ตอนนี้ก็คงเป็นที่ทราบกันแล้วว่า แบตไอโฟนห้า ของแอปเปิ้ลมีปัญหากันเยอะมากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งของผม
แบตไอโฟนห้าของผมเสื่อมเมื่อปลายปีที่แล้วซึ่งหมดประกันไปได้แค่สองเดือน ตอนนั้นผมอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งภาษาญี่ปุ่นผมห่วยแตกมากกก ผมเลยพยายามหาอีเมล์ของ Apple support ที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อที่จะส่งเมล์อธิบายเป็นภาษาอังกฤษ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เจอแต่ การ support ผ่านทางเว็ปไซท์ที่เป็นภาษาอังกฤษ ผมเลยลองจิ้มๆมั่วๆดู เลยได้รู้ว่า แอปเปิ้ลมีการวางระบบ บริการหลังการขายได้อย่างน่าประทับใจมากครับ ดังนี้
ระบบการเปิดเคสการซ่อมผ่านเว็ปนะครับ ลำดับอาจจะมั่งบ้างเพราะเวลาได้ผ่านมา เป็นปีแล้วครับ
1. ระบุปัญหา
2. กรอกอีเมลที่ใช้ในโทรศัพท์ ระบบจะส่งสคริปเว็ปไซท์ การตรวจเช็คเครื่องมาให้ทางเมล แล้วส่งข้อมูลเครื่องกลับไปทางแอปเปิ้ล
3. เลือกว่าจะให้แอปเปิ้ลต่อต่อกับคุณอย่างไร เช่น ให้เราโทรกลับเมื่อเราว่างพร้อมบอกเบอร์โทรมา แน่นอนว่าโทรฟรี
หรือ ให้เราเลือกเวลาที่ว่าแล้วแอปเปิ้ลจะโทรมาหาเราเอง หรือ ให้แอปเปิ้ลโทรหาเราเดี๋ยวนี้
ถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่าโทรหาแอปเปิ้ลจะเป็นเบอร์โทรฟรีแต่ก็เพื่อกันไว้ก่อนว่าฟรีจริง ผมเลยเลือก ให้แอปเปิ้ลติดต่อเราเดี๋ยวนี้ ซึ่งหลังจากกดปุ่มและกรอกเบอร์โทรลงไปแล้ว ก็มีสายโทรเข้ามาเลยแทบจะทันที ผมคอยแค่ประมาณ 10 วินาทีเท่านั้นครับ และเนื่องจากผมใช้เว็ปภาษาอังกฤษ ก็ได้คุยด้วยภาษาอังกฤษสมใจ ผมก็อธิบายปัญหาว่าแบตมันเสื่อมจริงๆ คือเท่าที่ผมจำได้แบตตอนนั้นลดฮวบๆๆ ชนิดเปิดโหมดเครื่องบินทิ้งไว้ก็ลด แบบนาทีละเปอร์เซนเลย ซึ่งพอมาคุยกับพนักงานแล้วบวกกับข้อมูลจากทางซอฟแวร์ที่ส่งไปให้แอปเปิ้ลก่อนหน้านี้ ทางพนักงานก็สรุปว่าแบตน่าจะเสื่อมและได้แสดงความเห็นอกเห็นใจ ที่เหมือนจะเป็นการจะท่องสคริปมากกว่า คือพูดประมาณว่าขอโทษสำหรับปัญหาซึ่งทางเราเข้าใจถึงปัญหาและความยุ่งยากที่ทางลูกค้าได้รับ ซึ่งพนักงานเขาก็แนะนำว่าควรรีสโตร์เครื่องก่อน ถ้ายังไม่หาย เราจะนัดคุณเข้าไปส่งเครื่องให้ช่างดูที่แอปเปิ้ลสโตร์ คือเขาก็แนะนำได้แค่นี้จริงๆ เลยวางสายไป ส่วนผมก็ออกแนวอารมณ์เสียนิดหน่อย คือมันเหมือนจะเสื่อมมาก่อนประกันหมดอีก น่าจะส่งเช็คตั้งแต่ยังไม่หมดประกัน พอหมดได้สองเดือนเครื่องเลยออกอาการหนักเลย
พอวางสายกับพนักงานเสร็จคือผมพบว่าพนักงานพูดภาษาอังกฤษสำเนียงแปลกๆ ไม่เหมือนคนญี่ปุ่นเลย ผมก็เลยลองเอาเบอร์ที่เขาโทรเขามาค้นหาทางอินเตอร์เน็ตดู ปรากฎว่าเป็น ศูนย์บริการแอปเปิ้ลออสเตรเลีย คือผมรู้เลยว่าแอปเปิ้ลได้ลงทุนในเรื่องระบบบริการหลังการขายมาก ชนิดที่ยอมลงทุนโทรมาจากออสเตรเลียถึงญี่ปุ่น ถึงแม้พนักงานจะพูดเป็นหุ่นยนต์และไม่ได้ช่วยอะไรผมมากนัก แต่ก็ได้ใจผมไปล่ะ
เนื่องจากผมอาจจะต้องเสียเงินเคลมเครื่องเลยมีความคิดว่าจะเปลี่ยนแบตเอง แต่ผมกลัวเครื่องพังและยังต้องใช้เครื่องอีกยาว เลยตัดใจเอาเครื่องไปให้แอปเปิ้ลสโตร์ดูซักหน่อยเพื่อเขาจะให้เปลี่ยนฟรี 555 สรุปสุดท้ายก็ต้องเดินทางเข้าเมืองไปแอปเปิ้ลสโตร์อยู่ดี พร้อมกับภาษาญี่ปุ่นป่วยๆ
พอไปหาจีเนียสบาร์ที่แอปเปิ้ลสโตร์ ก็พบโปรเสดเดิมๆครับ คือให้ปล๊อดบันชีไอคลาว แล้วกรอกอีเมลทำการส่งซอฟแว์มาวิเคราะห์เครื่อง ซึ่งการทำงานทุกอย่างไม่ใช้กระดาษเลยครับ กรอกข้อมูลลงในไอพอดทัสของพนักงานล้วนๆเลย แต่คราวนี้หลังจากได้ข้อมูลของเครื่องผมแล้วเขาก็โชว์กราฟให้ผมดูว่า แบตผมนะเสื่อมแบบสุดๆเลย คือเก็บไฟไม่อยู่แล้วแหละ ต้องเปลี่ยนแบตซึ่ง ประกันหมดอายุแล้วต้องมีค่าใช้จ่ายนะ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 2500 บาท คิดในใจก็ยังดีกว่า เปลี่ยนเครื่องที่ต้องเสียเงินเกือบหมื่นบาทนะ และภาษาญี่ปุ่นผมป่วยมากไม่มีปัญญาพูดขอร้องอ้อนวอนให้เขาเปลี่ยนแบตให้ฟรีๆ 555 ก็เลยยอมเสียเงินละกัน ง่ายๆ จบๆ ซึ่งระยะเวลาการเปลี่ยนแบตใช้แค่ 45 นาทีเท่านั้นเอง ผมก็ไปเดินดูสินค้าฟังเพลงไอพอดไป ซักพักก็ไปนั่งคอยรับเครื่อง ซักพัก ก็มีพนักงานเดินถือแฟ้มพลาสติกมาหาตรงที่ผมนั่งคอย ขอใบรับเครื่องอะไรเรียบร้อย แล้วหยิบไอห้าของผมออกมาจากแฟ้ม พร้อมการชำระเงิน ตรงที่นั่งคอยนั้นเลยโดยผมจ่ายบัตร เขาก็รูดบัตรกับไอพอดนั้นแหละครับ แล้วก็ให้ผมเซนชื่อที่ไอพอดเลย แล้วเดินไปหลังร้านเอาใบเสร็จมาให้ แล้วบอกว่าแบตรับประกันสามเดือนนะ เป็นอันจบกระบวนการ สรุปผมรีสโตร์ เครื่องฟรี เสียเวลาจริงๆ 555
สรุป การบริการดีมากครับ ถึงแม้ผมจะไม่ได้เปลี่ยนแบตฟรีแต่ก็ ได้เห็นว่าแอปเปิ้ลมีการบริการที่รวดเร็ว ไม่ยุ่งยากเลย ง่ายดายมากตั้งแต่เดินเข้าร้านเลย แม้แต่การจ่ายเงินก็ง่ายสุดๆ พูดง่ายๆก็คือมีการลงทุนเรื่องระบบบริการ ตั้งแต่คอลเซนเตอร์ถึงร้านค้า
หลังจากนั้นผมก็แฮปปี้กับไอโฟน มาจนถึง 2 เดือนที่แล้วมั้งครับที่แอปเปิ้ลออกมา ยอมรับและเปลี่ยนแบตให้ฟรี ผมก็อ่าว นี่เราเสียเงินเปลี่ยนแบตไปแล้วนี่หว่า แล้วผมก็ได้สังเกตุประโยคนึงว่าถ้าจ่ายเงินเปลี่ยนแบตแล้วให้ติดต่อแอปเปิ้ลเพื่อขอเงินคืน ผมก็เลยเปิดเคสผ่านทางเว็ปไซท์ เรื่องขอเงินคืนและเว็ปก็ให้เบอร์ผมมาติดต่อแอปเปิ้ล ผมก็เลยโทรไปแล้วเลือกกดปุ่มคุยกับพนักงานเป็นภาษาอังกฤษ แต่คราวนี้คอยนานมาก เพราะอาจจะมีคนต่างชาติติดต่อเยอะก็ได้ คอยอยู่ประมาณเกือบ 20 นาที ได้พอได้คุยก็แจ้งเขาไปว่าขอ รีฟันแบตไอห้า พนักงานก็ถามรหัสเครื่องไอห้า ซึ่งตรงนี้ทุลักทุเลมากเพราะมันยาว ต้องมานั่งทวน เอชฮอลแลน จีกรีนแลน อะไรมั่วไปหมด ทวนกันเกือบสิบรอบได้กว่าจะบอกรหัสเครื่องที่ถูกต้องกันได้ พอพนักงานได้รหัสไปแล้วผมก็บอกว่าอยากขอเงินคืนเพราะแอปเปิ้ลเปิดให้เปลี่ยนแบตฟรีนะ พนักงานเขาก็บอกโอเคจะทำเรื่องคืนเงินให้ ง่ายๆเลย ซึ่งเขาจะต่อสายไปให้พนักงานตรงจุดนี้ ให้เรารอสายอีก ผมก็คอยๆๆ นานเหมือนกัน จนสุดท้ายพนักงานคนเดิมก็เลยบอกว่าทำเรื่องคืนเงินกับเขาได้เลยก็ได้ ซึ่งผมพบว่าพนักงานคนนี้ต้องไม่ได้อสศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นแน่นอนเพราะ เขาไม่มีความรู้เรื่องที่อยู่อะไรเลยในญี่ปุ่นต้องมาสะกดที่อยู่ให้ทีละตัวเหนื่อยมากก
เสร็จแล้วเขาก็บอกว่าจะโอนเงินคืนมาให้ใน 15 วัน ซึ่งผมก็สงสัยว่าจะสำเร็จหรือเปล่าน้อ เพราะการโอนเงินที่ญี่ปุ่น นอกจากรหัสบัญชีแล้ว ชื่อต้องตรงด้วยถึงจะโอนสำเร็จ แต่ไม่เป็นไร ถ้ามีปัญหาเดี๋ยวโทรไปคุยกันใหม่ก็ได้ แต่แล้วก็มีปัญหาจริงๆ เมื่อสามถึงสี่วันหลังจากนั้นก็มีพนักงานโทรมาเพราะโอนเงินไม่สำเร็จ โดยคราวนี้เป็นคนญี่ปุ่นโทรมาเลยเพราะมาขอชื่อผมเป็นตัว คาตาคานะตามที่อยู่ในสมุดบัญชีด้วยพร้อมบอกว่า ธนาคารผมชื่อนี้สาขานี้ใช่มั้ย ผมก็ได้ยืนยันไป แล้วพนักงานก็บอกว่าถ้ามีปัญหาเขาจะติดต่อกลับไปหาใหม่พร้อมบอกชื่อเขามาด้วยว่า ผมจะเป็นผู้ดูแลเคสนี้ให้กับคุณเอง และเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาก็มีเมล์มาบอกว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีสำเร็จแล้ว เป็นอันจบการเปลี่ยนแบตไอห้าที่กินระยะเวลา เกือบปีแต่ก็ได้เปลี่ยนแบตฟรีสมใจ 555
เรื่องนี้ทำให้ผมได้รู้ว่าการบริการที่ดีเป็นยังไง ถึงแม้จะมีพนักงานเกี่ยวข้องหลายคนแต่ก็ไม่ต้องมานั่งอธิบายซ้ำอีก มีการประสานงานที่ดีมากเพราะผมได้พูดกับพนักงานหลายคนหลายชาติ แต่ด้วยระบบการประสานงานที่ดีเยี่ยมทำให้งานไหลลื่นผ่านตลอดและมีการตามงานตลอดเวลาไม่มีการทิ้งกันแน่นอนเพราะขนาดเรื่องขอคืนเงิน ถ้าเป็นที่ไทยคงต้องโทรจิกยิกๆๆ แน่ๆแต่นี่ทางแอปเปิ้ลเขาติดต่อมาเองเลยผมไม่ต้องโทรตามอะไรใดๆทั้งสิ้น ผมแค่โทรไปหาเขาครั้งแรกเท่านั้นและแน่นอนโทรไปหาก็ฟรีตลอด
นี่เป็นสาเหตุนึงที่ ถึงแม้ว่าราคาสิ้นค้าแอปเปิ้ลจะแพงแต่เขาก็ได้ลงทุนกับระบบ บริการหลังการขาย ซึ่งก็ทำให้ตัดสินใจซื้อสินค้าแอปเปิ้ล ครับ
ส่วนผมก็คงจะรอวันที่แอปเปิ้ลสโตร์มาเปิดที่เมืองไทย
วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ การเปลี่ยนแบตไอโฟนห้ากับ แอปเปิ้ลสโตร์ที่กินระยะเวลา เกือบปี
แบตไอโฟนห้าของผมเสื่อมเมื่อปลายปีที่แล้วซึ่งหมดประกันไปได้แค่สองเดือน ตอนนั้นผมอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งภาษาญี่ปุ่นผมห่วยแตกมากกก ผมเลยพยายามหาอีเมล์ของ Apple support ที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อที่จะส่งเมล์อธิบายเป็นภาษาอังกฤษ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เจอแต่ การ support ผ่านทางเว็ปไซท์ที่เป็นภาษาอังกฤษ ผมเลยลองจิ้มๆมั่วๆดู เลยได้รู้ว่า แอปเปิ้ลมีการวางระบบ บริการหลังการขายได้อย่างน่าประทับใจมากครับ ดังนี้
ระบบการเปิดเคสการซ่อมผ่านเว็ปนะครับ ลำดับอาจจะมั่งบ้างเพราะเวลาได้ผ่านมา เป็นปีแล้วครับ
1. ระบุปัญหา
2. กรอกอีเมลที่ใช้ในโทรศัพท์ ระบบจะส่งสคริปเว็ปไซท์ การตรวจเช็คเครื่องมาให้ทางเมล แล้วส่งข้อมูลเครื่องกลับไปทางแอปเปิ้ล
3. เลือกว่าจะให้แอปเปิ้ลต่อต่อกับคุณอย่างไร เช่น ให้เราโทรกลับเมื่อเราว่างพร้อมบอกเบอร์โทรมา แน่นอนว่าโทรฟรี
หรือ ให้เราเลือกเวลาที่ว่าแล้วแอปเปิ้ลจะโทรมาหาเราเอง หรือ ให้แอปเปิ้ลโทรหาเราเดี๋ยวนี้
ถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่าโทรหาแอปเปิ้ลจะเป็นเบอร์โทรฟรีแต่ก็เพื่อกันไว้ก่อนว่าฟรีจริง ผมเลยเลือก ให้แอปเปิ้ลติดต่อเราเดี๋ยวนี้ ซึ่งหลังจากกดปุ่มและกรอกเบอร์โทรลงไปแล้ว ก็มีสายโทรเข้ามาเลยแทบจะทันที ผมคอยแค่ประมาณ 10 วินาทีเท่านั้นครับ และเนื่องจากผมใช้เว็ปภาษาอังกฤษ ก็ได้คุยด้วยภาษาอังกฤษสมใจ ผมก็อธิบายปัญหาว่าแบตมันเสื่อมจริงๆ คือเท่าที่ผมจำได้แบตตอนนั้นลดฮวบๆๆ ชนิดเปิดโหมดเครื่องบินทิ้งไว้ก็ลด แบบนาทีละเปอร์เซนเลย ซึ่งพอมาคุยกับพนักงานแล้วบวกกับข้อมูลจากทางซอฟแวร์ที่ส่งไปให้แอปเปิ้ลก่อนหน้านี้ ทางพนักงานก็สรุปว่าแบตน่าจะเสื่อมและได้แสดงความเห็นอกเห็นใจ ที่เหมือนจะเป็นการจะท่องสคริปมากกว่า คือพูดประมาณว่าขอโทษสำหรับปัญหาซึ่งทางเราเข้าใจถึงปัญหาและความยุ่งยากที่ทางลูกค้าได้รับ ซึ่งพนักงานเขาก็แนะนำว่าควรรีสโตร์เครื่องก่อน ถ้ายังไม่หาย เราจะนัดคุณเข้าไปส่งเครื่องให้ช่างดูที่แอปเปิ้ลสโตร์ คือเขาก็แนะนำได้แค่นี้จริงๆ เลยวางสายไป ส่วนผมก็ออกแนวอารมณ์เสียนิดหน่อย คือมันเหมือนจะเสื่อมมาก่อนประกันหมดอีก น่าจะส่งเช็คตั้งแต่ยังไม่หมดประกัน พอหมดได้สองเดือนเครื่องเลยออกอาการหนักเลย
พอวางสายกับพนักงานเสร็จคือผมพบว่าพนักงานพูดภาษาอังกฤษสำเนียงแปลกๆ ไม่เหมือนคนญี่ปุ่นเลย ผมก็เลยลองเอาเบอร์ที่เขาโทรเขามาค้นหาทางอินเตอร์เน็ตดู ปรากฎว่าเป็น ศูนย์บริการแอปเปิ้ลออสเตรเลีย คือผมรู้เลยว่าแอปเปิ้ลได้ลงทุนในเรื่องระบบบริการหลังการขายมาก ชนิดที่ยอมลงทุนโทรมาจากออสเตรเลียถึงญี่ปุ่น ถึงแม้พนักงานจะพูดเป็นหุ่นยนต์และไม่ได้ช่วยอะไรผมมากนัก แต่ก็ได้ใจผมไปล่ะ
เนื่องจากผมอาจจะต้องเสียเงินเคลมเครื่องเลยมีความคิดว่าจะเปลี่ยนแบตเอง แต่ผมกลัวเครื่องพังและยังต้องใช้เครื่องอีกยาว เลยตัดใจเอาเครื่องไปให้แอปเปิ้ลสโตร์ดูซักหน่อยเพื่อเขาจะให้เปลี่ยนฟรี 555 สรุปสุดท้ายก็ต้องเดินทางเข้าเมืองไปแอปเปิ้ลสโตร์อยู่ดี พร้อมกับภาษาญี่ปุ่นป่วยๆ
พอไปหาจีเนียสบาร์ที่แอปเปิ้ลสโตร์ ก็พบโปรเสดเดิมๆครับ คือให้ปล๊อดบันชีไอคลาว แล้วกรอกอีเมลทำการส่งซอฟแว์มาวิเคราะห์เครื่อง ซึ่งการทำงานทุกอย่างไม่ใช้กระดาษเลยครับ กรอกข้อมูลลงในไอพอดทัสของพนักงานล้วนๆเลย แต่คราวนี้หลังจากได้ข้อมูลของเครื่องผมแล้วเขาก็โชว์กราฟให้ผมดูว่า แบตผมนะเสื่อมแบบสุดๆเลย คือเก็บไฟไม่อยู่แล้วแหละ ต้องเปลี่ยนแบตซึ่ง ประกันหมดอายุแล้วต้องมีค่าใช้จ่ายนะ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 2500 บาท คิดในใจก็ยังดีกว่า เปลี่ยนเครื่องที่ต้องเสียเงินเกือบหมื่นบาทนะ และภาษาญี่ปุ่นผมป่วยมากไม่มีปัญญาพูดขอร้องอ้อนวอนให้เขาเปลี่ยนแบตให้ฟรีๆ 555 ก็เลยยอมเสียเงินละกัน ง่ายๆ จบๆ ซึ่งระยะเวลาการเปลี่ยนแบตใช้แค่ 45 นาทีเท่านั้นเอง ผมก็ไปเดินดูสินค้าฟังเพลงไอพอดไป ซักพักก็ไปนั่งคอยรับเครื่อง ซักพัก ก็มีพนักงานเดินถือแฟ้มพลาสติกมาหาตรงที่ผมนั่งคอย ขอใบรับเครื่องอะไรเรียบร้อย แล้วหยิบไอห้าของผมออกมาจากแฟ้ม พร้อมการชำระเงิน ตรงที่นั่งคอยนั้นเลยโดยผมจ่ายบัตร เขาก็รูดบัตรกับไอพอดนั้นแหละครับ แล้วก็ให้ผมเซนชื่อที่ไอพอดเลย แล้วเดินไปหลังร้านเอาใบเสร็จมาให้ แล้วบอกว่าแบตรับประกันสามเดือนนะ เป็นอันจบกระบวนการ สรุปผมรีสโตร์ เครื่องฟรี เสียเวลาจริงๆ 555
สรุป การบริการดีมากครับ ถึงแม้ผมจะไม่ได้เปลี่ยนแบตฟรีแต่ก็ ได้เห็นว่าแอปเปิ้ลมีการบริการที่รวดเร็ว ไม่ยุ่งยากเลย ง่ายดายมากตั้งแต่เดินเข้าร้านเลย แม้แต่การจ่ายเงินก็ง่ายสุดๆ พูดง่ายๆก็คือมีการลงทุนเรื่องระบบบริการ ตั้งแต่คอลเซนเตอร์ถึงร้านค้า
หลังจากนั้นผมก็แฮปปี้กับไอโฟน มาจนถึง 2 เดือนที่แล้วมั้งครับที่แอปเปิ้ลออกมา ยอมรับและเปลี่ยนแบตให้ฟรี ผมก็อ่าว นี่เราเสียเงินเปลี่ยนแบตไปแล้วนี่หว่า แล้วผมก็ได้สังเกตุประโยคนึงว่าถ้าจ่ายเงินเปลี่ยนแบตแล้วให้ติดต่อแอปเปิ้ลเพื่อขอเงินคืน ผมก็เลยเปิดเคสผ่านทางเว็ปไซท์ เรื่องขอเงินคืนและเว็ปก็ให้เบอร์ผมมาติดต่อแอปเปิ้ล ผมก็เลยโทรไปแล้วเลือกกดปุ่มคุยกับพนักงานเป็นภาษาอังกฤษ แต่คราวนี้คอยนานมาก เพราะอาจจะมีคนต่างชาติติดต่อเยอะก็ได้ คอยอยู่ประมาณเกือบ 20 นาที ได้พอได้คุยก็แจ้งเขาไปว่าขอ รีฟันแบตไอห้า พนักงานก็ถามรหัสเครื่องไอห้า ซึ่งตรงนี้ทุลักทุเลมากเพราะมันยาว ต้องมานั่งทวน เอชฮอลแลน จีกรีนแลน อะไรมั่วไปหมด ทวนกันเกือบสิบรอบได้กว่าจะบอกรหัสเครื่องที่ถูกต้องกันได้ พอพนักงานได้รหัสไปแล้วผมก็บอกว่าอยากขอเงินคืนเพราะแอปเปิ้ลเปิดให้เปลี่ยนแบตฟรีนะ พนักงานเขาก็บอกโอเคจะทำเรื่องคืนเงินให้ ง่ายๆเลย ซึ่งเขาจะต่อสายไปให้พนักงานตรงจุดนี้ ให้เรารอสายอีก ผมก็คอยๆๆ นานเหมือนกัน จนสุดท้ายพนักงานคนเดิมก็เลยบอกว่าทำเรื่องคืนเงินกับเขาได้เลยก็ได้ ซึ่งผมพบว่าพนักงานคนนี้ต้องไม่ได้อสศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นแน่นอนเพราะ เขาไม่มีความรู้เรื่องที่อยู่อะไรเลยในญี่ปุ่นต้องมาสะกดที่อยู่ให้ทีละตัวเหนื่อยมากก
เสร็จแล้วเขาก็บอกว่าจะโอนเงินคืนมาให้ใน 15 วัน ซึ่งผมก็สงสัยว่าจะสำเร็จหรือเปล่าน้อ เพราะการโอนเงินที่ญี่ปุ่น นอกจากรหัสบัญชีแล้ว ชื่อต้องตรงด้วยถึงจะโอนสำเร็จ แต่ไม่เป็นไร ถ้ามีปัญหาเดี๋ยวโทรไปคุยกันใหม่ก็ได้ แต่แล้วก็มีปัญหาจริงๆ เมื่อสามถึงสี่วันหลังจากนั้นก็มีพนักงานโทรมาเพราะโอนเงินไม่สำเร็จ โดยคราวนี้เป็นคนญี่ปุ่นโทรมาเลยเพราะมาขอชื่อผมเป็นตัว คาตาคานะตามที่อยู่ในสมุดบัญชีด้วยพร้อมบอกว่า ธนาคารผมชื่อนี้สาขานี้ใช่มั้ย ผมก็ได้ยืนยันไป แล้วพนักงานก็บอกว่าถ้ามีปัญหาเขาจะติดต่อกลับไปหาใหม่พร้อมบอกชื่อเขามาด้วยว่า ผมจะเป็นผู้ดูแลเคสนี้ให้กับคุณเอง และเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาก็มีเมล์มาบอกว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีสำเร็จแล้ว เป็นอันจบการเปลี่ยนแบตไอห้าที่กินระยะเวลา เกือบปีแต่ก็ได้เปลี่ยนแบตฟรีสมใจ 555
เรื่องนี้ทำให้ผมได้รู้ว่าการบริการที่ดีเป็นยังไง ถึงแม้จะมีพนักงานเกี่ยวข้องหลายคนแต่ก็ไม่ต้องมานั่งอธิบายซ้ำอีก มีการประสานงานที่ดีมากเพราะผมได้พูดกับพนักงานหลายคนหลายชาติ แต่ด้วยระบบการประสานงานที่ดีเยี่ยมทำให้งานไหลลื่นผ่านตลอดและมีการตามงานตลอดเวลาไม่มีการทิ้งกันแน่นอนเพราะขนาดเรื่องขอคืนเงิน ถ้าเป็นที่ไทยคงต้องโทรจิกยิกๆๆ แน่ๆแต่นี่ทางแอปเปิ้ลเขาติดต่อมาเองเลยผมไม่ต้องโทรตามอะไรใดๆทั้งสิ้น ผมแค่โทรไปหาเขาครั้งแรกเท่านั้นและแน่นอนโทรไปหาก็ฟรีตลอด
นี่เป็นสาเหตุนึงที่ ถึงแม้ว่าราคาสิ้นค้าแอปเปิ้ลจะแพงแต่เขาก็ได้ลงทุนกับระบบ บริการหลังการขาย ซึ่งก็ทำให้ตัดสินใจซื้อสินค้าแอปเปิ้ล ครับ
ส่วนผมก็คงจะรอวันที่แอปเปิ้ลสโตร์มาเปิดที่เมืองไทย