เมื่อได้เห็น กระทู้ ที่มีเนื้อหา "บิดเบือน" ข้อเท็จจริง ของพระธรรมวินัย ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ดังนี้
จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น "ชาวพุทธเถรวาท" จำต้อง "ออกหน้า" มาแก้ไข ความผิดพลาดนั้น ให้ถูกต้อง
ก่อนที่การ "บิดเบือน" ข้อเท็จจริง ดังกล่าว จะถูกเผยแพร่ออกไป โดยคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อันจะนำมาซึ่งความเสียหายต่อสังคมชาวพุทธ !
ไม่ว่า นายคนนั้น จะตั้งกระทู้ดังกล่าว โดยมีจุดประสงค์ แอบแฝง อะไรหรือไม่ ก็ตาม แต่เพียงแค่ "ชื่อ" ของกระทู้
ก็ส่อเจตนา ว่ามีการบิดเบือน "ข้อเท็จจริง" ไปเสียแล้ว
เมื่อพิจารณา จากข้อมูลหลักฐาน ที่นายนั่นยกขึ้นอ้าง เป็นพระบาลีที่ตรัสถึงประวัติการปฏิบัติธรรมของพระองค์เอง ตามลำดับ
ซึ่งถ้าหาก ชาวพุทธทั้งหลาย ใช้ "สติ" ประกอบการพิจารณาแม้เพียงสักนิด ก็จะทราบได้โดยไม่ยากว่า
ในขณะที่ ท่านบรรลุ วิชชา ที่ ๑ และ ๒ นั้น ท่านยังมีฐานะเป็นเพียง พระโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ เท่านั้น
จนเมื่อ บรรลุ วิชชา ที่ ๓ แล้วต่างหาก ท่านจึงได้ประกาศพระองค์ว่าเป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า !
เพื่อความถูกต้องตามความเป็นจริง ชาวพุทธเถรวาท พึงกล่าวว่า พระโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงบรรลุ วิชชา ที่ ๑ และ ๒
โดยทรงเป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อบรรลุ วิชชา ที่ ๓
ดังนั้น กระทู้ดังกล่าว จึงควรตั้งชื่อให้ถูกต้อง ไม่ก่อให้เกิดความ "สับสน" ในหมู่ชาวพุทธว่า ...........
พระพุทธเจ้า ตรัสเรื่องระลึกชาติ(ปุพเพนิวาสานุสติญาณ) ของ พระโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ
ส่วนประเด็นที่ว่า ข้อความดังกล่าว จะปรากฏอยู่ใน "หน้าแรก" ของพระไตรปิฎก หรือไม่ ?
ขอให้ ท่านทั้งหลาย พิจารณาเพิ่มเติมได้จาก กระทู้ สรุปว่า ใครบางคน ในที่นี้ ตกม้าตาย ตั้งแต่ พระไตรปิฎก หน้าแรก เลยนะครับ
http://pantip.com/topic/31045983
ชัดเจน แล้วนะครับ
***************************************************************************************************
ทีนี้ ได้ปรากฏว่า นายคันโตนาซี ผู้เป็น เจ้าของกระทู้ ได้ทำการ "ผายลม" ออกมาเป็น "คำถาม" ความว่า
(๒) พระสูตรไหนเป็น สัสสตทิฐิ รึ ?
โดยมีคำถามย่อยๆ ตามมาอีกว่า สาวกปู้ดป้าด กล้าตอบไหม ?
และยิ่งน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อมี ใครบางคน ถามขึ้นว่า
(๑) ทำไมต้อง ปู๊ดป๊าด ด้วย ?
ด้วยเหตุดังนี้ ผมจึงขออนุญาต ไขปัญหา เพื่อคลายความสงสัย แก่ผู้ที่อาจเกิดความสงสัย ดังต่อไปนี้
๑) ต่อประเด็นที่เกิดความสงสัยกันว่า ทำไมต้อง ปู๊ดป๊าด ด้วย ?
เหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะ นายนั่น เขามีธรรมชาติในการ ขับถ่ายของเสียทางปาก ดังนั้น ในปากของเขาจึงเต็มไปด้วย อุจจาระ และ ลมเบ่ง
ซึ่งผมสันนิษฐานว่า คงเป็นผลของ วิบากกรรม อันเนื่องจากการ กล่าวตู่พระพุทธเจ้า เป็นอาจินต์ เมื่อถูกจับได้ ก็หน้าด้าน ไม่ยอมรับผิด
อีกทั้งยัง เป็นผู้มีปกติวิสัย ชอบด่าทอปรามาสพระมหาเถระ ด้วยจิตใจที่สกปรกโสมม เมื่อถูกจับพิรุธได้ ก็ไม่ขอขมาลาโทษ ต่อท่าน ฯลฯ
ดังนั้น จึงไม่แปลกแต่อย่างใดเลย ที่หลังๆ มานี้ เราจะพบเหตุการณ์แปลกๆ ว่า ในขณะที่ นายคนนี้
พิมพ์หนังสือ หรือ พูดจาอะไร ก็ตาม จึงมักจะมักเสียง ปู้ดป้าด ปู๊ดป๊าด ออกมาจากปากของมัน อยู่เสมอๆ
ทั้งนี้ ขอให้ท่านทั้งหลาย จงมีความเห็นใจ และ เข้าใจว่า นายนั่น เขาก็พยายาม "ขมิบ" อย่างสุดกำลัง(ปาก?) ของเขา แล้วนะครับ
แต่ด้วย แรงกำลังแห่งมิจฉาทิฐิแบบฝังลึกเหนียวแน่น จึงยังคงทำให้มีเสียงเล็ดรอดออกมารบกวน ท่านทั้งหลาย อยู่บ้าง เป็นระยะๆ
แต่ก็หวังใจว่า ท่านทั้งหลาย คงไม่ถือสา สัตว์โลก ผู้ตกทุกข์ได้ยากตนนั้น นะครับ ขอให้ถือเสียว่า ปล่อยๆ มันไป เอาบุญ ก็แล้วกัน !
อธิบายความโดยสังเขป ดังนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านทั้งหลาย คงคลายความสงสัย ได้พอสมควร นะครับ
๒) ส่วนประเด็นที่ถามว่า พระสูตรไหนเป็น สัสสตทิฐิ รึ ?
กรณีเช่นนี้ เห็นที่จะต้อง "ปรับความเข้าใจ" กันตั้งแต่ตัวของ "คำถาม" กันเลยทีเดียว
เพราะที่จริงแล้ว ผู้ถาม ควรถามให้ถูกต้องว่า ส่วนใดของพระสูตร ที่กล่าวถึง ปุพเพฯ หรือ จุตูฯ ที่เป็นมิจฉาทิฐิ
เนื่องจาก ไม่มีใครกล่าวว่า พระสูตร เป็น มิจฉาทิฐิ แต่กล่าวว่า ปุพเพฯ หรือ จุตูฯ ในบางสูตร เป็น มิจฉาทิฐิ เท่านั้นเอง
ชัดเจน นะครับ
พระพุทธเจ้า ตรัสเรื่อง การระลึกชาติ ของ เจ้าชายสิทธัตถะ
จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น "ชาวพุทธเถรวาท" จำต้อง "ออกหน้า" มาแก้ไข ความผิดพลาดนั้น ให้ถูกต้อง
ก่อนที่การ "บิดเบือน" ข้อเท็จจริง ดังกล่าว จะถูกเผยแพร่ออกไป โดยคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อันจะนำมาซึ่งความเสียหายต่อสังคมชาวพุทธ !
ไม่ว่า นายคนนั้น จะตั้งกระทู้ดังกล่าว โดยมีจุดประสงค์ แอบแฝง อะไรหรือไม่ ก็ตาม แต่เพียงแค่ "ชื่อ" ของกระทู้
ก็ส่อเจตนา ว่ามีการบิดเบือน "ข้อเท็จจริง" ไปเสียแล้ว
เมื่อพิจารณา จากข้อมูลหลักฐาน ที่นายนั่นยกขึ้นอ้าง เป็นพระบาลีที่ตรัสถึงประวัติการปฏิบัติธรรมของพระองค์เอง ตามลำดับ
ซึ่งถ้าหาก ชาวพุทธทั้งหลาย ใช้ "สติ" ประกอบการพิจารณาแม้เพียงสักนิด ก็จะทราบได้โดยไม่ยากว่า
ในขณะที่ ท่านบรรลุ วิชชา ที่ ๑ และ ๒ นั้น ท่านยังมีฐานะเป็นเพียง พระโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ เท่านั้น
จนเมื่อ บรรลุ วิชชา ที่ ๓ แล้วต่างหาก ท่านจึงได้ประกาศพระองค์ว่าเป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า !
เพื่อความถูกต้องตามความเป็นจริง ชาวพุทธเถรวาท พึงกล่าวว่า พระโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงบรรลุ วิชชา ที่ ๑ และ ๒
โดยทรงเป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อบรรลุ วิชชา ที่ ๓
ดังนั้น กระทู้ดังกล่าว จึงควรตั้งชื่อให้ถูกต้อง ไม่ก่อให้เกิดความ "สับสน" ในหมู่ชาวพุทธว่า ...........
พระพุทธเจ้า ตรัสเรื่องระลึกชาติ(ปุพเพนิวาสานุสติญาณ) ของ พระโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ
ส่วนประเด็นที่ว่า ข้อความดังกล่าว จะปรากฏอยู่ใน "หน้าแรก" ของพระไตรปิฎก หรือไม่ ?
ขอให้ ท่านทั้งหลาย พิจารณาเพิ่มเติมได้จาก กระทู้ สรุปว่า ใครบางคน ในที่นี้ ตกม้าตาย ตั้งแต่ พระไตรปิฎก หน้าแรก เลยนะครับ
http://pantip.com/topic/31045983
ชัดเจน แล้วนะครับ
***************************************************************************************************
ทีนี้ ได้ปรากฏว่า นายคันโตนาซี ผู้เป็น เจ้าของกระทู้ ได้ทำการ "ผายลม" ออกมาเป็น "คำถาม" ความว่า
(๒) พระสูตรไหนเป็น สัสสตทิฐิ รึ ?
โดยมีคำถามย่อยๆ ตามมาอีกว่า สาวกปู้ดป้าด กล้าตอบไหม ?
และยิ่งน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อมี ใครบางคน ถามขึ้นว่า
(๑) ทำไมต้อง ปู๊ดป๊าด ด้วย ?
ด้วยเหตุดังนี้ ผมจึงขออนุญาต ไขปัญหา เพื่อคลายความสงสัย แก่ผู้ที่อาจเกิดความสงสัย ดังต่อไปนี้
๑) ต่อประเด็นที่เกิดความสงสัยกันว่า ทำไมต้อง ปู๊ดป๊าด ด้วย ?
เหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะ นายนั่น เขามีธรรมชาติในการ ขับถ่ายของเสียทางปาก ดังนั้น ในปากของเขาจึงเต็มไปด้วย อุจจาระ และ ลมเบ่ง
ซึ่งผมสันนิษฐานว่า คงเป็นผลของ วิบากกรรม อันเนื่องจากการ กล่าวตู่พระพุทธเจ้า เป็นอาจินต์ เมื่อถูกจับได้ ก็หน้าด้าน ไม่ยอมรับผิด
อีกทั้งยัง เป็นผู้มีปกติวิสัย ชอบด่าทอปรามาสพระมหาเถระ ด้วยจิตใจที่สกปรกโสมม เมื่อถูกจับพิรุธได้ ก็ไม่ขอขมาลาโทษ ต่อท่าน ฯลฯ
ดังนั้น จึงไม่แปลกแต่อย่างใดเลย ที่หลังๆ มานี้ เราจะพบเหตุการณ์แปลกๆ ว่า ในขณะที่ นายคนนี้
พิมพ์หนังสือ หรือ พูดจาอะไร ก็ตาม จึงมักจะมักเสียง ปู้ดป้าด ปู๊ดป๊าด ออกมาจากปากของมัน อยู่เสมอๆ
ทั้งนี้ ขอให้ท่านทั้งหลาย จงมีความเห็นใจ และ เข้าใจว่า นายนั่น เขาก็พยายาม "ขมิบ" อย่างสุดกำลัง(ปาก?) ของเขา แล้วนะครับ
แต่ด้วย แรงกำลังแห่งมิจฉาทิฐิแบบฝังลึกเหนียวแน่น จึงยังคงทำให้มีเสียงเล็ดรอดออกมารบกวน ท่านทั้งหลาย อยู่บ้าง เป็นระยะๆ
แต่ก็หวังใจว่า ท่านทั้งหลาย คงไม่ถือสา สัตว์โลก ผู้ตกทุกข์ได้ยากตนนั้น นะครับ ขอให้ถือเสียว่า ปล่อยๆ มันไป เอาบุญ ก็แล้วกัน !
อธิบายความโดยสังเขป ดังนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านทั้งหลาย คงคลายความสงสัย ได้พอสมควร นะครับ
๒) ส่วนประเด็นที่ถามว่า พระสูตรไหนเป็น สัสสตทิฐิ รึ ?
กรณีเช่นนี้ เห็นที่จะต้อง "ปรับความเข้าใจ" กันตั้งแต่ตัวของ "คำถาม" กันเลยทีเดียว
เพราะที่จริงแล้ว ผู้ถาม ควรถามให้ถูกต้องว่า ส่วนใดของพระสูตร ที่กล่าวถึง ปุพเพฯ หรือ จุตูฯ ที่เป็นมิจฉาทิฐิ
เนื่องจาก ไม่มีใครกล่าวว่า พระสูตร เป็น มิจฉาทิฐิ แต่กล่าวว่า ปุพเพฯ หรือ จุตูฯ ในบางสูตร เป็น มิจฉาทิฐิ เท่านั้นเอง
ชัดเจน นะครับ