อกิริยาเป็นที่สุดในโลก สุดสมมุติบัญญัติ

สจฺจานํ  จตุโร  ปทา
ขีณาสวา  ชุตินมนฺโต
เต  โลเก  ปรินิพฺพุตา

สัจธรรมทั้ง ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ยังเป็นกินิยา เพราะแต่ละสัจจะ ๆ ย่อมมีอาการต้องทำ คือ

ทุกข์           ต้องกำหนดรู้
สมุทัย         ต้องละ
นิโรธ          ต้องทำให้แจ้ง
มรรค          ต้องเจริญให้มาก
ดังนี้ ล้วนเป็นอาการที่จะต้องทำทั้งหมด ถ้าเป็นอาการที่จะต้องทำก็เป็นกิริยาทั้งหมด
เพราะเหตุนั้นรวมความได้ว่า สัจจะทั้ง ๔ เป็นกิริยา จึงสมกับบาทคาถาข้างต้นที่มีความว่า

สัจจะทั้ง ๔ เป็นเท้า คือเป็นเครื่องเหยียบก้าวขึ้นไป ๔ พัก
จึงจะเสร็จกิจ ต่อจากนั้นไปเรียก อกิริยา ดังความในคาถาต่อมาที่ว่า

พระขีณาสวะเจ้าทั้งหลายดับโลกสามรุ่งเรืองอยู่ คือ ทำการพิจารณาบำเพ็ญเพียร
เป็น ภาวิตา พหุลีกตา คือ ทำ (สติ) ให้มาก เจริญ (สติ) ให้มาก จนจิตมีกำลังสามารถพิจารณาสมมุติทั้งหลายลงไปได้จนเป็นอกิริยา

ก็ย่อมพ้นจาก โ ล ก ส า ม ได้

การดับโลกสามนั้น พระบรมศาสดาของเราก็ประทับนั่งอยู่

ณ  ร่มไม้โพธิ์พฤษ์แห่งเดียว  มิได้เหาะขึ้นไปในกามโลก รูปโลก อรูปโลกเลย คงดับอยู่ที่ จิต

ที่จิตนั่นเองเป็นโลกสาม  

จึงสามารถทำลายกิริยา คือ ตัวสมมุติหมดสิ้นจากจิต

ยังเหลือแต่ อกิริยา เป็นฐีติธรรม  ฐีติจิต  อันไม่รู้จักตาย ฉะนี้แล

( เรียบเรียงจากมุตโตทัย  ธรรมเทศนาของท่าน พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ )
-----------------------
พิมพ์คัดลอกจาก หนังสือ พุทธ ธรรม วินัย
วัดป่าสมบัติเจริญธรรมาราม

ขอน้อมใจเผยแพร่เป็นธรรมทาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่