UV TOPCOR เลนส์คนจน...กับคำให้การของนักข่าวญี่ปุ่น!!!

กระทู้สนทนา
ผมมีเลนส์ UV topcor อยู่สองตัวคือ 4/100 ราคา 500 บาท และ UV topcor 4/200 ราคา 1,000 บาท
ที่ได้มาแบบฟลุ๊กๆทั้งคู่ เมื่อครึ่งปีก่อน ตัวแรกแปลงเป็นเมาท์ MD แล้ว ส่วนตัวหลังแปะกาวไว้กับอแดปเตอร์ ใช้ไปพลางๆก่อน
ให้ผลลัพธ์ที่ดีจนน่าตกใจทั้งสองตัว
..................
..................
แต่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ที่สังคมมือหมุนของไทยไม่ค่อยถวิลหาตัว UV เท่าไรนัก
แต่กลับเสาะหาตัว RE auto topcor ที่แพงแสนแพงกันทั้งนั้น
เก็บความสงสัยนี้ไว้เงียบๆในใจเสมอมา!!!
..................
..................
เผอิญว่ามีเพื่อนคนหนึ่งเป็นนักข่าวฝึกหัดชาวญี่ปุ่น
ที่ทำงานให้กับสำนักข่าวออนไลน์ด้านสิทธิมนุษยชนและการเมืองภาคภาษาอังกฤษแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
เจ้านี่มันชื่อยูกิ นักศึกษาจบใหม่ผู้ถวายวิญญาณให้ชินจิ คางาวะ มิดฟิลด์เชิงสูงของทีมชาติญี่ปุ่น
มันเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่กล้าพูดว่า คางาวะ เก่งกว่าเมสซี่ เทพกว่าโรนัลโด้ และหล่อกว่าเบคแฮม
นอกจากนั้นมันยังเคยส่งแฟกซ์ไปที่สโมสรแมนยูฯ เรียกร้องให้ปลดเดวิด มอยส์ ข้อหาใช้งานคางาวะไม่เป็นมาแล้ว
..................
..................
ปะหน้ากันเมื่อต้นปี  ได้โอกาสยิงคำถามใส่ " เฮ้ๆๆๆ ยูช่วยไอหาข้อมูลให้หน่อยดิ ว่าเลนส์ท๊อปคอมันเป็นยังไง"
"ทำไมตัวยูวีราคาถูกกว่ากางเกงยีนส์อีก แต่ตัวอาร์อี ออโต้ราคาถึงแพงขนาดเอาไปวางดาวน์คอนโดได้เลย สงสัยๆ???"
แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นความเห็นของช่างภาพญี่ปุ่นนะ เพราะในเว็ปต่างๆส่วนใหญ่เป็นความเห็นของฝรั่งซะมากกว่า
มันตอบกลับทันที "เยส เซอร์ ไอ วิล ทราย ฟอร์ยู นะๆๆ" ภาษาอังกฤษ สำเนียงญี่ปุ่น แต่สไตล์ไทยๆ
พร้อมสำทับ"แคน ยู เวท ฟอร์ วัน มันท์ บีคอร์ส ไอ แฮฟ ทู โก แบ๊ค โฮม"
โชคดีที่มันต้องกลับบ้านพอดีเพื่อไปเคลียร์เรื่องผลการเรียนที่มหาวิทยาลัย
..................
..................
พบกันอีกทีในงานเสวนาเรื่องมาตรฐานกฎหมายสิทธิมนุษยชนไทยที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเมื่อต้นเดือนมีนาคม
ยูกิตะโกนเรียกผมหลังงานเสวนาจบลง "เฮ้ๆๆๆ อะเบาท์ ยัวร์ เควสชั่น ไอ แฮฟ ดิ อาร์นเซอร์ แล้วนะ!!!"
มันบอกว่ามันไปเสาะหาข้อมูลของเลนส์ท๊อปคอจากช่างภาพรุ่นเก่าและบรรดาร้านขายเลนส์มือสองหลายแห่งในโตเกียว
ได้ความสรุปดังนี้ครับ!!!
..................
..................
RE auto topcor กับ UV topcor นั้นแทบจะไม่แตกต่างกันในแง่คุณภาพ
เพราะใช้วัตถุดิบในการผลิตชิ้นเลนส์ (ทราย)จากแหล่งเดียวกัน
โรงงานที่ผลิตก็เป็นโรงงานเดียวกัน
และผู้ค้าเลนส์รุ่นเก๋าๆก็ยอมรับว่าเทคโนโลยีการเคลือบผิวเลนส์ก็เป็นแบบเดียวกัน
..................
..................
แต่ RE auto ใช้วัสดุในการผลิตกระบอกเลนส์ที่แข็งแรงและหนักแน่นกว่า UV
อีกทั้งจะมีรูรับแสงที่กว้างกว่า เช่น RE auto 1.4/58 กับ UV 2/53
RE auto 2.8/100 กับ UV 4/100 เป็นต้น ซึ่งช่างภาพทั่วไปย่อมทราบดีว่าเลนส์ในระยะเดียวกัน ตัวที่เอฟสต๊อปกว้างกว่าย่อมแพงกว่า
และเมื่อมาถึงยุคดิจิตัลที่มีการนำเลนส์เก่าไปใช้ร่วมกับกล้องรุ่นใหม่ๆนั้น
RE auto สามารถหาอแดปเตอร์ใส่ได้เลย แต่ UV topcor ต้องแปลงเมาท์สถานเดียว เพราะไม่มีใครทำอแดปเตอร์ขาย
ทำให้ไม่มีความนิยมมากนักในเลนส์ตระกูล UV topcor
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ส่งผลมากๆต่อราคาของ RE auto ที่ขยับสูงขึ้นๆ
ก็คือเลนส์ตระกูลนี้ ผู้ค้าเลนส์มือสองในญี่ปุ่นบอกว่ามันเป็นเลนส์เพื่อการสะสมไปแล้วครับ!!!
ส่งผลให้ราคามันสูงเกินจริงไปพอควร (คำกล่าวของผู้ค้าเลนส์เก่าของญี่ปุ่น)
...................
...................
เมื่อได้ยินได้ฟังดังนี้จากปากคำของชาวญี่ปุ่นเจ้าของผลิตภัณฑ์ จึงไม่ลังเลใจที่จะจัดการหามาประดับตู้ที่บ้านทันที
โดยได้ UV 2/53 จากหลังกระทรวงราคา 800 บาท
UV 3.5/35 ราคารวมส่งจากอเมริกา 1,900 บาท
UV 4/135 ราคาแค่ 486บาท แต่ถ้ารวมค่าส่งจากดินแดนแชมป์โลกสเปนก็ตกอยู่ 1,100 บาทครับ
โดยสองตัวหลังได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างหาที่เปรียบมิได้จากน้าพี HeretiC_AdoniS ผู้กว้างขวางแห่งอ้อมใหญ่
ตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่าจะทำศัลยกรรมเมาท์ให้กลายเป็น canon EF เพราะว่าจะสามารถไปใช้กับอแดปเตอร์ที่ปรับรูรับแสงได้
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือมีฝาปิดท้ายเลนส์ topcor แค่อันเดียว ถ้าจะซื้อกล้องมาถอดเอาเมาท์เพื่อนำมาแปลงอแดปเตอร์
ก็จะไม่มีฝาปิดท้ายเลนส์ กลัวว่าเลนส์ชิ้นท้ายจะเป็นรอยครับ
เมื่อจะแปลงเป็น canon ก็ต้องจัดการหาระยะอินฟินิตี้ของเลนส์เสียก่อน
ได้ความว่าจะต้องทำแหวนหนุนที่ท้ายเลนส์ให้สูงขึ้นอีก 6.5 มิลลิเมตร
จัดแจงให้พรรคพวกหัวหน้าช่างกลึงของโรงงานผลิตโช๊คอั๊พส่งออกเป็นผู้จัดให้ฟรี!!!
ต่อมาก็ทำการยึดติดกันด้วยกาวอีพ๊อกซี่ โดยยึดแหวนอะลูมิเนียมกับด้านท้ายเลนส์
แล้วนำอแดปเตอร์ M42 to EOS แปะเข้าไปอีกที เล็งให้ตรงด้วยนะครับ
ขั้นตอนนี้สำหรับผู้ที่สายตาไม่ดี แนะนำให้หาคนช่วยเล็ง
และที่สำคัญ ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์เด็ดขาดในขั้นตอนนี้!!!
ไชโย!!! เสร็จแล้ว
ทดสอบทันที ไมีมีรีรอให้เสียอารมณ์

จากการทดสอบแบบใช้งานจริง พบว่ามันให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมสำหรับมุมมองของผมครับ
ให้สีที่สวย หวาน เคลียร์ บอดี้เลนส์แข็งแรงดี แน่นหนา สามารถใช้งานในแบบที่ผมต้องการได้คือการใช้งานภาคสนามเป็นหลัก
ข้อจำกัดมีบ้าง ที่เห็นชัดๆก็คือระยะ Minimum focus ที่ค่อนข้างไกลเมื่อเทียบกับเลนส์ระยะเดียวกัน
เช่น UV 2/53 ประมาณ 70 cm. แต่ Helios 44-2 มีระยะน้อยกว่าเพียง 50 cm.
UV 4/100 ประมาณ 1.5 เมตร ในขณะที่ระยะใกล้เคียงอย่าง Jupiter9 มีระยะเพียง 80 cm.
UV 4/135 ประมาณ 1.8 เมตร เทียบกับ Tair 11a และ Jupiter37a ที่มีระยะโฟกัสใกล้สุดแค่ 1.2 เมตร
UV 4/200 ที่ระยะใกล้สุดปาเข้าไป 6 เมตร ในขณะที่ Pentacon 4/200 มีระยะแค่ 2.5 เมตรเท่านั้น
มีดีอยู่ตัวเดียวคือ UV 3.5/35 ที่ระยะโฟกัสใกล้สุด 40 cm. ถือว่าไม่ไกล้นักแต่ก็อยู่ในระดับที่ดีครับ
...................
...................
ระยะโฟกัสใกล้สุดอาจไม่สำคัญสำหรับหลายๆคนเท่าไรนัก แต่มันก็มีประโยชน์มากในบางสถาณการณ์นะครับ
สรุปแล้วผมชอบเจ้า UV topcor ทุกตัวแหละครับ ข้อดีก็คือมันยอดเยี่ยม ราคาถูก ส่วนข้อจำกัดก็พอจะมองข้ามไปได้เมื่อเทียบกับข้อดีของมัน
ขอให้มีความสุขทุกๆท่านนะครับ ขอบคุณยูกิด้วยที่อุตส่าห์ทำหน้าที่นักข่าวขุดคุ้ยข้อมูลได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องครับ!!!!!!!!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่