อ จนท.ไทย หรือผู้สารมารถรับผิดชอบได้ก่อน
-ในใจคิดว่า กล้องหลักแสนใครจะส่งคืน จะใช่กระเป๋าใบเดียวกันไหมว้าา
ตอนนั้นคิดในใจว่า ต้องซื้อใหม่แน่ๆ เงินไม่เสียดายเท่าไหร่ จะเสียดายก็แต่รูปในกล้องเกือบพันรูปของทริปนี้
- แต่ จนท.แนะนำดีมาก เล่าว่า โทรศัพท์ผมหายยังได้คืนเลย (ในใจก็คิด แหม่ กล้องผมแสนแพงนะครับท่าน)
ซึ่งก็แนะนำทุกขั้นตอนว่า ถึงภาคพื้นไทยแล้วทำไงบ้างทุกขั้นตอน ดูใส่ใจครับ ประทับใจตรงนี้
-พอถึงสุวรรณภูมิ ก็ไปแจ้ง ณ จุดรับแจ้งของหาย ไปถึงจนท.หญิง ก็ทักเลย คุณ ... ใช่ไหมค่ะ
(ประสารงานกันอย่างดีครับ ไม่รู้สึกว่าต้อง งมโข่งแต่อย่างใด)
จนท.หญิงขอเวลาตรวจสอบ 1-2วัน ก็จะทราบว่ารายละเอียด
-พอวันรุ่งขึ้นก็โทรมาแจ้งเลยครับ ว่าของจะส่งมาที่เมืองไทย อีก 3วัน แต่ไม่รู้ว่าข้างในคืออะไร (ง่ะ!) คือเป็นกระเป๋ากล้องที่ตรงกับที่เราแจ้ง
แต่รายละเอียดอื่นๆ เข้าจะให้ทาง จนท.ไทยนี้เช็คด้วยตัวเองที่ไทยอีกรอบ
-พอถึงวันไปรับ เขาก็เช้คอีกรอบนึง ก็รายละเอียดตรงกัน สุดท้ายก็ได้กล้องคืน ไม่มีอะไรเพิ่มแม้แต่บาทเดียว
ขอบพระคุณ การบินไทย และ จนท.ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน
ในจุดนี้เลยคิดได้เลยว่า การได้ของคืนไม่เกี่ยวกับมุลค่าของนั้นๆเลย ขึ้นอยู่กับจิตใจผู้เก็บได้ต่างหาก
(ขออภัยที่เอากล้องหลักแสนไปเปรียบกับโทรศัพท์ในทีแรก)
ขอบพระคุณ จนท.ที่โอ๊คแลนด์ ที่มีจิตใจซื้อสัตย์ครับ ของไม่หายและได้รับการแพคกันกระแทก ร่วมถึงปิดผนึก ลงครั่ง ให้อย่างดี
ขอบคุณทุกฝ่ายจริงๆครับผม
กล้องหลักแสนหาย @โอ๊คแลนด์ นิวซีแลนด์ ได้คืน!! @กรุงเทพฯ ประเทศไทย ขอบคุณการบินไทย
เนื้อๆไม่มีน้ำนะครับ เกิดขึ้นเมื่อประมาณสองเดือนที่แล้วครับ(เพิ่งว่างมาเล่าขออภัย)
-ไปเที่ยวและลืมกล้องไว้ที่ แอร์พอร์ตที่โอ๊คแลนด์ มูลค่าก็หลักแสนครับ มารู้ตัวก็ตอนเครื่องบินเทคออฟแล้ว
-ผมแจ้งแอร์โอสฯ แอร์โอสแจ้งนักบิน (นักบินหรือผู้ช่วยไม่ทราบได้ แต่ปรกติท่านนี้จะไม่เดินเข้ามาให้ห้องผู้โดยสาร ขอเรียกว่า จนท.)
จนท. เดินมาถึงที่นั่งผมถามรายละเอียดกระเป๋าและรายละเอียดกล้องรุ่นและเลนส์
-จนท.แจ้งนักบินให้โทรเลข แจ้งภาคพื้นดิน(งงเลยยังใช้อยู่หรอ หรือมันมีประสิทธิภาพในเทคนิคการบิน ดีใจเล็กๆได้ความรู้ใหม่)
-ภาคพื้นดินโทรเลขกลับมาบอกว่า เจอกระเป๋าใบนึง
แต่จะไม่เปิดดูของข้างใน ต้องติดต่อ จนท.ไทย หรือผู้สารมารถรับผิดชอบได้ก่อน
-ในใจคิดว่า กล้องหลักแสนใครจะส่งคืน จะใช่กระเป๋าใบเดียวกันไหมว้าา
ตอนนั้นคิดในใจว่า ต้องซื้อใหม่แน่ๆ เงินไม่เสียดายเท่าไหร่ จะเสียดายก็แต่รูปในกล้องเกือบพันรูปของทริปนี้
- แต่ จนท.แนะนำดีมาก เล่าว่า โทรศัพท์ผมหายยังได้คืนเลย (ในใจก็คิด แหม่ กล้องผมแสนแพงนะครับท่าน)
ซึ่งก็แนะนำทุกขั้นตอนว่า ถึงภาคพื้นไทยแล้วทำไงบ้างทุกขั้นตอน ดูใส่ใจครับ ประทับใจตรงนี้
-พอถึงสุวรรณภูมิ ก็ไปแจ้ง ณ จุดรับแจ้งของหาย ไปถึงจนท.หญิง ก็ทักเลย คุณ ... ใช่ไหมค่ะ
(ประสารงานกันอย่างดีครับ ไม่รู้สึกว่าต้อง งมโข่งแต่อย่างใด)
จนท.หญิงขอเวลาตรวจสอบ 1-2วัน ก็จะทราบว่ารายละเอียด
-พอวันรุ่งขึ้นก็โทรมาแจ้งเลยครับ ว่าของจะส่งมาที่เมืองไทย อีก 3วัน แต่ไม่รู้ว่าข้างในคืออะไร (ง่ะ!) คือเป็นกระเป๋ากล้องที่ตรงกับที่เราแจ้ง
แต่รายละเอียดอื่นๆ เข้าจะให้ทาง จนท.ไทยนี้เช็คด้วยตัวเองที่ไทยอีกรอบ
-พอถึงวันไปรับ เขาก็เช้คอีกรอบนึง ก็รายละเอียดตรงกัน สุดท้ายก็ได้กล้องคืน ไม่มีอะไรเพิ่มแม้แต่บาทเดียว
ขอบพระคุณ การบินไทย และ จนท.ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน
ในจุดนี้เลยคิดได้เลยว่า การได้ของคืนไม่เกี่ยวกับมุลค่าของนั้นๆเลย ขึ้นอยู่กับจิตใจผู้เก็บได้ต่างหาก
(ขออภัยที่เอากล้องหลักแสนไปเปรียบกับโทรศัพท์ในทีแรก)
ขอบพระคุณ จนท.ที่โอ๊คแลนด์ ที่มีจิตใจซื้อสัตย์ครับ ของไม่หายและได้รับการแพคกันกระแทก ร่วมถึงปิดผนึก ลงครั่ง ให้อย่างดี
ขอบคุณทุกฝ่ายจริงๆครับผม