ความเดิมตอนที่แล้ว 1.
http://pantip.com/topic/32521164 2.
http://pantip.com/topic/32521239 3.
http://pantip.com/topic/32594792 4.
http://pantip.com/topic/32595713 5.
http://pantip.com/topic/32595915 6.
http://pantip.com/topic/32596127 7.
http://pantip.com/topic/32598803 8.
http://pantip.com/topic/32599156
9.
http://pantip.com/topic/32599387 10.
http://pantip.com/topic/32613230

ชิมแล้วเหมือนตุ๊บตั๊บ กินไปครึ่งแท่งโยนทิ้งละแข็ง

คิดอยู่นานว่าจะลองดีไหมกลัวท้องเสีย ปรากฎว่าอร่อยมากโยเกริต์ถ้วยนี้ พออีกวันจะไปซื้อหมดแล้วอะ คนซื้อเยอะ

ไส้กรอกผสมข้าวโพด รสชาติได้อยู่ กันหิวไป

ชานมซองละ 5 บาท ขออัพขอกินให้หมดละกันคะ สลับไปสลับมางงเอง

วันอื่นๆ เราก็ซื้อร้านขายของชำร้านเดิมตุนไว้อีก นมเปรี้ยวรสแอ๊ปเปิ้ลของคุณแฟน

เช้าวันที่ 15 พฤษภาคม 57 จะได้ไปชม "วัดซงจ้านหลิน (song zan lin si) " หรือที่เขาเรียกกันว่า "โปตาลาน้อย แห่งทิเบต" แล้ว ก่อนไปไกด์พาไปหม่ำร้านนี้ แอบดูไกด์คะอีตาคนขับรถทานด้วย อะไรหว่า?? เป็นชีสก้อนเอาไปปั่นไม่เละมาก ต้มให้ร้อนใส่เหยือกมา ทานคู่กับหมั่นโถวก้อนยักษ์ เหมือนกินขนมปัง มีนมชีสมั้ง (แหวะ ไอ้ตัวจามรีลอยเข้ามาในหัวเลย กลิ่นมันฉุนมาก ) แอบนินทาตาคนขับหน่อย วัฒนธรรมจีนกับไทยต่างกันมากคะ ผู้ชายจีนจะไม่ช่าวยผู้หญิงถือของเลย หนักแค่ไหนก็ไม่ช่วยถ้าไม่ใช่ภรรยา ขนาดแค่แฟนมันยังไม่ช่วยหิ้วเลย ของเรารึคุณแฟนนี่หอบทุกอย่าง จนผู้ชายชาวจีนมอง แบบว่า ทั้งรถทัวร์ งง ว่าคนไทยนางนี่มันใช้ผู้ชายถือของ แบกหามเยี่ยงทาส อิอิ โดยเฉพาะตาคนขับรถนี่มันชอบมองแปลกๆ แถมชอบแหย่เราด้วย ถ่ายรูปอยู่ก็หันมาแยกเขี้ยวให้ ทำเสียงคำรามขู่อีกต่างหาก เอิ่ม..มม มารยาทพี่นี่ทักทายกันยามเช้าแบบนี่ใช่ไหม ไม่รู้ชื่อไรเราเลยตั้งชื่อให้ว่า "คุณกูปรี" ละกัน คุณแฟนเราก็ถามว่าทำไมไปเรียกเขาแบบนั้น เราก็ว่าก็ท่าทาง นิสัย มารยาทมันเหมือนอะ หน้ากระจกรถก็มีตัวกูปรี (จามรีตั้งอยู่) แถมขับรถสุดยอดมาก ใครขวาง ใครขับคร่อมเลน พี่แกบีบแตร ตะโกนด่าลูกเดียว (นั่งรถมานี่นึกว่าจะไม่ถึงเหมยลี่ซะแล้ว) แต่อีตากูปรีขับรถชำนาญทางมากเลยนะ สงสัยน่าจะเป็นคนพื้นที่ หลังๆ พอตากูปรีรู้ว่าเราคนไทย แกเริ่มมารยาทดีขึ้น ไม่แยกเขี้ยว ทำหน้าบึ้งใส่เราละ

เรากับคุณแฟนสั่งอาหารพื้นบ้านอย่างหมี่เสี้ยนมาทาน (คิดถึงกับข้าวฝีมือแม่มาก)

ได้เวลาก็เดินทางไป "วัดซงจ้านหลิน (song zan lin si) " ก่อนมาก็หาข้อมูลละนะว่าหากมาเองจะต้องทำไงบ้าง แต่เมื่อมากับทัวร์นี่สบายอะ อิอิ ขอตั๋วจากไกด์มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย อดได้ตั๋วเก็บกลับบ้านเลย

นั่งรถมาสัก 15 นาทีก็ถึงละ วันนี้อากาศแย่มาก ไม่มีแดด มีแต่ลมหนาว

ถ่ายรูปเล่นระหว่างรอคุณไกด์จัดการซื้อตั๋วเข้าชมและติดต่อเจ้าหน้าที่ ผู้หญิงในรูปคือ "คริสตี้" คะ เธอจะมีบทบาทกับเราตอนหลัง โชคดีที่บังเอิญถ่ายติดเธอมาด้วย

มุมนี้ไงที่เขาบอกว่าถ้าเดินไปจะถ่ายรูปได้สวย แต่เราไม่มีเวลาอะนะ แตกกลุ่มไปจะแย่

รอเจ้าหน้าที่บรรยายก่อน ภาษาจีนจะฟังรู้เรื่องไหมเนี่ย

แผนผังวัดที่วาดอยู่บนฝาผนัง

ไกด์ติดต่อเจ้าหน้าที่บรรยายให้เรา นี่หน้าตาหนุ่มลูกคึ่งจีน-ทิเบตเป็นแบบนี่ คมเข้ม ตาตี่ ผิวสีแทน

เอาหินมาวางทับหลังคากันลมพัดด้วย

ชอบรูปนี้ โดนแอบถ่ายอีกละ

ขึ้นบันไดมาสูงสุดก็หันกลับไปถ่ายวิวข้างนอกบ้าง

ในนี่เหมือนเขตห้วงห้ามเลย วันนั้นมีทหารเข้าไปเยอะมาก

ท้ายสุดหลังจากฟังบรรยายจากเจ้าหน้าที่แนะนำจุดต่างๆ แล้วก็มาจบที่ร้านขายของที่ระลึกตามธรรมเนียม

พอลงจากวัดไกด์ก็พาไปชมสถานที่นี้คะ (เข้าไปชมข้างในถึงได้รู้ว่าเป็นสถานที่รักษาสุขภาพแผนทิเบต)

กงล้อธิเบต

ประดับด้วยธงธิเบตเต็มไปหมดเลย มีความหมายเหมือนผ้ายันต์บ้างเรามั้ง

ข้างในห้ามถ่ายรูปจ๊ะ ห้องแรกจะเป็นเกี่ยวกับวิธีการรักษาแผนธิเบต จุดต่างๆ ตามร่างกายมนุษย์ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย การรักษาโรค
ห้องสองก็จะเป็น อุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษา ตั้งแต่อดีตห้องสุดท้ายก็จะมีพระนั่งเปฺ็นล็อค เหมือนดูดวงเลย เห็นมือคนแบมือให้จับ คงตรวจสุขภาพแผนจีนนะ แต่เราไม่ได้ตรวจคะ เราขอออกมาถ่ายรูปเล่นข้างนอกดีกว่าเจ้าหน้าที่ก็ถามว่ามาจากไหน เราก็บอกว่ามาจากประเทศไทยค่า แกก็บอก "สวัสดีคะ" น่ารักได้อีก แต่อย่าถามประโยคยาวนะคะ เราฟังไม่รู้เรื่องฟังออกบางประโยค บางคำ เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษก็ตอนไปจีนนี่ละ อยู่ดีก็ไปฟัง พูด อ่าน ได้ที่โน้น มันวิชาเอาตัวรอดชัดๆ อิอิ

ชมวัดเสร็จก็มาชม "ทุ่งหญ้านาพาไห่" ต่อ นาพาไห่ คือทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์สามารถขี่ม้าเข้าไปชมหรือจะเดินชมก็ได้ ที่แห่งนี่ยังเป็นที่อาศัยของนกกระเรียนคอดำพันธุ์หายากอีกด้วย ต้องมาให้ตรงเดือนที่มันบินมาด้วยนะถึงจะเห็น ทะเลสาบนาพาไห่ สูงจากระดับน้ำทะเล 3266 เมตรคะ

มันก็น่าเดินอยู่ถ้าไม่เหม็นอึเจ้าล่อ

ขอไปหาไรกินดีกว่า ระหว่างรอคนอื่น

คุณแฟนลองชิมเนื้อไรก็ไม่รู้ จึ๋ย!!

เราลองทานไส้กรอกห่อแผ่นแป้งกลิ่นชีสทอดดีกว่า รสชาติเผ็ด เค็มสะใจ แต่กลิ่นชีสนี่ไม่ไหวนะ

ชมทุ่งหญ้านาพาไห่เสร็จรถก็พาไปทานข้าวกลางวันคะ

ผัดตับอร่อยสุด

พามาชมห้องน้ำในตำนาน

รูปนี้ตามปั๊มน้ำมันคะ

จากนั้นรถทัวร์ก็มุ่งหน้าสู่ "ภูเขาหิมะไป๋หมาง" เขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองตี๋ชิ่ง (Diqing) หรือที่เรารู้จักกันว่า เมืองเต๋อชิ่ง เมืองที่ตั้งอยู่ทางเหนือของมณฑลยูนาน

"ภูเขาหิมะไป๋หมาง" อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 5,000กว่า เมตร เราไม่มีอาการแพ้ความสูงแล้ว สงสัยร่างกายปรับสภาพได้ เลยเที่ยวอย่างสนุก

คุณไกด์บอกว่าแถวนี่มีสมุนไพรจีนหายาก นามว่า “ถั่งเช่า” หรือ “ถั่งเฉ้า” คนรู้จักว่า "หญ้าหนอน" เพราะชาวจีนให้คำนิยามว่า "ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า

“ถั่งเช่า” เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่เราตามหา แต่ก็หาไม่เจอ สงสัยถูกเก็บไปขายหมด หิมะละลายหมดแล้ว ก้มดูก็ไม่เจอหนอน 555

เดินชมวิวอยู่ดีก็มีฝนตกปรอยๆ คะ สักพักตามด้วยหิมะตก ตกเต็มเลย โชคดีมาก

เพิ่งเคยเห็นเกล็ดหิมะ ครั้งแรกในชีวิต มันสวยมาก

สวยสุดยอดอะ ไม่ผิดหวังเลยที่ได้มีโอกาสมาประเทศจีน

สักพักพายุหิมะแบบเบาๆ ก็ตามมา ช่วงนี้เริ่มไม่สนุกละ หิมะปลิวเข้าตา เข้าปากเต็มไปหมด หนาวด้วย

ภูเขาทั้งลูกขาวโพลนเพราะพายุหิมะ

รูปคู่ท่ามกลางพายุหิมะที่เพื่อนร่วมทัวร์ชาวจีนถ่ายให้

ติดตามตอนต่อไปนะคะ
[CR] (ต่อ) ตอนที่ 6 : 17 วัน 6 เมือง ที่ยูนาน ประเทศจีน : ตะลอนเหมยลี่ 4 วัน 3 คืนกะทัวร์จีน
9. http://pantip.com/topic/32599387 10. http://pantip.com/topic/32613230
ชิมแล้วเหมือนตุ๊บตั๊บ กินไปครึ่งแท่งโยนทิ้งละแข็ง
คิดอยู่นานว่าจะลองดีไหมกลัวท้องเสีย ปรากฎว่าอร่อยมากโยเกริต์ถ้วยนี้ พออีกวันจะไปซื้อหมดแล้วอะ คนซื้อเยอะ
ไส้กรอกผสมข้าวโพด รสชาติได้อยู่ กันหิวไป
ชานมซองละ 5 บาท ขออัพขอกินให้หมดละกันคะ สลับไปสลับมางงเอง
วันอื่นๆ เราก็ซื้อร้านขายของชำร้านเดิมตุนไว้อีก นมเปรี้ยวรสแอ๊ปเปิ้ลของคุณแฟน
เช้าวันที่ 15 พฤษภาคม 57 จะได้ไปชม "วัดซงจ้านหลิน (song zan lin si) " หรือที่เขาเรียกกันว่า "โปตาลาน้อย แห่งทิเบต" แล้ว ก่อนไปไกด์พาไปหม่ำร้านนี้ แอบดูไกด์คะอีตาคนขับรถทานด้วย อะไรหว่า?? เป็นชีสก้อนเอาไปปั่นไม่เละมาก ต้มให้ร้อนใส่เหยือกมา ทานคู่กับหมั่นโถวก้อนยักษ์ เหมือนกินขนมปัง มีนมชีสมั้ง (แหวะ ไอ้ตัวจามรีลอยเข้ามาในหัวเลย กลิ่นมันฉุนมาก ) แอบนินทาตาคนขับหน่อย วัฒนธรรมจีนกับไทยต่างกันมากคะ ผู้ชายจีนจะไม่ช่าวยผู้หญิงถือของเลย หนักแค่ไหนก็ไม่ช่วยถ้าไม่ใช่ภรรยา ขนาดแค่แฟนมันยังไม่ช่วยหิ้วเลย ของเรารึคุณแฟนนี่หอบทุกอย่าง จนผู้ชายชาวจีนมอง แบบว่า ทั้งรถทัวร์ งง ว่าคนไทยนางนี่มันใช้ผู้ชายถือของ แบกหามเยี่ยงทาส อิอิ โดยเฉพาะตาคนขับรถนี่มันชอบมองแปลกๆ แถมชอบแหย่เราด้วย ถ่ายรูปอยู่ก็หันมาแยกเขี้ยวให้ ทำเสียงคำรามขู่อีกต่างหาก เอิ่ม..มม มารยาทพี่นี่ทักทายกันยามเช้าแบบนี่ใช่ไหม ไม่รู้ชื่อไรเราเลยตั้งชื่อให้ว่า "คุณกูปรี" ละกัน คุณแฟนเราก็ถามว่าทำไมไปเรียกเขาแบบนั้น เราก็ว่าก็ท่าทาง นิสัย มารยาทมันเหมือนอะ หน้ากระจกรถก็มีตัวกูปรี (จามรีตั้งอยู่) แถมขับรถสุดยอดมาก ใครขวาง ใครขับคร่อมเลน พี่แกบีบแตร ตะโกนด่าลูกเดียว (นั่งรถมานี่นึกว่าจะไม่ถึงเหมยลี่ซะแล้ว) แต่อีตากูปรีขับรถชำนาญทางมากเลยนะ สงสัยน่าจะเป็นคนพื้นที่ หลังๆ พอตากูปรีรู้ว่าเราคนไทย แกเริ่มมารยาทดีขึ้น ไม่แยกเขี้ยว ทำหน้าบึ้งใส่เราละ
เรากับคุณแฟนสั่งอาหารพื้นบ้านอย่างหมี่เสี้ยนมาทาน (คิดถึงกับข้าวฝีมือแม่มาก)
ได้เวลาก็เดินทางไป "วัดซงจ้านหลิน (song zan lin si) " ก่อนมาก็หาข้อมูลละนะว่าหากมาเองจะต้องทำไงบ้าง แต่เมื่อมากับทัวร์นี่สบายอะ อิอิ ขอตั๋วจากไกด์มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย อดได้ตั๋วเก็บกลับบ้านเลย
นั่งรถมาสัก 15 นาทีก็ถึงละ วันนี้อากาศแย่มาก ไม่มีแดด มีแต่ลมหนาว
ถ่ายรูปเล่นระหว่างรอคุณไกด์จัดการซื้อตั๋วเข้าชมและติดต่อเจ้าหน้าที่ ผู้หญิงในรูปคือ "คริสตี้" คะ เธอจะมีบทบาทกับเราตอนหลัง โชคดีที่บังเอิญถ่ายติดเธอมาด้วย
มุมนี้ไงที่เขาบอกว่าถ้าเดินไปจะถ่ายรูปได้สวย แต่เราไม่มีเวลาอะนะ แตกกลุ่มไปจะแย่
รอเจ้าหน้าที่บรรยายก่อน ภาษาจีนจะฟังรู้เรื่องไหมเนี่ย
แผนผังวัดที่วาดอยู่บนฝาผนัง
ไกด์ติดต่อเจ้าหน้าที่บรรยายให้เรา นี่หน้าตาหนุ่มลูกคึ่งจีน-ทิเบตเป็นแบบนี่ คมเข้ม ตาตี่ ผิวสีแทน
เอาหินมาวางทับหลังคากันลมพัดด้วย
ชอบรูปนี้ โดนแอบถ่ายอีกละ
ขึ้นบันไดมาสูงสุดก็หันกลับไปถ่ายวิวข้างนอกบ้าง
ในนี่เหมือนเขตห้วงห้ามเลย วันนั้นมีทหารเข้าไปเยอะมาก
ท้ายสุดหลังจากฟังบรรยายจากเจ้าหน้าที่แนะนำจุดต่างๆ แล้วก็มาจบที่ร้านขายของที่ระลึกตามธรรมเนียม
พอลงจากวัดไกด์ก็พาไปชมสถานที่นี้คะ (เข้าไปชมข้างในถึงได้รู้ว่าเป็นสถานที่รักษาสุขภาพแผนทิเบต)
กงล้อธิเบต
ประดับด้วยธงธิเบตเต็มไปหมดเลย มีความหมายเหมือนผ้ายันต์บ้างเรามั้ง
ข้างในห้ามถ่ายรูปจ๊ะ ห้องแรกจะเป็นเกี่ยวกับวิธีการรักษาแผนธิเบต จุดต่างๆ ตามร่างกายมนุษย์ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย การรักษาโรค
ห้องสองก็จะเป็น อุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษา ตั้งแต่อดีตห้องสุดท้ายก็จะมีพระนั่งเปฺ็นล็อค เหมือนดูดวงเลย เห็นมือคนแบมือให้จับ คงตรวจสุขภาพแผนจีนนะ แต่เราไม่ได้ตรวจคะ เราขอออกมาถ่ายรูปเล่นข้างนอกดีกว่าเจ้าหน้าที่ก็ถามว่ามาจากไหน เราก็บอกว่ามาจากประเทศไทยค่า แกก็บอก "สวัสดีคะ" น่ารักได้อีก แต่อย่าถามประโยคยาวนะคะ เราฟังไม่รู้เรื่องฟังออกบางประโยค บางคำ เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษก็ตอนไปจีนนี่ละ อยู่ดีก็ไปฟัง พูด อ่าน ได้ที่โน้น มันวิชาเอาตัวรอดชัดๆ อิอิ
ชมวัดเสร็จก็มาชม "ทุ่งหญ้านาพาไห่" ต่อ นาพาไห่ คือทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์สามารถขี่ม้าเข้าไปชมหรือจะเดินชมก็ได้ ที่แห่งนี่ยังเป็นที่อาศัยของนกกระเรียนคอดำพันธุ์หายากอีกด้วย ต้องมาให้ตรงเดือนที่มันบินมาด้วยนะถึงจะเห็น ทะเลสาบนาพาไห่ สูงจากระดับน้ำทะเล 3266 เมตรคะ
มันก็น่าเดินอยู่ถ้าไม่เหม็นอึเจ้าล่อ
ขอไปหาไรกินดีกว่า ระหว่างรอคนอื่น
คุณแฟนลองชิมเนื้อไรก็ไม่รู้ จึ๋ย!!
เราลองทานไส้กรอกห่อแผ่นแป้งกลิ่นชีสทอดดีกว่า รสชาติเผ็ด เค็มสะใจ แต่กลิ่นชีสนี่ไม่ไหวนะ
ชมทุ่งหญ้านาพาไห่เสร็จรถก็พาไปทานข้าวกลางวันคะ
ผัดตับอร่อยสุด
พามาชมห้องน้ำในตำนาน
รูปนี้ตามปั๊มน้ำมันคะ
จากนั้นรถทัวร์ก็มุ่งหน้าสู่ "ภูเขาหิมะไป๋หมาง" เขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองตี๋ชิ่ง (Diqing) หรือที่เรารู้จักกันว่า เมืองเต๋อชิ่ง เมืองที่ตั้งอยู่ทางเหนือของมณฑลยูนาน
"ภูเขาหิมะไป๋หมาง" อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 5,000กว่า เมตร เราไม่มีอาการแพ้ความสูงแล้ว สงสัยร่างกายปรับสภาพได้ เลยเที่ยวอย่างสนุก
คุณไกด์บอกว่าแถวนี่มีสมุนไพรจีนหายาก นามว่า “ถั่งเช่า” หรือ “ถั่งเฉ้า” คนรู้จักว่า "หญ้าหนอน" เพราะชาวจีนให้คำนิยามว่า "ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า
“ถั่งเช่า” เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่เราตามหา แต่ก็หาไม่เจอ สงสัยถูกเก็บไปขายหมด หิมะละลายหมดแล้ว ก้มดูก็ไม่เจอหนอน 555
เดินชมวิวอยู่ดีก็มีฝนตกปรอยๆ คะ สักพักตามด้วยหิมะตก ตกเต็มเลย โชคดีมาก
เพิ่งเคยเห็นเกล็ดหิมะ ครั้งแรกในชีวิต มันสวยมาก
สวยสุดยอดอะ ไม่ผิดหวังเลยที่ได้มีโอกาสมาประเทศจีน
สักพักพายุหิมะแบบเบาๆ ก็ตามมา ช่วงนี้เริ่มไม่สนุกละ หิมะปลิวเข้าตา เข้าปากเต็มไปหมด หนาวด้วย
ภูเขาทั้งลูกขาวโพลนเพราะพายุหิมะ
รูปคู่ท่ามกลางพายุหิมะที่เพื่อนร่วมทัวร์ชาวจีนถ่ายให้
ติดตามตอนต่อไปนะคะ